ผู้เขียน หัวข้อ: ขออนุญาติระบายความผิดหวังอัดอั้นตันใจกับc class 5ปีเมื่อเทียบกับnissan teana  (อ่าน 15939 ครั้ง)

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,953
    • อีเมล์
D-Segment January - July 2015

พอดีได้ตัวเลขแบบแยกเครื่องยนต์ของกลุ่ม D-Segment มาครับ
เลยเอามาแชร์ให้ชมกัน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม

1. เครื่องยนต์ ขนาด 2.0 ลิตร
2. เครื่องยนต์ ขนาด 2.4-2.5 ลิตร
3. เครื่องยนต์ Hybrid

โดยเป็นยอดรวมตั้งแต่เดือนมกราคม 2558 ถึงเดือนกรกฎาคม 2558
รวมทั้งสิ้น 7 เดือนครับ 

http://community.headlightmag.com/index.php?topic=46110.msg778800#msg778800

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
1.ไม่ผิดอ่ะครับ รถติดๆก็ไม่ต่างกันเพราะมันไม่ได้วิ่ง ต่างแค่ความแคบกับความสบายของเบาะ
2.ไม่ผิด เพราะรถยุโรปไม่ได้ใช้สมถรรณะมันถึงขีดสุด ขับคลานๆในเมืองไม่ต่างกันแบบข้อ1

คุณคาดหวังเพราะราคารถ แต่ต้องมองเซ็กเม้นรถด้วย
ลองคุณซัดโหดๆ มุดๆ ยัดโค้งความเร็วสูงๆ คุณจะรู้ว่า3.2ล้านมันดีกว่าเยอะ
คนไม่น้อยที่เลือกยุโรปเพราะการขับขี่ ภาพลักษณ์คือเรื่องรอง

ออฟไลน์ No Trespassing

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,616
    • อีเมล์
สำหรับผม

C-Klass ที่ผมชอบที่สุด คือ W202 ครับ ยังใช้เทคนิคดั้งเดิมของ W124+201 อยู่ เกาะถนนดี นุ่มเงียบ

พอยุคหลังๆเบนซ์หนีไปใช้ช่วงล่างหน้าแบบสตรัทแทน ความนุ่มสู้ของเดิมไม่ได้ครับ

ออฟไลน์ oha6

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 20
C250 มันก็มีข้อดีของมันซึ่งteana ให้ไม่ได้นะครับ คุณก็รู้ แต่ความต้องการคุณบอกว่าขับแค่ในเมือง C แคบกว่าแน่ๆ เรื่องนี้รถมันคนละขนาดนะครับ teana นั่งสบายกว่าแน่
แต่ ถ้าคุณอาจต้องมีวันที่ เสี้ยววินาทีแห่งชีวิต ที่ความเร็ว100+ ในโค้งหรือมุดหลบ ไอ้ที่คุณว่าC กระดืาง กระด้างๆนั่นละ มันจะช่วยชีวิตคุณครับ ผมมีปสก. เทียบมาหมดเแล้ว
ฉะนั้นไม่มีความว่าผิดเลยครับ. ที่คุณมี C250

เบนซ์ เรื่องservice ที่คุณว่าแพงๆในศูนย์ ลองหาข้อมูลในคลับเค้าบ้างนะครับ ช่วยได้เยอะ

ออฟไลน์ เกมส์'พิดโลก

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 365
  • อยากทำอะไรรีบทำ เมื่ออิสระยังอยู่กับเรา ก่อนที่จะไม่เหลือเวลา...
    • Facebook
    • อีเมล์
ค่าซ่อมบำรุงของรถยุโรป มันคือสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลครับ
ถ้าเอาราคาอะไหล่ทุกชิ้นของ C-class มาบวกรวมกัน ผมว่ามันเกิน5ล้านบาทนะ
ทั้งๆที่รถราคาแค่ 2ล้านกว่า 

ประเด็นนี้อาจจะไม่มีใครเคยพูดถึง แต่ผมคิดว่ามันคือการค้ากำไรเกินควรอย่างมาก
แต่พูดในแง่ธุรกิจ ก็เข้าใจว่าลงทุนสร้างโชว์รูมไม่ต่ำกว่า60ล้านบาท
รถเบนซ์ขายได้ปีละ 1หมื่นคัน  โตโยต้าขายได้ปีละ2แสนคัน 
เอาจำนวนรถ หารด้วยจำนวนโชว์รูม  ยังไงศูนย์รถยุโรปก็ต้องฟันกำไรจาก service ให้ได้มากที่สุด
เพราะ จำนวนรถเข้าใช้บริการมันน้อยกว่ารถญี่ปุุ่นหลายเท่า  ต้องหวดให้หนักเพื่อไปให้ถึงจุดคุ้มทุน

