ผู้เขียน หัวข้อ: ขออนุญาติระบายความผิดหวังอัดอั้นตันใจกับc class 5ปีเมื่อเทียบกับnissan teana  (อ่าน 15811 ครั้ง)

ออฟไลน์ Anvers30

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,372
    • อีเมล์
รถเยอรมันยุคใหม่เท่าที่มีเคยผ่านมือมาบ้าง ผมว่าพวกช่วงล่างยังบาลานซ์ความนุ่มกับความเกาะไม่ดีเท่าสมัยก่อน ที่แค่เป็นคนนั่งก็รู้สึกได้ว่า มันเหนือกว่ารถตลาดทั่วไป ยิ่งเป็นเบาะนั่ง ยิ่งออกรุ่นใหม่มายิ่งแย่ลง ลองไปนั่ง E34/E60 เทียบกับ G30 รู้สึกได้เลย ตัวใหม่ขนาดเบาะมันเล็กลงแบบประหลาด ยิ่งเบนซ์นี่ชัดมาก W211 กับ W213 นี่คนละฟีล เอาดี้ก็ไม่แพ้กัน A6 C5 กับ C7 เบาะนี่ยังกับรถคนละเซกเมนต์

เหมือนตอนนี้ถ้ารุ่นไหนจะไปทางสปอร์ต มันจะสะเทือนแบบไม่ค่อยมีสกุล แม้แต่เอาดี้ A5 ที่เพิ่งไปลองมา มันยังกระเด้งกระดอนเกินงาม ทั้งที่ลมยางก็ประมาณ 40 นิดๆ ไม่เกินนี้ นี่คือโหมด Comfort นะครับ ถ้าโหมด Dynamic ไปเจอทางปูนผิวดาวอังคาร หรือเนินฝาท่อฝาถังในบางกอก คงสะเทือนตับน่าดู เกาะแต่สะเทือน นี่มันไม่ใช่สมัยก่อน E39 ลืมตาดูโลกนะครับ ที่ยังบาลานซ์ช่วงล่างให้พอดีไม่ได้ :-\

ออฟไลน์ cloud

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 668
    • อีเมล์
ขอบคุณทุกๆเม้นที่มาตอบครับ อันที่จริงไม่ถึงขั้นอยากจะขายทิ้งอะไรขนาดนั้นครับมันก็ทำหน้าที่ได้ดีครับเป็นหน้าเป็นตาให้ครอบครัวในยุคนั้นได้ดี ผมกับพ่อเพียงแต่หวังไว้มากเกินไปเท่านั้นเองครับ เพราะนี่คือรถเบนซ์คันแรกของครอบครัว ในตอนนั้นเราก็คิดว่ารถเบนซ์ยี่ห้อเบนซ์มันจะต้องดีชั้นหนึ่ง มันต้องเหนือชั้นอะไรแบบนั้นไงครับ  ผมเข้าใจบางเม้นครับที่บอกว่ารถมันคนละประเภทกันผมเข้าใจ แต่เราไม่เคยมีรถเบนซ์ขับน่ะครับเราก็คิดกันเอาเองว่าจะต้องดีกว่าcamry accord teanaแน่ๆเลยในทุกๆด้าน พอได้มาจริงมันก็มีเด่นมีด้อยกันไป
แม้กระทั่งporscheเพื่อนผมขับบอกcamryขับสบายกว่า ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อcamryจะขับสบายกว่าporscheได้ยังไง ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วรถมันคนละฟีลสมัยนี้ญี่ปุ่นก็สู้ได้ และมันก็ทำให้เราเข้าใจตัวเองว่าเราชอบรถที่ขับสบายๆไม่ใช่รถสปอร์ต แต่ถึงอย่างไรผมกับพ่อก็ยังชื่นชอบยี่ห้อBenzอยู่ครับ ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ propo

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 286
คงแล้วแต่ความชอบและประสบการณ์ ของผมเคยใช้bm ประกอบในคัน นำเข้าคัน คันแรกตั้งแต่สมัยไม่มีbsiแต่optionมันเต็มเพราะสั่งพิเศษ ช่างซ่อมไม่เป็นอีก อีกคันนำเข้ามีbsiแต่ซ่อมไม่หาย ใช้xcตัวtop ปลื้มมาก พอหมดประกันเจอค่าซ่อมไปแสนกว่า เหมือนโดนวางยา เจ้าของโชวรูมทำเต้นด้วย พอบอกขายไปไวมาก พอมาใช้cls ผมใช้น้อยพอๆกับจขกท เลย นี้ครบห้าปีแค่เกือบๆ4หมื่น ใช้มาไม่มีปัญหาเลย ตอนครบ4ปี ก็โดนไปสามหมื่นกว่าๆแต่เฉยๆ อาจจะเพราะโดนคันอื่นมาหนักกว่า ก็ไม่อะไรรับได้ ถ้ารถกลุ่มนี้ผมก็เลือกเบนซ์นะ อู่เยอะ รถผมไม่เจอปัญหาอาจจะโชคดีหรือเพราะประกอบนอกก็ไม่รู้ อีกคันที่ใช้  อยู่ touareg 5ปีเหมือนกันตอน6หมื่นกว่าโล 4ปี โดนไป8หมื่น จุกอยู่ อะไหล่ดันใช้ของPorsche แต่เฉลี่ยเอาก่อนหน้าค่าใช้เมนเทนปีนึง/ม่ถึงหมื่น ก็ทำใจพอรับไหว เพราะใช้มา5ปีก็ไม่มีปัญหาอะไร ถ้ามีอู่มาตราฐานแบบเบนซ์ก็น่าใช้นะ รถเนี๊ยบและแน่นกว่า2แบรนด์ที่บอกลาไป ถ้ารถกลุ่มนี้ที่ขายตอนนี้เทียบราคาแล้วผมว่าตราดาวตั้งราคาสมเหตุสมผลสุด ผมชอบoption สวีเดนนะแต่จากประสบการณ์ก็คงไม่แล้ว ไม่แปลกใจที่มือสองราคาตกเยอะ

