เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ

DiKiBoyZ

เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 09:46:10 »
เคยสงสัยมานานล่ะ ว่าทำไม???

เครื่อง Diesel ในรถ compact/sedan/suv ทำไมพละกำลัง หรือ ตัวเลขแรงม้า แรงบิด มันเยอะกว่า ถ้าเทียบกับ กระบะ

ยกตัวอย่างที่เห็นๆ กัน ก็เช่น

BฺMW เครื่อง 2.0T นี่ 184-190 ม้า(ใน 5 ทะลุ 200) แรงบิด 400 มาแบบ flat ด้วย มันเทียบได้ประมาณ 2.8-3.2 ของกระบะเลย
MAZDA เครื่อง 2.2T นี่ 175 ม้า แรงบิด 450 มันก็พอๆ กับ กระบะ 2.5-3.0 เลยน่ะ
กำลังจะมาก็ HONDA เครื่อง 1.6T มี 160 ม้า แรงบิต 300 มันเทียบได้ประมาณ 2.5 ของกระบะเลย
อื่นๆ....

แล้วที่สำคัญ เครื่องในใช้ในรถเก๋ง ประหยัดน้ำมันกว่าเครื่องยนต์ในกระบะแทบเกือบๆ "เท่าตัว" ด้วย

ถ้าเครื่องพวกนี้มาใส่แทนเครื่องกระบะ จะเป็นไง?




ฟง อวิ๋น

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 09:49:52 »
ที่ท่านกล่าวมาก็น่าคิดครับ สงสัยด้วยคน

ไม่รู้เป็นเพราะกระบะหนักกว่า ต้านลมกว่า หรือเปล่าครับ

หรือไม่ใส่ไปแล้วราคาแพง ก็ขายไม่ได้หรือเปล่าครับ

ความเห็นส่วนตัวนะครับ ด้วยความเคารพ ขอรอฟังด้วยคนครับ

 8) 8) 8) 8) 8)
Isuzu SLX, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 I, Mazda2 II, D-Max, Fortuner, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer II, Lander III, Ranger, XL7, Forester SK, Swift, Stargazer, Aion V



dtmf

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 10:02:29 »
การจูนให้ประหยัดเป็นหลัก กำลังเพียงพอต่อการใช้ พอดันรางเข้าไปเป็นไงละ.



Gordon Freeman

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 10:04:11 »
น้ำหนักรถมันต่างกันมากครับ ถ้าจะเทียบ ก็ต้องเทียบกับพวก SUV ไซส์ใหญ่ๆ ขนาดเท่า PPV บ้านเรานั่นแหละครับ
2011 Kawasaki Ninja 650 (Sold)
2012 Ford Fiesta 1.6 Sport Ultimate (Sold)
2013 Suzuki Swift Eco GLX 1.25 (Sold)
2015 Honda Civic 1.8 (Sold)
2017 Toyota Fortuner 2.4 (Sold)
2019 Honda Jazz S MT (Sold)
2020 Nissan Almera VL 1.0T
2022 Isuzu D-Max Cab 4 1.9 AT
2023 Neta V



kiwiwi

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 10:28:37 »
ถ้ากระบะที่เซ็ทช่วงล่างเน้นบรรทุกของ
ได้แรงม้าเยอะๆแบบนั้น มีหวัง

คงเห็นกล้องหน้ารถจับภาพกระบะหมุนบ้าง ชนบ้างเยอะกว่านี้แน่ๆ



DiKiBoyZ

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 10:33:12 »
ที่ท่านกล่าวมาก็น่าคิดครับ สงสัยด้วยคน

ไม่รู้เป็นเพราะกระบะหนักกว่า ต้านลมกว่า หรือเปล่าครับ

หรือไม่ใส่ไปแล้วราคาแพง ก็ขายไม่ได้หรือเปล่าครับ

ความเห็นส่วนตัวนะครับ ด้วยความเคารพ ขอรอฟังด้วยคนครับ

 8) 8) 8) 8) 8)

อันนี้ก็น่าคิด ว่าเรื่องต้นทุนหรือป่าว?? หรือ เทคโนโลยีเก๋ง มันไปไกลกว่า กระบะหรือป่าว? ส่วนตัวผมมองว่า เทคโนโลยี Diesel น่าจะเหมือนกัน ต่างกันแค่รายละเอียดมากกว่า


หลายท่านบอกว่า เกี่ยวกับน้ำหนักตัวถัง หรือ ตัวรถ

แต่ ตัวเลขแรงม้าแรงบิด มันจะเป็น spec ที่เขาวัดจาก flywheel นะครับ ซึ่ง จะมาใส่รถหนักรถเบา ก็ต้องมาเลือกอัตราทด หรือ ระบบส่งกำลัง อีกที

