นิชคาร์ งานเข้า 2

Teera

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2017, 16:35:30 »
ส่วนตัว ไม่วิจารณ์ครับ รอ ตร แถลงข่าว
ปละเห็นว่า ไม่ควรกล่าวให้ร้ายใครครับ



ttcl

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2017, 17:09:49 »
ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงไปแล้วน่ะครับ เดี๋ยวล่างสุดผมลงลิงค์แถลงข่าวแบบเต็มให้ดู

สรุปคร่าวๆ คือ ทางดีเอสไอไทยประสานกับอัยการฝ่ายต่างประเทศ ประสานไปยังประเทศต่างๆเช่น อังกฤษ อิตาลี ทำให้ได้ใบเสร็จและราคาจริงที่ผู้นำเข้าของไทยซื้อรถจากต่างประเทศ
ซึ่งต่างจากราคาที่ผู้นำเข้าสำแดงต่อกรมศุลกากร

ในแถลงข่าว ยกตัวอย่างมาคันหนึ่ง คือ lamborghini murcielago sv
นิชคาร์ไปซื้อมาจากบริษัท automobil lamborghini holding s.p.a. ตามใบเสร็จรับเงิน คือ
286,015 ยูโร ( 11,528,778.42 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น )

แต่ทางนิชคาร์(โดยบริษัทเครือเดียวกัน) กลับมาสำแดงต่อกรมศุลกากรว่าราคา (C.I.F)
105,500 ดอลลาร์ ( 3,425,585 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น )

นิชคาร์ ตั้งราคาขายรุ่นนี้ในไทย 39 ล้านบาทครับ
คือ ราคารถในไทยแพงก็จริง แต่ไม่ได้แพงกว่าถึงระดับ 10 เท่า
ไม่มี lamborghini murcielago sv รถใหม่ป้ายแดงในประเทศไหนขายแค่ 3.4 ล้านบาท
ทางดีเอสไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระบุว่าราคา 3.4 ล้านบาทนี่คือสำแดงเท็จครับ



ttcl

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2017, 17:22:52 »
ต่อครับ

ข้างบนนี่คือยกตัวอย่างมาแค่คันเดียว ของนิชคาร์
ตามที่แถลงข่าว บอกว่า ยังมีอีกหลายคัน ของผู้นำเข้าหลายกลุ่ม

คือถ้าทางหน่วยงานของรัฐไทยประสานไปทางบริษัทต่างประเทศแล้วได้ข้อมูลถึงระดับใบเสร็จรับเงิน ระบุเลข chassis เลขเครื่องยนต์
อย่างนี้เอามาเทียบกับที่ทางผู้นำเข้าแจ้งกับกรมศุลกากรได้เลย คีย์เลข chassis ลงไปในระบบข้อมูลของกรมศุลกากร ก็รู้ว่าแจ้งตรงตามราคาที่ซื้อจริงหรือไม่

อันนี้ลิงค์แถลงข่าวเต็ม อาจจะไม่ค่อยชัด ไม่ได้ซูมเอกสารบนบอร์ดที่แถลง แต่หาได้ตอนนี้เท่านี้น่ะครับ แต่ก็พอจะทำให้เข้าใจกระบวนการในเรื่องนี้อยู่ เทียบจากสองรูปที่ซูมข้างบนครับ



e:smart Hybrid

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2017, 17:25:29 »
เคสนี้เห็นราคาแล้ว ผมว่าผู้นำเข้าลำบากนะ

ภาษีถ้าคิดจากฐาน 11 ล้าน นี่ รถมันไม่ราคาทะลุ 50 ล้านเลยหรือคับ

กำไรเอาเยอะเพราะมันขายยาก สมตัวแล้ว



Dark Overlord

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2017, 17:41:13 »
คนที่จ่าย 39 ล้าน แล้วมารู้ว่าโดนบริษัทนี้กินเปล่าๆ ไปร่วม 20 ล้าน
เขาจะว่ายังไง ลูกค้ามีพวกเจ้าพ่อด้วยมั้ย หรือยังมีระบบอีกแบบว่าถ้าคนมีอิทธิพลมาซื้อ
ก็จะขายรถจ่ายภาษีถูกต้องปกติ (กลัวผู้มีอิทธิพลเล่นงานทีหลัง)

ส่วนถ้าเป็นผม คงจะแค้นน่าดูชม น่ารวมตัวกันฟ้องเจ้าของบริษัทเพิ่ม

อย่างที่บอก ถ้าหลอกฐานภาษีรัฐได้ ก็ไม่น่ามาฟันเงินกับผู้บริโภคแบบนี้
คิดราคาแพงเพื่อหลอกให้เชื่อว่าคิดตามราคาที่มีภาษีถูกต้อง คนที่จะซื้อเขาก็
พร้อมจ่ายเพื่อความสบายใจอยู่แล้ว

อยากรู้ว่าจุดจบจะเป็นยังไง ถ้าผิดจริงๆ น่ะนะ



ttcl

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2017, 18:00:33 »
ถ้าคิดจากราคาเฉพาะตัวรถ (จริงๆแล้วจะมีราคาค่าขนส่ง และค่าประกันภัย รวมด้วย)
ราคาตั้งต้น 11,528,778.42 บาท

จะมี
ภาษีอากรขาเข้า 9,223,022.74 บาท
ภาษีสรรพสามิต 23,057,556.85 บาท
ภาษีกระทรวงมหาดไทย 2,305,755.68 บาท
ภาษีมูลค่าเพิ่ม 3,228,057.96 บาท

รวมภาษีต่างๆ 37,814,393.23 บาท
รวมราคาที่ซื้อมา 11,528,778.42 บาท
ก็จะได้ 49,343,171.66 บาท

นี่คือขายแบบไม่ได้กำไรนะครับ แต่จริงๆต้องรวมค่าขนส่ง ค่าประกันภัย ไปในราคาตั้งต้นด้วย และถ้ารวมกำไร ก็จะทำให้ราคาสูงกว่านี้อีก จึงถูกต้องตามที่ท่านเข้าใจครับ ว่าต้องขายเกิน 50 ล้านบาท

ปล. ดีเอสไอเลือกรุ่นพิเศษมาแถลง คือรุ่น sv เป็นรุ่นพิเศษ ลดน้ำหนักรถ เครื่องแรงขึ้น และผลิตจำนวนจำกัดแค่ 350 คัน



Dark Overlord

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2017, 18:32:22 »
ถ้าคิดจากราคาเฉพาะตัวรถ (จริงๆแล้วจะมีราคาค่าขนส่ง และค่าประกันภัย รวมด้วย)
ราคาตั้งต้น 11,528,778.42 บาท

จะมี
ภาษีอากรขาเข้า 9,223,022.74 บาท
ภาษีสรรพสามิต 23,057,556.85 บาท
ภาษีกระทรวงมหาดไทย 2,305,755.68 บาท
ภาษีมูลค่าเพิ่ม 3,228,057.96 บาท

รวมภาษีต่างๆ 37,814,393.23 บาท
รวมราคาที่ซื้อมา 11,528,778.42 บาท
ก็จะได้ 49,343,171.66 บาท

นี่คือขายแบบไม่ได้กำไรนะครับ แต่จริงๆต้องรวมค่าขนส่ง ค่าประกันภัย ไปในราคาตั้งต้นด้วย และถ้ารวมกำไร ก็จะทำให้ราคาสูงกว่านี้อีก จึงถูกต้องตามที่ท่านเข้าใจครับ ว่าต้องขายเกิน 50 ล้านบาท

ปล. ดีเอสไอเลือกรุ่นพิเศษมาแถลง คือรุ่น sv เป็นรุ่นพิเศษ ลดน้ำหนักรถ เครื่องแรงขึ้น และผลิตจำนวนจำกัดแค่ 350 คัน

คิดที่ราคา 3.4 ล้าน บวกภาษีแล้วเท่าไหร่ครับ
มาลบกับ 39 ล้าน จะได้เห็นกำไรว่าได้เท่าไหร่



K@nto71

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2017, 18:54:55 »
ถ้าคิดจากราคาเฉพาะตัวรถ (จริงๆแล้วจะมีราคาค่าขนส่ง และค่าประกันภัย รวมด้วย)
ราคาตั้งต้น 11,528,778.42 บาท