ถ้ารถยี่ปุ่นteanaก็ชอบนะ แต่นังไม่มีโอกาศใช้ ฮอนดะชอบดีไซน์ตอนนี้มาก แต่เคยลองขับแล้วไม่ชอบ มาสด้าเคยใช้โอ ไม่มีปัญหา ที่จังหวัดserviceดีด้วย โตต้าส่วนตัวไม่ชอบวัสดุ เคยใช้vigoแล้วไปเจอแคมรี่วัสดุใกล้กันมากแต่serviceโอถูกดี ฟอร์ดไม่ใช่ญี่ปุ่นแต่ราคาอยู่ในกลุ่มนี้ เคยชอบมากตอนนี้ลาขาดล่ะ ในกลุ่มนี้ถ้าซื้ออีกคงมาสด้า จริงๆสนใจsubaruนะแต่ขี้เกียดวิ่งไปserviceสำหรับรถประมาณนี้

ออฟไลน์ IS2000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,183
    • อีเมล์
C-Class ตัว W204 นี่ผมว่าเบนซ์ทำออกมาสู้กับ BMW e90 โดยเฉพาะครับจึงเน้นความเป็นสปอร์ตมากกว่าความสบาย ขับในเมืองคงไม่ผ่อนคลายเท่ารถ D-segment ญี่ปุ่น แต่ถ้าเอาไปลองขับพวกถนนที่โค้งเยอะๆและไม่เรียบจะรู้เลยว่าช่วงล่างกับพวงมาลัยมันเซ็ตมาดีมากๆครับ ผมเคยมีตัว C200AV เป็นรถที่ประทับใจกับช่วงล่างครับ ถึงจะออกแข็งๆหน่อยแต่ผมชอบมากกว่า W205 หรือเบนซ์อีกหลายๆรุ่น แต่รถที่น่าจะตอบโจทย์ จขกท จริงๆน่าจะเป็นพวก E-Class ตัว exclusive หรืออะไรประมาณนี้
1 3 5
├┼┼╕
2 4 6 R

ออฟไลน์ h0661036

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 927
นั่งสบายต้อง E -class

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,935
    • อีเมล์
นั่งสบายต้อง E -class
    E Class ก็เน้นสไตล์สปอร์ตเหมือนกันครับ   http://www.mercedesmania.com/forum/index.php/topic,101415.0.html


ออฟไลน์ Terng

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,762
อันนั้นยังเทียบข้ามพิกัด ผมเทียบ E-Class W212 NGT  กับ Camry 2.0G Extremo ACV50 เพราะได้ขับอยู่เป็นระยะๆทั้งคู่นะครับ เอาเป็นว่าคู่นี้ ถ้าไม่นับเรื่อง

1. ภาพลักษณ์
2. คุณภาพตัวเนื้อวัสดุที่ใช้ตกแต่ง
3. ดีไซน์ภาพรวมที่สวยลงตัว จบกว่า
4. ความปลอดภัย passive active

ที่เหลือผมยังไม่เห็นว่าแคมรีจะเสียเปรียบตรงไหนเลยครับ และถ้าให้เลือกขับขี่ใช้งานจริงๆ ผมจะคว้ากุญแจแคมรีออกไปก่อนทุกครั้ง ขับขี่ดีกว่า และนั่งสบายกว่ากันทุกเบาะจริงๆ และแม้ภายในแคมรีจะเป็นสีดำ แต่กลับรู้สึกว่ามันไม่อึดอัดเท่าเบนซ์ที่เป็นสีครีม แต่มันดูหนาๆ เทอะทะๆ กูรูรถท่านอื่นคิดไงผมไม่รู้นะ แต่แคมรีหน้าตาเชยๆเรียบๆเนี่ยแหละ ขับแล้วรู้สึกดีกว่าชะมัด ช่วงล่างดูนั่งสบายไว้ใจได้มากกว่า เบาะนุ่มกว่ากระชับกว่า เครื่องก็รู้สึกแรงกว่าแบบชัดเจน(แม้เบนซ์จะขับด้วยโหมดน้ำมันล้วน ไม่ใช้แก๊ซ) ดูขับแล้วกระฉับกระเฉงกว่า