ซิ่งผมมองว่า ถ้าเอาเครื่องพวกนี้ มาประกบกับเกียร์กระบะ เพื่อให้ได้อัตราทดหรือระบบส่งกำลังเหมือนกัน แต่จุดกำเนิดกำลังหรือเครื่องยนต์ ในเก๋ง CC น้อยกว่า แต่ได้กำลังเท่ากันหรือมากกว่าด้วยซ้ำ

มันน่าจะทำให้ กำลังลงล้อ หรือ กำลังลงพื้น น่าจะดีกว่าไม่ใช่เหรอครับ

ปล.เก๋งก็ดันรางได้ครับ :)



apinui

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 10:50:17 »
ไม่ต้องไปคิดอะไรซับซ้อนหรอกครับ

เทคโนโลยี เครื่องยนต์ดีเซลคอมม่อนเรลน่ะ ... มันไปไกลแล้ว ผู้ผลิตเค้าจะให้มันมีแรงม้าเท่าไรก็ได้ ไม่ว่าจะ เครื่องยนต์ที่อยู่ใน SUV หรือ ที่อยู่ในรถกระบะ ....

แต่ปัจจัยมันอยู่ที่ว่าา ... คนซื้อ จะคิดยังไง ถ้าเครื่องยนต์ 2.2 ใน BT50 PRO มีแรงม้าแรงบิดมากกว่า CX5 .... ทั้งๆที่ CC เท่ากัน ... แต่ราคา CX5 แพงกว่ามาก .... (ทุกวันนี้ยังมีลูกค้าหลายคนคิดว่า เครื่องยนต์ CX5 เป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกับ BT50 อยู่เยอะ)

คนจะคิดยังไง ถ้า 1.6 I-Dtec ของ Honda มีแรงม้าแรงบิด น้อยกว่า 1.9 DDI ของ  ISUZU ล่ะ

รถแพงกว่า แต่สเป็กเครื่องห่วยกว่ากระบะคันละ 7-8 แสน .... มันจะขายออกไหมล่ะครับ .....

โดยเฉพาะลูกค้าคนไทย ... คงได้มาโพสว่า "รถก็แพง เครื่องยังแรงน้อยกว่ากระบะอีก" เป็นแน่แท้ ....



pladaek

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 10:58:22 »
อย่าไปคิดไรมาก
เขาจูนเพราะการใช้งานที่แตกต่างกัน..

แค่ขึ้นชื่อว่ากระบะกับเก๋ง ชื่อมันก็ต่างกันแล้ว..
ไม่ได้ขับรถเพื่อทำเวลาที่ดีที่สุด.. แต่ขับรถเพื่อเจอช่วงเวลาที่ดีที่สุด..



ps000000

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 11:08:45 »
ผมทึ่งตัวเลขแรงม้าแรงบิด

ของเครื่องดีเซลของ benz bmw มากๆ



Darkart

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 11:20:14 »
ด้วยตัวเครื่องยนต์และการใส่เทคโนโลยีลงไป จำนวนความจุ CC. การปรับจูน แรงม้า แรงบิด น้ำหนักตัวรถ ขนาดหล้อ ก็ต่างกันแล้วครับ
ผู้ไม่มีแผลเป็น คือ ผู้ไม่มีประสบการณ์



JeansZ

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 11:46:27 »
คิดเหมือนกันเลยครับ เครื่อง Isuzu 1.9 ที่พัฒนามาใช้กับรถกระบะ ไม่น่าจะเป็นรองเครื่องดีเซล 1.6 ของ Honda ที่ออกมาก่อนหน้า และเราไม่ค่อยได้ยินชื่อเสียงของเครื่องดีเซลจากค่ายนี้เท่าไหร่นัก

แต่ก็คิดว่า เครื่อง 1.9 ออกแบบมาสำหรับใช้งานหนัก อย่างรถกระบะที่ต้องบรรทุกหนัก โดยที่อัตราเร่งและอัตราสิ้นเปลืองต้องไม่ลดลงมากนัก ถ้าเอาเครื่องดีเซลสำหรับรถยนต์นั่งมาวาง ก็วิ่งได้อยู่ แต่พอเอาไปบรรทุกหนักแล้วเห็นผล เช่น อัตราเร่งลดลงมาก แล้วกินน้ำมันมาก หรือไม่ก็ เป็นเรื่องของความทนทาน ที่เครื่องสำหรับรถกระบะต้องออกแบบมาให้ทนกว่า

