ผู้เขียน หัวข้อ: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!  (อ่าน 19938 ครั้ง)

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,945
    • อีเมล์
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2016, 21:08:12 »
รถระดับ price tier (4-5 ล้าน) นี้ควรเป็นเบนซินล้วนๆครับ

ตัวต่ำสุดควรเป็น E300 2 ลิตร เทอร์โบ 245 ม้า

ตัวกลาง E400 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 333 ม้า

ส่วนตัวแรงจัดไป E43 AMG 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 401 ม้า

ตัว 220d มันคือรถ taxi/ private hire เมืองนอกใช้กันคับ LOL
อะไรกันนักกันหนาหรอคับ กะเครื่องดีเซล อยากรุ้จังว่าใช้รถอะไรอยู่

เคยมีผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมโครงสร้างบอกผมว่า คนซื้อ MB BMW ซื้อทำไมดีเซล ติดหรา CDI ไม่รวยจริง (แอบเคืองตอนได้ยินเพราะบ้านผมมีทั้ง E300 Hybrid และ BMW X5 23d)

ทุกวันนี้ผมอยากกลับไปบอกผู้ใหญ่ท่านนั้นว่า ผมละโคดอิจฉาคนไม่รวยจริงพวกนั้นเลยครับ รถคนไม่รวยจริง ทั้งแรงทั้งประหยัด ... รถดีเซลทั้ง 2 คันนั้น ใน 1 เดือนวิ่งเยอะว่ารถเบนซินที่ผมใช้ ถังน้ำมันใหญ่กว่านิดหน่อย แต่ผมเติมน้ำมันเบนซินบ่อยกว่ารถดีเซลทั้ง 2 คันนั้นครับ ...

ผมมองว่า ในระดับ price tier แบบนั้น fuel consumption ไม่ใช่ factor 

Shopper ของรถ segment นั้นเค้าไม่ได้แคร์เรื่องน้ำมัน  คุณมีตังค์จ่ายรถคันละสี่ห้าล้านอัพ แต่กังวลเรื่องประหยัดน้ำมัน มันrational ไหมคับ

สิ่งที่กลุ่มshopper ต้องการ คือ luxury, prestige and power ซึ่งฟิลแบบดีเซลมันตอบสนองแบบนั้นไม่ได้  จริงที่เสียงดีเซลเงียบกว่ากะบะไทย แต่ก็ยังเสียงเหมือน และเสียงดังแบบไม่โอครับ

ผมว่าฟิลแบบนั้นมันไม่ใช่ premium tier (entry model หรือเป็น taxi/fleet car ที่เมืองนอก แต่ pricing แบบ premium tier ในบ้านเรา)
   ผมคิดว่าคนที่มีเงินซื้อรถราคา 4-5 ล้านบาท การใช้เงินเขาก็ต้องมีเหตุผลเหมือนกัน  ที่ผ่านมายอดขายเบนซ์ดีเซลสูงไม่แพ้เบนซิน  Benz CLS ราคาประมาณห้าล้านบาทก็เป็นเครื่องดีเซลเกือบทั้งหมด  เครื่องเบนซินมีไม่ถึง 10%

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2016, 21:21:28 »
รถระดับ price tier (4-5 ล้าน) นี้ควรเป็นเบนซินล้วนๆครับ

ตัวต่ำสุดควรเป็น E300 2 ลิตร เทอร์โบ 245 ม้า

ตัวกลาง E400 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 333 ม้า

ส่วนตัวแรงจัดไป E43 AMG 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 401 ม้า

ตัว 220d มันคือรถ taxi/ private hire เมืองนอกใช้กันคับ LOL
อะไรกันนักกันหนาหรอคับ กะเครื่องดีเซล อยากรุ้จังว่าใช้รถอะไรอยู่

เคยมีผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมโครงสร้างบอกผมว่า คนซื้อ MB BMW ซื้อทำไมดีเซล ติดหรา CDI ไม่รวยจริง (แอบเคืองตอนได้ยินเพราะบ้านผมมีทั้ง E300 Hybrid และ BMW X5 23d)

ทุกวันนี้ผมอยากกลับไปบอกผู้ใหญ่ท่านนั้นว่า ผมละโคดอิจฉาคนไม่รวยจริงพวกนั้นเลยครับ รถคนไม่รวยจริง ทั้งแรงทั้งประหยัด ... รถดีเซลทั้ง 2 คันนั้น ใน 1 เดือนวิ่งเยอะว่ารถเบนซินที่ผมใช้ ถังน้ำมันใหญ่กว่านิดหน่อย แต่ผมเติมน้ำมันเบนซินบ่อยกว่ารถดีเซลทั้ง 2 คันนั้นครับ ...

ผมมองว่า ในระดับ price tier แบบนั้น fuel consumption ไม่ใช่ factor 

Shopper ของรถ segment นั้นเค้าไม่ได้แคร์เรื่องน้ำมัน  คุณมีตังค์จ่ายรถคันละสี่ห้าล้านอัพ แต่กังวลเรื่องประหยัดน้ำมัน มันrational ไหมคับ

สิ่งที่กลุ่มshopper ต้องการ คือ luxury, prestige and power ซึ่งฟิลแบบดีเซลมันตอบสนองแบบนั้นไม่ได้  จริงที่เสียงดีเซลเงียบกว่ากะบะไทย แต่ก็ยังเสียงเหมือน และเสียงดังแบบไม่โอครับ

ผมว่าฟิลแบบนั้นมันไม่ใช่ premium tier (entry model หรือเป็น taxi/fleet car ที่เมืองนอก แต่ pricing แบบ premium tier ในบ้านเรา)
   ผมคิดว่าคนที่มีเงินซื้อรถราคา 4-5 ล้านบาท การใช้เงินเขาก็ต้องมีเหตุผลเหมือนกัน  ที่ผ่านมายอดขายเบนซ์ดีเซลสูงไม่แพ้เบนซิน  Benz CLS ราคาประมาณห้าล้านบาทก็เป็นเครื่องดีเซลเกือบทั้งหมด  เครื่องเบนซินมีไม่ถึง 10%

ผมว่าน่าจะเกี่ยวกับ portfolio play ของ Mercedes กับ Bimmer ที่เอียงหนักไปทางดีเซล กับความอยากได้ margin เยอะๆ ซึ่งเอาตัวดีเซล entry model มาขายคงได้สูงกว่าเบนซินระดับเดียวกัน   

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2016, 21:23:52 »
รถระดับ price tier (4-5 ล้าน) นี้ควรเป็นเบนซินล้วนๆครับ

ตัวต่ำสุดควรเป็น E300 2 ลิตร เทอร์โบ 245 ม้า

ตัวกลาง E400 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 333 ม้า

ส่วนตัวแรงจัดไป E43 AMG 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 401 ม้า

ตัว 220d มันคือรถ taxi/ private hire เมืองนอกใช้กันคับ LOL
อะไรกันนักกันหนาหรอคับ กะเครื่องดีเซล อยากรุ้จังว่าใช้รถอะไรอยู่

เคยมีผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมโครงสร้างบอกผมว่า คนซื้อ MB BMW ซื้อทำไมดีเซล ติดหรา CDI ไม่รวยจริง (แอบเคืองตอนได้ยินเพราะบ้านผมมีทั้ง E300 Hybrid และ BMW X5 23d)

ทุกวันนี้ผมอยากกลับไปบอกผู้ใหญ่ท่านนั้นว่า ผมละโคดอิจฉาคนไม่รวยจริงพวกนั้นเลยครับ รถคนไม่รวยจริง ทั้งแรงทั้งประหยัด ... รถดีเซลทั้ง 2 คันนั้น ใน 1 เดือนวิ่งเยอะว่ารถเบนซินที่ผมใช้ ถังน้ำมันใหญ่กว่านิดหน่อย แต่ผมเติมน้ำมันเบนซินบ่อยกว่ารถดีเซลทั้ง 2 คันนั้นครับ ...

ผมมองว่า ในระดับ price tier แบบนั้น fuel consumption ไม่ใช่ factor 

Shopper ของรถ segment นั้นเค้าไม่ได้แคร์เรื่องน้ำมัน  คุณมีตังค์จ่ายรถคันละสี่ห้าล้านอัพ แต่กังวลเรื่องประหยัดน้ำมัน มันrational ไหมคับ

สิ่งที่กลุ่มshopper ต้องการ คือ luxury, prestige and power ซึ่งฟิลแบบดีเซลมันตอบสนองแบบนั้นไม่ได้  จริงที่เสียงดีเซลเงียบกว่ากะบะไทย แต่ก็ยังเสียงเหมือน และเสียงดังแบบไม่โอครับ

ผมว่าฟิลแบบนั้นมันไม่ใช่ premium tier (entry model หรือเป็น taxi/fleet car ที่เมืองนอก แต่ pricing แบบ premium tier ในบ้านเรา)
แล้วรุ้ได้ไงว่าเค้าไม่สนใจเรื่องค่าน้ำมัน คือมีหรือฟังเค้ามา แล้วอีกอย่าง ถ้าเค้าอยากได้เรื่องพลัง ก้สั่งเกรย์สิ หรือไปถามตัวแทนจำหน่าย ไม่เห้นต้องมาเหมารวมแบบ รุ่นนี้ต้องมีเครื่องเบนซิลอย่างนุ้น เบนซิลอย่างนี้ อ้อละอีกอย่าง พิมภาษาไทยได้มั้ย อ่านละรำคาญตา

ผมแสดงความเห็นเรื่อง product line up/ portfolio play ที่ควรจะเป็น  หรือคุณมีสิทธิอะไรมาห้ามมะคับ!?  8)


ออฟไลน์ Seco

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 79
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2016, 21:27:13 »
รถระดับ price tier (4-5 ล้าน) นี้ควรเป็นเบนซินล้วนๆครับ

ตัวต่ำสุดควรเป็น E300 2 ลิตร เทอร์โบ 245 ม้า

ตัวกลาง E400 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 333 ม้า

ส่วนตัวแรงจัดไป E43 AMG 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 401 ม้า

ตัว 220d มันคือรถ taxi/ private hire เมืองนอกใช้กันคับ LOL
อะไรกันนักกันหนาหรอคับ กะเครื่องดีเซล อยากรุ้จังว่าใช้รถอะไรอยู่

เคยมีผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมโครงสร้างบอกผมว่า คนซื้อ MB BMW ซื้อทำไมดีเซล ติดหรา CDI ไม่รวยจริง (แอบเคืองตอนได้ยินเพราะบ้านผมมีทั้ง E300 Hybrid และ BMW X5 23d)

ทุกวันนี้ผมอยากกลับไปบอกผู้ใหญ่ท่านนั้นว่า ผมละโคดอิจฉาคนไม่รวยจริงพวกนั้นเลยครับ รถคนไม่รวยจริง ทั้งแรงทั้งประหยัด ... รถดีเซลทั้ง 2 คันนั้น ใน 1 เดือนวิ่งเยอะว่ารถเบนซินที่ผมใช้ ถังน้ำมันใหญ่กว่านิดหน่อย แต่ผมเติมน้ำมันเบนซินบ่อยกว่ารถดีเซลทั้ง 2 คันนั้นครับ ...