จำนวนสั่งผลิตอะไหล่อีก นี่คือเรื่องของ economies of scale
รถญี่ปุ่นจะได้ต้นทุนอะไหล่ที่ตำกว่ารถยุโรปเยอะมาก เพราะผลิตมากกว่าเกิน 20 เท่าตัว

ถามว่าอะไหล่1ชิ้น ของรถยุโรปที่แพงกว่ารถญี่ปุ่นหลายเท่า มันดีกว่า เทพกว่า เท่ากับที่ราคามันสูงกว่ารึป่าว ไม่ใช่เลยครับ

มันเป็นกระบวนการทางธุรกิจที่ เริ่มตั้งแต่ผลิต ไปจนถึงขายให้คุณ
อย่างที่อธิบายไป ผลิตก็น้อยกว่า และต้องฟันกำไรหนักกว่า ตั้งแต่บริษัทแม่ส่งสินค้าให้ศูนย์ และศูนย์หวดลูกค้าอีกที 

เอาแค่การเช็คระยะถ่ายน้ำมันเครื่อง   D-segment ทำครั้งละไม่เกิน3พันบาท แต่รถยุโรปหมื่นอัพ  อะไรที่มันต่างกันขนาดนี้ ประมาณ4เท่าตัว   ลงทุนสร้างโชว์รูมเท่าๆกัน แต่ศูนย์รถญี่ปุ่นมีรถเข้ามาใช้บริการมากกว่า10เท่า เอากำไรคันละ1พันก็พอ แต่ศูนย์รถยุโรปมีรถเข้าใช้บริการน้อยกว่า ต้องฟันกำไรคันนึง5พันอัพ  สุดท้ายงบการเงินของศูนย์โตโยต้าก็ยังได้กำไรจากค่าเซอร์วิซมากกว่าศูนย์เบนซ์ 

การประกอบรถอีก ไม่ต้องเป็นคนวงใน แค่หาดูในยูทูป ผมว่าโรงงานธนบุรีประกอบรถของเบนซ์ ดูสู้โรงงานของโตโยต้า ฮอนด้าไม่ได้เลยนะ เรื่องความอลังการ

ที่พูดมาทั้งหมดเนี่ย ไม่ใช่บอกว่า  C-class สู้รถ D-segment ญี่ปุ่นไม่ได้นะครับ
ถ้าผมมีเงินไม่จำกัด ผมซื้อ E-class หรือ series5 แบบไม่ต้องคิด และไม่มองรถญี่ปุ่นเลย

แต่ความเป็นจริงคือเงินผมมีจำกัด  ผมจึงต้องใช้สายตาของคนทำธุรกิจ มองลงไปยังองค์ประกอบต่างๆ คิดแบบคนทำธุรกิจ
และได้คำตอบว่า D-segment  คุ้มค่ากว่าในสายตาของผม และเชื่อว่าคุ้มกว่าในสายตาคนส่วนมาก 

ส่วน C-class รถมันทำมาให้คนขับครับ ไม่ใช่ให้คนนั่ง เบาะที่สั้นกุดแบบนั้น W205 เบาะหลังนั่งไม่สบายเลยครับ
ถ้าขับคนเดียวแน่ๆ คนกลุ่มนี้อ่ะคิดหนัก จะเอา c-class หรือ D-segment ดีหว่า ราคามันใกล้กันเรื่อยๆแล้ว

แต่ถ้ามีคนนั่งด้วย จบข่าวเลยครับ ตัด C-class ออกไปได้เลย 

สำหรับเรื่องภาพลักษณ์ ผมมีมุมคิดส่วนตัวของผม นั่นก็คือ
ผมใช้ D-segment สัก5-6ปี แล้วเปลี่ยนรุ่นใหม่ทุกครั้ง ได้ขับป้ายแดงทุก5ปี
คนรอบข้างผมก็จะชื่นชมว่าโอ้โหผมออกรถใหม่อีกล่ะ 555
ผมรู้สึกว่าตัวเองดูเท่กว่า ที่ผมต้องซื้อ C-class แล้วทนใช้ไป10ปี เพราะผมไม่มีปัญญาเปลี่ยนทุกโมเดลแน่ๆ

