ผมว่า รุ่น J E G ก็ OK นะครับ เพิ่มจากเดิม 10K - 15K ได้ VSC TRC มาก็คุ้มแล้ว
รุ่น J สิ่งที่ได้เพิ่มมาจาก MY2016 (เครื่อง Dual VVT-i) คือ
- กระจกมองข้างปรับ และ พับไฟฟ้า
- ไฟท้าย LED
รุ่น E สิ่งที่ได้เพิ่มคือ
- ล้อแม็กซืลายใหม่
- ไฟตัดหมอก
- ภายในตกแต่งด้วย Piano Black
- ลำโพง 4 ตัว
- เซนเซอร์ถอย
รุ่น G
- ไฟ Projector
- DRL
- วิทยุ DVD + กล้องมองหลัง
รุ่น S
- เบาะหนัง
- ภายในพลาสติกคลิปแดง
รุ่นที่มองว่าคุ้ม คือ E กับ G
ส่วนรุ่นที่พอจะรับได้ คือ J เพราะเพี่มกระจกมองข้างปรับ + พับไฟฟ้ามาให้ จากเดิมแบบปรับมือ
แต่รุ่นที่รับไม่ได้ คือ S
--------------
VSC/TRC ใส่มาให้ทุกรุ่น ตั้งแต่ MY2016 เครื่อง Dual VVT-i แล้วครับ
ผมอยากจะวิเคราะห์ตามนี้ว่า
ปกติ ลูกค้าทั่วไปต่างก็ซื้อ Vios รุ่น E รุ่น J ครับ
จากการกะปริมาณด้วยสายตาที่เห็นบนท้องถนน ไม่ได้มีข้อมูลสถิติจากวงในอะไรนะครับ
ตอนเศรษฐกิจดีๆ ลูกค้ายังซื้อรุ่น E รุ่น J Toyota รู้ว่าฐาน
ลูกค้า Vios อยู่ที่ 5 แสนปลายๆ ถึง 6 แสนกว่าๆ
แล้วเศรษฐกิจที่แย่แบบนี้ คงไม่หวังว่าจะมีใครเขยิบไปซื้อรุ่น G, S เข้าไปใหญ่
ยอดขายคงไปหนักที่รุ่น J ยิ่งกว่าเดิม ดังนั้น การที่จะรักษากำไรให้ได้
เท่าๆ เดิม ต้องหวังพึ่งรุ่น J และรุ่น E มากยิ่งกว่าเดิม วิธีที่จะทำให้รุ่น
J, E คุ้มค่าทั้งๆ ที่เพิ่มราคา คือการเพิ่มรุ่นที่ไม่ขาดหมายว่าจะขายได้ให้แพง
เวอร์เกินระดับเข้าไปอีก โดยไม่เพิ่ม option หรือระบบพิเศษ หรือถุงลมมาใดๆ
ทั้งสิ้นให้ลูกค้าต้องสับสน จนอาจจะขายไม่ได้เพราะเมื่อลูกค้าสนใจรุ่นบน ก็อาจจะไปจบ
กับรุ่นที่ราคาพอๆ กันของคู่แข่งที่มี option ไฮโซกว่าก็ได้
ส่วนรุ่นพื้นฐาน J, E ก็ให้อุปกรณ์พื้นฐานมาให้ครบถ้วน
และเมื่อเทียบระหว่างรุ่นท็อปราคาแพงเกินแต่ไร้ option ที่โดดเด่น กับรุ่น
พื้นฐานที่อุปกรณ์ครบ ลูกค้าเกือบทั้งหมดย่อมจิ้มไปที่รุ่น J, E แบบไม่ต้องคิดเยอะ
Vios รุ่นนี้เจ๋งเฉพาะสองรุ่นล่างเท่านั้น แต่สองรุ่นบน
เขาไม่ได้กะขายเท่าไหร่อยู่แล้ว นอกจากนั้น option พิเศษเก็บ
ไว้ไปกระตุ้นตลาดตอน full model ดีกว่า หรืออาจจะช้ากว่านั้น