อย่างเครื่องดีเซล 2.0 vcdi ใน Chevrolet Captiva นั่นก็เหมือนกัน 163 แรงม้า ซึ่งเท่ากับเครื่อง Duramax 2.5 ใน Chevrolet Colorado เลย ก็น่าคิดว่าทำไมไม่เอาเครื่อง 2.0 vcdi มาพัฒนาใส่รถกระบะ ขายแข่งกับ Isuzu 1.9
Ford Fiesta 1.0 Ecoboost
Toyota Yaris 1.2



Nyquist

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 11:47:17 »
ผมก็คิดว่าอยู่ที่การปรับจูน เพื่อให้เหมาะกับการใช้งาน (เดา)

แต่เสียงนี่สิยังสงสัยอยู่ กระบะเสียงดังกว่าเก๋งชัดเจน ยังสงสัยอยู่ ทำให้มันเงียบเหมือนกันไม่ได้? หรือต้นทุนต่างกัน?



DiKiBoyZ

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 12:35:47 »
อย่าไปคิดไรมาก
เขาจูนเพราะการใช้งานที่แตกต่างกัน..

แค่ขึ้นชื่อว่ากระบะกับเก๋ง ชื่อมันก็ต่างกันแล้ว..

ด้วยตัวเครื่องยนต์และการใส่เทคโนโลยีลงไป จำนวนความจุ CC. การปรับจูน แรงม้า แรงบิด น้ำหนักตัวรถ ขนาดหล้อ ก็ต่างกันแล้วครับ

ผมคิดไปเอง หรือ ตรรกะผมผิดหรือป่าว ถามเพื่อเป็นความรู้ละกันครับ

ว่า

ถ้ามองว่า กระบะ น้ำหนักมากกว่า การใช้งานหนักกว่า ซีซีเยอะกว่า กินน้ำมันมากกว่า ถ้าโจทย์มันเป็นแบบนี้ ทำไม เครื่องยนต์กระบะ ถึง แรงม้า แรงบิด น้อยกว่า หรือ พอๆ กันกับ เครื่องยนต์ Diesel ของรถนั่ง ทั้งที่ ซีซีน้อยกว่า ??? ซึงจริงๆ มันควรจะมากกว่า จริงไหม

แล้ว spec ของเครื่องยนต์ อย่างที่บอก เขาวัดที่ flywheel นะ มันบอกอยู่แล้วว่า เครื่องยนต์เก๋ง แรงม้า/แรงบิด  ต่อ CC ดีกว่า เครื่องยนต์กระบะ ไหนจะอัตราการสิ้นเปลืองก็ดีกว่าอีก เลย ยังไม่ค่อยเข้าใจหลักคิดเท่าไหร่

ขอบคุณที่ร่วมแชร์ความรู้ครับ



locomotive

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 12:54:54 »
เครื่องรถเก๋ง สุบเรียงขวาง วางขวาง ขับหน้า โครงสร้าง อิสละ โมโนค๊อก เน้นการโดยสาร นุ่ม สบายขับขี่คล่องตัว
เครื่องกระบะ สูบเรียงยาว วางยาวขับหลัง วางบนแซสชี บบดี้ออนเฟรม เน้นใช้งานหนัก ลากจูง บรรทุกโหดๆ รับทุกสภาพถนน

จะเอามาเทียบกันได้ไงครับ งานวิศกรรม คนละเรื่อง เอาเครื่องเก๋ง วางกระบะ แสดงว่า ไม่รู้เรื่องรถเท่าไหร่เลย ท่าน จขกท. ไหนยังที่โครงสร้างเกียร์คนละแบบอีก วัตถุประสงการใช้งานก็คนละเรื่อง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 12:58:28 โดย locomotive »



SETTHASART

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 13:00:44 »
ถ้าตามที่ข้อมูลของ จขกท ยกมา ผมเดาว่ารถเก๋งเค้าจูนมาเพื่อใช้ในความเร็วสูง(กว่ากระบะ)ด้วยนะครับ แรงม้าเลยให้มาเยอะกว่า ส่วนเรื่องแรงบิดมีข้อมูลมั้ยครับว่ามันมาที่รอบเท่าไหร่ ไม่แน่นะครับ ถ้าลองเอากระบะ-เก๋งเครื่องเท่ากันมาลากของซัก 1.5 ตัน กระบะอาจทำ 0-60 ได้ไวกว่าก็ได้นะ



Weetting

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 13:16:13 »
ผมเดาว่าล้วนๆ   ว่าเค้าจูน"ตามอัตราสิ้นเปลืองที่ต้องการ"   อย่างเครื่อง 2.2(SH-VPTS) ของ CX-5  ถ้าเอาบล็อคนี้ไปลงกระบะ มันก็กินน้ำมันกว่า