จะมี
ภาษีอากรขาเข้า 9,223,022.74 บาท
ภาษีสรรพสามิต 23,057,556.85 บาท
ภาษีกระทรวงมหาดไทย 2,305,755.68 บาท
ภาษีมูลค่าเพิ่ม 3,228,057.96 บาท

รวมภาษีต่างๆ 37,814,393.23 บาท
รวมราคาที่ซื้อมา 11,528,778.42 บาท
ก็จะได้ 49,343,171.66 บาท

นี่คือขายแบบไม่ได้กำไรนะครับ แต่จริงๆต้องรวมค่าขนส่ง ค่าประกันภัย ไปในราคาตั้งต้นด้วย และถ้ารวมกำไร ก็จะทำให้ราคาสูงกว่านี้อีก จึงถูกต้องตามที่ท่านเข้าใจครับ ว่าต้องขายเกิน 50 ล้านบาท

ปล. ดีเอสไอเลือกรุ่นพิเศษมาแถลง คือรุ่น sv เป็นรุ่นพิเศษ ลดน้ำหนักรถ เครื่องแรงขึ้น และผลิตจำนวนจำกัดแค่ 350 คัน

คิดที่ราคา 3.4 ล้าน บวกภาษีแล้วเท่าไหร่ครับ
มาลบกับ 39 ล้าน จะได้เห็นกำไรว่าได้เท่าไหร่


ราคารถ (ไม่รวมค่าส่งกับประกัน) 3,400,000 บาท

ภาษีอากรขาเข้า 2,720,000 บาท
ภาษีสรรพสามิต 6,799,320 บาท
ภาษีกระทรวงมหาดไทย 679,932 บาท
ภาษีมูลค่าเพิ่ม 951,947.64 บาท

รวม  14,551,199.6 บาท

แต่ราคาที่เอามาคิดภาษีจริง ต้องเป็น C.I.F ดังนั้นราคาที่เค้าจ่ายจริง จะแพงกว่านี้นะครับ

ปล.เดาว่ากำไรคงตกเฉียดๆ 20 ล้าน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 21, 2017, 19:09:26 โดย K@nto71 »
2003 - BMW 318i (E48)
2012 - Mercedes-Benz E250 Cabriolet (A207)
2012 - Mercedes-Benz SLK 200 AMG (R172)
2013 - BMW 320d (F30)
2016 - Mercedes-Benz C350e AMG (W205)
2016 - Porsche Macan
2017 - Mercedes-Benz S500e AMG (W222)
2017 - Porsche 718 Boxster
2018 - Mercedes-Benz CLS 300d AMG Edition1 (C257)



ttcl

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2017, 19:22:12 »
ราคา 105,500 ดอลลาร์ ( 3,425,585 บาท) เป็นราคาที่นิชคาร์สำแดงกรมศุลกากร ซึ่งทางกรมศุลให้สำแดงราคา C.I.F คือ รวมราคาค่าขนส่งและค่าประกันแล้วน่ะครับ
ทางดีเอสไอ จึงคิดจากราคานี้ได้เลย ถ้าขยายดูจากรูปที่แนบจะได้ตามนี้ครับ

ราคา C.I.F. 105,500 ดอลลาร์ ( 3,425,585 บาท)

ภาษีอากรขาเข้า 2,740,468 บาท
ภาษีสรรพสามิต 6,851,170 บาท
ภาษีกระทรวงมหาดไทย 685,117 บาท
ภาษีมูลค่าเพิ่ม 959,163.80 บาท

รวมภาษีต่างๆ 11,235,918.80 บาท ตัวเลขนี้คือภาษีที่ทางนิชคาร์ได้จ่ายจริง
แต่จริงๆแล้วควรต้องจ่ายมากกว่า 37,814,393.23 บาท (ยังไม่ได้คิดค่าขนส่งกับค่าประกันลงไปในตัวเลขนี้)

ทางดีเอสไอจึงแถลงว่าเฉพาะคันนี้ได้โกงภาษีไปประมาณ 30 ล้านบาทครับ
แต่อย่างที่บอกในความเห็นข้างบนว่า คันนี้เป็นรุ่นพิเศษ
ดีเอสไอแถลงว่าโดยเฉลี่ยแล้ว โกงภาษีไปคันละประมาณ 18-2x ล้านครับ



sixaxis

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2017, 20:01:42 »
ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงไปแล้วน่ะครับ เดี๋ยวล่างสุดผมลงลิงค์แถลงข่าวแบบเต็มให้ดู

สรุปคร่าวๆ คือ ทางดีเอสไอไทยประสานกับอัยการฝ่ายต่างประเทศ ประสานไปยังประเทศต่างๆเช่น อังกฤษ อิตาลี ทำให้ได้ใบเสร็จและราคาจริงที่ผู้นำเข้าของไทยซื้อรถจากต่างประเทศ
ซึ่งต่างจากราคาที่ผู้นำเข้าสำแดงต่อกรมศุลกากร

ในแถลงข่าว ยกตัวอย่างมาคันหนึ่ง คือ lamborghini murcielago sv
นิชคาร์ไปซื้อมาจากบริษัท automobil lamborghini holding s.p.a. ตามใบเสร็จรับเงิน คือ
286,015 ยูโร ( 11,528,778.42 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น )

แต่ทางนิชคาร์(โดยบริษัทเครือเดียวกัน) กลับมาสำแดงต่อกรมศุลกากรว่าราคา (C.I.F)
105,500 ดอลลาร์ ( 3,425,585 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น )

นิชคาร์ ตั้งราคาขายรุ่นนี้ในไทย 39 ล้านบาทครับ
คือ ราคารถในไทยแพงก็จริง แต่ไม่ได้แพงกว่าถึงระดับ 10 เท่า
ไม่มี lamborghini murcielago sv รถใหม่ป้ายแดงในประเทศไหนขายแค่ 3.4 ล้านบาท
ทางดีเอสไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระบุว่าราคา 3.4 ล้านบาทนี่คือสำแดงเท็จครับ

ถ้าเป็นไปตามนี้นี่อ่วมจริงครับ ก็ย้อนหลังกันไป
งี้แหละนะ ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน

แต่รัฐเองก็ควรคิดด้วยนะครับว่าปัญหานี้เกิดจากอะไร ทำไมถึงต้องมาตามล้างตามามเช็ดกัน
ลองมองให้รอบครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 21, 2017, 20:07:08 โดย sixaxis »



jumpon77

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #40 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2017, 20:17:41 »
ผมเองไม่ออกความเห็นะครับเพราะถึงเปนในฝันเถอะแต่ไมมีปัญญาซีอเลยอะ
http://facebook.com/jumpon.hiranyanon
https://twitter.com/jumpon77     คุยได้นะครับ.
 Corolla Altis 1.8 E MT MY2008(Sold out) Corolla Altis 1.6 J AT my2011 Isuzu D-MAX Spark my2003 Toyota Corolla Altis 1.6E CNG  Toyota hiace  2.5 2j-GE  2000



ttcl

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #41 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2017, 21:06:12 »
ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงไปแล้วน่ะครับ เดี๋ยวล่างสุดผมลงลิงค์แถลงข่าวแบบเต็มให้ดู

สรุปคร่าวๆ คือ ทางดีเอสไอไทยประสานกับอัยการฝ่ายต่างประเทศ ประสานไปยังประเทศต่างๆเช่น อังกฤษ อิตาลี ทำให้ได้ใบเสร็จและราคาจริงที่ผู้นำเข้าของไทยซื้อรถจากต่างประเทศ
ซึ่งต่างจากราคาที่ผู้นำเข้าสำแดงต่อกรมศุลกากร

ในแถลงข่าว ยกตัวอย่างมาคันหนึ่ง คือ lamborghini murcielago sv
นิชคาร์ไปซื้อมาจากบริษัท automobil lamborghini holding s.p.a. ตามใบเสร็จรับเงิน คือ
286,015 ยูโร ( 11,528,778.42 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น )

แต่ทางนิชคาร์(โดยบริษัทเครือเดียวกัน) กลับมาสำแดงต่อกรมศุลกากรว่าราคา (C.I.F)
105,500 ดอลลาร์ ( 3,425,585 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น )