ผมมองว่า ในระดับ price tier แบบนั้น fuel consumption ไม่ใช่ factor 

Shopper ของรถ segment นั้นเค้าไม่ได้แคร์เรื่องน้ำมัน  คุณมีตังค์จ่ายรถคันละสี่ห้าล้านอัพ แต่กังวลเรื่องประหยัดน้ำมัน มันrational ไหมคับ

สิ่งที่กลุ่มshopper ต้องการ คือ luxury, prestige and power ซึ่งฟิลแบบดีเซลมันตอบสนองแบบนั้นไม่ได้  จริงที่เสียงดีเซลเงียบกว่ากะบะไทย แต่ก็ยังเสียงเหมือน และเสียงดังแบบไม่โอครับ

ผมว่าฟิลแบบนั้นมันไม่ใช่ premium tier (entry model หรือเป็น taxi/fleet car ที่เมืองนอก แต่ pricing แบบ premium tier ในบ้านเรา)
แล้วรุ้ได้ไงว่าเค้าไม่สนใจเรื่องค่าน้ำมัน คือมีหรือฟังเค้ามา แล้วอีกอย่าง ถ้าเค้าอยากได้เรื่องพลัง ก้สั่งเกรย์สิ หรือไปถามตัวแทนจำหน่าย ไม่เห้นต้องมาเหมารวมแบบ รุ่นนี้ต้องมีเครื่องเบนซิลอย่างนุ้น เบนซิลอย่างนี้ อ้อละอีกอย่าง พิมภาษาไทยได้มั้ย อ่านละรำคาญตา

ผมแสดงความเห็นเรื่อง product line up/ portfolio play ที่ควรจะเป็น  หรือคุณมีสิทธิอะไรมาห้ามมะคับ!?  8)
ควรจะเป็นนี่คือ นั่งคิดเอง เออเอง หรืออ้างอิงแผนการตลาดไรมั้ยคับ

ออฟไลน์ TorTy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,992
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2016, 21:46:25 »
รถระดับ price tier (4-5 ล้าน) นี้ควรเป็นเบนซินล้วนๆครับ

ตัวต่ำสุดควรเป็น E300 2 ลิตร เทอร์โบ 245 ม้า

ตัวกลาง E400 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 333 ม้า

ส่วนตัวแรงจัดไป E43 AMG 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 401 ม้า

ตัว 220d มันคือรถ taxi/ private hire เมืองนอกใช้กันคับ LOL
อะไรกันนักกันหนาหรอคับ กะเครื่องดีเซล อยากรุ้จังว่าใช้รถอะไรอยู่
ผมก็งงด้วยคนยุโรปใช้ดีเซลตั้งแต่รถถูกยันแพงเป็นปกตินะครับ BMW ตัวแรงหลังๆมายังมีเครื่องดีเซลให้เลือกเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 12, 2016, 21:48:55 โดย TorTy »

ออฟไลน์ DriveOnly

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,450
    • อีเมล์
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2016, 22:01:12 »
บางเรื่องเป็นเรื่องในอุดิมคติ เช่น ขับ muscle car ต้อง v8 เท่านั้น ขับเบนซ์ต้อง เครื่อง v6 หรือจะเล่น AMG ก็ต้อง 63AMG เท่านั้น รุ่น 43amg มันของปลอม เข้าไม่ถึงแก่นของ AMG ขับ bm ต้อง M แท้ๆ หรือ V6 เท่านั้น บลาๆ
เรื่องพวกนี้พูดเอามันได้ แต่ในชีวิตจริงคงไม่ไหว เพราะราคารถที่พูดมามันต่างจากรุ่นปกติที่วางจำหน่ายมากกกก เช่น e coupe ตัวแรก เครื่อง 350 เบนซ์ประเทศไทยเปิดราคามา 8 ล้าน กว่า หรือ w212 E500 เปิดราคามา 10 ล้าน+ ถามว่าผมควรซื้อ e coupe 250 ที่ราคา 4 ล้านกว่า หรือจะขยับไปเล่น e350 ที่ราคา 8 ล้านกว่าเลยดี? ลองคิดดูครับว่ามัน rational ไหม

ออฟไลน์ Automotive Innovations

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,136
  • เตรียมสร้างอนาคต
    • อีเมล์
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2016, 22:10:35 »
เด่วนะ นี่ hlm หรือ อีกเวป ครับ ตอบกันดีๆ ทำไมต้องใส่อารมณ์ โมโหโทโส กัน คนที่เค้าอยากได้ความรู้กันก็มี ถ้าจะถกเถียงกัน ไป pm หากันเลยครับ อีกคนก้ไม่ยอม อีกคนก็ใส่อารมณ์ เฮ้อ บางทีไม่อยากจะเม้นไรเลย แต่อันนี้ ผมไม่ไหวจริงๆ
Toyota Camry 2.0G ACV41 2012 MC Black Interior
Mitsubishi Pajero Sport GT-Premium 2WD MY 2017
Ssangyong Stavic SV270  2006
Honda HR-V EL 2016
Toyota Fortuner 2.4V 2WD Big MC 2020
Haval H6 PHEV 2022
Mercedes-Benz C350e Dynamic Plug-in Hybrid 2023

ออฟไลน์ dt9

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 831
    • อีเมล์
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2016, 00:21:00 »
ผมไม่แน่ใจนะครับว่าออกขายจริงประกอบไทยจะไม่มีดีเซลจริงรึเปล่า
แต่ที่ทราบมาก่อนหน้านี้ ตัวดีเซลประกอบไทยได้ทำการประกอบไว้แล้วส่วนหนึ่ง
เอาไว้ถ้าผมไปโรงงานรอบหน้าจะไปดูมาอีกที

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,945
    • อีเมล์
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2016, 00:27:54 »
รถระดับ price tier (4-5 ล้าน) นี้ควรเป็นเบนซินล้วนๆครับ

ตัวต่ำสุดควรเป็น E300 2 ลิตร เทอร์โบ 245 ม้า

ตัวกลาง E400 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 333 ม้า

ส่วนตัวแรงจัดไป E43 AMG 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 401 ม้า

ตัว 220d มันคือรถ taxi/ private hire เมืองนอกใช้กันคับ LOL
อะไรกันนักกันหนาหรอคับ กะเครื่องดีเซล อยากรุ้จังว่าใช้รถอะไรอยู่
ผมก็งงด้วยคนยุโรปใช้ดีเซลตั้งแต่รถถูกยันแพงเป็นปกตินะครับ BMW ตัวแรงหลังๆมายังมีเครื่องดีเซลให้เลือกเลย
   ยอดขายรถยนต์ดีเซลของ BMW ในประเทศไทย รุ่น 520D กับ 525D ซึ่งใช้เครื่องดีเซลทิ้งรุ่น 523I กับ 528I ซึ่งใช้เครื่องเบนซินขาดลอยเลยนะ

ออฟไลน์ Midship

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 19
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2016, 01:03:11 »
แอบเซงนิดๆ ตัดสินใจได้ตอนรถหมด

รอลุ้นตัวประกอบใน ไม่ก็ต้องรอหลุดจอง

ออฟไลน์ Bond007

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 788
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #40 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2016, 01:09:54 »
แอบเซงนิดๆ ตัดสินใจได้ตอนรถหมด

รอลุ้นตัวประกอบใน ไม่ก็ต้องรอหลุดจอง

ตอนนี้ในกรุงเทพ หมดแล้วหรอครับ ?

ออฟไลน์ Starplatinum35

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 409
  • R35 IHI F55 Hybrid turbo 720 whp on E85
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #41 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2016, 02:09:13 »
รถระดับ price tier (4-5 ล้าน) นี้ควรเป็นเบนซินล้วนๆครับ

ตัวต่ำสุดควรเป็น E300 2 ลิตร เทอร์โบ 245 ม้า

ตัวกลาง E400 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 333 ม้า

ส่วนตัวแรงจัดไป E43 AMG 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 401 ม้า

ตัว 220d มันคือรถ taxi/ private hire เมืองนอกใช้กันคับ LOL
อะไรกันนักกันหนาหรอคับ กะเครื่องดีเซล อยากรุ้จังว่าใช้รถอะไรอยู่
ผมก็งงด้วยคนยุโรปใช้ดีเซลตั้งแต่รถถูกยันแพงเป็นปกตินะครับ BMW ตัวแรงหลังๆมายังมีเครื่องดีเซลให้เลือกเลย
   ยอดขายรถยนต์ดีเซลของ BMW ในประเทศไทย รุ่น 520D กับ 525D ซึ่งใช้เครื่องดีเซลทิ้งรุ่น 523I กับ 528I ซึ่งใช้เครื่องเบนซินขาดลอยเลยนะ
ใช่ครับ ดีเซลตัวแรงก็มี M550d triturbo 380แรงม้า 740NM  8)
2015 BMW 525d m sport Project'A stage 1
2012 nissan GT-R R35 GT700+EcuTek +E85 flex fuel
2016 MB CLA 250 AMG
2017 MB E220d AMG
2017 BMW 320d GT

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #42 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2016, 02:26:20 »
แค่นี้ก็มาม่า - *-

ออฟไลน์ Kaomao

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 74
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #43 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2016, 05:38:41 »
ตราบใดที่ E220 กับ 420d คันละสี่ล้านกว่า ยังมีคนซื้อ

ก็ยากที่จะเห็นเครื่องที่ดีกับผู้บริโภค ในราคาสมเหตุผล

ปล ผมว่าเครื่อง 43 ของ Merc ราคาสมเหตุผลครับ / M2 ควรตั้งราคาได้พอกะ C43 Coupe

รถระดับ price tier (4-5 ล้าน) นี้ควรเป็นเบนซินล้วนๆครับ

ตัวต่ำสุดควรเป็น E300 2 ลิตร เทอร์โบ 245 ม้า

ตัวกลาง E400 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 333 ม้า

ส่วนตัวแรงจัดไป E43 AMG 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 401 ม้า

ตัว 220d มันคือรถ taxi/ private hire เมืองนอกใช้กันคับ LOL
อะไรกันนักกันหนาหรอคับ กะเครื่องดีเซล อยากรุ้จังว่าใช้รถอะไรอยู่

เคยมีผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมโครงสร้างบอกผมว่า คนซื้อ MB BMW ซื้อทำไมดีเซล ติดหรา CDI ไม่รวยจริง (แอบเคืองตอนได้ยินเพราะบ้านผมมีทั้ง E300 Hybrid และ BMW X5 23d)

ทุกวันนี้ผมอยากกลับไปบอกผู้ใหญ่ท่านนั้นว่า ผมละโคดอิจฉาคนไม่รวยจริงพวกนั้นเลยครับ รถคนไม่รวยจริง ทั้งแรงทั้งประหยัด ... รถดีเซลทั้ง 2 คันนั้น ใน 1 เดือนวิ่งเยอะว่ารถเบนซินที่ผมใช้ ถังน้ำมันใหญ่กว่านิดหน่อย แต่ผมเติมน้ำมันเบนซินบ่อยกว่ารถดีเซลทั้ง 2 คันนั้นครับ ...