ก็เลยกลับมานั่งดูตัวเองว่า ถ้ายังมีเงินไม่ถึง 20-30 ล้าน ผมคงไม่ออกรถยุโรปมาใช้แน่นอน ญี่ปุ่นนี่ก็เหลือๆแล้ว ทุกวันนี้ใช้แค่พรีอุสกับอัลติสเก่าๆทุกคนยังเรียกเสี่ยบ้างแล้วเลยครับ (ทำธุรกิจถ้าเราซื่อสัตย์จ่ายเงินตรงเวลาค้าขายด้วยแล้วคนอื่นเขาสบายใจ ไม่ต้องขับเบนซ์ก็เป็นเสี่ยได้ครับ ภาพลักษณ์มันแค่คำสวยหรูของคำว่า "อวดรวย" มากกว่า สำหรับผมนะ)
=====================
รถที่ใช้เป็นประจำ
2013 Toyota Camry Extremo 2.0
2015 Ford Ranger T6 XLT Open Cab 2.2 MT
2018 Toyota CHR HV Mid
=====================

ออฟไลน์ ยิ้มละไม

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 992
คำถามครับ
1.มันผิดที่ผมรึป่าวที่ดันซื้อรถมาขับในเมืองรถติดๆมันเลยไม่รู้สึกว่ารถดีเด่น

ไม่ผิด ได้หน้าตา ได้ความภูมิใจ ขับ MB  ได้ภาพลักษณ์ที่ดี เจอค่าซ่อมแพง ไปอู่นอก ได้ถูกกว่าแน่นอน อะไหล่แพง หาไม่ยาก ทนทานพอสมควร มีของเสริมเยอะ 


2.คือผมผิดปกติรึป่าวที่บอกว่าdsegmentขับดีกว่า c classในเมืองไม่ได้ต่าง

Teana เป็นรถที่ดีมาก ขับมากแล้ว ใช้ได้เลย นิ่มสบาย  C class ก็ขับมาเหมือนกัน สบายสู้ Teana ไม่ได้จริง ๆ Teana ขับทางไกลดีมาก ๆ


ออฟไลน์ laempiab

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 441
    • อีเมล์
รถมันเลือกคนขับน่ะครับ เค้าเลือกคุณแล้ว ดูแลเค้า ขับให้เต็มสมรรถนะเค้าต่อไปครับ ขับไปโฉบเที่ยวบางแสนบ้าง ลองใช้มอเตอร์เวย์ สลับ บูรพาวิถี แล้วคุณจะรักเค้าแบบที่แรกพบครับ

ออฟไลน์ tennessee

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 79
    • อีเมล์
ผมมองว่าไม่แปลกครับ ยิ่งถ้าคนไทยนอกจากรู้จักรถที่ญี่ปุ่นที่เหนือกว่าd-segment มากกว่าที่ขายที่ไทยตลอดหลายสิบปีแล้ว และยิ่งได้ลองขับมันในราคาใกล้เคียงกับรถยุโรป คือเอาเป็นว่ารถsegmentเดียวกัน ผมมองว่ารถญี่ปุ่นเหนือกว่ารถยุโรปในด้านเทคโนโลยี  ออฟชั่น ตั้งแต่30กว่าปีที่แล้วในยุค1980ขึ้นไป เทคโนโลยีรถญี่ปุ่นแซง รวมถึงความราบเรียบ. ความสมูธของเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนที่สู้รถญี่ปุ่นไม่ได้มาตั้งนานแล้ว ความสบาย ความผ่อนคลาย ความนุ่มนวล รถญี่ปุ่นจะเด่นชัดเจนกว่าครับ ส่วนเรื่องการเซตพวงมาลัย ความรู้สึกหนึบและกระชับหนักแน่น รถยุโรปจะเด่นกว่าเพราะหลักๆคือเซตมาให้กระด้างกว่า ต่อให้รถไซส์ใหญ่สุดของแต่ละค่ายของยุโรปก็ยังมีความรู้สึกที่นุ่มแต่กระด้าง จะไม่ได้รู้สึกนุ่มและนิ่มแบบนวมๆเหมือนในรถญี่ปุ่น ยิ่งเกรดเหนือกว่าd-segment ยิ่งเห็นเด่นชัดครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 08, 2017, 22:53:52 โดย tennessee »

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,935
    • อีเมล์

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,935
    • อีเมล์
10 อันดับ แบรนด์ที่มียอดขายรวมสูงสุด ประจำปี 2016 (% เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับปี 2015)

1. Toyota : 244,317 คัน ( -7.86% )
 2. Isuzu : 143,170 คัน ( -0.77% )
 3. Honda : 107,342 คัน ( -4.31% )
 4. Mitsubishi : 55,409 คัน ( -2.35% )
 5. Nissan : 42,677 คัน ( -16.63% )
 6. Mazda : 42,537 คัน ( +7.76% )
 7. Ford : 40,972 คัน ( +12.36% )
 8. Suzuki : 22,913 คัน ( +7.64% )
 9. Chevrolet : 14,931 คัน ( -14.46% )
 10. Mercedes-Benz : 11,844 คัน ( -7.40% )

http://www.headlightmag.com/sales-report-december-2016/

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,935
    • อีเมล์
     ลองไปถามในนี้ดูบ้างก็ได้  https://www.facebook.com/groups/520552961407859/