นิชคาร์ ตั้งราคาขายรุ่นนี้ในไทย 39 ล้านบาทครับ
คือ ราคารถในไทยแพงก็จริง แต่ไม่ได้แพงกว่าถึงระดับ 10 เท่า
ไม่มี lamborghini murcielago sv รถใหม่ป้ายแดงในประเทศไหนขายแค่ 3.4 ล้านบาท
ทางดีเอสไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระบุว่าราคา 3.4 ล้านบาทนี่คือสำแดงเท็จครับ

ถ้าเป็นไปตามนี้นี่อ่วมจริงครับ ก็ย้อนหลังกันไป
งี้แหละนะ ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน

แต่รัฐเองก็ควรคิดด้วยนะครับว่าปัญหานี้เกิดจากอะไร ทำไมถึงต้องมาตามล้างตามามเช็ดกัน
ลองมองให้รอบครับ

ผมเอาข้อมูลที่ได้จากการแถลงข่าวมาแชร์น่ะครับ ยังมิได้วิจารณ์ว่าราคารถในไทยถูกหรือแพงแต่อย่างใด
ถ้ารถในไทยราคาถูก ก็เป็นผลดีกับผมเช่นกันครับ  :D ราคารถในไทยแพงครับเมื่อเทียบกับรายได้ประชาชาติ

ผมซื้อรถมือสองมาคันนึง ตกรุ่นไปแล้วด้วย
แต่ในราคาเดียวกับที่ผมซื้อ ในอังกฤษสามารถซื้อรถรุ่นนั้นที่เป็นรถใหม่ป้ายแดงบอดี้ปัจจุบันได้เลย
(ถ้าหาดูในกระทู้เก่าๆ หลายกระทู้ผมก็ให้ความเห็นว่ารถในไทยราคาแพงครับ)



Dark Overlord

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #42 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2017, 21:18:38 »
ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงไปแล้วน่ะครับ เดี๋ยวล่างสุดผมลงลิงค์แถลงข่าวแบบเต็มให้ดู

สรุปคร่าวๆ คือ ทางดีเอสไอไทยประสานกับอัยการฝ่ายต่างประเทศ ประสานไปยังประเทศต่างๆเช่น อังกฤษ อิตาลี ทำให้ได้ใบเสร็จและราคาจริงที่ผู้นำเข้าของไทยซื้อรถจากต่างประเทศ
ซึ่งต่างจากราคาที่ผู้นำเข้าสำแดงต่อกรมศุลกากร

ในแถลงข่าว ยกตัวอย่างมาคันหนึ่ง คือ lamborghini murcielago sv
นิชคาร์ไปซื้อมาจากบริษัท automobil lamborghini holding s.p.a. ตามใบเสร็จรับเงิน คือ
286,015 ยูโร ( 11,528,778.42 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น )

แต่ทางนิชคาร์(โดยบริษัทเครือเดียวกัน) กลับมาสำแดงต่อกรมศุลกากรว่าราคา (C.I.F)
105,500 ดอลลาร์ ( 3,425,585 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น )

นิชคาร์ ตั้งราคาขายรุ่นนี้ในไทย 39 ล้านบาทครับ
คือ ราคารถในไทยแพงก็จริง แต่ไม่ได้แพงกว่าถึงระดับ 10 เท่า
ไม่มี lamborghini murcielago sv รถใหม่ป้ายแดงในประเทศไหนขายแค่ 3.4 ล้านบาท
ทางดีเอสไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระบุว่าราคา 3.4 ล้านบาทนี่คือสำแดงเท็จครับ

ถ้าเป็นไปตามนี้นี่อ่วมจริงครับ ก็ย้อนหลังกันไป
งี้แหละนะ ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน

แต่รัฐเองก็ควรคิดด้วยนะครับว่าปัญหานี้เกิดจากอะไร ทำไมถึงต้องมาตามล้างตามามเช็ดกัน
ลองมองให้รอบครับ

ผมเอาข้อมูลที่ได้จากการแถลงข่าวมาแชร์น่ะครับ ยังมิได้วิจารณ์ว่าราคารถในไทยถูกหรือแพตงแต่อย่างใด
ถ้ารถในไทยราคาถูก ก็เป็นผลดีกับผมเช่นกันครับ  :D ราคารถในไทยแพงครับเมื่อเทียบกับรายได้ประชาชาติ

ผมซื้อรถมือสองมาคันนึง ตกรุ่นไปแล้วด้วย
แต่ในราคาเดียวกับที่ผมซื้อ ในอังกฤษสามารถซื้อรถรุ่นนั้นที่เป็นรถใหม่ป้ายแดงบอดี้ปัจจุบันได้เลย
(ถ้าหาดูในกระทู้เก่าๆ หลายกระทู้ผมก็ให้ความเห็นว่ารถในไทยราคาแพงครับ)

ผมว่าไม่ได้เกี่ยวกันเลย กับเรื่องที่ว่า รถแพงเกินไปเลยมีการเลี่ยงภาษี
ดังนั้นควรเก็บภาษีให้น้อยลงดูสมเหตุผลเพื่อไม่ให้มีการเลี่ยงภาษีเกิดขึ้น

เหตุผล
1 รัฐอัดภาษีมาแรงๆ เพราะไม่ได้ต้องการสนับสนุนให้ซื้อของพวกนี้อยู่แล้ว
2 ใครอยากซื้อก็ต้องจ่ายภาษีแพงๆ พวกนี้
3 เวลาที่รัฐจะลดภาษีให้ดูสมเหตุผล และไม่อยากให้คนเลี่ยงภาษี สิ่งนั้นรัฐจะหมายมั่นให้เป็นรายได้สำคัญ
4 รถสปอร์ต exotic super car ใครอยากซื้อก็ซื้อ ไม่ซื้อก็ไม่ต้องซื้อ รัฐไม่ได้แคร์

ปัญหานี้เกิดมาจาก
1 ผู้มีอิทธิพล
2 คนของรัฐ
3 corruption

ปัญหานี้คนอาจจะไม่ออกมารุมด่า ประนาม เพราะเป็นการโกงเงินจากคนรวย
อารมณ์ร่วมเลยไม่เกิด แต่ที่จริงปัญหานี้เกี่ยวกับเรื่องความสุจจริตกับความน่าละอายมากกว่า
ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงสังคมว่าอำนาจอยู่ที่ผู้มีอิทธิพลและเหนือกฎหมายเสมอ



ttcl

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #43 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2017, 21:40:39 »
ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงไปแล้วน่ะครับ เดี๋ยวล่างสุดผมลงลิงค์แถลงข่าวแบบเต็มให้ดู

สรุปคร่าวๆ คือ ทางดีเอสไอไทยประสานกับอัยการฝ่ายต่างประเทศ ประสานไปยังประเทศต่างๆเช่น อังกฤษ อิตาลี ทำให้ได้ใบเสร็จและราคาจริงที่ผู้นำเข้าของไทยซื้อรถจากต่างประเทศ
ซึ่งต่างจากราคาที่ผู้นำเข้าสำแดงต่อกรมศุลกากร

ในแถลงข่าว ยกตัวอย่างมาคันหนึ่ง คือ lamborghini murcielago sv
นิชคาร์ไปซื้อมาจากบริษัท automobil lamborghini holding s.p.a. ตามใบเสร็จรับเงิน คือ
286,015 ยูโร ( 11,528,778.42 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น )

แต่ทางนิชคาร์(โดยบริษัทเครือเดียวกัน) กลับมาสำแดงต่อกรมศุลกากรว่าราคา (C.I.F)
105,500 ดอลลาร์ ( 3,425,585 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น )

นิชคาร์ ตั้งราคาขายรุ่นนี้ในไทย 39 ล้านบาทครับ
คือ ราคารถในไทยแพงก็จริง แต่ไม่ได้แพงกว่าถึงระดับ 10 เท่า
ไม่มี lamborghini murcielago sv รถใหม่ป้ายแดงในประเทศไหนขายแค่ 3.4 ล้านบาท
ทางดีเอสไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระบุว่าราคา 3.4 ล้านบาทนี่คือสำแดงเท็จครับ