อ่านคอมเม้นต์นี้แล้ว เหมือนเห็นแอปเปิลตกจากต้นเลยครับ!
ผมทำธุรกิจตัวเองมาได้ปีกว่าๆ ตกผลึกอะไรมากมายแบบไม่ทันตั้งตัว
เริ่งจาก 0 ขึ้นไปถึง 100 แล้วก็ลงมาที่ 0 !
เห็นด้วยทุกบรรทัดและวรรคตอนเลยครับ...
C-Class C300 AMG W205 - Now
Pajero GT 2WD 2016 - Now
Camry HB Top ACV50 2012 - Now
Triton 2.5 - Now
Wish MC - Now
City V 09 - Now
Z4 s20i Pure balance - Sold
F30 320d - Sold
Accord G9 2.4 -Sold
Jazz SV 08 - Sold
CRV G4 2.0 4WD, FD 08 , Camry 2.5 , Vigo 3.0 , Tiger D4D 2.5

ออฟไลน์ เกมส์'พิดโลก

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 365
  • อยากทำอะไรรีบทำ เมื่ออิสระยังอยู่กับเรา ก่อนที่จะไม่เหลือเวลา...
    • Facebook
    • อีเมล์
ขอบคุณทุกๆเม้นที่มาตอบครับ อันที่จริงไม่ถึงขั้นอยากจะขายทิ้งอะไรขนาดนั้นครับมันก็ทำหน้าที่ได้ดีครับเป็นหน้าเป็นตาให้ครอบครัวในยุคนั้นได้ดี ผมกับพ่อเพียงแต่หวังไว้มากเกินไปเท่านั้นเองครับ เพราะนี่คือรถเบนซ์คันแรกของครอบครัว ในตอนนั้นเราก็คิดว่ารถเบนซ์ยี่ห้อเบนซ์มันจะต้องดีชั้นหนึ่ง มันต้องเหนือชั้นอะไรแบบนั้นไงครับ  ผมเข้าใจบางเม้นครับที่บอกว่ารถมันคนละประเภทกันผมเข้าใจ แต่เราไม่เคยมีรถเบนซ์ขับน่ะครับเราก็คิดกันเอาเองว่าจะต้องดีกว่าcamry accord teanaแน่ๆเลยในทุกๆด้าน พอได้มาจริงมันก็มีเด่นมีด้อยกันไป
แม้กระทั่งporscheเพื่อนผมขับบอกcamryขับสบายกว่า ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อcamryจะขับสบายกว่าporscheได้ยังไง ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วรถมันคนละฟีลสมัยนี้ญี่ปุ่นก็สู้ได้ และมันก็ทำให้เราเข้าใจตัวเองว่าเราชอบรถที่ขับสบายๆไม่ใช่รถสปอร์ต แต่ถึงอย่างไรผมกับพ่อก็ยังชื่นชอบยี่ห้อBenzอยู่ครับ ขอบคุณครับ
นึกว่ามีผมคนเดียวที่รู้สึกอะไรแบบนี้
เคยจน>ใช้แต่รถญี่ปุ่น>ใช้ D-seg>มีเบนซ์คันแรกในครอบครัว>ชีวิตพลิก พีคสุดๆ มีรถสปอร์ตในฝัน>เจอปัญหากับคำว่า เบนซ์คันแรกในชีวิต(ป้ายแดงซ่อมจนเซ็ง) > โอละหน่ายกับคำว่า รถยุโรป > ตกผลึก เห็นคุณค่าของเงิน > สูงสุดคืนสู่สามัญ > > > ...
C-Class C300 AMG W205 - Now
Pajero GT 2WD 2016 - Now
Camry HB Top ACV50 2012 - Now
Triton 2.5 - Now
Wish MC - Now
City V 09 - Now
Z4 s20i Pure balance - Sold
F30 320d - Sold
Accord G9 2.4 -Sold
Jazz SV 08 - Sold
CRV G4 2.0 4WD, FD 08 , Camry 2.5 , Vigo 3.0 , Tiger D4D 2.5

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,427
ค่าซ่อมบำรุงของรถยุโรป มันคือสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลครับ
ถ้าเอาราคาอะไหล่ทุกชิ้นของ C-class มาบวกรวมกัน ผมว่ามันเกิน5ล้านบาทนะ
ทั้งๆที่รถราคาแค่ 2ล้านกว่า 

ประเด็นนี้อาจจะไม่มีใครเคยพูดถึง แต่ผมคิดว่ามันคือการค้ากำไรเกินควรอย่างมาก
แต่พูดในแง่ธุรกิจ ก็เข้าใจว่าลงทุนสร้างโชว์รูมไม่ต่ำกว่า60ล้านบาท
รถเบนซ์ขายได้ปีละ 1หมื่นคัน  โตโยต้าขายได้ปีละ2แสนคัน 
เอาจำนวนรถ หารด้วยจำนวนโชว์รูม  ยังไงศูนย์รถยุโรปก็ต้องฟันกำไรจาก service ให้ได้มากที่สุด
เพราะ จำนวนรถเข้าใช้บริการมันน้อยกว่ารถญี่ปุุ่นหลายเท่า  ต้องหวดให้หนักเพื่อไปให้ถึงจุดคุ้มทุน