หรือเอาบล็อค 2.2 PUMA ในกระบะมาวาง CX-5  อาจจะไม่แรงเท่าแต่ก็อาจจะประหยัดกว่า 2.2 (SH-VPTS) 
THE Manual Gearbox Preservation Society
Drive diesel until last day



หมับเข้าให้

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 13:23:03 »
ช่วงล่างกระบะเค้าไม่รองรับความแรงมากมายขนาดนั้นครับ เอาแค่พอใช้งานตามวัตถุประสงค์

ถ้าทำรถออกมาเครื่องแรงมาก ก็ต้องไปออกแบบช่วงล่างให้รับกับความแรงอีก ยาวเลย ไหนจะเบรกอีก




Nonlamer

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 13:25:01 »
รถทั้งสองแบบใช้งานกันคนละจุดประสงค์ครับ กระบะเน้นขนของ รถเก๋งเน้นคนนั่ง การออกแบบการจูนก็จะต่างกันไปตามจุดประสงค์ครับ



Nonlamer

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 13:27:09 »
เครื่องรถเก๋ง สุบเรียงขวาง วางขวาง ขับหน้า โครงสร้าง อิสละ โมโนค๊อก เน้นการโดยสาร นุ่ม สบายขับขี่คล่องตัว
เครื่องกระบะ สูบเรียงยาว วางยาวขับหลัง วางบนแซสชี บบดี้ออนเฟรม เน้นใช้งานหนัก ลากจูง บรรทุกโหดๆ รับทุกสภาพถนน

จะเอามาเทียบกันได้ไงครับ งานวิศกรรม คนละเรื่อง เอาเครื่องเก๋ง วางกระบะ แสดงว่า ไม่รู้เรื่องรถเท่าไหร่เลย ท่าน จขกท. ไหนยังที่โครงสร้างเกียร์คนละแบบอีก วัตถุประสงการใช้งานก็คนละเรื่อง

คนที่เข้ามาเล่นเวปนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีความรู้เรื่องรถยนต์เสมอไปครับ ได้แบ่งปันความรู้แก่เพื่อนสมาชิกด้วยกันครับ (ผมก็คนนึงที่ไม่รู้อะไรเท่าไร และได้เข้ามาอ่านๆในนี้จนพอจะรู้บ้างนิดๆหน่อยๆครับ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 13:30:04 โดย Nonlamer »



Pegasus7700

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 13:38:43 »
ถ้าตามที่ข้อมูลของ จขกท ยกมา ผมเดาว่ารถเก๋งเค้าจูนมาเพื่อใช้ในความเร็วสูง(กว่ากระบะ)ด้วยนะครับ แรงม้าเลยให้มาเยอะกว่า ส่วนเรื่องแรงบิดมีข้อมูลมั้ยครับว่ามันมาที่รอบเท่าไหร่ ไม่แน่นะครับ ถ้าลองเอากระบะ-เก๋งเครื่องเท่ากันมาลากของซัก 1.5 ตัน กระบะอาจทำ 0-60 ได้ไวกว่าก็ได้นะ
ผมคิดว่าแบบนี้นะ
...ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป...

MERCEDES BENZ W212 '12
FORD FOCUS 2.0 Gdi '13
HONDA Civic RS '20
VOLVO XC60 Hybrid Inscription '19
FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo '22



TDCI

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 13:38:53 »
มีอีกประเด็นคือ เทคโนโลยี Turbo เก๋งล้ำกว่ากระบะ รีดกำลังได้เยอะกว่า



kiwiwi

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 13:44:03 »
เครื่องรถเก๋ง สุบเรียงขวาง วางขวาง ขับหน้า โครงสร้าง อิสละ โมโนค๊อก เน้นการโดยสาร นุ่ม สบายขับขี่คล่องตัว
เครื่องกระบะ สูบเรียงยาว วางยาวขับหลัง วางบนแซสชี บบดี้ออนเฟรม เน้นใช้งานหนัก ลากจูง บรรทุกโหดๆ รับทุกสภาพถนน

จะเอามาเทียบกันได้ไงครับ งานวิศกรรม คนละเรื่อง เอาเครื่องเก๋ง วางกระบะ แสดงว่า ไม่รู้เรื่องรถเท่าไหร่เลย ท่าน จขกท. ไหนยังที่โครงสร้างเกียร์คนละแบบอีก วัตถุประสงการใช้งานก็คนละเรื่อง

ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย!!!
อย่างเบนซิลเอง 4g ของมิตซูยังอยู่ในทั้งเก๋งและกระบะเลยครับ

และรถที่เป็นบอดี้ออนเฟรม ขับสบาย นุ่ม เน้นโดยสาร วางเครื่องกระบะ อย่างพวก prado มันก็มีนี่ครับ