ผมมองว่า ในระดับ price tier แบบนั้น fuel consumption ไม่ใช่ factor 

Shopper ของรถ segment นั้นเค้าไม่ได้แคร์เรื่องน้ำมัน  คุณมีตังค์จ่ายรถคันละสี่ห้าล้านอัพ แต่กังวลเรื่องประหยัดน้ำมัน มันrational ไหมคับ

สิ่งที่กลุ่มshopper ต้องการ คือ luxury, prestige and power ซึ่งฟิลแบบดีเซลมันตอบสนองแบบนั้นไม่ได้  จริงที่เสียงดีเซลเงียบกว่ากะบะไทย แต่ก็ยังเสียงเหมือน และเสียงดังแบบไม่โอครับ

ผมว่าฟิลแบบนั้นมันไม่ใช่ premium tier (entry model หรือเป็น taxi/fleet car ที่เมืองนอก แต่ pricing แบบ premium tier ในบ้านเรา)
   ผมคิดว่าคนที่มีเงินซื้อรถราคา 4-5 ล้านบาท การใช้เงินเขาก็ต้องมีเหตุผลเหมือนกัน  ที่ผ่านมายอดขายเบนซ์ดีเซลสูงไม่แพ้เบนซิน  Benz CLS ราคาประมาณห้าล้านบาทก็เป็นเครื่องดีเซลเกือบทั้งหมด  เครื่องเบนซินมีไม่ถึง 10%

ผมว่าน่าจะเกี่ยวกับ portfolio play ของ Mercedes กับ Bimmer ที่เอียงหนักไปทางดีเซล กับความอยากได้ margin เยอะๆ ซึ่งเอาตัวดีเซล entry model มาขายคงได้สูงกว่าเบนซินระดับเดียวกัน   

ออฟไลน์ Midship

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 19
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #44 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2016, 07:50:51 »
แอบเซงนิดๆ ตัดสินใจได้ตอนรถหมด

รอลุ้นตัวประกอบใน ไม่ก็ต้องรอหลุดจอง

ตอนนี้ในกรุงเทพ หมดแล้วหรอครับ ?
ตอนนี้ที่คุยกับเซลล์ทั้งในงาน และ เซลล์ประจำ
รถพร้อมมีรุ่น sport 4.59m นอกนั้นหมด และ
ไม่รู้ว่าจะเอาเข้ามาอีกมั้ย ทางเซลล์ในงานบอกจองได้ รถได้ไม่เกินมีนา
แต่เซลล์ประจำบอกต้องเป็นตัว ประกอบในเลย
อันนี้จากที่คุยกันล่าสุดเมื่อวานครับ

ออฟไลน์ Bond007

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 788
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #45 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2016, 09:46:36 »
แอบเซงนิดๆ ตัดสินใจได้ตอนรถหมด

รอลุ้นตัวประกอบใน ไม่ก็ต้องรอหลุดจอง

ตอนนี้ในกรุงเทพ หมดแล้วหรอครับ ?
ตอนนี้ที่คุยกับเซลล์ทั้งในงาน และ เซลล์ประจำ
รถพร้อมมีรุ่น sport 4.59m นอกนั้นหมด และ
ไม่รู้ว่าจะเอาเข้ามาอีกมั้ย ทางเซลล์ในงานบอกจองได้ รถได้ไม่เกินมีนา
แต่เซลล์ประจำบอกต้องเป็นตัว ประกอบในเลย
อันนี้จากที่คุยกันล่าสุดเมื่อวานครับ

ไม่ทราบว่าเซลให้ส่วนลดเท่าไหร่หรอครับ dynamic / sport

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,640
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #46 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2016, 12:12:17 »
ผมก็ไปถามมา เห็นบอกมีแต่ CBU รวมทั้ง Estate
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ flybigbear

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,564
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #47 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2016, 14:24:58 »
แอบเซงนิดๆ ตัดสินใจได้ตอนรถหมด

รอลุ้นตัวประกอบใน ไม่ก็ต้องรอหลุดจอง

ตอนนี้ในกรุงเทพ หมดแล้วหรอครับ ?
ตอนนี้ที่คุยกับเซลล์ทั้งในงาน และ เซลล์ประจำ
รถพร้อมมีรุ่น sport 4.59m นอกนั้นหมด และ
ไม่รู้ว่าจะเอาเข้ามาอีกมั้ย ทางเซลล์ในงานบอกจองได้ รถได้ไม่เกินมีนา
แต่เซลล์ประจำบอกต้องเป็นตัว ประกอบในเลย
อันนี้จากที่คุยกันล่าสุดเมื่อวานครับ
สงสัยต้องรอดูปลายมีนาคม60ซินะว่าจะมีหรือไม่ ตัวประกอบใน E220d

ออฟไลน์ rokrok

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 380
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #48 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2016, 14:50:38 »
รถระดับ price tier (4-5 ล้าน) นี้ควรเป็นเบนซินล้วนๆครับ

ตัวต่ำสุดควรเป็น E300 2 ลิตร เทอร์โบ 245 ม้า

ตัวกลาง E400 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 333 ม้า

ส่วนตัวแรงจัดไป E43 AMG 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 401 ม้า

ตัว 220d มันคือรถ taxi/ private hire เมืองนอกใช้กันคับ LOL
อะไรกันนักกันหนาหรอคับ กะเครื่องดีเซล อยากรุ้จังว่าใช้รถอะไรอยู่

เคยมีผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมโครงสร้างบอกผมว่า คนซื้อ MB BMW ซื้อทำไมดีเซล ติดหรา CDI ไม่รวยจริง (แอบเคืองตอนได้ยินเพราะบ้านผมมีทั้ง E300 Hybrid และ BMW X5 23d)

ทุกวันนี้ผมอยากกลับไปบอกผู้ใหญ่ท่านนั้นว่า ผมละโคดอิจฉาคนไม่รวยจริงพวกนั้นเลยครับ รถคนไม่รวยจริง ทั้งแรงทั้งประหยัด ... รถดีเซลทั้ง 2 คันนั้น ใน 1 เดือนวิ่งเยอะว่ารถเบนซินที่ผมใช้ ถังน้ำมันใหญ่กว่านิดหน่อย แต่ผมเติมน้ำมันเบนซินบ่อยกว่ารถดีเซลทั้ง 2 คันนั้นครับ ...

ผมมองว่า ในระดับ price tier แบบนั้น fuel consumption ไม่ใช่ factor 

Shopper ของรถ segment นั้นเค้าไม่ได้แคร์เรื่องน้ำมัน  คุณมีตังค์จ่ายรถคันละสี่ห้าล้านอัพ แต่กังวลเรื่องประหยัดน้ำมัน มันrational ไหมคับ

สิ่งที่กลุ่มshopper ต้องการ คือ luxury, prestige and power ซึ่งฟิลแบบดีเซลมันตอบสนองแบบนั้นไม่ได้  จริงที่เสียงดีเซลเงียบกว่ากะบะไทย แต่ก็ยังเสียงเหมือน และเสียงดังแบบไม่โอครับ

ผมว่าฟิลแบบนั้นมันไม่ใช่ premium tier (entry model หรือเป็น taxi/fleet car ที่เมืองนอก แต่ pricing แบบ premium tier ในบ้านเรา)

อย่าคิดว่าคนเขาคิดแบบนี้กันหมดสิครับ มันคงเป็นความคิดคุณ แล้วผมว่าส่วนน้อยมากๆ

คนใช้รถระดับ 5 ล้าน ส่วนใหญ่แคร์หมดแหละ ว่ากินน้ำมันไหม ถ้ามันกินมากๆ เครื่องใหญ่มากๆ เขาก็ไม่เอาหรอกครับ

แล้วคุณคงได้ใช้ชีวิตที่อเมกาหรือเปล่าครับ

ถ้าลองไปอยู่ยุโรปจะรู้ว่า คนยุโรป รถหรูพรีเมี่ยม เขาใช้ Diesel กันเป็นหลักนะครับ ยังไม่พอ รถใช้งานเอง บ้านคนรวย E หรือ 5 เขาก็ใช้เกียร์ธรรมดากันเยอะแยะมากมายนะครับ

ผมเลยไม่รู้ว่าคุณไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าคนไทยจะชอบแบบที่คุณคิด

แล้วที่คุณคิดมันก็มีเยอะแยะนะ รหัส แรงอะ ดูซิมีกี่คันในไทย

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #49 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2016, 16:18:47 »
รถระดับ price tier (4-5 ล้าน) นี้ควรเป็นเบนซินล้วนๆครับ

ตัวต่ำสุดควรเป็น E300 2 ลิตร เทอร์โบ 245 ม้า

ตัวกลาง E400 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 333 ม้า

ส่วนตัวแรงจัดไป E43 AMG 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 401 ม้า

ตัว 220d มันคือรถ taxi/ private hire เมืองนอกใช้กันคับ LOL
อะไรกันนักกันหนาหรอคับ กะเครื่องดีเซล อยากรุ้จังว่าใช้รถอะไรอยู่

เคยมีผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมโครงสร้างบอกผมว่า คนซื้อ MB BMW ซื้อทำไมดีเซล ติดหรา CDI ไม่รวยจริง (แอบเคืองตอนได้ยินเพราะบ้านผมมีทั้ง E300 Hybrid และ BMW X5 23d)

ทุกวันนี้ผมอยากกลับไปบอกผู้ใหญ่ท่านนั้นว่า ผมละโคดอิจฉาคนไม่รวยจริงพวกนั้นเลยครับ รถคนไม่รวยจริง ทั้งแรงทั้งประหยัด ... รถดีเซลทั้ง 2 คันนั้น ใน 1 เดือนวิ่งเยอะว่ารถเบนซินที่ผมใช้ ถังน้ำมันใหญ่กว่านิดหน่อย แต่ผมเติมน้ำมันเบนซินบ่อยกว่ารถดีเซลทั้ง 2 คันนั้นครับ ...