ออฟไลน์ Anvers30

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,372
    • อีเมล์
    ลองดูยอดขาย Teana 
 

http://www.headlightmag.com/sales-report-december-2016/

เทียน่าของคุณ Cloud เป็นตัว J32 นะครับ ผมจำไม่ผิด บางเดือนยอดขายขึ้นอันดับ 1 แซงทั้งแคมรี่ แอคคอร์ดด้วยซ้ำ ยอดขายรวมตลอดอายุของมันจบที่อันดับสองแบบไม่ห่างแคมรี่ ACV40-41 เท่าไหร่

ผมว่าจขกท. แกไม่ได้จะมาดิสเครดิตอะไรเบนซ์หรอก เป็นประสบการณ์ ความรู้สึกที่มีต่อรถคันนั้นๆ ซะมากกว่า ก็มาแชร์กัน ได้หลายมุม รถมันจะเลิศไปหมดทุกด้าน ไม่มีในโลกหรอกครับ บางคนชอบแคมรี่ เทียน่ามากกว่ารถยุโรป ก็มีให้เห็นเรื่อยๆ ไม่ได้จะมาบลัฟว่าสมรรถนะดีกว่าหรืออะไร แต่มันตอบโจทย์ ลงตัวมากกว่า รถมันนั่งสบาย ขับในเมืองนุ่มสบาย ก็อาจจะเหมาะกับความต้องการกว่า ;)

Nonlamer

  • บุคคลทั่วไป
เห็นละอยากมีอารมณ์แบบนั้นบ้างจัง
อยากเปรียบเทียบกับเขาบ้าง
แต่ตังค์ยังไม่มีเลยต้องขับญี่ปุ่นบ้านๆต่อไปผม  :(
เอาเถอะครับ จขกท.ถือว่าเป็นประสบการณ์ละกันครับ  :)

ไปเดินงานแสดงรถยนต์ แล้วเข้าไปลองนั่งได้ครับ แค่นั่งอย่างเดียวก็รู้สึกได้ในระดับนึงแล้วครับ

ออฟไลน์ demo2

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 784
    • อีเมล์
ผมมีทั้ง L33 และ  F30 320d LCI  บอกได้เลยเต็มปากว่าถ้าเป็นคนนั่งชอบ L33 มากกว่า  แต่ผมเป็นคนขับผมชอบ F30 มากกว่ามากมาย

Nonlamer

  • บุคคลทั่วไป
    ลองดูยอดขาย Teana 
 

http://www.headlightmag.com/sales-report-december-2016/

เทียน่าของคุณ Cloud เป็นตัว J32 นะครับ ผมจำไม่ผิด บางเดือนยอดขายขึ้นอันดับ 1 แซงทั้งแคมรี่ แอคคอร์ดด้วยซ้ำ ยอดขายรวมตลอดอายุของมันจบที่อันดับสองแบบไม่ห่างแคมรี่ ACV40-41 เท่าไหร่

ผมว่าจขกท. แกไม่ได้จะมาดิสเครดิตอะไรเบนซ์หรอก เป็นประสบการณ์ ความรู้สึกที่มีต่อรถคันนั้นๆ ซะมากกว่า ก็มาแชร์กัน ได้หลายมุม รถมันจะเลิศไปหมดทุกด้าน ไม่มีในโลกหรอกครับ บางคนชอบแคมรี่ เทียน่ามากกว่ารถยุโรป ก็มีให้เห็นเรื่อยๆ ไม่ได้จะมาบลัฟว่าสมรรถนะดีกว่าหรืออะไร แต่มันตอบโจทย์ ลงตัวมากกว่า รถมันนั่งสบาย ขับในเมืองนุ่มสบาย ก็อาจจะเหมาะกับความต้องการกว่า ;)

+1 ครับ

ใช่ครับ ในภาพเป็น L33 ครับ ไม่ใช่ J32 ที่เจ้าของหัวข้อใช้อยู่ และยอดขายก็ไม่ได้สะท้อนว่ารถคันนี้มีการขับขี่ที่ดีหรือไม่ดีแต่อย่างใด

ออฟไลน์ paeybu

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 627
คุณก้อได้นั่งได้ใช้รถpremiumแล้วนะครับ. บ่นทำไม

ถ้าไม่มีไรดีๆจะโพสอยู่นิ่งๆไม่มีใครว่า

ออฟไลน์ Carrera

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,340
    ลองดูยอดขาย Teana 
 

http://www.headlightmag.com/sales-report-december-2016/

เทียน่าของคุณ Cloud เป็นตัว J32 นะครับ ผมจำไม่ผิด บางเดือนยอดขายขึ้นอันดับ 1 แซงทั้งแคมรี่ แอคคอร์ดด้วยซ้ำ ยอดขายรวมตลอดอายุของมันจบที่อันดับสองแบบไม่ห่างแคมรี่ ACV40-41 เท่าไหร่