แหม่ ทำอย่างกะดีเซลในรถเก๋ง จะ ดูด อัด จุด คาย ไม่เหมือนในกระบะงั้นแหละ

มัน ดูด อัด จุด คาย ต่างกันยังไงช่วยชี้แนะผมด้วยนะครับผมก็ไม่มีความรู้ลึกซึ้งถึงขนาดนั้น

ส่วนการใช้งาน ผมก็คิดแค่ว่า มันเอาไปทำให้ล้อเลื่อนเหมือนกัน ถ้า การดูด อัด จุด คาย มันสามารถทำให้เกิดไอร้อนมหาศาลจนบินได้ อันนี้ผมถือว่าแตกต่างกันชัดเจนครับ

ยังไงก็ขอหลักฐานประกอบเพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผมและเพื่อนๆสมาชิกถึงความแตกต่างกันชัดเจนด้วยนะครับ

กะอีเครื่องชนเกียร์ขับเคลื่อนต่างกันนิดหน่อยและวางตำแหน่งต่างกัน ไม่น่าจะแดกดันท่านอื่นได้ขนาดนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 14:53:41 โดย kiwiwi »



NoName__???

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 13:45:16 »
เราใช้เก๋งดีเซลอยู่แค่เครื่อง 2.0 Turbo แรงบิด 400 กว่า วิ่งตจว.แซงกระบะบ้าพลังตั้งแต่ต้นยันปลาย แถมยังประหยัด 1 ถังทางไกลไม่เคยต่ำกว่า 900 กิโล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 13:47:21 โดย NoName__??? »



morphling14

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 13:45:55 »
ระยะชักลูกสูบ กระบะมากกว่าเก๋งด้วยมั้ยครับ   ทำให้รอบเครื่องยนต์ของกระบะน้อยกว่าเก๋ง เลยทำให้แรงม้าออกมาได้น้อยกว่าเพราะรอบหมด



punn

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 13:50:03 »
อย่าลืมรถบรรทุกนะครับ แรงม้าก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ขนาดนี่ก็คนละเรื่อง
คิดว่าตามน้ำหนักรถด้วย เพื่อความทนทานครับ(ใหญ่ๆ รับโหลดหนักตลอด)

ของเก๋งเครื่องเล็กๆเอง
เป็นคนโลกปกติธรรมดา :)
ไม่โลกสวย และไม่โลกมืด อยู่กับความเป็นจริงและพลังงานบวก ..

ปราชญ์สอนสิ่งไหน คนก็จะจำสิ่งนั้น
ประสบการณ์เจอแบบไหน คนก็จะคิดทางนั้น
ต่างคนต่างประสบการณ์เรียนรู้สิ่งเดียวกัน ก็จะออกมาแตกต่างกันไปครับ



Olympuspen

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 13:52:13 »
เท่าที่อ่านมาจากกระทู้ข้างบนทั้งหมด ผมว่ามีส่วนถูกเกือบทุกกระทู้น่ะครับ เข้าข่ายเป็นไปได้หมด ผมก็สงสัยเหมือนกัน 

ไม่ต้องถึงรถยุโรปหรอกครับ CX-5 2.2 d กับ BT50 Pro 2.2 d นี่ก็เห็นความต่างแล้ว ตัวรถทั้ง 2 หนักต่างกันไม่มากน่ะครับ ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นเรื่อง ของการจูนแรงบิดให้เข้ากับเกียร์และการทดเฟืองที่ใช้ของแต่ละประเภทรถมากกว่า รวมถึงเทคถึงเทคโนโลโยบางอย่างต้นทุนมันสูง เลยต้องเก็บไว้ใช้กับรถที่แพงกว่า ถ้าเอาเครื่อง CX-5 2.2 d มาลงใน BT50 Pro ก็คงต้องจูนใหม่หมด ชุดเกียร์ เฟืองท้าย ต้นทุนเพิ่มแน่นอน 



pladaek

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 14:00:15 »
เครื่องรถเก๋ง สุบเรียงขวาง วางขวาง ขับหน้า โครงสร้าง อิสละ โมโนค๊อก เน้นการโดยสาร นุ่ม สบายขับขี่คล่องตัว
เครื่องกระบะ สูบเรียงยาว วางยาวขับหลัง วางบนแซสชี บบดี้ออนเฟรม เน้นใช้งานหนัก ลากจูง บรรทุกโหดๆ รับทุกสภาพถนน

จะเอามาเทียบกันได้ไงครับ งานวิศกรรม คนละเรื่อง เอาเครื่องเก๋ง วางกระบะ แสดงว่า ไม่รู้เรื่องรถเท่าไหร่เลย ท่าน จขกท. ไหนยังที่โครงสร้างเกียร์คนละแบบอีก วัตถุประสงการใช้งานก็คนละเรื่อง

ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย!!!
อย่างเบนซิลเอง 4g ของมิตซูยังอยู่ในทั้งเก๋งและกระบะเลยครับ

แหม่ ทำอย่างกะดีเซลในรถเก๋ง จะ ดูด อัด จุด คาย ไม่เหมือนในกระบะงั้นแหละ

มัน ดูด อัด จูด คาย ต่างกันยังไงช่วยชี้แนะผมด้วยนะครับืผมก็ไม่มีความรู้ลึกซึ้งถึงขนาดนั้น

ส่วนการใช้งาน ผมก็คิดแค่ว่า มันเอาไปทำให้ล้อเลื่อนเหมือนกัน ถ้า การดูด อัด จุด คาย มันสามารถทำให้เกิดไอร้อนมหาศาลจนบินได้ อันนี้ผมถือว่าแตกต่างกันชัดเจนครับ

แหม่ ยังไงก็ขอหลักฐานประกอบเพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผมและเพื่อนๆสมาชิกถึงความแตกต่างกันชัดเจนด้วยนะครับ

กะอีเครื่องชนเกียร์ขับเคลื่อนต่างกันนิดหน่อยและวางตำแหน่งต่างกัน ไม่น่าจะแดกดันท่านอื่นได้ขนาดนี้
ไปกันใหญ่ล่ะครับ..

เครื่อง 4G ครับ แต่วางตามยาว กับ ตามขวางไงครับ..
การออกแบบมันคนละแบบกันครับ เครื่อง 4G มีตั้งหลายแบบ..
เรื่อง ดูด อัด ระเบิด คลาย ไม่มีใครสงสัยหรอก..

เครื่อง SR20 ก็เช่นกัน ยังมีตั้งหลายซีรี่ย์
มีวางตามยาว ตามขวางครบเลย..
ไม่ได้ขับรถเพื่อทำเวลาที่ดีที่สุด.. แต่ขับรถเพื่อเจอช่วงเวลาที่ดีที่สุด..



paeybu

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 14:08:54 »
เครื่องรถเก๋ง สุบเรียงขวาง วางขวาง ขับหน้า โครงสร้าง อิสละ โมโนค๊อก เน้นการโดยสาร นุ่ม สบายขับขี่คล่องตัว
เครื่องกระบะ สูบเรียงยาว วางยาวขับหลัง วางบนแซสชี บบดี้ออนเฟรม เน้นใช้งานหนัก ลากจูง บรรทุกโหดๆ รับทุกสภาพถนน

จะเอามาเทียบกันได้ไงครับ งานวิศกรรม คนละเรื่อง เอาเครื่องเก๋ง วางกระบะ แสดงว่า ไม่รู้เรื่องรถเท่าไหร่เลย ท่าน จขกท. ไหนยังที่โครงสร้างเกียร์คนละแบบอีก วัตถุประสงการใช้งานก็คนละเรื่อง

แล้วเขาสงสัย คุณไปว่าเขาทำไมครับ ไม่ได้ดูดีเลย



benley

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 14:12:22 »
เครื่อง ซีซี เท่ากัน แต่อย่างลืมเรื่องขนาดและน้ำหนักของวัสดุในการประกอบเครื่องด้วยครับ
มันมีผลต่อเนื่องกัน



DiKiBoyZ

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 14:34:15 »
ที่ท่านกล่าวมาก็น่าคิดครับ สงสัยด้วยคน

ไม่รู้เป็นเพราะกระบะหนักกว่า ต้านลมกว่า หรือเปล่าครับ

หรือไม่ใส่ไปแล้วราคาแพง ก็ขายไม่ได้หรือเปล่าครับ

ความเห็นส่วนตัวนะครับ ด้วยความเคารพ ขอรอฟังด้วยคนครับ

 8) 8) 8) 8) 8)

อันนี้ก็น่าคิด ว่าเรื่องต้นทุนหรือป่าว?? หรือ เทคโนโลยีเก๋ง มันไปไกลกว่า กระบะหรือป่าว? ส่วนตัวผมมองว่า เทคโนโลยี Diesel น่าจะเหมือนกัน ต่างกันแค่รายละเอียดมากกว่า


หลายท่านบอกว่า เกี่ยวกับน้ำหนักตัวถัง หรือ ตัวรถ

แต่ ตัวเลขแรงม้าแรงบิด มันจะเป็น spec ที่เขาวัดจาก flywheel นะครับ ซึ่ง จะมาใส่รถหนักรถเบา ก็ต้องมาเลือกอัตราทด หรือ ระบบส่งกำลัง อีกที