ผมมองว่า ในระดับ price tier แบบนั้น fuel consumption ไม่ใช่ factor 

Shopper ของรถ segment นั้นเค้าไม่ได้แคร์เรื่องน้ำมัน  คุณมีตังค์จ่ายรถคันละสี่ห้าล้านอัพ แต่กังวลเรื่องประหยัดน้ำมัน มันrational ไหมคับ

สิ่งที่กลุ่มshopper ต้องการ คือ luxury, prestige and power ซึ่งฟิลแบบดีเซลมันตอบสนองแบบนั้นไม่ได้  จริงที่เสียงดีเซลเงียบกว่ากะบะไทย แต่ก็ยังเสียงเหมือน และเสียงดังแบบไม่โอครับ

ผมว่าฟิลแบบนั้นมันไม่ใช่ premium tier (entry model หรือเป็น taxi/fleet car ที่เมืองนอก แต่ pricing แบบ premium tier ในบ้านเรา)

อย่าคิดว่าคนเขาคิดแบบนี้กันหมดสิครับ มันคงเป็นความคิดคุณ แล้วผมว่าส่วนน้อยมากๆ

คนใช้รถระดับ 5 ล้าน ส่วนใหญ่แคร์หมดแหละ ว่ากินน้ำมันไหม ถ้ามันกินมากๆ เครื่องใหญ่มากๆ เขาก็ไม่เอาหรอกครับ

แล้วคุณคงได้ใช้ชีวิตที่อเมกาหรือเปล่าครับ

ถ้าลองไปอยู่ยุโรปจะรู้ว่า คนยุโรป รถหรูพรีเมี่ยม เขาใช้ Diesel กันเป็นหลักนะครับ ยังไม่พอ รถใช้งานเอง บ้านคนรวย E หรือ 5 เขาก็ใช้เกียร์ธรรมดากันเยอะแยะมากมายนะครับ

ผมเลยไม่รู้ว่าคุณไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าคนไทยจะชอบแบบที่คุณคิด

แล้วที่คุณคิดมันก็มีเยอะแยะนะ รหัส แรงอะ ดูซิมีกี่คันในไทย

เท่าที่ไปใช้ชีวิตมา โดยเฉพาะฝั่งยุโรป เห็นเล่น top of the line กันหมดนะครับ ส่วน commercial/private hire/fleet จะเล่นรุ่นดีเซลอย่างที่บ้านเราเอามาขายเป็น executive car

ส่วนเมกาอันนี้แน่นอนอยู่แล้วว่า เบนซิน บล็อกใหญ่

ส่วนตัวผมค่อนข้างไปทาง Americophile   


ออฟไลน์ InBkk

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,114
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #50 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2016, 16:43:16 »
รถระดับ price tier (4-5 ล้าน) นี้ควรเป็นเบนซินล้วนๆครับ

ตัวต่ำสุดควรเป็น E300 2 ลิตร เทอร์โบ 245 ม้า

ตัวกลาง E400 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 333 ม้า

ส่วนตัวแรงจัดไป E43 AMG 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 401 ม้า

ตัว 220d มันคือรถ taxi/ private hire เมืองนอกใช้กันคับ LOL

อาจใช่ สำหรับตลาดอเมริกา แต่ฝั่งยุโรป เขากลับบ้าเครื่องเล็กยิ่งกว่าบ้านเราอีก รถ Benz รุ่นใหม่ แปะตรา 180 220 ล้อเล็ก ไฟฮาโลเจน วิ่งเต็มเมือง

ออฟไลน์ localgame

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,592
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #51 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2016, 18:15:00 »
รถระดับ price tier (4-5 ล้าน) นี้ควรเป็นเบนซินล้วนๆครับ

ตัวต่ำสุดควรเป็น E300 2 ลิตร เทอร์โบ 245 ม้า

ตัวกลาง E400 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 333 ม้า

ส่วนตัวแรงจัดไป E43 AMG 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 401 ม้า

ตัว 220d มันคือรถ taxi/ private hire เมืองนอกใช้กันคับ LOL
อะไรกันนักกันหนาหรอคับ กะเครื่องดีเซล อยากรุ้จังว่าใช้รถอะไรอยู่

เคยมีผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมโครงสร้างบอกผมว่า คนซื้อ MB BMW ซื้อทำไมดีเซล ติดหรา CDI ไม่รวยจริง (แอบเคืองตอนได้ยินเพราะบ้านผมมีทั้ง E300 Hybrid และ BMW X5 23d)

ทุกวันนี้ผมอยากกลับไปบอกผู้ใหญ่ท่านนั้นว่า ผมละโคดอิจฉาคนไม่รวยจริงพวกนั้นเลยครับ รถคนไม่รวยจริง ทั้งแรงทั้งประหยัด ... รถดีเซลทั้ง 2 คันนั้น ใน 1 เดือนวิ่งเยอะว่ารถเบนซินที่ผมใช้ ถังน้ำมันใหญ่กว่านิดหน่อย แต่ผมเติมน้ำมันเบนซินบ่อยกว่ารถดีเซลทั้ง 2 คันนั้นครับ ...

ผมมองว่า ในระดับ price tier แบบนั้น fuel consumption ไม่ใช่ factor 

Shopper ของรถ segment นั้นเค้าไม่ได้แคร์เรื่องน้ำมัน  คุณมีตังค์จ่ายรถคันละสี่ห้าล้านอัพ แต่กังวลเรื่องประหยัดน้ำมัน มันrational ไหมคับ

สิ่งที่กลุ่มshopper ต้องการ คือ luxury, prestige and power ซึ่งฟิลแบบดีเซลมันตอบสนองแบบนั้นไม่ได้  จริงที่เสียงดีเซลเงียบกว่ากะบะไทย แต่ก็ยังเสียงเหมือน และเสียงดังแบบไม่โอครับ

ผมว่าฟิลแบบนั้นมันไม่ใช่ premium tier (entry model หรือเป็น taxi/fleet car ที่เมืองนอก แต่ pricing แบบ premium tier ในบ้านเรา)

อย่าคิดว่าคนเขาคิดแบบนี้กันหมดสิครับ มันคงเป็นความคิดคุณ แล้วผมว่าส่วนน้อยมากๆ

คนใช้รถระดับ 5 ล้าน ส่วนใหญ่แคร์หมดแหละ ว่ากินน้ำมันไหม ถ้ามันกินมากๆ เครื่องใหญ่มากๆ เขาก็ไม่เอาหรอกครับ

แล้วคุณคงได้ใช้ชีวิตที่อเมกาหรือเปล่าครับ

ถ้าลองไปอยู่ยุโรปจะรู้ว่า คนยุโรป รถหรูพรีเมี่ยม เขาใช้ Diesel กันเป็นหลักนะครับ ยังไม่พอ รถใช้งานเอง บ้านคนรวย E หรือ 5 เขาก็ใช้เกียร์ธรรมดากันเยอะแยะมากมายนะครับ

ผมเลยไม่รู้ว่าคุณไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าคนไทยจะชอบแบบที่คุณคิด

แล้วที่คุณคิดมันก็มีเยอะแยะนะ รหัส แรงอะ ดูซิมีกี่คันในไทย

เท่าที่ไปใช้ชีวิตมา โดยเฉพาะฝั่งยุโรป เห็นเล่น top of the line กันหมดนะครับ ส่วน commercial/private hire/fleet จะเล่นรุ่นดีเซลอย่างที่บ้านเราเอามาขายเป็น executive car

ส่วนเมกาอันนี้แน่นอนอยู่แล้วว่า เบนซิน บล็อกใหญ่

ส่วนตัวผมค่อนข้างไปทาง Americophile
ผมไปเยี่ยมญาติที่เยอรมันทีไร พวก benz bmwมีแต่รุ่นรองๆ w212ที่ไม่ใช่taxiใส่แต่ล้อขอบ16 เกียร์ธรรมดาเยอะมาก ดีเซลเยอะมาก ผมไปหาอะไหล่พวกออพชั่นแปลกๆหรืออะไหล่เครื่องใหญ่ๆแทบหาไม่ได้เลย ไปได้ที่อเมริกาทั้งนั้น ถ้าจะบอกว่ายุโรปเล่นtop of the lineนี่ผมว่าไม่ใช่แน่นอน

ออฟไลน์ Midship

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 19
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #52 เมื่อ: ธันวาคม 14, 2016, 09:09:50 »
แอบเซงนิดๆ ตัดสินใจได้ตอนรถหมด

รอลุ้นตัวประกอบใน ไม่ก็ต้องรอหลุดจอง

ตอนนี้ในกรุงเทพ หมดแล้วหรอครับ ?
ตอนนี้ที่คุยกับเซลล์ทั้งในงาน และ เซลล์ประจำ
รถพร้อมมีรุ่น sport 4.59m นอกนั้นหมด และ
ไม่รู้ว่าจะเอาเข้ามาอีกมั้ย ทางเซลล์ในงานบอกจองได้ รถได้ไม่เกินมีนา
แต่เซลล์ประจำบอกต้องเป็นตัว ประกอบในเลย
อันนี้จากที่คุยกันล่าสุดเมื่อวานครับ

ไม่ทราบว่าเซลให้ส่วนลดเท่าไหร่หรอครับ dynamic / sport
เบื้องต้นตัว sportเซลล์เปิดมา ได้ 350000 +ประกันครับ
ถ้าเอาจริงหน้าจะได้อีกครับ ส่วนตัวสนใจเป็นตัวexclusive
รู้สึกจะเหลือแค่สีเทาอ่อน นะครับ