ผมว่าจขกท. แกไม่ได้จะมาดิสเครดิตอะไรเบนซ์หรอก เป็นประสบการณ์ ความรู้สึกที่มีต่อรถคันนั้นๆ ซะมากกว่า ก็มาแชร์กัน ได้หลายมุม รถมันจะเลิศไปหมดทุกด้าน ไม่มีในโลกหรอกครับ บางคนชอบแคมรี่ เทียน่ามากกว่ารถยุโรป ก็มีให้เห็นเรื่อยๆ ไม่ได้จะมาบลัฟว่าสมรรถนะดีกว่าหรืออะไร แต่มันตอบโจทย์ ลงตัวมากกว่า รถมันนั่งสบาย ขับในเมืองนุ่มสบาย ก็อาจจะเหมาะกับความต้องการกว่า ;)

+1 ครับ  มันไม่ใช่ทุกคน ที่โจทย์ตอนซื้อรถจะเหมือนกัน  ไม่ใช่เพียงแค่นิยามคำว่ารถดีๆ = เกาะถนน  มุดมันส์  แรงสะใจ เสมอไป    พอได้ลองรถเยอะๆ  ใช้รถหลายๆแบบ มันเปิดโลกว่า รถ มันหลายหลายแบบ   รถดีๆ ในด้านอื่นมันก็มีอีกเยอะ 

บางคันก็ทำมาเพื่อความสงบ ความสบาย  มันไม่ต้องการจะมุดจะ Attack ทุกโค้ง  ไม่ต้องเหยียบบูรพาวิถีระดับ 150+  เพียงแค่ขับ 110 เรื่อยๆ สบายๆ  ก็รู้สึกสุนทรีย์เพลิดเพลินกับมันได้   

เอาจริงๆ ผมว่าคนที่ไม่ได้สนใจเรื่องรถเนี่ย  ไม่แปลกใจเลยครับ ที่ทำไมขับเทียน่าแล้วรู้สึกดีกว่า
ความนิ่ม  เงียบ  เบาะนั่งสบาย  ห้องโดยสารใหญ่ๆ โปร่งๆ  มันเป็นสิ่งที่สัมผัสและรู้สึกได้ง่าย เป็นรูปธรรมมากกว่า  แม้คนที่ไม่รู้เรื่องรถก็สัมผัสได้  (เป็นสิ่งที่พบได้ในรถญี่ปุ่น)

ไม่เหมือนรถบางประเภทที่ต้องอัดกันถึงลิมิต  ขับกันรุนแรงให้เสี่ยงตายถึงจะเห็นความดี   (คนส่วนน้อย)   

ตอนเด็กๆ ผมก็เป็นครับ  รถในฝันต้องแรงๆ เร็วๆ เทพๆ  ซิ่งๆ แว๊นๆ เสียงท่อดังๆ โหดๆ EVO GTR Ferrari 
พอเริ่มโตขึ้นมาหน่อย  ดูรายการรถ ลองขับหลายๆรุ่น  บางทีก็ลดความฮาร์ดคอร์ลงมา  เหลือแบบรถที่ขับสนุกหน่อยๆ แต่ต้องไม่ทิ้งความสบาย  ก็เริ่มชอบรถแบบ BMW ,Audi
พอเห็นอะไรมากขึ้นมา  ได้ลองมากกว่าเดิม  ลองนั่งรถแนวสบายๆดูบ้าง  ตอนนี้ผมว่า รถแนวๆนี้มันก็น่าใช้เหมือนกัน  รวมถึงรถที่มันสวยๆ คลาสสิคๆ มีเสน่ห์เฉพาะตัวก็น่าสะสม แบบ Jag , Maserati , Alfa

เรื่องภาพลักษณ์คงไม่ได้สนใจ  เพราะมันก็แค่เปลือกนอก  เอาเป็นว่าเห็นรถตัวเอง สวยในสายตาตัวเองก็มีความสุขแล้วครับ  ถึงคนอื่นจะไม่รู้จักก็ตาม  มิตรภาพ เพื่อน ผมมีเยอะแยะครับ ไม่ต้องใช้รถมาช่วยสร้างภาพลักษณ์  ;)

ออฟไลน์ MystogaN

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,476
ผมขับ D-Seg ญี่ปุ่นไม่ได่เพราะมันไม่ตามเท้าเท่าไหร่คับ ไม่ไหวจิงๆ


ออฟไลน์ oatekung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,002
    • อีเมล์
ซื้อเอาความปลอดภัย กับจอดห้างง่ายๆครับ
ถ้าเจออุบัติเหตุ คุณอยากอยู่ใน civic หรือ c class หละครับ > <

ค่าซ่อมบำรุงของรถยุโรป มันคือสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลครับ
ถ้าเอาราคาอะไหล่ทุกชิ้นของ C-class มาบวกรวมกัน ผมว่ามันเกิน5ล้านบาทนะ
ทั้งๆที่รถราคาแค่ 2ล้านกว่า 

