ผู้เขียน หัวข้อ: // “คลัง” ประกาศลดภาษีสรรพสามิตสำหรับ รถยนต์ Hybrid / Plug-in / EV เสียแค่ 2% //  (อ่าน 13939 ครั้ง)

ออฟไลน์ MoO Cnoe

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,487
    • อีเมล์
ผมลองเรียบเรียงข้อมูลทั้งหมด และ ทำภาพประกอบเพื่ออธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้นครับ
มีตาราง + info ประกอบในแต่ละหัวข้อ ยังไงก็ลองอ่าน และ ชมกันดูนะครับ
ท่านใดมีข้อเสนอแนะ หรือ คำแนะนำ ยินดีนำไปปรับปรุงครับผม :)

http://www.headlightmag.com/thailand-taxes-reduce-for-hybrid-plugin-ev/


ออฟไลน์ e:smart Hybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,705
ขอถามครับ

คือ รถ hybrid มันมีหลายประเภท แล้วรถแบบนี้จะเข้าหรือไม่ครับ

1. ระบบ mild hybrid ของ suzuki ใน solio ญี่ปุ่น หรือ ertiga / ciaz ในอินเดีย อินโด
ซึ่งมอเตอร์มีกำลังน้อยมาก หลักๆ คือใช้ช่วยเครื่องยนต์ ช่วย start ช่วยหน่วงพลังงานเก็บเข้ารถ
แบบนี้ถือว่าเป็นรถ hybrid ไหมครับ

และถ้า suzuki เอา K12C + Mild hybrid มาใส่ในรถ eco car เฟส 2 ของเขา ใช้คนทำแบตเตอรี่ในบ้านเรา ที่ขอส่งเสริมการลงทุน
แบบนี้เขาจะเสียอัตรา 14% หรือ 5% ครับ

2. ระบบ Range extender ใน I3 ถือว่าเป็นระบบ hybrid ประเภทหนึ่ง หรือเป็นรถไฟฟ้าครับ

สมมุติว่า Nissan นำ Note e-power มาใส่แบตตัวใหญ่ มีปลั๊กเสียบชาร์ท พลังงานหลักเป็นมอเตอร์และแบตเตอรี่ เครื่องยนต์ไว้ปั่นไฟสำรองเมื่อจำเป็นแบบ BMW I3 จะถือว่าเจ้านี้เป็น รถ hybrid หรือ ไฟฟ้าครับ

 :) รบกวนผู้รู้ช่วยตอบด้วยครับ ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ locomotive

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 792
ภาษีถูก ราคาขายไม่ถูกลงหรอก มันเพิ่มกำไรให้บริษัทรถ ไม่มีบริษัทไหนหรอกที่จะขายของถูกๆดีๆ ให้ มีแต่อยากจะทำกำไรทั้งนั้น ส่วนต่างภาษีที่ลดนะละ คือเงินกำไรเนื้อๆ ไปหาบริษัทรถเต็มๆ ที่เหลือก็บวกราคาเพิ่มเอากับลุกค้าที่ซื้อ เอา คือค่าเทคโนโลยีใหม่ๆ หาออฟชั่นแปลกๆ ใหม่ๆ มาใส่เพิ่มมูลค่าให้ดุดีๆเท่านั้น สรุป คนซื้อไม่ได้อะไรกับรถแบบใหม่ที่ความทนทานน้อยลง จุกจิกระบบไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ราคาขายที่แพงกว่าเดิม 2 เท่าตัว

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 21, 2017, 20:14:27 โดย locomotive »

ออฟไลน์ gappom

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 189
รักษ์เราไม่เท่ากัน - ติดกับ Hybrid
1.รถ PPV ที่ใช้เครื่องยนต์ระบบ Hybrid ปล่อย CO2 ไม่เกิน 175 g./km. ได้รับการลดอัตราภาษีลงเหลือ 23%
Isuzu Mu-X 4x2 1.9 Ddi DVD M/T ปล่อย Co2 =175 g./km แต่ไม่ใช่ Hybrid เลยต้องเสียภาษีสรรพษามิตร 25% เหมือนเดิม
เหมือนจะรัก Hybird มากกว่านะ นี้เราก็รักษ์โลก โดยปล่อย Co2 ไม่เกิน 175 g./km นะ ทำไม ไม่ให้เสีย 23% หละ