ออฟไลน์ WASADM

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 567
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #53 เมื่อ: ธันวาคม 14, 2016, 16:40:41 »
ยุโรปเน้นดีเซล และเกียร์ mt รหัสนี่ไม่ต้องพูด บ้านเราขับแพงกว่าเยอะครับ บ้านเค้ามีแต่ตัวล่างๆ 180 200 220 ทั้งนั้น ไม่เกร่อแบบบ้านเราแน่นอน รองดูบ้านเราสิครับ w212 250 เยอะมาก w204 เป็น 200/250 ยิ่งตัว w205 นี่ไม่ต้องพูดเลย 300 350e ทั้งนั้น bmw บ้านเราถ้าไม่ใช้ s3 ที่เน้นประหยัดซะส่วนมาก เน้นเครื่องเล็ก 320 มี bsi 5 ปี เป็นผมถ้าเก็บตังซื้อเองก็เอา bmw ครับ ประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะ โดยเฉพาะเครื่องดีเซล ผมชอบมากๆ มาดู s5 ไม่ต้องพูดเลย 523i 525i 525d ทั้งนั้น มีช่วงหลังๆที่ s5 ลดราคาเยอะๆ ถึงเห็น 520d มากขึ้น บ้านเค้ามีแต่ตัวโล้นๆน่ะครับ ไฟหน้าฮาโลเจนเยอะมาก ILS หรือ Adaptive LED แบบบ้านเราหรอครับ ฝันไปได้เลย ส่วนใหญ่ไปอยู่พวก top line หมด บ้านเค้าเหมือนสั่งประกอบครับ อยากเอาะไรก้จิ้มๆเอา เดี๋ยวเค้าประกอบมาให้ เพราะฉะนั้น เทคโนโลยีที่บ้านเราใช้ค่อนข้างจะเหนือกว่าครับ แต่แค่ว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ บ้านเค้าใหม่กว่าล้ำกว่า แต่คนไม่ค่อยใช้นั่นเอง

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #54 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2016, 00:37:50 »
ยุโรปเน้นดีเซล และเกียร์ mt รหัสนี่ไม่ต้องพูด บ้านเราขับแพงกว่าเยอะครับ บ้านเค้ามีแต่ตัวล่างๆ 180 200 220 ทั้งนั้น ไม่เกร่อแบบบ้านเราแน่นอน รองดูบ้านเราสิครับ w212 250 เยอะมาก w204 เป็น 200/250 ยิ่งตัว w205 นี่ไม่ต้องพูดเลย 300 350e ทั้งนั้น bmw บ้านเราถ้าไม่ใช้ s3 ที่เน้นประหยัดซะส่วนมาก เน้นเครื่องเล็ก 320 มี bsi 5 ปี เป็นผมถ้าเก็บตังซื้อเองก็เอา bmw ครับ ประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะ โดยเฉพาะเครื่องดีเซล ผมชอบมากๆ มาดู s5 ไม่ต้องพูดเลย 523i 525i 525d ทั้งนั้น มีช่วงหลังๆที่ s5 ลดราคาเยอะๆ ถึงเห็น 520d มากขึ้น บ้านเค้ามีแต่ตัวโล้นๆน่ะครับ ไฟหน้าฮาโลเจนเยอะมาก ILS หรือ Adaptive LED แบบบ้านเราหรอครับ ฝันไปได้เลย ส่วนใหญ่ไปอยู่พวก top line หมด บ้านเค้าเหมือนสั่งประกอบครับ อยากเอาะไรก้จิ้มๆเอา เดี๋ยวเค้าประกอบมาให้ เพราะฉะนั้น เทคโนโลยีที่บ้านเราใช้ค่อนข้างจะเหนือกว่าครับ แต่แค่ว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ บ้านเค้าใหม่กว่าล้ำกว่า แต่คนไม่ค่อยใช้นั่นเอง

ค่อนข้างตรงข้ามกับที่ผมไปสัมผัส ใช้ชีวิตอยู่มาเยอะคับ อังกิดสองเมือง พวก Brit เล่นตัวท๊อปๆทั้งนั้นเลย ส่วนสวิสพวก big block, complete car ก็ค่อนข้างเยอะ  รถเค้าดูดีมีคุณภาพกว่าที่พวกเราโดนยัดเยียดให้ซื้ออยู่เยอะ

ส่วนฝั่ง US ยิ่งเจ๋ง

ออฟไลน์ belkw202

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 420
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #55 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2016, 02:32:01 »
ผมคิดว่าถ้าทางเบ็นซ์ทำราคาดีเซลให้ต่ำกว่า 350e ไม่ได้ มันอาจจะไม่คุ้มที่จะประกอบขายหรือเปล่าครับ
คนที่เล่นเว็ปรถ เห็นปัญหากันมาเยอะ บางท่านอาจจะบอกว่ายังไงก็จะเล่นเครื่องสันดาปธรรมดา
แต่ถ้ามองภาพรวมทั้งตลาด สมมุติว่า 350e ทำราคาได้ถูกกว่า 220d สักสองแสน ผมว่าหลายคนก็อาจจะยอมเสี่ยงกับ 350e นะ
กลายเป็นว่า 220d จะขายไม่ออกเอา แถมวิ่งกับ 520d ตัวเก่าก็หนีเขาไม่ออกอีก
รถที่แพงกว่าแต่แรงน้อยกว่า ยอดน่าจะน้อยกว่าตัวที่แรงมากกว่าและถูกกว่าหรือเปล่า
คหสต ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 15, 2016, 02:35:44 โดย belkw202 »
Tesla Model 3 Highland LR
G08 iX3 M Sport
Cx5 2.5s
Mazda 2 1.3 S
w202 c36 AMG
w212 e63 AMG
w204 c250 AMG Sport Plus
w207 e350 4matic
e90 325i

ออฟไลน์ WASADM

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 567
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #56 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2016, 09:34:16 »
ยุโรปเน้นดีเซล และเกียร์ mt รหัสนี่ไม่ต้องพูด บ้านเราขับแพงกว่าเยอะครับ บ้านเค้ามีแต่ตัวล่างๆ 180 200 220 ทั้งนั้น ไม่เกร่อแบบบ้านเราแน่นอน รองดูบ้านเราสิครับ w212 250 เยอะมาก w204 เป็น 200/250 ยิ่งตัว w205 นี่ไม่ต้องพูดเลย 300 350e ทั้งนั้น bmw บ้านเราถ้าไม่ใช้ s3 ที่เน้นประหยัดซะส่วนมาก เน้นเครื่องเล็ก 320 มี bsi 5 ปี เป็นผมถ้าเก็บตังซื้อเองก็เอา bmw ครับ ประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะ โดยเฉพาะเครื่องดีเซล ผมชอบมากๆ มาดู s5 ไม่ต้องพูดเลย 523i 525i 525d ทั้งนั้น มีช่วงหลังๆที่ s5 ลดราคาเยอะๆ ถึงเห็น 520d มากขึ้น บ้านเค้ามีแต่ตัวโล้นๆน่ะครับ ไฟหน้าฮาโลเจนเยอะมาก ILS หรือ Adaptive LED แบบบ้านเราหรอครับ ฝันไปได้เลย ส่วนใหญ่ไปอยู่พวก top line หมด บ้านเค้าเหมือนสั่งประกอบครับ อยากเอาะไรก้จิ้มๆเอา เดี๋ยวเค้าประกอบมาให้ เพราะฉะนั้น เทคโนโลยีที่บ้านเราใช้ค่อนข้างจะเหนือกว่าครับ แต่แค่ว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ บ้านเค้าใหม่กว่าล้ำกว่า แต่คนไม่ค่อยใช้นั่นเอง

ค่อนข้างตรงข้ามกับที่ผมไปสัมผัส ใช้ชีวิตอยู่มาเยอะคับ อังกิดสองเมือง พวก Brit เล่นตัวท๊อปๆทั้งนั้นเลย ส่วนสวิสพวก big block, complete car ก็ค่อนข้างเยอะ  รถเค้าดูดีมีคุณภาพกว่าที่พวกเราโดนยัดเยียดให้ซื้ออยู่เยอะ

ส่วนฝั่ง US ยิ่งเจ๋ง
กลางเมืองรึป่าวครับ ถ้ากลางเมืองหนะใช่ พวก amg car / m car ค่อนข้างหาดูได้ไม่ยากนัก หรือจำพวกรหัสสูงๆ แต่มันก็เป็นธรรมดาที่กลางเมืองจะใช้พวก top line เหมือนกับบ้านเราเนี่ยแหละครับ ใช้ top line ที่มีขาย แต่ลองมองภาพรวมสิครับ ออกมาแถวชาญเมืองหน่อย รหัส 180 200 / 318  320 520 นี่เยอะมากๆครับ ไฟหน้าฮาโลเจนนี่เรื่องปกติเลย สับเกียร์เองกันเป็นแถว ซึ่งถ้ามองภาพรวมแล้ว ผมคิดว่าบ้านเรามันไปไม่สูงสุดอย่าง v6 v8 อันนั้นมันก็ใช่ เพราะกำแพภาษี แต่ในขณะเดียวกัน บ้านเราในรุ่นล่าง มันก็ไม่น่าเกลียดแบบนั้นน่ะครับ s4 เบาะปรับมืองี้ german car ตัวใหม่ๆ ไม่มีไฟ day-light เยอะมากด้วยครับ

ออฟไลน์ bingoman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,367
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #57 เมื่อ: ธันวาคม 17, 2016, 11:43:51 »
รถระดับ price tier (4-5 ล้าน) นี้ควรเป็นเบนซินล้วนๆครับ

ตัวต่ำสุดควรเป็น E300 2 ลิตร เทอร์โบ 245 ม้า

ตัวกลาง E400 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 333 ม้า

ส่วนตัวแรงจัดไป E43 AMG 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 401 ม้า

ตัว 220d มันคือรถ taxi/ private hire เมืองนอกใช้กันคับ LOL
อะไรกันนักกันหนาหรอคับ กะเครื่องดีเซล อยากรุ้จังว่าใช้รถอะไรอยู่

เคยมีผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมโครงสร้างบอกผมว่า คนซื้อ MB BMW ซื้อทำไมดีเซล ติดหรา CDI ไม่รวยจริง (แอบเคืองตอนได้ยินเพราะบ้านผมมีทั้ง E300 Hybrid และ BMW X5 23d)

ทุกวันนี้ผมอยากกลับไปบอกผู้ใหญ่ท่านนั้นว่า ผมละโคดอิจฉาคนไม่รวยจริงพวกนั้นเลยครับ รถคนไม่รวยจริง ทั้งแรงทั้งประหยัด ... รถดีเซลทั้ง 2 คันนั้น ใน 1 เดือนวิ่งเยอะว่ารถเบนซินที่ผมใช้ ถังน้ำมันใหญ่กว่านิดหน่อย แต่ผมเติมน้ำมันเบนซินบ่อยกว่ารถดีเซลทั้ง 2 คันนั้นครับ ...