ประเด็นนี้อาจจะไม่มีใครเคยพูดถึง แต่ผมคิดว่ามันคือการค้ากำไรเกินควรอย่างมาก
แต่พูดในแง่ธุรกิจ ก็เข้าใจว่าลงทุนสร้างโชว์รูมไม่ต่ำกว่า60ล้านบาท
รถเบนซ์ขายได้ปีละ 1หมื่นคัน  โตโยต้าขายได้ปีละ2แสนคัน 
เอาจำนวนรถ หารด้วยจำนวนโชว์รูม  ยังไงศูนย์รถยุโรปก็ต้องฟันกำไรจาก service ให้ได้มากที่สุด
เพราะ จำนวนรถเข้าใช้บริการมันน้อยกว่ารถญี่ปุุ่นหลายเท่า  ต้องหวดให้หนักเพื่อไปให้ถึงจุดคุ้มทุน

จำนวนสั่งผลิตอะไหล่อีก นี่คือเรื่องของ economies of scale
รถญี่ปุ่นจะได้ต้นทุนอะไหล่ที่ตำกว่ารถยุโรปเยอะมาก เพราะผลิตมากกว่าเกิน 20 เท่าตัว

ถามว่าอะไหล่1ชิ้น ของรถยุโรปที่แพงกว่ารถญี่ปุ่นหลายเท่า มันดีกว่า เทพกว่า เท่ากับที่ราคามันสูงกว่ารึป่าว ไม่ใช่เลยครับ

มันเป็นกระบวนการทางธุรกิจที่ เริ่มตั้งแต่ผลิต ไปจนถึงขายให้คุณ
อย่างที่อธิบายไป ผลิตก็น้อยกว่า และต้องฟันกำไรหนักกว่า ตั้งแต่บริษัทแม่ส่งสินค้าให้ศูนย์ และศูนย์หวดลูกค้าอีกที 

เอาแค่การเช็คระยะถ่ายน้ำมันเครื่อง   D-segment ทำครั้งละไม่เกิน3พันบาท แต่รถยุโรปหมื่นอัพ  อะไรที่มันต่างกันขนาดนี้ ประมาณ4เท่าตัว   ลงทุนสร้างโชว์รูมเท่าๆกัน แต่ศูนย์รถญี่ปุ่นมีรถเข้ามาใช้บริการมากกว่า10เท่า เอากำไรคันละ1พันก็พอ แต่ศูนย์รถยุโรปมีรถเข้าใช้บริการน้อยกว่า ต้องฟันกำไรคันนึง5พันอัพ  สุดท้ายงบการเงินของศูนย์โตโยต้าก็ยังได้กำไรจากค่าเซอร์วิซมากกว่าศูนย์เบนซ์ 

การประกอบรถอีก ไม่ต้องเป็นคนวงใน แค่หาดูในยูทูป ผมว่าโรงงานธนบุรีประกอบรถของเบนซ์ ดูสู้โรงงานของโตโยต้า ฮอนด้าไม่ได้เลยนะ เรื่องความอลังการ

ที่พูดมาทั้งหมดเนี่ย ไม่ใช่บอกว่า  C-class สู้รถ D-segment ญี่ปุ่นไม่ได้นะครับ
ถ้าผมมีเงินไม่จำกัด ผมซื้อ E-class หรือ series5 แบบไม่ต้องคิด และไม่มองรถญี่ปุ่นเลย

แต่ความเป็นจริงคือเงินผมมีจำกัด  ผมจึงต้องใช้สายตาของคนทำธุรกิจ มองลงไปยังองค์ประกอบต่างๆ คิดแบบคนทำธุรกิจ
และได้คำตอบว่า D-segment  คุ้มค่ากว่าในสายตาของผม และเชื่อว่าคุ้มกว่าในสายตาคนส่วนมาก 

ส่วน C-class รถมันทำมาให้คนขับครับ ไม่ใช่ให้คนนั่ง เบาะที่สั้นกุดแบบนั้น W205 เบาะหลังนั่งไม่สบายเลยครับ
ถ้าขับคนเดียวแน่ๆ คนกลุ่มนี้อ่ะคิดหนัก จะเอา c-class หรือ D-segment ดีหว่า ราคามันใกล้กันเรื่อยๆแล้ว

แต่ถ้ามีคนนั่งด้วย จบข่าวเลยครับ ตัด C-class ออกไปได้เลย 

สำหรับเรื่องภาพลักษณ์ ผมมีมุมคิดส่วนตัวของผม นั่นก็คือ
ผมใช้ D-segment สัก5-6ปี แล้วเปลี่ยนรุ่นใหม่ทุกครั้ง ได้ขับป้ายแดงทุก5ปี
คนรอบข้างผมก็จะชื่นชมว่าโอ้โหผมออกรถใหม่อีกล่ะ 555
ผมรู้สึกว่าตัวเองดูเท่กว่า ที่ผมต้องซื้อ C-class แล้วทนใช้ไป10ปี เพราะผมไม่มีปัญญาเปลี่ยนทุกโมเดลแน่ๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 09, 2017, 03:20:03 โดย กด9เพื่อกลับสู่เมนูหลัก »