ถ้าเป็นไปตามนี้นี่อ่วมจริงครับ ก็ย้อนหลังกันไป
งี้แหละนะ ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน

แต่รัฐเองก็ควรคิดด้วยนะครับว่าปัญหานี้เกิดจากอะไร ทำไมถึงต้องมาตามล้างตามามเช็ดกัน
ลองมองให้รอบครับ

ผมเอาข้อมูลที่ได้จากการแถลงข่าวมาแชร์น่ะครับ ยังมิได้วิจารณ์ว่าราคารถในไทยถูกหรือแพตงแต่อย่างใด
ถ้ารถในไทยราคาถูก ก็เป็นผลดีกับผมเช่นกันครับ  :D ราคารถในไทยแพงครับเมื่อเทียบกับรายได้ประชาชาติ

ผมซื้อรถมือสองมาคันนึง ตกรุ่นไปแล้วด้วย
แต่ในราคาเดียวกับที่ผมซื้อ ในอังกฤษสามารถซื้อรถรุ่นนั้นที่เป็นรถใหม่ป้ายแดงบอดี้ปัจจุบันได้เลย
(ถ้าหาดูในกระทู้เก่าๆ หลายกระทู้ผมก็ให้ความเห็นว่ารถในไทยราคาแพงครับ)

ผมว่าไม่ได้เกี่ยวกันเลย กับเรื่องที่ว่า รถแพงเกินไปเลยมีการเลี่ยงภาษี
ดังนั้นควรเก็บภาษีให้น้อยลงดูสมเหตุผลเพื่อไม่ให้มีการเลี่ยงภาษีเกิดขึ้น

เหตุผล
1 รัฐอัดภาษีมาแรงๆ เพราะไม่ได้ต้องการสนับสนุนให้ซื้อของพวกนี้อยู่แล้ว
2 ใครอยากซื้อก็ต้องจ่ายภาษีแพงๆ พวกนี้
3 เวลาที่รัฐจะลดภาษีให้ดูสมเหตุผล และไม่อยากให้คนเลี่ยงภาษี สิ่งนั้นรัฐจะหมายมั่นให้เป็นรายได้สำคัญ
4 รถสปอร์ต exotic super car ใครอยากซื้อก็ซื้อ ไม่ซื้อก็ไม่ต้องซื้อ รัฐไม่ได้แคร์

ปัญหานี้เกิดมาจาก
1 ผู้มีอิทธิพล
2 คนของรัฐ
3 corruption

ปัญหานี้คนอาจจะไม่ออกมารุมด่า ประนาม เพราะเป็นการโกงเงินจากคนรวย
อารมณ์ร่วมเลยไม่เกิด แต่ที่จริงปัญหานี้เกี่ยวกับเรื่องความสุจจริตกับความน่าละอายมากกว่า
ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงสังคมว่าอำนาจอยู่ที่ผู้มีอิทธิพลและเหนือกฎหมายเสมอ

ถูกต้องครับ
ถ้าถามผมว่ารถเมืองไทยแพงมั๊ย ผมก็ต้องตอบว่าแพงครับ

แต่ถ้าถามว่าการโกงภาษีถูกต้องหรือไม่ ผมก็ต้องตอบว่าไม่ถูกต้องครับ ผมเลยนำข้อมูลที่ได้จากการแถลงข่าวมาแสดงให้ดูว่า เฉพาะคันนี้โกงภาษีไปประมาณ 30 ล้าน ขอใช้คำว่าโกงภาษีครับ ถ้าเลี่ยงภาษี จะเป็นประมาณว่ากฎหมายเปิดช่องให้ทำได้

อย่างกรณีนิชคาร์นี่ไม่ใช่แค่แจ้ง options ไม่ครบ (รถออปชั่นเยอะ แจ้งเป็นรถออปชั่นน้อย หรือรถรุ่นสูงแจ้งเป็นรถรุ่นต่ำกว่า อย่างเช่น audi tts จดเป็น audi tt)
 แต่กรณีนิชคาร์เป็นกรณีที่ทำราคาปลอมขึ้นมาใหม่เลย โดยที่รถบอดี้นี้ไม่มีขายในราคาที่นิชคาร์แจ้งเลยครับ (ในตัวอย่างที่ยกขึ้นมาในแถลงข่าว)

ถ้าตามกฎหมาย กรณีนิชคาร์นี้ไม่ใช่แค่เสียภาษีเพิ่ม เสียค่าปรับแล้วจะจบครับ กรณีเสียภาษีเพิ่ม แล้วจบเรื่อง ต้องเป็นกรณีที่แจ้งของตรง แต่ตีความภาษีผิดจากที่รัฐตีความ เลยไปเสียคนละอัตรา
แต่กรณีนิชคาร์นี้ มีการทำเอกสารปลอมขึ้นมา (ทำราคาปลอม) และใช้เอกสารปลอมแสดงต่อเจ้าหน้าที่
ซึ่งมีโทษจำคุกครับ แต่ละคัน แต่ละครั้ง ก็เป็นกระทงนึง ถ้าดำเนินคดีแบบตรงไปตรงมา โดนเรียงกระทงล่ะครับ



NS

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #44 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2017, 21:51:31 »
   ราคาที่สำแดงกับศุลกากรที่ต่ำมากๆ แล้วเอามาตั้งราคาขายซ๊ะสูงปรี๊ดแบบนี้ ดูแล้วก็น่าสงสัยอยู่นะ
จะเลือกรถหรือเมีย....

...รถสิคร๊าฟ



K@nto71

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #45 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2017, 23:00:31 »
ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงไปแล้วน่ะครับ เดี๋ยวล่างสุดผมลงลิงค์แถลงข่าวแบบเต็มให้ดู

สรุปคร่าวๆ คือ ทางดีเอสไอไทยประสานกับอัยการฝ่ายต่างประเทศ ประสานไปยังประเทศต่างๆเช่น อังกฤษ อิตาลี ทำให้ได้ใบเสร็จและราคาจริงที่ผู้นำเข้าของไทยซื้อรถจากต่างประเทศ
ซึ่งต่างจากราคาที่ผู้นำเข้าสำแดงต่อกรมศุลกากร

ในแถลงข่าว ยกตัวอย่างมาคันหนึ่ง คือ lamborghini murcielago sv
นิชคาร์ไปซื้อมาจากบริษัท automobil lamborghini holding s.p.a. ตามใบเสร็จรับเงิน คือ
286,015 ยูโร ( 11,528,778.42 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น )

แต่ทางนิชคาร์(โดยบริษัทเครือเดียวกัน) กลับมาสำแดงต่อกรมศุลกากรว่าราคา (C.I.F)
105,500 ดอลลาร์ ( 3,425,585 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น )

นิชคาร์ ตั้งราคาขายรุ่นนี้ในไทย 39 ล้านบาทครับ
คือ ราคารถในไทยแพงก็จริง แต่ไม่ได้แพงกว่าถึงระดับ 10 เท่า
ไม่มี lamborghini murcielago sv รถใหม่ป้ายแดงในประเทศไหนขายแค่ 3.4 ล้านบาท
ทางดีเอสไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระบุว่าราคา 3.4 ล้านบาทนี่คือสำแดงเท็จครับ

ถ้าเป็นไปตามนี้นี่อ่วมจริงครับ ก็ย้อนหลังกันไป
งี้แหละนะ ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน

แต่รัฐเองก็ควรคิดด้วยนะครับว่าปัญหานี้เกิดจากอะไร ทำไมถึงต้องมาตามล้างตามามเช็ดกัน
ลองมองให้รอบครับ

ผมเอาข้อมูลที่ได้จากการแถลงข่าวมาแชร์น่ะครับ ยังมิได้วิจารณ์ว่าราคารถในไทยถูกหรือแพตงแต่อย่างใด
ถ้ารถในไทยราคาถูก ก็เป็นผลดีกับผมเช่นกันครับ  :D ราคารถในไทยแพงครับเมื่อเทียบกับรายได้ประชาชาติ