ผมมองว่า ในระดับ price tier แบบนั้น fuel consumption ไม่ใช่ factor 

Shopper ของรถ segment นั้นเค้าไม่ได้แคร์เรื่องน้ำมัน  คุณมีตังค์จ่ายรถคันละสี่ห้าล้านอัพ แต่กังวลเรื่องประหยัดน้ำมัน มันrational ไหมคับ

สิ่งที่กลุ่มshopper ต้องการ คือ luxury, prestige and power ซึ่งฟิลแบบดีเซลมันตอบสนองแบบนั้นไม่ได้  จริงที่เสียงดีเซลเงียบกว่ากะบะไทย แต่ก็ยังเสียงเหมือน และเสียงดังแบบไม่โอครับ

ผมว่าฟิลแบบนั้นมันไม่ใช่ premium tier (entry model หรือเป็น taxi/fleet car ที่เมืองนอก แต่ pricing แบบ premium tier ในบ้านเรา)

คุณคิดแบบนั้น  แต่ผมและคนส่วนใหญ่ไม่คิดแบบคุณแน่นอนครับ

เพื่อนๆ ผม ที่ฐานะดี ชอบสมรรถนะกัน
เวลาคุยกัน ต่างคนต่างอิจฉา อยากขับรถผม BMW 520d
ทั้งๆ ที่คนอื่น ก็มีรถดีๆ ไม่ว่าจะเป็นรถสปอร์ต หรือรถฟรีเมียมเบนซินค่ายเบนซ์

จะว่าไป ผมก็ไม่ได้บอกว่าผมรวยขนาดที่ไม่แคร์เรื่องน้ำมันเลย  แต่ผมมี 520d
และต่แให้ถ้าผมสามารถซื้อรถเครื่องเบนซินอย่าง 528i ได้   
แต่ถ้าสำหรับผม ที่ขับรถเดินทางเยอะมากๆ   ปีนึงวิ่งประมาณ 3 หมื่นกิโล
สำหรับผม 520d ถูกใจผมที่สุดแล้ว 
ที่จริง 525d น่าจะถูกใจกว่า  แต่พอดีว่า สมรรถนะ 525d ในไทย มันโดนล็อคแรงม้าไว้ ทำให้ผมไม่ไปทางนั้น  ส่วน option ตัว 525d อย่างประตูดูด,  active steering, etc
ผมถือว่าเป็นของเล่น  ที่ผมไม่ค่อยแคร์

สรุปคือ 520d ยังไงในเมืองไทย ก็เป็นรุ่นที่ขายได้ดีที่สุดแน่นอนของ ซีรี่5
ส่วนที่ต่างประเทศ อย่างอังกฤษ 520d ก็คือรุ่นที่ขายดีที่สุดเช่นกันสำหรับทั้งประเทศ  ทั้ง fleet, ทั้งส่วนตัว 

คุณอาจจะไปเห็นแต่ใน London ที่คนรวยๆ อยู่กันเยอะ และที่จอดรถหายากมาก  คนที่มีรถจึงต้องเป็นคนที่มีฐานะมากพอสมควร  จึงเห็นรุ่นtop ได้เยอะ เช่น M5
แต่จากข้อมูลที่ผมศึกษามา และได้อาศัยอยู่ที่อังกฤษ  สุดท้าย520d ก็คือรุ่นที่ขายดีที่สุด

ส่วนที่ไทย  ถ้าคนที่รวยล้นฟ้าไปเลย ก็คงไปเล่น 528i, 525d หรือรุ่นอื่นเลย
แต่คนที่รวยระดับนึง และสามารถเอื้อมถึง BMW ได้  ในฐานะรถในฝันของคนมากมาย
คนเหล่านั้น เค้าไป 520d แบบไม่ต้องคิดเลยครับ 


เค้าไม่เอา 520i เพราะเบนซิน แรงใช้ได้ แต่กินน้ำมันกว่าดีเซลเยอะ  กินกว่าน่าจะ 4-6 km/l คือ 520i ก็ได้ 11-14 km/l ทางไกล

เค้าไม่เอา 525d เพราะราคาแรงกว่า 520d ไปอีก 4-5 แสน  ในขณะที่แค่ 520d สมรรถนะก็เหลือๆ แล้วสำหรับคนส่วนมาก  แถมประหยัดน้ำมันพอๆ กัน  วิ่งทางไกลก็ได้ 16-19 km/l

ส่วน 528i ถ้าคนที่อันจะกิน และขับสั้นๆ ไม่ได้ขับปีละ >3 หมื่นกิโล  แบบนี้คงชอบแน่นอน เพราะแรงขับสนุกจริงๆ   แต่สำหรับคนที่ขับ BMW ซีรี่5  ต้องบอกว่าจำนวนไม่น้อยเลย  ที่ไม่ได้เรียกว่ารวยล้นฟ้า   คนมากมายที่ทำธุรกิจหลักสิบ-ร้อย-พัน ล้าน  แต่ธุรกิจก็คือธุรกิจครับ  มีขึ้นมีลง  คุณจะบอกว่าคนทำธุรกิจร้อยล้าน พันล้าน  จะมาแคร์อะไรกับค่าน้ำมัน   มันไม่ rational

ผมตอบให้เลยนะ  คนรู้จักผม ก็มีทรัพย์สินหลักร้อยล้าน  มีห้องเช่าในเมือง  แต่ทุกๆ วันเค้าขับ Prius ครับ  ผมถามว่าทำไม  เค้าบอกว่ามันใช้งานดี ประหยัดน้ำมัน  แถมไม่จุกจิก
ทั้งๆ ที่เค้ามีรถหลายคัน ทั้งรถสปอร์ตเยอรมัน  รถกระบะ  และรถเก๋งเยอรมัน

คนรวยมีหลายระดับ 
รวยพร้อมร่วง 
รวยค้างฟ้า 
รวจแต่เบียดเบียนตัวเองก็มี  เช่นคนรู้จักผมอีกคน  บ้านอยู่แถวทองหล่อ มูลค่าตีไปน่าจะหลายร้อยล้าน  มีลูก แต่ลูกค่อนข้างเบียดเบียนพ่อแม่  พ่อแม่มีเงินเหลือมากมาย  แต่อยู่บ้านแบบสภาพดูไม่ได้  บ้านโทรม และขับรถ Nissan Sunny เก่ามากๆ
ส่วนลูก ขับ BMW ซีรี่7  และไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับพ่อแม่  ถามว่ารวยมากๆ เงินสดมีพร้อมทำไมไม่ขับรถดีๆ  เค้าบอกว่าเพราะเค้าไม่เห็นความจำเป็น  และมันไม่ได้ทำให้เค้ามีความสุข  แต่ที่ผมบอกว่าเค้าเบียดเบียนตัวเอง  เพราะบ้านเค้าไม่จ้างแม้กระทั่งพยาบาล คนรับใช้ หรืออะไรเลย  แถมจากการคุยกัน  เค้าเป็นคนที่อมทุกข์  อายุก็เยอะมากๆ รวยมากๆ  แต่คุยกันที่ไร  เขาพูดจากแบบคนแบกโลก  ลูกไม่รัก  แต่ลูกกอบโกยพ่อแม่ 

สรุปทั้งหมด คือมันไม่มีหรอก rational ที่ว่าขับ BMW ซีรี่5 แล้วต้องไม่แคร์ค่าน้ำมัน
เพราะคนรวยๆ เค้าก็มีสมองครับ  520d ทั้งประหยัดน้ำมัน แถมตีนต้นมาไว ตีนปลายก็ไหลไปได้ 230 km/h  มันยังไม่เพียงพออีกเหรอ
น้ำมันถังนึงวิ่งได้ 1000+ km   แต่ถ้า 520i, 528i  วิ่งได้ 600-750 km แค่นั้น
ขับในเมืองก็ไม่ต้องรอรอบแบบเบนซิน
เสียงเครื่อง นั่งในรถไม่เห็นได้ยินเลย  แล้วมันสั่นไหม  มันก็สั่นกว่าเบนซินนิดเดียว  แต่มันไม่ได้กระพือแบบในรถกระบะ Vigo เลย

ไปละ ผมตอบมาทั้งหมด คนที่คิดแบบคุณสุดท้ายก็คงไม่ฟังผมอยู่ดี  แต่สิ่งที่ผมพูดคือความจริง และคนมากมายคิดแบบผม สุดท้ายก็และแต่ความเชื่อละกันครับ

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #58 เมื่อ: ธันวาคม 20, 2016, 17:58:35 »
รถระดับ price tier (4-5 ล้าน) นี้ควรเป็นเบนซินล้วนๆครับ

ตัวต่ำสุดควรเป็น E300 2 ลิตร เทอร์โบ 245 ม้า

ตัวกลาง E400 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 333 ม้า

ส่วนตัวแรงจัดไป E43 AMG 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 401 ม้า

ตัว 220d มันคือรถ taxi/ private hire เมืองนอกใช้กันคับ LOL
อะไรกันนักกันหนาหรอคับ กะเครื่องดีเซล อยากรุ้จังว่าใช้รถอะไรอยู่

เคยมีผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมโครงสร้างบอกผมว่า คนซื้อ MB BMW ซื้อทำไมดีเซล ติดหรา CDI ไม่รวยจริง (แอบเคืองตอนได้ยินเพราะบ้านผมมีทั้ง E300 Hybrid และ BMW X5 23d)

ทุกวันนี้ผมอยากกลับไปบอกผู้ใหญ่ท่านนั้นว่า ผมละโคดอิจฉาคนไม่รวยจริงพวกนั้นเลยครับ รถคนไม่รวยจริง ทั้งแรงทั้งประหยัด ... รถดีเซลทั้ง 2 คันนั้น ใน 1 เดือนวิ่งเยอะว่ารถเบนซินที่ผมใช้ ถังน้ำมันใหญ่กว่านิดหน่อย แต่ผมเติมน้ำมันเบนซินบ่อยกว่ารถดีเซลทั้ง 2 คันนั้นครับ ...