ซิ่งผมมองว่า ถ้าเอาเครื่องพวกนี้ มาประกบกับเกียร์กระบะ เพื่อให้ได้อัตราทดหรือระบบส่งกำลังเหมือนกัน แต่จุดกำเนิดกำลังหรือเครื่องยนต์ ในเก๋ง CC น้อยกว่า แต่ได้กำลังเท่ากันหรือมากกว่าด้วยซ้ำ

มันน่าจะทำให้ กำลังลงล้อ หรือ กำลังลงพื้น น่าจะดีกว่าไม่ใช่เหรอครับ 


ปล.เก๋งก็ดันรางได้ครับ :)

เครื่องรถเก๋ง สุบเรียงขวาง วางขวาง ขับหน้า โครงสร้าง อิสละ โมโนค๊อก เน้นการโดยสาร นุ่ม สบายขับขี่คล่องตัว
เครื่องกระบะ สูบเรียงยาว วางยาวขับหลัง วางบนแซสชี บบดี้ออนเฟรม เน้นใช้งานหนัก ลากจูง บรรทุกโหดๆ รับทุกสภาพถนน

จะเอามาเทียบกันได้ไงครับ งานวิศกรรม คนละเรื่อง เอาเครื่องเก๋ง วางกระบะ แสดงว่า ไม่รู้เรื่องรถเท่าไหร่เลย ท่าน จขกท. ไหนยังที่โครงสร้างเกียร์คนละแบบอีก วัตถุประสงการใช้งานก็คนละเรื่อง

ที่ผมต้องการเปรียบเทียบคือ เครื่องยนต์ ครับ ไม่ใช้รถทั้งคัน แค่ไม่เข้าใจในหลักคิด

ผมมีความรู้เรื่องรถนิดหน่อย ช่วยชี้แนะด้วยครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

ปล. รถเก๋ง วางเครื่องตามยาว ขับหลัง ก็มีครับ

เครื่องรถเก๋ง สุบเรียงขวาง วางขวาง ขับหน้า โครงสร้าง อิสละ โมโนค๊อก เน้นการโดยสาร นุ่ม สบายขับขี่คล่องตัว
เครื่องกระบะ สูบเรียงยาว วางยาวขับหลัง วางบนแซสชี บบดี้ออนเฟรม เน้นใช้งานหนัก ลากจูง บรรทุกโหดๆ รับทุกสภาพถนน

จะเอามาเทียบกันได้ไงครับ งานวิศกรรม คนละเรื่อง เอาเครื่องเก๋ง วางกระบะ แสดงว่า ไม่รู้เรื่องรถเท่าไหร่เลย ท่าน จขกท. ไหนยังที่โครงสร้างเกียร์คนละแบบอีก วัตถุประสงการใช้งานก็คนละเรื่อง

คนที่เข้ามาเล่นเวปนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีความรู้เรื่องรถยนต์เสมอไปครับ ได้แบ่งปันความรู้แก่เพื่อนสมาชิกด้วยกันครับ (ผมก็คนนึงที่ไม่รู้อะไรเท่าไร และได้เข้ามาอ่านๆในนี้จนพอจะรู้บ้างนิดๆหน่อยๆครับ)

ผมก็อยากได้ความรู้เพิ่มเติมเหมือนกัน

ถ้าตามที่ข้อมูลของ จขกท ยกมา ผมเดาว่ารถเก๋งเค้าจูนมาเพื่อใช้ในความเร็วสูง(กว่ากระบะ)ด้วยนะครับ แรงม้าเลยให้มาเยอะกว่า ส่วนเรื่องแรงบิดมีข้อมูลมั้ยครับว่ามันมาที่รอบเท่าไหร่ ไม่แน่นะครับ ถ้าลองเอากระบะ-เก๋งเครื่องเท่ากันมาลากของซัก 1.5 ตัน กระบะอาจทำ 0-60 ได้ไวกว่าก็ได้นะ

ผมยก ข้อมูล ของ BMW 320D มาละกัน ง่ายดี (หาดูตาม web ของ BMW เพิ่มได้ครับ)
- กำลังสูงสุด (กิโลวัตต์/แรงม้า/รอบต่อนาที)   140 / 190 / 4,000
- แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร/รอบต่อนาที)        400 / 1,750-2,500

อันนี้ผมยกมาจาก REVO 2.4 ครับ (หาดูเพิ่มเติมจาก web ของ TOYOTA ได้ครับ)
กำลังสูงสุด [กิโลวัตต์ (แรงม้า)/รอบต่อนาที]   110(150)/3,400
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร/รอบต่อนาที)   343/1,400-2,800

อันนี้ BT-50 PRO 2.2 (หาดูเพิ่มเติมจาก web ของ MAZDA ได้ครับ)
รุ่น 2.2 ลิตร ให้กำลัง 150 แรงม้า (110 กิโลวัตต์) ที่ 3,700 รอบ แรงบิด 375 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รอบ