2.รถกระบะ 4 ประตู Double Cab ที่ใช้เครื่องยนต์ระบบ Hybrid ปล่อย CO2 ไม่เกิน 175 g./km. ได้รับการลดอัตราภาษีลงเหลือ 10%
isuzu D-MAX Cab4 1.9 Ddi Z M/T  ปล่อย Co2 =165 g./km  ต่ำกว่าเกณฑ์ แต่ก็ต้องเสีย 12% เพราะไม่ใช่ Hybrid
นี้เขาก็รักษ์โลก เหมือนกันนะแถมปล่อยต่ำกว่าด้วย ทำไมไม่ลดให้เหลือเท่ากันที่ 10% หละ หรือเพราะว่าไม่ใช่ Hybrid
การกำหนดว่าต้องเป็น hybrid เป็นการให้แรงจูงใจทางลบ (negative - intensive) ต่อตลาดรถ pick up-ppv
ค่ายรถคงไม่อยากจะปรับจูนให้เครื่องยนต์ปล่อย Co2 ต่ำกว่า 175 g./km  เพราะไม่ได้ประโยชน์อะไร
Low power Engine isuzu 1.9 , Toyota 2.4, Ford 2.2,Mitsu 2.4  คงไม่มีพัฒนาการที่ช่วยลดโลกร้อน แล้ว เพราะรักเราไม่เท่ากัน   เขารัก hybrid มากกว่า

3.รถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ใช้เครื่องยนต์ระบบ Hybrid ปล่อย CO2 ตามเกณฑ์ต่างๆ ได้รับการลดอัตราภาษีลงเหลือครึ่งหนึ่ง
ประกาศ กระทรวงการคลัง     บับที่ 109 (พ.ศ.2556)   => ฉบับที่ 138 (พ.ศ.2560)
รถ Hybrid ปล่อย CO2 ต่ำกว่า 100g./km.  จาก 10%=> 5%
รถ Hybrid ปล่อย CO2 ต่ำกว่า 150g./km.  จาก 20% => 10%
รถ Hybrid ปล่อย CO2 ต่ำกว่า 200g./km.  จาก 25% => 12.5%
รถ Hybrid ปล่อย CO2 สูงกว่า 200g./km.  จาก 30% => 15%
(๒.๒) แบบพลังงานไฟฟ้า (Electric Powered Vehicle)  จาก 10% => 2%
(๒.๓) แบบเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Powered Vehicle) จาก 10% => 10%
(๒.๔.๓) Eco-Car เบนซิน < 1,300 cc , Co2 <100 g/km                        จาก 14% => 14%
(๒.๔.๔) Eco-Car  ดีเซล < 1,400 cc , Co2 <100 g/km                        จาก 14% => 14%
(๒.๔.๕) Eco-Car เบนซิน < 1,300 cc , Co2 <100 g/km,เติมเอลทานอน ได้มากว่า 85%       จาก 12% => 12%
http://data.thaiauto.or.th/iu3/images/stories/PDF/Law/2556/mof/109.pdf

รถยนต์ที่ปล่อย Co2 < 100 g/km จัดเก็บภาษีต่างกัน   Hybrid เก็บ 5% , Eco-car เก็บ 12%  หรือ 14% ไม่เปลี่ยนแปลง
Eco-car เสียเปรียบ ทั้งที่ Co2 เท่ากัน แต่เสียภาษีมากกว่า ตั้ง 1 เท่า  เราก็รักษ์โลกเท่ากัน ทำไม่ถึงเก็บเราต่างกันหละ 
จะเห็นได้ว่าประกาศฉบับที่ 109 ออกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 เก็บภาษีรถ hybrid ปล่อย Co2 < 100 g/km ที่ 10%
แต่ถ้าค่ายรถยนต์รอจนถึงปี พ.ศ.2560 Spec รถเดิมนั้นจะเสียภาษีแค่ 5%

ไทยกำลังจะเข้าสู่ยุค hybrid  จะมีรถยนต์ hybrid จำหน่ายมากขึ้นในปี 2560-2568 ( 8 ปี) ตามสิทธิประโยชน์ประกาศ ฉบับที่ 138
เมื่อถึงปี 2569 จะต้องจูงใจให้เป็นรถไฟฟ้า เดาว่าอาจจะขึ้น ภาษี hybrid จาก 5% => 10% เพื่อให้แรงจูงใจทางลบต่อค่ายรถยนต์
แล้วถ้าเกิด worst case แบบนั้นค่ายรถจะทำอย่างไร เขาก็จะ " รอ"  กลยุทธ์เดิม ประกาศว่าราคารถยนต์จะเพิ่มในปี 2569
จะทำให้ Demand ของคนที่จะซื้อรถหลังปี 2568 เลื่อนมาซื้อในปี 2568 แทน หลังจากนั้นเราก็ใช้รถยนต์กัน 4-5 ปี กว่าจะเปลี่ยนใหม่
รวมๆ แล้ว ไทยจะใช้ hybrid อยู่ราวๆ 13 -15 ปี นับจากนี้ หลังจากนั้นค่อยเริ่มเข้าสู่ EV