ผมมองว่า ในระดับ price tier แบบนั้น fuel consumption ไม่ใช่ factor 

Shopper ของรถ segment นั้นเค้าไม่ได้แคร์เรื่องน้ำมัน  คุณมีตังค์จ่ายรถคันละสี่ห้าล้านอัพ แต่กังวลเรื่องประหยัดน้ำมัน มันrational ไหมคับ

สิ่งที่กลุ่มshopper ต้องการ คือ luxury, prestige and power ซึ่งฟิลแบบดีเซลมันตอบสนองแบบนั้นไม่ได้  จริงที่เสียงดีเซลเงียบกว่ากะบะไทย แต่ก็ยังเสียงเหมือน และเสียงดังแบบไม่โอครับ

ผมว่าฟิลแบบนั้นมันไม่ใช่ premium tier (entry model หรือเป็น taxi/fleet car ที่เมืองนอก แต่ pricing แบบ premium tier ในบ้านเรา)

คุณคิดแบบนั้น  แต่ผมและคนส่วนใหญ่ไม่คิดแบบคุณแน่นอนครับ

เพื่อนๆ ผม ที่ฐานะดี ชอบสมรรถนะกัน
เวลาคุยกัน ต่างคนต่างอิจฉา อยากขับรถผม BMW 520d
ทั้งๆ ที่คนอื่น ก็มีรถดีๆ ไม่ว่าจะเป็นรถสปอร์ต หรือรถฟรีเมียมเบนซินค่ายเบนซ์

จะว่าไป ผมก็ไม่ได้บอกว่าผมรวยขนาดที่ไม่แคร์เรื่องน้ำมันเลย  แต่ผมมี 520d
และต่แให้ถ้าผมสามารถซื้อรถเครื่องเบนซินอย่าง 528i ได้   
แต่ถ้าสำหรับผม ที่ขับรถเดินทางเยอะมากๆ   ปีนึงวิ่งประมาณ 3 หมื่นกิโล
สำหรับผม 520d ถูกใจผมที่สุดแล้ว 
ที่จริง 525d น่าจะถูกใจกว่า  แต่พอดีว่า สมรรถนะ 525d ในไทย มันโดนล็อคแรงม้าไว้ ทำให้ผมไม่ไปทางนั้น  ส่วน option ตัว 525d อย่างประตูดูด,  active steering, etc
ผมถือว่าเป็นของเล่น  ที่ผมไม่ค่อยแคร์

สรุปคือ 520d ยังไงในเมืองไทย ก็เป็นรุ่นที่ขายได้ดีที่สุดแน่นอนของ ซีรี่5
ส่วนที่ต่างประเทศ อย่างอังกฤษ 520d ก็คือรุ่นที่ขายดีที่สุดเช่นกันสำหรับทั้งประเทศ  ทั้ง fleet, ทั้งส่วนตัว 

คุณอาจจะไปเห็นแต่ใน London ที่คนรวยๆ อยู่กันเยอะ และที่จอดรถหายากมาก  คนที่มีรถจึงต้องเป็นคนที่มีฐานะมากพอสมควร  จึงเห็นรุ่นtop ได้เยอะ เช่น M5
แต่จากข้อมูลที่ผมศึกษามา และได้อาศัยอยู่ที่อังกฤษ  สุดท้าย520d ก็คือรุ่นที่ขายดีที่สุด

ส่วนที่ไทย  ถ้าคนที่รวยล้นฟ้าไปเลย ก็คงไปเล่น 528i, 525d หรือรุ่นอื่นเลย
แต่คนที่รวยระดับนึง และสามารถเอื้อมถึง BMW ได้  ในฐานะรถในฝันของคนมากมาย
คนเหล่านั้น เค้าไป 520d แบบไม่ต้องคิดเลยครับ 


เค้าไม่เอา 520i เพราะเบนซิน แรงใช้ได้ แต่กินน้ำมันกว่าดีเซลเยอะ  กินกว่าน่าจะ 4-6 km/l คือ 520i ก็ได้ 11-14 km/l ทางไกล

เค้าไม่เอา 525d เพราะราคาแรงกว่า 520d ไปอีก 4-5 แสน  ในขณะที่แค่ 520d สมรรถนะก็เหลือๆ แล้วสำหรับคนส่วนมาก  แถมประหยัดน้ำมันพอๆ กัน  วิ่งทางไกลก็ได้ 16-19 km/l

ส่วน 528i ถ้าคนที่อันจะกิน และขับสั้นๆ ไม่ได้ขับปีละ >3 หมื่นกิโล  แบบนี้คงชอบแน่นอน เพราะแรงขับสนุกจริงๆ   แต่สำหรับคนที่ขับ BMW ซีรี่5  ต้องบอกว่าจำนวนไม่น้อยเลย  ที่ไม่ได้เรียกว่ารวยล้นฟ้า   คนมากมายที่ทำธุรกิจหลักสิบ-ร้อย-พัน ล้าน  แต่ธุรกิจก็คือธุรกิจครับ  มีขึ้นมีลง  คุณจะบอกว่าคนทำธุรกิจร้อยล้าน พันล้าน  จะมาแคร์อะไรกับค่าน้ำมัน   มันไม่ rational

ผมตอบให้เลยนะ  คนรู้จักผม ก็มีทรัพย์สินหลักร้อยล้าน  มีห้องเช่าในเมือง  แต่ทุกๆ วันเค้าขับ Prius ครับ  ผมถามว่าทำไม  เค้าบอกว่ามันใช้งานดี ประหยัดน้ำมัน  แถมไม่จุกจิก
ทั้งๆ ที่เค้ามีรถหลายคัน ทั้งรถสปอร์ตเยอรมัน  รถกระบะ  และรถเก๋งเยอรมัน

คนรวยมีหลายระดับ 
รวยพร้อมร่วง 
รวยค้างฟ้า 
รวจแต่เบียดเบียนตัวเองก็มี  เช่นคนรู้จักผมอีกคน  บ้านอยู่แถวทองหล่อ มูลค่าตีไปน่าจะหลายร้อยล้าน  มีลูก แต่ลูกค่อนข้างเบียดเบียนพ่อแม่  พ่อแม่มีเงินเหลือมากมาย  แต่อยู่บ้านแบบสภาพดูไม่ได้  บ้านโทรม และขับรถ Nissan Sunny เก่ามากๆ
ส่วนลูก ขับ BMW ซีรี่7  และไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับพ่อแม่  ถามว่ารวยมากๆ เงินสดมีพร้อมทำไมไม่ขับรถดีๆ  เค้าบอกว่าเพราะเค้าไม่เห็นความจำเป็น  และมันไม่ได้ทำให้เค้ามีความสุข  แต่ที่ผมบอกว่าเค้าเบียดเบียนตัวเอง  เพราะบ้านเค้าไม่จ้างแม้กระทั่งพยาบาล คนรับใช้ หรืออะไรเลย  แถมจากการคุยกัน  เค้าเป็นคนที่อมทุกข์  อายุก็เยอะมากๆ รวยมากๆ  แต่คุยกันที่ไร  เขาพูดจากแบบคนแบกโลก  ลูกไม่รัก  แต่ลูกกอบโกยพ่อแม่ 

สรุปทั้งหมด คือมันไม่มีหรอก rational ที่ว่าขับ BMW ซีรี่5 แล้วต้องไม่แคร์ค่าน้ำมัน
เพราะคนรวยๆ เค้าก็มีสมองครับ  520d ทั้งประหยัดน้ำมัน แถมตีนต้นมาไว ตีนปลายก็ไหลไปได้ 230 km/h  มันยังไม่เพียงพออีกเหรอ
น้ำมันถังนึงวิ่งได้ 1000+ km   แต่ถ้า 520i, 528i  วิ่งได้ 600-750 km แค่นั้น
ขับในเมืองก็ไม่ต้องรอรอบแบบเบนซิน
เสียงเครื่อง นั่งในรถไม่เห็นได้ยินเลย  แล้วมันสั่นไหม  มันก็สั่นกว่าเบนซินนิดเดียว  แต่มันไม่ได้กระพือแบบในรถกระบะ Vigo เลย

ไปละ ผมตอบมาทั้งหมด คนที่คิดแบบคุณสุดท้ายก็คงไม่ฟังผมอยู่ดี  แต่สิ่งที่ผมพูดคือความจริง และคนมากมายคิดแบบผม สุดท้ายก็และแต่ความเชื่อละกันครับ

คุณตอบถูกอย่างนึงคือ  ตอนนั่งในรถไม่ได้ยินเสียง แต่ข้างนอก....คงไม่ต้องบรรยายครับ LOL

เมืองนอก mercedes, Bimmer มันเริ่มราคาเท่าไร คุณก็น่าจะรู้เอง ถ้าอ้างว่าเคยไปอยู่มาเหมือนกัล เป็นเรื่องธรรมดาที่รุ่น entry level แบบดีเซลบล็อกเล็กจะใช้กันโดยเฉพาะแบบ fleet, taxi แล้วที่ไทยราคารถสองแบรนด์นี้เป็นยังไง คงไม่ต้องถาม เพราะแค่รุ่นประกอบในราคาก็ mark up ไปโหดแล้ว ดังนั้นการทำ pricing เอา entry level มาปั้นให้เป็น  premium executive car จึงไม่น่าจะเหมานัก     

ส่วนตัวผมไปทางๆ Americophile การบริโภค รสนิยม แฟชั่น ความคิด ความเห็นจึงไปทางสายนั้น

สุดท้าย ใครมีความคิด เหตุผลยังไง ใส่กันมาได้เต็มที่ ตามแนว Freedom of expression ไม่ใช่ห้ามถาม ห้ามคิดต่าง   


ออฟไลน์ Nutcracker

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 387
    • อีเมล์
Re: [แจ้งข่าว] สรุปไม่มี E220d ตัวประกอบในประเทศแล้ว !?!
« ตอบกลับ #59 เมื่อ: ธันวาคม 20, 2016, 19:22:26 »
รถระดับ price tier (4-5 ล้าน) นี้ควรเป็นเบนซินล้วนๆครับ

ตัวต่ำสุดควรเป็น E300 2 ลิตร เทอร์โบ 245 ม้า

ตัวกลาง E400 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 333 ม้า

ส่วนตัวแรงจัดไป E43 AMG 3 ลิตร เทอร์โบคู่ 401 ม้า

ตัว 220d มันคือรถ taxi/ private hire เมืองนอกใช้กันคับ LOL
อะไรกันนักกันหนาหรอคับ กะเครื่องดีเซล อยากรุ้จังว่าใช้รถอะไรอยู่

เคยมีผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมโครงสร้างบอกผมว่า คนซื้อ MB BMW ซื้อทำไมดีเซล ติดหรา CDI ไม่รวยจริง (แอบเคืองตอนได้ยินเพราะบ้านผมมีทั้ง E300 Hybrid และ BMW X5 23d)

ทุกวันนี้ผมอยากกลับไปบอกผู้ใหญ่ท่านนั้นว่า ผมละโคดอิจฉาคนไม่รวยจริงพวกนั้นเลยครับ รถคนไม่รวยจริง ทั้งแรงทั้งประหยัด ... รถดีเซลทั้ง 2 คันนั้น ใน 1 เดือนวิ่งเยอะว่ารถเบนซินที่ผมใช้ ถังน้ำมันใหญ่กว่านิดหน่อย แต่ผมเติมน้ำมันเบนซินบ่อยกว่ารถดีเซลทั้ง 2 คันนั้นครับ ...