จำนวนสั่งผลิตอะไหล่อีก นี่คือเรื่องของ economies of scale
รถญี่ปุ่นจะได้ต้นทุนอะไหล่ที่ตำกว่ารถยุโรปเยอะมาก เพราะผลิตมากกว่าเกิน 20 เท่าตัว

ถามว่าอะไหล่1ชิ้น ของรถยุโรปที่แพงกว่ารถญี่ปุ่นหลายเท่า มันดีกว่า เทพกว่า เท่ากับที่ราคามันสูงกว่ารึป่าว ไม่ใช่เลยครับ

มันเป็นกระบวนการทางธุรกิจที่ เริ่มตั้งแต่ผลิต ไปจนถึงขายให้คุณ
อย่างที่อธิบายไป ผลิตก็น้อยกว่า และต้องฟันกำไรหนักกว่า ตั้งแต่บริษัทแม่ส่งสินค้าให้ศูนย์ และศูนย์หวดลูกค้าอีกที 

เอาแค่การเช็คระยะถ่ายน้ำมันเครื่อง   D-segment ทำครั้งละไม่เกิน3พันบาท แต่รถยุโรปหมื่นอัพ  อะไรที่มันต่างกันขนาดนี้ ประมาณ4เท่าตัว   ลงทุนสร้างโชว์รูมเท่าๆกัน แต่ศูนย์รถญี่ปุ่นมีรถเข้ามาใช้บริการมากกว่า10เท่า เอากำไรคันละ1พันก็พอ แต่ศูนย์รถยุโรปมีรถเข้าใช้บริการน้อยกว่า ต้องฟันกำไรคันนึง5พันอัพ  สุดท้ายงบการเงินของศูนย์โตโยต้าก็ยังได้กำไรจากค่าเซอร์วิซมากกว่าศูนย์เบนซ์ 

การประกอบรถอีก ไม่ต้องเป็นคนวงใน แค่หาดูในยูทูป ผมว่าโรงงานธนบุรีประกอบรถของเบนซ์ ดูสู้โรงงานของโตโยต้า ฮอนด้าไม่ได้เลยนะ เรื่องความอลังการ

ที่พูดมาทั้งหมดเนี่ย ไม่ใช่บอกว่า  C-class สู้รถ D-segment ญี่ปุ่นไม่ได้นะครับ
ถ้าผมมีเงินไม่จำกัด ผมซื้อ E-class หรือ series5 แบบไม่ต้องคิด และไม่มองรถญี่ปุ่นเลย

แต่ความเป็นจริงคือเงินผมมีจำกัด  ผมจึงต้องใช้สายตาของคนทำธุรกิจ มองลงไปยังองค์ประกอบต่างๆ คิดแบบคนทำธุรกิจ
และได้คำตอบว่า D-segment  คุ้มค่ากว่าในสายตาของผม และเชื่อว่าคุ้มกว่าในสายตาคนส่วนมาก 

ส่วน C-class รถมันทำมาให้คนขับครับ ไม่ใช่ให้คนนั่ง เบาะที่สั้นกุดแบบนั้น W205 เบาะหลังนั่งไม่สบายเลยครับ
ถ้าขับคนเดียวแน่ๆ คนกลุ่มนี้อ่ะคิดหนัก จะเอา c-class หรือ D-segment ดีหว่า ราคามันใกล้กันเรื่อยๆแล้ว

แต่ถ้ามีคนนั่งด้วย จบข่าวเลยครับ ตัด C-class ออกไปได้เลย 

สำหรับเรื่องภาพลักษณ์ ผมมีมุมคิดส่วนตัวของผม นั่นก็คือ
ผมใช้ D-segment สัก5-6ปี แล้วเปลี่ยนรุ่นใหม่ทุกครั้ง ได้ขับป้ายแดงทุก5ปี
คนรอบข้างผมก็จะชื่นชมว่าโอ้โหผมออกรถใหม่อีกล่ะ 555
ผมรู้สึกว่าตัวเองดูเท่กว่า ที่ผมต้องซื้อ C-class แล้วทนใช้ไป10ปี เพราะผมไม่มีปัญญาเปลี่ยนทุกโมเดลแน่ๆ

+1 สุดยอดความคิดจริงๆครับ เยี่ยม!!!