ผมซื้อรถมือสองมาคันนึง ตกรุ่นไปแล้วด้วย
แต่ในราคาเดียวกับที่ผมซื้อ ในอังกฤษสามารถซื้อรถรุ่นนั้นที่เป็นรถใหม่ป้ายแดงบอดี้ปัจจุบันได้เลย
(ถ้าหาดูในกระทู้เก่าๆ หลายกระทู้ผมก็ให้ความเห็นว่ารถในไทยราคาแพงครับ)

ผมว่าไม่ได้เกี่ยวกันเลย กับเรื่องที่ว่า รถแพงเกินไปเลยมีการเลี่ยงภาษี
ดังนั้นควรเก็บภาษีให้น้อยลงดูสมเหตุผลเพื่อไม่ให้มีการเลี่ยงภาษีเกิดขึ้น

เหตุผล
1 รัฐอัดภาษีมาแรงๆ เพราะไม่ได้ต้องการสนับสนุนให้ซื้อของพวกนี้อยู่แล้ว
2 ใครอยากซื้อก็ต้องจ่ายภาษีแพงๆ พวกนี้
3 เวลาที่รัฐจะลดภาษีให้ดูสมเหตุผล และไม่อยากให้คนเลี่ยงภาษี สิ่งนั้นรัฐจะหมายมั่นให้เป็นรายได้สำคัญ
4 รถสปอร์ต exotic super car ใครอยากซื้อก็ซื้อ ไม่ซื้อก็ไม่ต้องซื้อ รัฐไม่ได้แคร์

ปัญหานี้เกิดมาจาก
1 ผู้มีอิทธิพล
2 คนของรัฐ
3 corruption

ปัญหานี้คนอาจจะไม่ออกมารุมด่า ประนาม เพราะเป็นการโกงเงินจากคนรวย
อารมณ์ร่วมเลยไม่เกิด แต่ที่จริงปัญหานี้เกี่ยวกับเรื่องความสุจจริตกับความน่าละอายมากกว่า
ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงสังคมว่าอำนาจอยู่ที่ผู้มีอิทธิพลและเหนือกฎหมายเสมอ

ถูกต้องครับ
ถ้าถามผมว่ารถเมืองไทยแพงมั๊ย ผมก็ต้องตอบว่าแพงครับ

แต่ถ้าถามว่าการโกงภาษีถูกต้องหรือไม่ ผมก็ต้องตอบว่าไม่ถูกต้องครับ ผมเลยนำข้อมูลที่ได้จากการแถลงข่าวมาแสดงให้ดูว่า เฉพาะคันนี้โกงภาษีไปประมาณ 30 ล้าน ขอใช้คำว่าโกงภาษีครับ ถ้าเลี่ยงภาษี จะเป็นประมาณว่ากฎหมายเปิดช่องให้ทำได้

อย่างกรณีนิชคาร์นี่ไม่ใช่แค่แจ้ง options ไม่ครบ (รถออปชั่นเยอะ แจ้งเป็นรถออปชั่นน้อย หรือรถรุ่นสูงแจ้งเป็นรถรุ่นต่ำกว่า อย่างเช่น audi tts จดเป็น audi tt)
 แต่กรณีนิชคาร์เป็นกรณีที่ทำราคาปลอมขึ้นมาใหม่เลย โดยที่รถบอดี้นี้ไม่มีขายในราคาที่นิชคาร์แจ้งเลยครับ (ในตัวอย่างที่ยกขึ้นมาในแถลงข่าว)

ถ้าตามกฎหมาย กรณีนิชคาร์นี้ไม่ใช่แค่เสียภาษีเพิ่ม เสียค่าปรับแล้วจะจบครับ กรณีเสียภาษีเพิ่ม แล้วจบเรื่อง ต้องเป็นกรณีที่แจ้งของตรง แต่ตีความภาษีผิดจากที่รัฐตีความ เลยไปเสียคนละอัตรา
แต่กรณีนิชคาร์นี้ มีการทำเอกสารปลอมขึ้นมา (ทำราคาปลอม) และใช้เอกสารปลอมแสดงต่อเจ้าหน้าที่
ซึ่งมีโทษจำคุกครับ แต่ละคัน แต่ละครั้ง ก็เป็นกระทงนึง ถ้าดำเนินคดีแบบตรงไปตรงมา โดนเรียงกระทงล่ะครับ




ชัดเจนมากครับ  ;)
2003 - BMW 318i (E48)
2012 - Mercedes-Benz E250 Cabriolet (A207)
2012 - Mercedes-Benz SLK 200 AMG (R172)
2013 - BMW 320d (F30)
2016 - Mercedes-Benz C350e AMG (W205)
2016 - Porsche Macan
2017 - Mercedes-Benz S500e AMG (W222)
2017 - Porsche 718 Boxster
2018 - Mercedes-Benz CLS 300d AMG Edition1 (C257)



Fly to dream

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #46 เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2017, 00:05:49 »
คงงานเข้าจริงๆล่ะงั้น

แต่จะให้พูด ภาษีทุเรศเกินไป 328% ปัญญาอ่อนไป
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย



Auto

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #47 เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2017, 01:12:09 »
ค่าปรับภาษีย้อนหลังคงอ่วม    อีกทั้งชื่อเสียงคงไม่น่าจะเป็นตัวแทนรถหรูได้อีกต่อไปแล้วละ



JT

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #48 เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2017, 08:59:47 »
รบกวนถามครับ

1.แบบนี้เราจะซื้อรถจากเกรย์ หรือ ผู้นำเข้ารายอื่นที่ถูกต้องได้ยังไง เพราะเราไม่สามารถรู้เลยว่าเขาทำเอกสารขึ้นมาแบบกรณีนี้ไหมครับ

2.กับลูกค้าที่ซื้อไปแล้ว จะต้องร่วมชำระกับทางผู้นำเข้าไหมครับ



MacH1

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #49 เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2017, 09:59:50 »
คงงานเข้าจริงๆล่ะงั้น

แต่จะให้พูด ภาษีทุเรศเกินไป 328% ปัญญาอ่อนไป

+1 ปัญญาอ่อน แต่มีคนยังอยากให้เป็นแบบนี้เหมือนกันนะครับ ตัวอย่างเช่น พวกอวยผู้ผลิต พวกผลิตชิ้นส่วน



Noncyclopedia

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #50 เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2017, 10:21:23 »
เอาตรงๆนะ...

พวกคุณทราบมั้ยว่า.  กรมศุลกากร. มีคนฉลาดกว่าพวกทำธุรกิจแบบนี้. เทคนิคแบบนี้
เพียงแต่เขาเลือกจะทำตอนไหน



joufo

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #51 เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2017, 10:23:28 »
ขอเล่าให้ฟังสนุกๆ ในฐานะที่ต้องใช้บริการ นำเข้า - ส่งออกสินค้าระหว่างประเทศบ้างครับ


จะมีเทคนิคที่ทำให้การประเมินภาษีต่ำคือ ลงตัวเลขในใบ Invoice และใบขนทั้งหลายให้น้อยๆ
แต่
ถ้าน้อยเกินไปก็โดนเล่นนะครับ

เช่น ของราคาตลาดมันอยู่ที่ 100 บาท ไปแจ้งลง Invoice 2 บาท ก็โดนแน่นอน
แต่ถ้าแจ้งสัก 70~80 บาท ก็ยังไม่น่าเกลียด

เท่าที่รู้มา ผู้นำเข้าส่วนใหญ่ ใช้เทคนิคทำรถให้มีราคาในใบ Invoice ถูกที่สุด
อาจจะถอดล้อ, วิทยุ, ฯลฯ ออก เพื่อกดราคาซื้อที่ต่างประเทศ
ส่วนของที่ถอดออกก็ส่งมาต่างหาก
พอมาถึงไทยแล้วค่อยรวมร่างเข้าไปใหม่
(ถ้าถามว่าผิดไหม มันก็ไม่ผิดสักเท่าไหร่ มันเหมือนอาศัยช่องว่างทางกฏหมายมากกว่า)

