ผู้เขียน หัวข้อ: User Review: Audi S4 1993  (อ่าน 38641 ครั้ง)

ออฟไลน์ CH.TH

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 37
  • อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน
    • อีเมล์
User Review: Audi S4 1993
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2017, 23:43:17 »
สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมารีวิวรถอีกคันหนึ่งของผม ซึ่ง(น่าจะ)เป็นรถคันที่สองในชีวิตที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

โดยรถคันนี้ได้มาเพื่อสนองนี้ดของตัวเองล้วนๆ เพราะเดิมทีก็ชอบ Audi รหัส C4 เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ประกอบกับในไทยดันมีเวอร์ชั่นที่เป็น Performance car หรือเรียกว่า S-car สำหรับออดี้
เข้าทางเลยทีเดียวเพราะว่าเป็นตัวถังที่ชอบอยู่แล้ว แถมยังเป็นรุ่นสมรรถนะที่ไม่ธรรมดาในคลาสและปีนั้นๆ



Audi S4 ถูกเปิดตัวในปี 1991 เพื่อเป็นเวอร์ชั่น Performance car ของ Audi 100 และออกมาแทนที่
Audi 200 ซึ่งเป็นตัวแรงของ 100 C3 โดยมีตัวถังให้เลือก 2 รูปแบบคือ Sedan และ Avant และมี
เครื่องยนต์ให้เลือก 2 แบบคือ 2.2L I5 Turbo ให้กำลังสูงสุด 230 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร
และ 4.2L V8 ให้กำลังสูงสุด 326 แรงม้า แรงบิด 410 นิวตันเมตร
ระบบเบรคเป็นจานแบบ UFO จับคู่กับตุ้มลม Accumulator ในการเบรค
โดยในเวอร์ชั่นตลาดเมืองไทยจะได้เป็น 2.2 ลิตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ
และมี differential lock สำหรับการใช้งานในพื้นผิวที่ลื่น



ด้านการขับขี่
ในส่วนของการขับขี่นั้นจากที่ผมใช้งานมาหลายเดือนแล้ว ส่วนตัวผมว่าค่อนข้างโอเคกับการใช้งานปกติ
อัตราเร่งเหลือเฟือสำหรับการใช้งานทั่วไป โดยจะเรียกว่าเป็นรถบ้านที่ไปกัดกับพวกรถสปอร์ตรุ่นล่างๆ
ได้อย่างไม่เหนื่อยนักก็คงไม่ผิด ซึ่งในส่วนช่วงล่างนั้นถูกเซตมาในแนวสปอร์ตซึ่งไม่ค่อยจะนุ่มนวลนัก
แต่ก็ถูกชดเชยด้วยผลการขับขี่ที่น่าพอใจ เข้าโค้งได้อย่างเฟิร์มและพริ้ว โค้งบนทางด่วนเหยียบๆเข้าไปเถอะ
ยังไงมันก็เอาอยู่ตามสไตล์ของรถขับสี่ แต่ข้อเสียของมันก็มีคือค่อนข้างกระด้าง ถ้าพาผู้สูงอายุนั่งมาด้วยอาจต้อง
เตรียม ear plug มารองรับกับเสียงบ่นว่าทำไมมันแข็งขนาดนี้ แต่สำหรับคนขับมันทำให้ค่อนข้างมั่นใจเลยล่ะเวลาจะออกบู้
ด้านอัตราสิ้นเปลืองผมค่อนข้างพอใจถ้าเทียบกับคลาสรถ โดยการใช้งานในเมืองอยู่ประมาณ 8 กิโลต่อลิตร วิ่งทางไกล 10 กิโลต่อลิตร