เพราะรักเราไม่เท่ากัน คนสำคัญคือ hybrid



ออฟไลน์ Alcatraz

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,608
    • อีเมล์
จากกระทู้นี้มั่นใจได้เลยว่า CH-R , Camry , Accord ใหม่ไฮบริดมาแน่ 100%

ออฟไลน์ onbit40

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 215
เร็วกว่าที่คิด :)

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,423
    • อีเมล์

หลักการ ง่าย เหมือน มือถือเลย
พลัด รุ่น กดดัน ให้ ซื้อ ของใหม่แบบเนียนๆ

Hybrid จะได้ รถที่ สมรรถนสูง ในราคา ต่ำ ครับ

Eco car มันอืดไปนะ

ออนไลน์ Hakosuka

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 818
    • อีเมล์
อนาคดจะมีโคลงการรถกระบะ Hybrid ด้วยเหรอ มันตลกๆยังไงไม่รู้

ออฟไลน์ jbrc

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 319
รอ chr อยู่ ถ้าราคา hybrid ตามเรทภาษีนี้ ตัวเครื่องยนต์ธรรมดา ถ้าใส่ 1,800 มา ราคาต้องแพงกว่าตัว hv  แสดงว่า chr ที่จะออกมาคงมีแต่ตัว hv อย่างเดียว ไม่นั้นก็ต้อง พ่วงตัวเทอร์โบเครื่อง 1,200 cc. มาขายด้วย

แล้วภาษีเรทนี้ เก็บไม่เกิน 5% ราคามันควรจะขายไกล้เคียงกับ altis หรือเปล่า เพราะขนาดรถไกล้เคียงกัน หรือ เพราะว่า chr hv  มันมีระบบ hv ด้วยต้นทุนเพิ่ม ให้แพงอย่างไร ก็ไม่น่าเกินล้าน พอจะเป็นไปได้หรือเปล่า

เพราะหากประกาศภาษีออกมาอย่างนี้  แล้วราคาตัวรถยัง แพงทะลุล้านไป  แสดงว่า ภาษีนี้ไม่ได้ช่วยคนซื้อแต่อย่างใด  เพราะบริษัท คำนวนราคาต้นทุนตัวรถให้แพงขึ้นไปอีก  เมื่อนำไปคำนวนภาษีแล้ว บวกเข้าไป  ตัวรถก็ยังแพงเหมือนเดิมครับ

ออฟไลน์ CarameLon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,387
บริษัทขายยิ้มเลยขายราคาเดิมแต่กำไรเพิ่ม  8)
TOYOTA WISH SPORT 2.0>>>CRV-2.4L 4WD GEN3>>>TOYOTA Camry 2.4 2010>>>BMW 520 ตาเหยี่ยว>>>BMW X3 2011 >>>BMW 520D 2010 >>>BMW 525D ก่อน LCI >>>BMW 116i M-sport >>>BMW X1 2.0 S-drive 2016 >>>Mercedes GLA200 >>>Mercedes C Class C350e >>> BMW330e+BMWS1000R

ออฟไลน์ a601970

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 802
  • ประชาธิปไตย หัวใจคือประชาชน
คิดได้ไง นโยบายแบบนี้
เอื้อประโยชน์ให้บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่บางยี่ห้อเท่านั้น
RIP แด่ผู้บริโภค
 :( :( :(

ออฟไลน์ Disk™

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,153
  • High Society Sallon Gallery
ถ้าราคาลงมาเท่ารุ่นเริ่มต้น ขายดีแน่ๆครับ
User Review : ฟิล์มเซรามิค SolarFX (รีวิวแรกของผมครับ)
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=53654.0

User Review : Remap ECU Toyota Fortuner ที่ ECU Thailand by RPT
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=71384.0

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
คิดได้ไง นโยบายแบบนี้
เอื้อประโยชน์ให้บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่บางยี่ห้อเท่านั้น
RIP แด่ผู้บริโภค
 :( :( :(
งงกะคนไทย พอรัฐไม่ลดก็หาว่าไม่สนับสนุน พอลดก็หาว่าเอื้อประโยชน์
บริษัทรถก็ต้องปรับตัวผลิตรถที่ใช้น้ำมันลดลงสิ บางประเทศถึงขั้นประกาศใช้รถไฟฟ้า 100 ปอร์เซนต์ภายใน 10 ปีเลยนะ
รถพวกนี้ต้นทุนสูงทำให้คนซื้อไม่ไหว ก็ไม่เกิดการเติบโต แต่ถ้ารัฐช่วยตลาดเติบโต เกิดการแข่งขัน ราคาถูกลง แล้วยังมีผลดีต่อสิ่งแวดล้อม รัฐก็ไม่ต้องอุ้มค่าน้ำมัน ลองมองระยะยาวบ้าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 21, 2017, 23:27:17 โดย Jacob »