แล้วที่เคยได้ยิน "เขาเล่าว่า"
ก็คือ ซื้อรถมือ 2 เลขไมล์น้อย
แล้วตอนนำเข้า เอามาขายในไทย แจ้งว่าเป็นรถใหม่
ซึ่งเทคนิคนี้ เอกสารมันก็จะถูกต้องมาตั้งแต่ต้นทางแล้ว
แค่ไปบอกคนขายว่า อย่าระบุว่าเป็นมือ 2 นะ ก็จบ ตัวเลขในเอกสารมันก็ถูกต้องหมด ถึงแม้ศุลกากรตรวจสอบไปคนขายต้นทาง ก็ได้ตัวเลขเดียวกัน

ผมเคยเห็น อัลพาร์ด ที่ท่าเรือ(เมืองไทย) จอดรอเคลียศุลกากร หลายร้อยคัน ปรากฏว่าต้นทาง มาจากคนขายเจ้าเดียวกันหมด
แต่รถทั้งหมด ไม่ได้เป็นของเกรย์เจ้าเดียว แต่กระจายไปหลายเจ้า
ผมก็เลย "คิดไปเอง" ว่า มันก็คงมีกระบวนการ ทำให้ราคารถถูกลง โดยการไปซื้อมาจากดีเลอร์ แล้วก็ขายต่อให้บริษัทในไทยอีกทีในราคาถูก
เพื่อจะทำให้ตัวเลขในใบขนต่างๆ ลดลง
เมื่อกรมศุลฯ ตรวจสอบไปยังคนขาย ตัวเลขก็ตรงกันหมด มันก็เลยผ่านฉลุยไม่มีปัญหา


แต่กรณี นิชคาร์ นี่ ผม "เดา" ว่า เขาอาจจะทำใบ Invoice ขึ้นมาใหม่ ซึ่งราคาไม่ตรงกับ Invoice จริง ที่ออกจากโรงงาน
แล้ว Invoice ตัวจริงก็เอาซ่อนไว้ เอาตัวที่ทำขึ้นมาใหม่ไปแจ้งศุลกากร
ถ้าทำเรื่องนำของเข้าเองไม่ผ่านตัวแทน(ชิพปิ้ง) มันก็ทำได้ไม่ยากเย็นอะไร


--------------------------------------------------------------------------------
คนซื้อไปแล้วนี่ ผมว่าอาจจะหนาวๆ ร้อนๆ ไม่รู้ว่าจะโดนย้อนหลังรึเปล่านี่สิครับ  :-X
ถ้าผมซื้อมาคันนึง ผมก็คงเครียดเหมือนกันนะครับเนี่ย



MacH1

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #52 เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2017, 10:42:12 »
ขอเล่าให้ฟังสนุกๆ ในฐานะที่ต้องใช้บริการ นำเข้า - ส่งออกสินค้าระหว่างประเทศบ้างครับ


จะมีเทคนิคที่ทำให้การประเมินภาษีต่ำคือ ลงตัวเลขในใบ Invoice และใบขนทั้งหลายให้น้อยๆ
แต่
ถ้าน้อยเกินไปก็โดนเล่นนะครับ

เช่น ของราคาตลาดมันอยู่ที่ 100 บาท ไปแจ้งลง Invoice 2 บาท ก็โดนแน่นอน
แต่ถ้าแจ้งสัก 70~80 บาท ก็ยังไม่น่าเกลียด

เท่าที่รู้มา ผู้นำเข้าส่วนใหญ่ ใช้เทคนิคทำรถให้มีราคาในใบ Invoice ถูกที่สุด
อาจจะถอดล้อ, วิทยุ, ฯลฯ ออก เพื่อกดราคาซื้อที่ต่างประเทศ
ส่วนของที่ถอดออกก็ส่งมาต่างหาก
พอมาถึงไทยแล้วค่อยรวมร่างเข้าไปใหม่
(ถ้าถามว่าผิดไหม มันก็ไม่ผิดสักเท่าไหร่ มันเหมือนอาศัยช่องว่างทางกฏหมายมากกว่า)

แล้วที่เคยได้ยิน "เขาเล่าว่า"
ก็คือ ซื้อรถมือ 2 เลขไมล์น้อย
แล้วตอนนำเข้า เอามาขายในไทย แจ้งว่าเป็นรถใหม่
ซึ่งเทคนิคนี้ เอกสารมันก็จะถูกต้องมาตั้งแต่ต้นทางแล้ว
แค่ไปบอกคนขายว่า อย่าระบุว่าเป็นมือ 2 นะ ก็จบ ตัวเลขในเอกสารมันก็ถูกต้องหมด ถึงแม้ศุลกากรตรวจสอบไปคนขายต้นทาง ก็ได้ตัวเลขเดียวกัน

ผมเคยเห็น อัลพาร์ด ที่ท่าเรือ(เมืองไทย) จอดรอเคลียศุลกากร หลายร้อยคัน ปรากฏว่าต้นทาง มาจากคนขายเจ้าเดียวกันหมด
แต่รถทั้งหมด ไม่ได้เป็นของเกรย์เจ้าเดียว แต่กระจายไปหลายเจ้า
ผมก็เลย "คิดไปเอง" ว่า มันก็คงมีกระบวนการ ทำให้ราคารถถูกลง โดยการไปซื้อมาจากดีเลอร์ แล้วก็ขายต่อให้บริษัทในไทยอีกทีในราคาถูก
เพื่อจะทำให้ตัวเลขในใบขนต่างๆ ลดลง
เมื่อกรมศุลฯ ตรวจสอบไปยังคนขาย ตัวเลขก็ตรงกันหมด มันก็เลยผ่านฉลุยไม่มีปัญหา


แต่กรณี นิชคาร์ นี่ ผม "เดา" ว่า เขาอาจจะทำใบ Invoice ขึ้นมาใหม่ ซึ่งราคาไม่ตรงกับ Invoice จริง ที่ออกจากโรงงาน
แล้ว Invoice ตัวจริงก็เอาซ่อนไว้ เอาตัวที่ทำขึ้นมาใหม่ไปแจ้งศุลกากร
ถ้าทำเรื่องนำของเข้าเองไม่ผ่านตัวแทน(ชิพปิ้ง) มันก็ทำได้ไม่ยากเย็นอะไร


--------------------------------------------------------------------------------
คนซื้อไปแล้วนี่ ผมว่าอาจจะหนาวๆ ร้อนๆ ไม่รู้ว่าจะโดนย้อนหลังรึเปล่านี่สิครับ  :-X
ถ้าผมซื้อมาคันนึง ผมก็คงเครียดเหมือนกันนะครับเนี่ย

เทคนิค "undervalue" แบบนี้คือ buyer คุยกับ Seller ฝั่งต่างประเทศให้รู้เรื่อง แพลนกันล่วงหน้า จะได้พูด และให้ข้อมูลไปในทางเดียวกัน  เทคนิคนี้ไม่ใช่ใช้ในวงการรถยนต์อย่างเดียว วงการอื่นๆก็มี

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 22, 2017, 10:53:15 โดย Ivy Modernist »



delete

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #53 เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2017, 10:43:00 »
ขอเล่าให้ฟังสนุกๆ ในฐานะที่ต้องใช้บริการ นำเข้า - ส่งออกสินค้าระหว่างประเทศบ้างครับ


จะมีเทคนิคที่ทำให้การประเมินภาษีต่ำคือ ลงตัวเลขในใบ Invoice และใบขนทั้งหลายให้น้อยๆ
แต่
ถ้าน้อยเกินไปก็โดนเล่นนะครับ

เช่น ของราคาตลาดมันอยู่ที่ 100 บาท ไปแจ้งลง Invoice 2 บาท ก็โดนแน่นอน
แต่ถ้าแจ้งสัก 70~80 บาท ก็ยังไม่น่าเกลียด

เท่าที่รู้มา ผู้นำเข้าส่วนใหญ่ ใช้เทคนิคทำรถให้มีราคาในใบ Invoice ถูกที่สุด
อาจจะถอดล้อ, วิทยุ, ฯลฯ ออก เพื่อกดราคาซื้อที่ต่างประเทศ
ส่วนของที่ถอดออกก็ส่งมาต่างหาก
พอมาถึงไทยแล้วค่อยรวมร่างเข้าไปใหม่
(ถ้าถามว่าผิดไหม มันก็ไม่ผิดสักเท่าไหร่ มันเหมือนอาศัยช่องว่างทางกฏหมายมากกว่า)