ประมาณนี้ละกันครับ

เครื่องรถเก๋ง สุบเรียงขวาง วางขวาง ขับหน้า โครงสร้าง อิสละ โมโนค๊อก เน้นการโดยสาร นุ่ม สบายขับขี่คล่องตัว
เครื่องกระบะ สูบเรียงยาว วางยาวขับหลัง วางบนแซสชี บบดี้ออนเฟรม เน้นใช้งานหนัก ลากจูง บรรทุกโหดๆ รับทุกสภาพถนน

จะเอามาเทียบกันได้ไงครับ งานวิศกรรม คนละเรื่อง เอาเครื่องเก๋ง วางกระบะ แสดงว่า ไม่รู้เรื่องรถเท่าไหร่เลย ท่าน จขกท. ไหนยังที่โครงสร้างเกียร์คนละแบบอีก วัตถุประสงการใช้งานก็คนละเรื่อง

ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย!!!
อย่างเบนซิลเอง 4g ของมิตซูยังอยู่ในทั้งเก๋งและกระบะเลยครับ

แหม่ ทำอย่างกะดีเซลในรถเก๋ง จะ ดูด อัด จุด คาย ไม่เหมือนในกระบะงั้นแหละ

มัน ดูด อัด จูด คาย ต่างกันยังไงช่วยชี้แนะผมด้วยนะครับืผมก็ไม่มีความรู้ลึกซึ้งถึงขนาดนั้น

ส่วนการใช้งาน ผมก็คิดแค่ว่า มันเอาไปทำให้ล้อเลื่อนเหมือนกัน ถ้า การดูด อัด จุด คาย มันสามารถทำให้เกิดไอร้อนมหาศาลจนบินได้ อันนี้ผมถือว่าแตกต่างกันชัดเจนครับ

แหม่ ยังไงก็ขอหลักฐานประกอบเพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผมและเพื่อนๆสมาชิกถึงความแตกต่างกันชัดเจนด้วยนะครับ

กะอีเครื่องชนเกียร์ขับเคลื่อนต่างกันนิดหน่อยและวางตำแหน่งต่างกัน ไม่น่าจะแดกดันท่านอื่นได้ขนาดนี้

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

เท่าที่อ่านมาจากกระทู้ข้างบนทั้งหมด ผมว่ามีส่วนถูกเกือบทุกกระทู้น่ะครับ เข้าข่ายเป็นไปได้หมด ผมก็สงสัยเหมือนกัน 

ไม่ต้องถึงรถยุโรปหรอกครับ CX-5 2.2 d กับ BT50 Pro 2.2 d นี่ก็เห็นความต่างแล้ว ตัวรถทั้ง 2 หนักต่างกันไม่มากน่ะครับ ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นเรื่อง ของการจูนแรงบิดให้เข้ากับเกียร์และการทดเฟืองที่ใช้ของแต่ละประเภทรถมากกว่า รวมถึงเทคถึงเทคโนโลโยบางอย่างต้นทุนมันสูง เลยต้องเก็บไว้ใช้กับรถที่แพงกว่า ถ้าเอาเครื่อง CX-5 2.2 d มาลงใน BT50 Pro ก็คงต้องจูนใหม่หมด ชุดเกียร์ เฟืองท้าย ต้นทุนเพิ่มแน่นอน
แต่ ตัวเลขแรงม้าแรงบิด มันจะเป็น spec ที่เขาวัดจาก flywheel นะครับ ซึ่ง จะมาใส่รถหนักรถเบา ก็ต้องมาเลือกอัตราทด หรือ ระบบส่งกำลัง อีกที

ซิ่งผมมองว่า ถ้าเอาเครื่องพวกนี้ มาประกบกับเกียร์กระบะ เพื่อให้ได้อัตราทดหรือระบบส่งกำลังเหมือนกัน แต่จุดกำเนิดกำลังหรือเครื่องยนต์ ในเก๋ง CC น้อยกว่า แต่ได้กำลังเท่ากันหรือมากกว่าด้วยซ้ำ

มันน่าจะทำให้ กำลังลงล้อ หรือ กำลังลงพื้น น่าจะดีกว่าไม่ใช่เหรอครับ 


ผมแจ้งไว้แล้วว่า  อยากรู้ แนวทาง หรือ หลักคิด ของเครื่องยนต์  Diesel ของเก๋ง กับ กระบะ ครับ เพราะผมรู้แล้วว่า หลังจากเครื่องมา เกียร์ อัตราทด เฟืองท้าย มันต่างกันอยู่แล้วครับ