ออฟไลน์ Niceguy_C

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 670
เวลาดูเว็บรีวิวเมืองนอก ราคารถญี่ปุ่น กับ รถยุโรป ราคาก็ไม่ได้ต่างกันมากเลย

https://www.img.in.th/images/4539e06f013669ae551d2683e923b0eb.png

ออฟไลน์ Noncyclopedia

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,200
คุณก้อได้นั่งได้ใช้รถpremiumแล้วนะครับ. บ่นทำไม

ขอโทษที่บ่น
ไม่ได้ผิดครับ ไม่ต้องขอโทษ. แต่อะไรที่ให้คุณsurpriseมากกว่า
คือหาก บอกว่า ไม่ทราบมาก่อนซื้อเลย. ว่าค่าดูแลมันสูงเกิน. แปลว่าไม่รอบคอบเอง
หากรุ่อยุ่แล้วว่าแพงแค่ดันซื้อ แบบนี้เรียกบ่นทำไม

ออฟไลน์ Newhang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,338
คุณก้อได้นั่งได้ใช้รถpremiumแล้วนะครับ. บ่นทำไม

ขอโทษที่บ่น
ไม่ได้ผิดครับ ไม่ต้องขอโทษ. แต่อะไรที่ให้คุณsurpriseมากกว่า
คือหาก บอกว่า ไม่ทราบมาก่อนซื้อเลย. ว่าค่าดูแลมันสูงเกิน. แปลว่าไม่รอบคอบเอง
หากรุ่อยุ่แล้วว่าแพงแค่ดันซื้อ แบบนี้เรียกบ่นทำไม

ยิ่งอ่านผมยิ่งโคตรรู้สึกว่า จขกท  โคตรผิดเลย 5555

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,935
    • อีเมล์
ค่าซ่อมบำรุงของรถยุโรป มันคือสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลครับ
ถ้าเอาราคาอะไหล่ทุกชิ้นของ C-class มาบวกรวมกัน ผมว่ามันเกิน5ล้านบาทนะ
ทั้งๆที่รถราคาแค่ 2ล้านกว่า 

ประเด็นนี้อาจจะไม่มีใครเคยพูดถึง แต่ผมคิดว่ามันคือการค้ากำไรเกินควรอย่างมาก
แต่พูดในแง่ธุรกิจ ก็เข้าใจว่าลงทุนสร้างโชว์รูมไม่ต่ำกว่า60ล้านบาท
รถเบนซ์ขายได้ปีละ 1หมื่นคัน  โตโยต้าขายได้ปีละ2แสนคัน 
เอาจำนวนรถ หารด้วยจำนวนโชว์รูม  ยังไงศูนย์รถยุโรปก็ต้องฟันกำไรจาก service ให้ได้มากที่สุด
เพราะ จำนวนรถเข้าใช้บริการมันน้อยกว่ารถญี่ปุุ่นหลายเท่า  ต้องหวดให้หนักเพื่อไปให้ถึงจุดคุ้มทุน

จำนวนสั่งผลิตอะไหล่อีก นี่คือเรื่องของ economies of scale
รถญี่ปุ่นจะได้ต้นทุนอะไหล่ที่ตำกว่ารถยุโรปเยอะมาก เพราะผลิตมากกว่าเกิน 20 เท่าตัว

ถามว่าอะไหล่1ชิ้น ของรถยุโรปที่แพงกว่ารถญี่ปุ่นหลายเท่า มันดีกว่า เทพกว่า เท่ากับที่ราคามันสูงกว่ารึป่าว ไม่ใช่เลยครับ

มันเป็นกระบวนการทางธุรกิจที่ เริ่มตั้งแต่ผลิต ไปจนถึงขายให้คุณ
อย่างที่อธิบายไป ผลิตก็น้อยกว่า และต้องฟันกำไรหนักกว่า ตั้งแต่บริษัทแม่ส่งสินค้าให้ศูนย์ และศูนย์หวดลูกค้าอีกที 

เอาแค่การเช็คระยะถ่ายน้ำมันเครื่อง   D-segment ทำครั้งละไม่เกิน3พันบาท แต่รถยุโรปหมื่นอัพ  อะไรที่มันต่างกันขนาดนี้ ประมาณ4เท่าตัว   ลงทุนสร้างโชว์รูมเท่าๆกัน แต่ศูนย์รถญี่ปุ่นมีรถเข้ามาใช้บริการมากกว่า10เท่า เอากำไรคันละ1พันก็พอ แต่ศูนย์รถยุโรปมีรถเข้าใช้บริการน้อยกว่า ต้องฟันกำไรคันนึง5พันอัพ  สุดท้ายงบการเงินของศูนย์โตโยต้าก็ยังได้กำไรจากค่าเซอร์วิซมากกว่าศูนย์เบนซ์ 