แล้วที่เคยได้ยิน "เขาเล่าว่า"
ก็คือ ซื้อรถมือ 2 เลขไมล์น้อย
แล้วตอนนำเข้า เอามาขายในไทย แจ้งว่าเป็นรถใหม่
ซึ่งเทคนิคนี้ เอกสารมันก็จะถูกต้องมาตั้งแต่ต้นทางแล้ว
แค่ไปบอกคนขายว่า อย่าระบุว่าเป็นมือ 2 นะ ก็จบ ตัวเลขในเอกสารมันก็ถูกต้องหมด ถึงแม้ศุลกากรตรวจสอบไปคนขายต้นทาง ก็ได้ตัวเลขเดียวกัน

ผมเคยเห็น อัลพาร์ด ที่ท่าเรือ(เมืองไทย) จอดรอเคลียศุลกากร หลายร้อยคัน ปรากฏว่าต้นทาง มาจากคนขายเจ้าเดียวกันหมด
แต่รถทั้งหมด ไม่ได้เป็นของเกรย์เจ้าเดียว แต่กระจายไปหลายเจ้า
ผมก็เลย "คิดไปเอง" ว่า มันก็คงมีกระบวนการ ทำให้ราคารถถูกลง โดยการไปซื้อมาจากดีเลอร์ แล้วก็ขายต่อให้บริษัทในไทยอีกทีในราคาถูก
เพื่อจะทำให้ตัวเลขในใบขนต่างๆ ลดลง
เมื่อกรมศุลฯ ตรวจสอบไปยังคนขาย ตัวเลขก็ตรงกันหมด มันก็เลยผ่านฉลุยไม่มีปัญหา


แต่กรณี นิชคาร์ นี่ ผม "เดา" ว่า เขาอาจจะทำใบ Invoice ขึ้นมาใหม่ ซึ่งราคาไม่ตรงกับ Invoice จริง ที่ออกจากโรงงาน
แล้ว Invoice ตัวจริงก็เอาซ่อนไว้ เอาตัวที่ทำขึ้นมาใหม่ไปแจ้งศุลกากร
ถ้าทำเรื่องนำของเข้าเองไม่ผ่านตัวแทน(ชิพปิ้ง) มันก็ทำได้ไม่ยากเย็นอะไร


--------------------------------------------------------------------------------
คนซื้อไปแล้วนี่ ผมว่าอาจจะหนาวๆ ร้อนๆ ไม่รู้ว่าจะโดนย้อนหลังรึเปล่านี่สิครับ  :-X
ถ้าผมซื้อมาคันนึง ผมก็คงเครียดเหมือนกันนะครับเนี่ย

เคยเจอ เคส สำแดงว่าเป็นรถมือ2ใช้แล้ว แต่พอมาขายในประเทศ กลับขายเป็นรถใหม่
เป็นเกรย์มาเก็ตเหมือนกันนี่แหละครับ



Dark Overlord

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #54 เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2017, 10:43:36 »
คงงานเข้าจริงๆล่ะงั้น

แต่จะให้พูด ภาษีทุเรศเกินไป 328% ปัญญาอ่อนไป

+1 ปัญญาอ่อน แต่มีคนยังอยากให้เป็นแบบนี้เหมือนกันนะครับ ตัวอย่างเช่น พวกอวยผู้ผลิต พวกผลิตชิ้นส่วน

มันเป็นวิธีการคิดภาษีของประเทศที่ position ตัวเอง
เป็นประเทศยากจนครับ ซึ่งมันก็เรื่องจริงด้วยส่วนนึง
แต่มันก็ไม่มี target หรือ roadmap ด้วยว่าประเทศจะเลิกยากจนเมื่อไหร่
ง่ายๆ เลยคือรัฐยังต้องออกมาช่วยเกษตรกรทุกปี เวลาน้ำแล้งหรือน้ำท่วม เวลาผลผลิตราคาตก
นี่คือเอกลักษณ์เลยของประเทศยากจน

ที่จริงอย่างเรื่องภาษาอังกฤษ มันง่ายมากเลยที่จะออกแบบการเรียนใหม่ให้เป็น
ภาษาอังกฤษล้วน แล้วดิคท์ก็แก้ใหม่ ไม่ให้มีแค่คำอ่านตามตัวสะกด แต่ต้องมีคำอ่าน
ตามการออกเสียงด้วย ฝรั่งจะได้ฟังรู้เรื่อง คือบ้านเราสะกดเก่งมาก ไม่ผิด แต่ออกเสียงคนล่ะเรื่อง
คือถ้าลุยจริงๆ มันไม่ยาก มีปัญหาก็ค่อยๆ แก้ แต่ทุกวันนี้ชาวบ้านทั่วไปจะเก่งภาษาอังกฤษได้ยังไง
ถ้าไม่ช่วยเหลือตัวเอง หรือต้องรักเรียนเอง



madboy

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #55 เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2017, 11:06:01 »
ตอนของออกเพื่อให้ได้ราคาที่ถูก แล้วค่อยมาใส่ใหม่ ยังพอทน

แต่เป็น used แล้วมาขายเป็นของใหม่เนี่ยสิ  :-X



[email protected]

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #56 เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2017, 11:55:55 »
คงงานเข้าจริงๆล่ะงั้น

แต่จะให้พูด ภาษีทุเรศเกินไป 328% ปัญญาอ่อนไป

+1 ปัญญาอ่อน แต่มีคนยังอยากให้เป็นแบบนี้เหมือนกันนะครับ ตัวอย่างเช่น พวกอวยผู้ผลิต พวกผลิตชิ้นส่วน

มันเป็นวิธีการคิดภาษีของประเทศที่ position ตัวเอง
เป็นประเทศยากจนครับ ซึ่งมันก็เรื่องจริงด้วยส่วนนึง
แต่มันก็ไม่มี target หรือ roadmap ด้วยว่าประเทศจะเลิกยากจนเมื่อไหร่
ง่ายๆ เลยคือรัฐยังต้องออกมาช่วยเกษตรกรทุกปี เวลาน้ำแล้งหรือน้ำท่วม เวลาผลผลิตราคาตก
นี่คือเอกลักษณ์เลยของประเทศยากจน

ที่จริงอย่างเรื่องภาษาอังกฤษ มันง่ายมากเลยที่จะออกแบบการเรียนใหม่ให้เป็น
ภาษาอังกฤษล้วน แล้วดิคท์ก็แก้ใหม่ ไม่ให้มีแค่คำอ่านตามตัวสะกด แต่ต้องมีคำอ่าน
ตามการออกเสียงด้วย ฝรั่งจะได้ฟังรู้เรื่อง คือบ้านเราสะกดเก่งมาก ไม่ผิด แต่ออกเสียงคนล่ะเรื่อง
คือถ้าลุยจริงๆ มันไม่ยาก มีปัญหาก็ค่อยๆ แก้ แต่ทุกวันนี้ชาวบ้านทั่วไปจะเก่งภาษาอังกฤษได้ยังไง
ถ้าไม่ช่วยเหลือตัวเอง หรือต้องรักเรียนเอง

นโยบายบ้านเรายังไม่พร้อมสำหรับ Free Tax ภาษีรถนำเข้าหรือเปล่าครับ ถ้ายังเป็นแบบนี้กันอยู่
แต่ส่วนตัวผมชอบนะ จ่ายเงินพอกัน ผมก็ขับ IS-F V8 ไปละ



MacH1

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #57 เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2017, 12:43:40 »
คงงานเข้าจริงๆล่ะงั้น

แต่จะให้พูด ภาษีทุเรศเกินไป 328% ปัญญาอ่อนไป

+1 ปัญญาอ่อน แต่มีคนยังอยากให้เป็นแบบนี้เหมือนกันนะครับ ตัวอย่างเช่น พวกอวยผู้ผลิต พวกผลิตชิ้นส่วน