ภายในห้องโดยสาร
ทัศนวิสัยในการขับขี่จัดว่าดีเลย เสาเอไม่บดบังทางเลย แต่จะมีปัญหาบ้างกับกระจกมองข้างที่ซูมไม่เท่ากันสองข้าง
ในส่วนเบาะขอยกความดีให้กับทีมออกแบบภายในที่ออกแบบเบาะคู่หน้ามาค่อนข้างกระชับ ไม่หนำซ้ำยังให้ที่รองต้นขามาด้วย
ซึ่งอันนี้ส่วนตัวชอบเป็นพิเศษเพราะเวลาขับทางไกลช่วยลดอาการเมื่อยลงได้เยอะ ต่อให้ลากยาวไป 300 กิโลก็ยังสบาย
Leg room ของผู้โดยสารด้านหน้ามีเหลือค่อนข้างเยอะ มากพอสำหรับการจะพาเพื่อนสูง 180 มานั่งได้โดยที่มันไม่บ่นว่า
ขาติดคอนโซลหรือยืดขาได้ไม่สุด แต่ในส่วนของผู้โดยสารตอนหลังนั้นค่อนข้างโอเค แต่มันยังดีไม่สุด เบาะหลังนั่งสบาย
องศาเบาะหลังกำลังดี มีพื้นที่ส่วนหัวเหลือสำหรับคนตัวสูง แต่ดันมาแย่ตรง leg room ที่มีเหลือค่อนข้างน้อย หากปรับเบาะ
คู่หน้าถอยจนสุด

อีกเรื่องที่ค่อนข้างชอบสำหรับรถคันนี้คือมีที่เก็บของด้านในมาให้จุใจ ลิ้นชักฝั่งคนนั่งค่อนข้างลึกใส่ของได้เยอะ
เวลาเปิดสามารถดึงให้ยืดออกมาได้ ถ้าของมันอยู่ลึกจนหยิบไม่ถึง ใต้คอพวงมาลัยก็มีช่องเก็บของเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้ใหญ่มากนัก
แต่ก็ใหญ่พอจะเสียบปืนพกขนาด 9มม ลงไปได้พอดี เผื่อได้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน

ในส่วนของการตกแต่งภายในนั้นทริมตามแผงประตูจะเป็นเคฟล่าแท้ ให้อารมณ์สปอร์ต วัสดุคอนโซลค่อนข้างทนเลยทีเดียว
แต่บริเวณที่พักแขนติดกับประตูอันนี้สีจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา สำหรับรถที่ภายในเป็นสีสว่าง แต่ถ้าภายในดำจะไม่มีปัญหา

มาตรวัดต่างๆก็มีมาให้ครบดังที่เห็นในรูป


และทีเด็ดสำหรับรถรุ่นนี้คือมันมีจอ MID มาให้ด้วย!!! ซึ่งรถยุค 90 ต้นส่วนมากจะไม่มีมาให้
แล้วมันดูอะไรได้บ้างล่ะ? สิ่งที่จะแสดงบนจอจะมี วัดบูส ระยะทางที่วิ่งได้ อัตราการกินน้ำมัน
โดยสามารถกดเปลี่ยนว่าจะดูอะไรได้โดยการกดปุ่มโหมดที่อยู่บนก้านปัดน้ำฝน





ด้านการซ่อมบำรุง
ใครก็ตามที่เคยได้ยินมาว่ารถค่ายนี้จุกจิก ผมขอบอกเลยว่าไม่จริง อันที่คนชอบบอกว่าจุกจิกนั้นส่วนมาก
จะเป็นพวกชิ้นส่วนที่ "จำเป็น" ต้องเปลี่ยนตามระยะเวลาของมัน ซึ่งพอตัวใดตัวหนึ่งมันหมดอายุ มันก็จะพาล
พาชิ้นอื่นรวนไปด้วย ซึ่งประกอบกับนิสัยการใช้รถของคนไทยที่ไม่ค่อยได้ดูแลรถนัก แถมยังชอบดองอาการเสียไว้ซ่อมทีเดียว
จึงทำให้มันดูเหมือนจะจุกจิก