ผมมองว่า ในระดับ price tier แบบนั้น fuel consumption ไม่ใช่ factor 

Shopper ของรถ segment นั้นเค้าไม่ได้แคร์เรื่องน้ำมัน  คุณมีตังค์จ่ายรถคันละสี่ห้าล้านอัพ แต่กังวลเรื่องประหยัดน้ำมัน มันrational ไหมคับ

สิ่งที่กลุ่มshopper ต้องการ คือ luxury, prestige and power ซึ่งฟิลแบบดีเซลมันตอบสนองแบบนั้นไม่ได้  จริงที่เสียงดีเซลเงียบกว่ากะบะไทย แต่ก็ยังเสียงเหมือน และเสียงดังแบบไม่โอครับ

ผมว่าฟิลแบบนั้นมันไม่ใช่ premium tier (entry model หรือเป็น taxi/fleet car ที่เมืองนอก แต่ pricing แบบ premium tier ในบ้านเรา)

คุณคิดแบบนั้น  แต่ผมและคนส่วนใหญ่ไม่คิดแบบคุณแน่นอนครับ

เพื่อนๆ ผม ที่ฐานะดี ชอบสมรรถนะกัน
เวลาคุยกัน ต่างคนต่างอิจฉา อยากขับรถผม BMW 520d
ทั้งๆ ที่คนอื่น ก็มีรถดีๆ ไม่ว่าจะเป็นรถสปอร์ต หรือรถฟรีเมียมเบนซินค่ายเบนซ์

จะว่าไป ผมก็ไม่ได้บอกว่าผมรวยขนาดที่ไม่แคร์เรื่องน้ำมันเลย  แต่ผมมี 520d
และต่แให้ถ้าผมสามารถซื้อรถเครื่องเบนซินอย่าง 528i ได้   
แต่ถ้าสำหรับผม ที่ขับรถเดินทางเยอะมากๆ   ปีนึงวิ่งประมาณ 3 หมื่นกิโล
สำหรับผม 520d ถูกใจผมที่สุดแล้ว 
ที่จริง 525d น่าจะถูกใจกว่า  แต่พอดีว่า สมรรถนะ 525d ในไทย มันโดนล็อคแรงม้าไว้ ทำให้ผมไม่ไปทางนั้น  ส่วน option ตัว 525d อย่างประตูดูด,  active steering, etc
ผมถือว่าเป็นของเล่น  ที่ผมไม่ค่อยแคร์

สรุปคือ 520d ยังไงในเมืองไทย ก็เป็นรุ่นที่ขายได้ดีที่สุดแน่นอนของ ซีรี่5
ส่วนที่ต่างประเทศ อย่างอังกฤษ 520d ก็คือรุ่นที่ขายดีที่สุดเช่นกันสำหรับทั้งประเทศ  ทั้ง fleet, ทั้งส่วนตัว 

คุณอาจจะไปเห็นแต่ใน London ที่คนรวยๆ อยู่กันเยอะ และที่จอดรถหายากมาก  คนที่มีรถจึงต้องเป็นคนที่มีฐานะมากพอสมควร  จึงเห็นรุ่นtop ได้เยอะ เช่น M5
แต่จากข้อมูลที่ผมศึกษามา และได้อาศัยอยู่ที่อังกฤษ  สุดท้าย520d ก็คือรุ่นที่ขายดีที่สุด

ส่วนที่ไทย  ถ้าคนที่รวยล้นฟ้าไปเลย ก็คงไปเล่น 528i, 525d หรือรุ่นอื่นเลย
แต่คนที่รวยระดับนึง และสามารถเอื้อมถึง BMW ได้  ในฐานะรถในฝันของคนมากมาย
คนเหล่านั้น เค้าไป 520d แบบไม่ต้องคิดเลยครับ 


เค้าไม่เอา 520i เพราะเบนซิน แรงใช้ได้ แต่กินน้ำมันกว่าดีเซลเยอะ  กินกว่าน่าจะ 4-6 km/l คือ 520i ก็ได้ 11-14 km/l ทางไกล

เค้าไม่เอา 525d เพราะราคาแรงกว่า 520d ไปอีก 4-5 แสน  ในขณะที่แค่ 520d สมรรถนะก็เหลือๆ แล้วสำหรับคนส่วนมาก  แถมประหยัดน้ำมันพอๆ กัน  วิ่งทางไกลก็ได้ 16-19 km/l

ส่วน 528i ถ้าคนที่อันจะกิน และขับสั้นๆ ไม่ได้ขับปีละ >3 หมื่นกิโล  แบบนี้คงชอบแน่นอน เพราะแรงขับสนุกจริงๆ   แต่สำหรับคนที่ขับ BMW ซีรี่5  ต้องบอกว่าจำนวนไม่น้อยเลย  ที่ไม่ได้เรียกว่ารวยล้นฟ้า   คนมากมายที่ทำธุรกิจหลักสิบ-ร้อย-พัน ล้าน  แต่ธุรกิจก็คือธุรกิจครับ  มีขึ้นมีลง  คุณจะบอกว่าคนทำธุรกิจร้อยล้าน พันล้าน  จะมาแคร์อะไรกับค่าน้ำมัน   มันไม่ rational

ผมตอบให้เลยนะ  คนรู้จักผม ก็มีทรัพย์สินหลักร้อยล้าน  มีห้องเช่าในเมือง  แต่ทุกๆ วันเค้าขับ Prius ครับ  ผมถามว่าทำไม  เค้าบอกว่ามันใช้งานดี ประหยัดน้ำมัน  แถมไม่จุกจิก
ทั้งๆ ที่เค้ามีรถหลายคัน ทั้งรถสปอร์ตเยอรมัน  รถกระบะ  และรถเก๋งเยอรมัน

คนรวยมีหลายระดับ 
รวยพร้อมร่วง 
รวยค้างฟ้า 
รวจแต่เบียดเบียนตัวเองก็มี  เช่นคนรู้จักผมอีกคน  บ้านอยู่แถวทองหล่อ มูลค่าตีไปน่าจะหลายร้อยล้าน  มีลูก แต่ลูกค่อนข้างเบียดเบียนพ่อแม่  พ่อแม่มีเงินเหลือมากมาย  แต่อยู่บ้านแบบสภาพดูไม่ได้  บ้านโทรม และขับรถ Nissan Sunny เก่ามากๆ
ส่วนลูก ขับ BMW ซีรี่7  และไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับพ่อแม่  ถามว่ารวยมากๆ เงินสดมีพร้อมทำไมไม่ขับรถดีๆ  เค้าบอกว่าเพราะเค้าไม่เห็นความจำเป็น  และมันไม่ได้ทำให้เค้ามีความสุข  แต่ที่ผมบอกว่าเค้าเบียดเบียนตัวเอง  เพราะบ้านเค้าไม่จ้างแม้กระทั่งพยาบาล คนรับใช้ หรืออะไรเลย  แถมจากการคุยกัน  เค้าเป็นคนที่อมทุกข์  อายุก็เยอะมากๆ รวยมากๆ  แต่คุยกันที่ไร  เขาพูดจากแบบคนแบกโลก  ลูกไม่รัก  แต่ลูกกอบโกยพ่อแม่ 

สรุปทั้งหมด คือมันไม่มีหรอก rational ที่ว่าขับ BMW ซีรี่5 แล้วต้องไม่แคร์ค่าน้ำมัน
เพราะคนรวยๆ เค้าก็มีสมองครับ  520d ทั้งประหยัดน้ำมัน แถมตีนต้นมาไว ตีนปลายก็ไหลไปได้ 230 km/h  มันยังไม่เพียงพออีกเหรอ
น้ำมันถังนึงวิ่งได้ 1000+ km   แต่ถ้า 520i, 528i  วิ่งได้ 600-750 km แค่นั้น
ขับในเมืองก็ไม่ต้องรอรอบแบบเบนซิน
เสียงเครื่อง นั่งในรถไม่เห็นได้ยินเลย  แล้วมันสั่นไหม  มันก็สั่นกว่าเบนซินนิดเดียว  แต่มันไม่ได้กระพือแบบในรถกระบะ Vigo เลย

ไปละ ผมตอบมาทั้งหมด คนที่คิดแบบคุณสุดท้ายก็คงไม่ฟังผมอยู่ดี  แต่สิ่งที่ผมพูดคือความจริง และคนมากมายคิดแบบผม สุดท้ายก็และแต่ความเชื่อละกันครับ

คุณตอบถูกอย่างนึงคือ  ตอนนั่งในรถไม่ได้ยินเสียง แต่ข้างนอก....คงไม่ต้องบรรยายครับ LOL

เมืองนอก mercedes, Bimmer มันเริ่มราคาเท่าไร คุณก็น่าจะรู้เอง ถ้าอ้างว่าเคยไปอยู่มาเหมือนกัล เป็นเรื่องธรรมดาที่รุ่น entry level แบบดีเซลบล็อกเล็กจะใช้กันโดยเฉพาะแบบ fleet, taxi แล้วที่ไทยราคารถสองแบรนด์นี้เป็นยังไง คงไม่ต้องถาม เพราะแค่รุ่นประกอบในราคาก็ mark up ไปโหดแล้ว ดังนั้นการทำ pricing เอา entry level มาปั้นให้เป็น  premium executive car จึงไม่น่าจะเหมานัก     

ส่วนตัวผมไปทางๆ Americophile การบริโภค รสนิยม แฟชั่น ความคิด ความเห็นจึงไปทางสายนั้น

สุดท้าย ใครมีความคิด เหตุผลยังไง ใส่กันมาได้เต็มที่ ตามแนว Freedom of expression ไม่ใช่ห้ามถาม ห้ามคิดต่าง   

 

รถครับ taxi ในเยอรมันไม่ได้มีอะไรด้อยหรือโดนเปรียบเทีบกับอะไรครับ คุณไม่ควรเอา taxi มันมาเปรียบเทียบกับ entry level ครับ มันไม่มีความเกี่ยวโยงกันแบบนั้น จะเอามุมมอง taxi ไทยมาเปรียบไม่ได้ครับ

ส่วนเรื่องที่ว่า benz รุ่นตัวสเปคตำ่แบบเดียวกับที่ใช้ใน taxi มันไม่โก้หรูสำหรับคนเยอรมัน ขอยืนยันว่าไม่จริงครับ แค่มีตราดาวก็คิดแล้วคิดอีกว่าจะซื้อดีไหมเพราะมันดูโอ้อวดเกินไปครับ กลับกันพอถูกใช้เ็น taxi มันก็เป็น taxi ก็ไม่มีอะไร

งง ไหมครับ ถ้า งง ผมก็พอเข้าใจครับคงต้องคลุกคลีศึกษากับคนเยอรมันมากขึ้นครับ