มันเป็นวิธีการคิดภาษีของประเทศที่ position ตัวเอง
เป็นประเทศยากจนครับ ซึ่งมันก็เรื่องจริงด้วยส่วนนึง
แต่มันก็ไม่มี target หรือ roadmap ด้วยว่าประเทศจะเลิกยากจนเมื่อไหร่
ง่ายๆ เลยคือรัฐยังต้องออกมาช่วยเกษตรกรทุกปี เวลาน้ำแล้งหรือน้ำท่วม เวลาผลผลิตราคาตก
นี่คือเอกลักษณ์เลยของประเทศยากจน

ที่จริงอย่างเรื่องภาษาอังกฤษ มันง่ายมากเลยที่จะออกแบบการเรียนใหม่ให้เป็น
ภาษาอังกฤษล้วน แล้วดิคท์ก็แก้ใหม่ ไม่ให้มีแค่คำอ่านตามตัวสะกด แต่ต้องมีคำอ่าน
ตามการออกเสียงด้วย ฝรั่งจะได้ฟังรู้เรื่อง คือบ้านเราสะกดเก่งมาก ไม่ผิด แต่ออกเสียงคนล่ะเรื่อง
คือถ้าลุยจริงๆ มันไม่ยาก มีปัญหาก็ค่อยๆ แก้ แต่ทุกวันนี้ชาวบ้านทั่วไปจะเก่งภาษาอังกฤษได้ยังไง
ถ้าไม่ช่วยเหลือตัวเอง หรือต้องรักเรียนเอง

นโยบายบ้านเรายังไม่พร้อมสำหรับ Free Tax ภาษีรถนำเข้าหรือเปล่าครับ ถ้ายังเป็นแบบนี้กันอยู่
แต่ส่วนตัวผมชอบนะ จ่ายเงินพอกัน ผมก็ขับ IS-F V8 ไปละ

วิธีแก้

- ไม่ควรเก็บภาษีเพิ่มสำหรับรถประกอบในประเทศ  จะมี gap ราคาระหว่างของทำในประเทศกับของนอก (ของทำในประเทศมีโอกาสขายได้)

- ลดระดับกำแพงภาษีเว่อร์ๆ และภาษีซ้ำซ้อนโบราณกาล (ไม่ได้ยกเลิกเลย เข้าใจนะว่า ยังคลั่งไคล้การกีดกันการค้าอยู่) รัฐควรไปเก็บเอาในเรื่องค่าใช้จ่ายภาษีรายปีแทนเช่น ต่อทะเบียน ภาษีไอเสียมลพิษ ภาษีอายุรถยนต์ ทั้งนี้ volume มันได้เยอะกว่า ได้ต่อเนื่องทุกปี ดีกว่าที่เล่นก่อกำแพงสูงแบบนี้

Solution นี้น่าจะ Win-Win หลายๆฝ่าย ทั้ง consumer, car maker, part supplier, gov't

แต่ก็นะ พวก nationalist, protectionist พวกทำชิ้นส่วนรถยนต์ พวก bootlick ค่ายรถ ก็คงดื้อไม่ยอมอยู่ดี พวกนี้จะเอาข้างเดียว LOL ประเทศเราถึงยังเป็นโลกที่สาม ด้อยพัฒนาอยู่แบบนี้ เพราะแนวคิดไม่ยอมเปลี่ยน กล้าเปลี่ยน



e:smart Hybrid

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #58 เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2017, 13:12:00 »
คงงานเข้าจริงๆล่ะงั้น

แต่จะให้พูด ภาษีทุเรศเกินไป 328% ปัญญาอ่อนไป

+1 ปัญญาอ่อน แต่มีคนยังอยากให้เป็นแบบนี้เหมือนกันนะครับ ตัวอย่างเช่น พวกอวยผู้ผลิต พวกผลิตชิ้นส่วน

มันเป็นวิธีการคิดภาษีของประเทศที่ position ตัวเอง
เป็นประเทศยากจนครับ ซึ่งมันก็เรื่องจริงด้วยส่วนนึง
แต่มันก็ไม่มี target หรือ roadmap ด้วยว่าประเทศจะเลิกยากจนเมื่อไหร่
ง่ายๆ เลยคือรัฐยังต้องออกมาช่วยเกษตรกรทุกปี เวลาน้ำแล้งหรือน้ำท่วม เวลาผลผลิตราคาตก
นี่คือเอกลักษณ์เลยของประเทศยากจน

ที่จริงอย่างเรื่องภาษาอังกฤษ มันง่ายมากเลยที่จะออกแบบการเรียนใหม่ให้เป็น
ภาษาอังกฤษล้วน แล้วดิคท์ก็แก้ใหม่ ไม่ให้มีแค่คำอ่านตามตัวสะกด แต่ต้องมีคำอ่าน
ตามการออกเสียงด้วย ฝรั่งจะได้ฟังรู้เรื่อง คือบ้านเราสะกดเก่งมาก ไม่ผิด แต่ออกเสียงคนล่ะเรื่อง
คือถ้าลุยจริงๆ มันไม่ยาก มีปัญหาก็ค่อยๆ แก้ แต่ทุกวันนี้ชาวบ้านทั่วไปจะเก่งภาษาอังกฤษได้ยังไง
ถ้าไม่ช่วยเหลือตัวเอง หรือต้องรักเรียนเอง

นโยบายบ้านเรายังไม่พร้อมสำหรับ Free Tax ภาษีรถนำเข้าหรือเปล่าครับ ถ้ายังเป็นแบบนี้กันอยู่
แต่ส่วนตัวผมชอบนะ จ่ายเงินพอกัน ผมก็ขับ IS-F V8 ไปละ

วิธีแก้

- ไม่ควรเก็บภาษีเพิ่มสำหรับรถประกอบในประเทศ  จะมี gap ราคาระหว่างของทำในประเทศกับของนอก (ของทำในประเทศมีโอกาสขายได้)

- ลดระดับกำแพงภาษีเว่อร์ๆ และภาษีซ้ำซ้อนโบราณกาล (ไม่ได้ยกเลิกเลย เข้าใจนะว่า ยังคลั่งไคล้การกีดกันการค้าอยู่) รัฐควรไปเก็บเอาในเรื่องค่าใช้จ่ายภาษีรายปีแทนเช่น ต่อทะเบียน ภาษีไอเสียมลพิษ ภาษีอายุรถยนต์ ทั้งนี้ volume มันได้เยอะกว่า ได้ต่อเนื่องทุกปี ดีกว่าที่เล่นก่อกำแพงสูงแบบนี้

Solution นี้น่าจะ Win-Win หลายๆฝ่าย ทั้ง consumer, car maker, part supplier, gov't

แต่ก็นะ พวก nationalist, protectionist พวกทำชิ้นส่วนรถยนต์ พวก bootlick ค่ายรถ ก็คงดื้อไม่ยอมอยู่ดี พวกนี้จะเอาข้างเดียว LOL ประเทศเราถึงยังเป็นโลกที่สาม ด้อยพัฒนาอยู่แบบนี้ เพราะแนวคิดไม่ยอมเปลี่ยน กล้าเปลี่ยน

เห็นคุณอยากให้เปิดเสรี

ผมไม่เถียงคับ เรื่อง ภาษีเพราะผมก็ได้ใข้รถในราคาถูก

แต่สงสัย ถ้าทำตามแนวคิดคุณจริง

แล้วคนงานในอุตสาหกรรมรถยนต์บ้านเราจะกระทบไหม

ผมว่ายังไงเพดานภาษีนำเข้าต้องมีคับ

แต่กรณีนิชคาร์ก็น่าเห็นใจ

ผมเห็นด้วยว่ามันก็สูงไปจริง จนต้องหาช่องว่างทำราคาให้ได้




paulmoderndog

Re: นิชคาร์ งานเข้า 2
« ตอบกลับ #59 เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2017, 13:15:10 »
้ถ้าโดนย้อนหลัง แบงค์คงเซ็ง เพราะเกินครึ่งของลูกค้าที่นี่ซื้อผ่อนเจ้าของรถก็คือแบงค์ แบงค์คงมีปัญญาจ่ายย้อนหลัง ไม่ก็จ้างทนายให้ชนะคดีหรือจ่ายน้อยที่สุด ไม่ก็ไปฟ้องเก็บจากนิชคาร์อีกที ขออย่างเดียวอย่าไปขึ้นดอกกกู้ ลดดอกฝากกับคนชั้นกลาง