แต่ช้าก่อน ถ้าหากคุณพอจะมีความรู้ด้านการบำรุงรักษารถยนต์อยู่บ้าง
การใช้ชีวิตอยู่กับเจ้านี่ก็ไม่ใช่เรื่องปวดหัวซักเท่าไหร่ อาการเวลามีอะไรเสียจะเหมือนรถทั่วไป
ไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่ารถคันอื่น แต่บางอย่างที่มองไม่เห็นก็สามารถเช็คได้โดยการต่อ VAG-COM
เข้ากับรถเพื่อดูอาการ ซึ่งตอนนี้เทคโนโลยีค่อนข้างเอื้ออำนวย แค่มีเน็ตบุคกับสายเส้นละไม่กี่ร้อย
ก็สามารถรู้ได้แล้วว่าอะไรมันเสีย จะได้ไปคุยกับช่างรู้เรื่อง



สรุป
ส่วนตัวผมว่ามันเป็นหนึ่งในรถที่ดีที่เคยมีขายในตลาดเมืองไทย แต่ดันมาตกม้าตายตรงตัวแทนฯ ซึ่งส่วนนี้ผมขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ
ตัวรถทำมาได้ค่อนข้างดีเลย สมรรถนะถึงใจ พร้อมจะพาคุณทะยานไปได้ทุกที่ยกเว้นบนอากาศและในน้ำ การขับขี่ค่อนข้างสบาย
เรื่องอะไหล่บางชิ้นจำเป็นต้องสั่ง แต่อะไหล่ส่วนมากสามารถหาจากรถตัดซึ่งเป็น A6/100 ที่มีซากให้แกะอะไหล่เหลือเฟือ
ความประหยัดถือว่าใกล้เคียงกับคู่แข่งในยุคนั้นซึงก็คือ E280 และ 525i
ถ้าคุณเป็นติ่งรถ VAG ซึ่งบางเรื่องทำเองที่บ้านได้ และบ้ารถแรง คุณน่าจะชอบมัน
Corolla E80 85'
Corolla E140 13'
S4 C4 93'

ออฟไลน์ Arm

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,006
Re: User Review: Audi S4 1993
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 12, 2017, 18:49:32 »
สวยงามม

อยากเห็นโฟกัสดีเซละอะ หุหุ
88' Accord CA 2.0 EX A/T
88' Accord CA 2.0 LX M/T
09' Corolla Altis 2.0 V Navi
15' Commuter 3.0 A/T
18' Pajero Sport 2.4 GT-Premium Limited Edition

ออฟไลน์ IS2000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,183
    • อีเมล์
Re: User Review: Audi S4 1993
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 12, 2017, 19:11:01 »
ชอบรุ่นนี้มากครับ สมัยผมเด็กๆตัวนี้ถือว่าเป็นรถ sedan ที่แรงในยุคนั้นเลยกับพวก 850 turbo กับ Saab 9000 Aero
1 3 5
├┼┼╕
2 4 6 R

ออฟไลน์ PM_SW

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 289
  • Audi A4 B5
Re: User Review: Audi S4 1993
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 12, 2017, 22:28:22 »
สุดยอดเลยครับ นานๆทีจะมีคนเอาสี่ห่วงมารีวิว
S4 ตัวนี้ผมแทบจะแยกกับ C4 ไม่ออกเลย คล้ายกันมากครับ
แรงแบบนี้ Quattro ด้วย ในเมืองกินพอๆกับผมเลย 4สูบขับ2อายเลย อิอิ

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,363
Re: User Review: Audi S4 1993
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2017, 21:41:30 »
ทรงนี้ สวยไปอีกนาน

ออฟไลน์ ps000000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,772
Re: User Review: Audi S4 1993
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2017, 09:23:21 »
เทคโนล้ำๆ

ออฟไลน์ Super hornet

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,141
  • Hello everyone 我是爱车的人
    • อีเมล์
Re: User Review: Audi S4 1993
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 17, 2017, 11:42:13 »
ชอบเบาะรองรับต้นขาแบบนั้นมาก ถ่ายรูปสวยงามมากครับ
History of my car
2013 Lamborghini LP570-4 Superleggera For me
2006 Benz E200 Kompressor +Kleemann For wife
2008 Maserati Granturismo 4.2  For wife,me
2009 Jaguar XF 3.0 For sister
2014 Range Rover Evoque 2.2 Sold...
2009 Benz CL 500 second hand  Sold....
2001 Lexus GS300  Sold....