การประกอบรถอีก ไม่ต้องเป็นคนวงใน แค่หาดูในยูทูป ผมว่าโรงงานธนบุรีประกอบรถของเบนซ์ ดูสู้โรงงานของโตโยต้า ฮอนด้าไม่ได้เลยนะ เรื่องความอลังการ

ที่พูดมาทั้งหมดเนี่ย ไม่ใช่บอกว่า  C-class สู้รถ D-segment ญี่ปุ่นไม่ได้นะครับ
ถ้าผมมีเงินไม่จำกัด ผมซื้อ E-class หรือ series5 แบบไม่ต้องคิด และไม่มองรถญี่ปุ่นเลย

แต่ความเป็นจริงคือเงินผมมีจำกัด  ผมจึงต้องใช้สายตาของคนทำธุรกิจ มองลงไปยังองค์ประกอบต่างๆ คิดแบบคนทำธุรกิจ
และได้คำตอบว่า D-segment  คุ้มค่ากว่าในสายตาของผม และเชื่อว่าคุ้มกว่าในสายตาคนส่วนมาก 

ส่วน C-class รถมันทำมาให้คนขับครับ ไม่ใช่ให้คนนั่ง เบาะที่สั้นกุดแบบนั้น W205 เบาะหลังนั่งไม่สบายเลยครับ
ถ้าขับคนเดียวแน่ๆ คนกลุ่มนี้อ่ะคิดหนัก จะเอา c-class หรือ D-segment ดีหว่า ราคามันใกล้กันเรื่อยๆแล้ว

แต่ถ้ามีคนนั่งด้วย จบข่าวเลยครับ ตัด C-class ออกไปได้เลย 

สำหรับเรื่องภาพลักษณ์ ผมมีมุมคิดส่วนตัวของผม นั่นก็คือ
ผมใช้ D-segment สัก5-6ปี แล้วเปลี่ยนรุ่นใหม่ทุกครั้ง ได้ขับป้ายแดงทุก5ปี
คนรอบข้างผมก็จะชื่นชมว่าโอ้โหผมออกรถใหม่อีกล่ะ 555
ผมรู้สึกว่าตัวเองดูเท่กว่า ที่ผมต้องซื้อ C-class แล้วทนใช้ไป10ปี เพราะผมไม่มีปัญญาเปลี่ยนทุกโมเดลแน่ๆ
    Service A ของเบนซ์ เปลี่ยนน้ำมันเครื่องซินเทติก 6 ลิตร แหวน กับกรองน้ำมันเครื่อง ค่าใช้จ่ายประมาณประมาณหกพันบาทครับ  ส่วนค่าอะไหล่ลองถามรายนี้ดู  https://www.facebook.com/photo.php?fbid=223693748086720&set=g.840422216072511&type=1

ออฟไลน์ +@ Krishna @+

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,295
  • *_* รถที่ดี คือ รถที่ใช้แล้วมีความสุข ^_^
ถ้าสบาย ๆ ผมว่า d segment ญี่ปุ่น ตัวท๊อป ก็โอเคนะครับ  :-*

5 ปี เปลี่ยนที ซ่อมบำรุงถูก ราคาขายต่อไม่ตกมากแบบรถยุโรป

ผมมองว่า ป้ายแดงออกใหม่ d segment ญี่ปุ่น ดูดีกว่าพวกเบนส์ / บีเอ็มตกรุ่นนะครับ
 :-* ล้างรถ เคลือบเงา ให้ว๊าวทุกอาทิตย์ ก็แจ่มแมวแล้วครับ  :-*

หรือถ้าชอบ premium จริง ๆ ก็ lexus ครับ ผมว่ามันไม่โหลอย่าง เบนส์ บีเอ็ม

 :D อย่าคิดมาก ขอให้มีความสุขครับ  :D

ออฟไลน์ Fahbokan

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 9
    • อีเมล์
ใช้c coupe ปี2014 ครับ
ขับดีจริง
service แพง รับได้ พอรู้อยู่ครับ
แต่ที่surpriceมากคือ มันเสีย มันพังเร็วไปไหม คุณภาพ อายุชิ้นส่วนทำไมมันสั้นจัง
ขับมาปีกว่าๆ สองหมื่นโล ปั๊มน้ำดัง เปลี่ยน
กลไกเลื่อนพวงมาลัยเข้าออกเวลาสตาร์ทรถ ค้าง สามครั้งในช่วงปีที่สอง จนตอนนี้ปิดฟังชั่นนี้ไป
ล่าสุดไม่นานนี้เรกูเรเตอร์รั่ว ที่โอริงในตัวมัน ท่อไหลกลับน้ำมันจากเรกูเรเตอร์แตก
น้ำมันเชื้อเพลิงรั่วเสียวไฟใหม้มาก
จานเบรคที่นิ่มมาก สี่หมื่นโลสึกเป็นคลื่นเป็นร่องแบบน่าเกลียด
มันปกติของ benzยุคใหม่เน้นทำรถมาขายอะไหล่รึผมโชคร้ายก็ไม่รู้

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,935
    • อีเมล์