ออฟไลน์ scotch_fillet

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,520
    • อีเมล์
จริงครับ

โดยเฉพาะข้อ 1 ถ้าปล่อย CO2 เท่ากัน จริงๆแล้ว รถ hybrid จะรักษ์โลกน้อยกว่าน่ะ
เพราะเรายังไม่ได้คำนวนcarbon footprint ของขั้นตอนการผลิตไฟฟ้าแล้วเอามารวมเลย

รักษ์เราไม่เท่ากัน - ติดกับ Hybrid
1.รถ PPV ที่ใช้เครื่องยนต์ระบบ Hybrid ปล่อย CO2 ไม่เกิน 175 g./km. ได้รับการลดอัตราภาษีลงเหลือ 23%
Isuzu Mu-X 4x2 1.9 Ddi DVD M/T ปล่อย Co2 =175 g./km แต่ไม่ใช่ Hybrid เลยต้องเสียภาษีสรรพษามิตร 25% เหมือนเดิม
เหมือนจะรัก Hybird มากกว่านะ นี้เราก็รักษ์โลก โดยปล่อย Co2 ไม่เกิน 175 g./km นะ ทำไม ไม่ให้เสีย 23% หละ

2.รถกระบะ 4 ประตู Double Cab ที่ใช้เครื่องยนต์ระบบ Hybrid ปล่อย CO2 ไม่เกิน 175 g./km. ได้รับการลดอัตราภาษีลงเหลือ 10%
isuzu D-MAX Cab4 1.9 Ddi Z M/T  ปล่อย Co2 =165 g./km  ต่ำกว่าเกณฑ์ แต่ก็ต้องเสีย 12% เพราะไม่ใช่ Hybrid
นี้เขาก็รักษ์โลก เหมือนกันนะแถมปล่อยต่ำกว่าด้วย ทำไมไม่ลดให้เหลือเท่ากันที่ 10% หละ หรือเพราะว่าไม่ใช่ Hybrid
การกำหนดว่าต้องเป็น hybrid เป็นการให้แรงจูงใจทางลบ (negative - intensive) ต่อตลาดรถ pick up-ppv
ค่ายรถคงไม่อยากจะปรับจูนให้เครื่องยนต์ปล่อย Co2 ต่ำกว่า 175 g./km  เพราะไม่ได้ประโยชน์อะไร
Low power Engine isuzu 1.9 , Toyota 2.4, Ford 2.2,Mitsu 2.4  คงไม่มีพัฒนาการที่ช่วยลดโลกร้อน แล้ว เพราะรักเราไม่เท่ากัน   เขารัก hybrid มากกว่า

3.รถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ใช้เครื่องยนต์ระบบ Hybrid ปล่อย CO2 ตามเกณฑ์ต่างๆ ได้รับการลดอัตราภาษีลงเหลือครึ่งหนึ่ง
ประกาศ กระทรวงการคลัง     บับที่ 109 (พ.ศ.2556)   => ฉบับที่ 138 (พ.ศ.2560)
รถ Hybrid ปล่อย CO2 ต่ำกว่า 100g./km.  จาก 10%=> 5%
รถ Hybrid ปล่อย CO2 ต่ำกว่า 150g./km.  จาก 20% => 10%
รถ Hybrid ปล่อย CO2 ต่ำกว่า 200g./km.  จาก 25% => 12.5%
รถ Hybrid ปล่อย CO2 สูงกว่า 200g./km.  จาก 30% => 15%
(๒.๒) แบบพลังงานไฟฟ้า (Electric Powered Vehicle)  จาก 10% => 2%
(๒.๓) แบบเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Powered Vehicle) จาก 10% => 10%
(๒.๔.๓) Eco-Car เบนซิน < 1,300 cc , Co2 <100 g/km                        จาก 14% => 14%
(๒.๔.๔) Eco-Car  ดีเซล < 1,400 cc , Co2 <100 g/km                        จาก 14% => 14%
(๒.๔.๕) Eco-Car เบนซิน < 1,300 cc , Co2 <100 g/km,เติมเอลทานอน ได้มากว่า 85%       จาก 12% => 12%
http://data.thaiauto.or.th/iu3/images/stories/PDF/Law/2556/mof/109.pdf

รถยนต์ที่ปล่อย Co2 < 100 g/km จัดเก็บภาษีต่างกัน   Hybrid เก็บ 5% , Eco-car เก็บ 12%  หรือ 14% ไม่เปลี่ยนแปลง
Eco-car เสียเปรียบ ทั้งที่ Co2 เท่ากัน แต่เสียภาษีมากกว่า ตั้ง 1 เท่า  เราก็รักษ์โลกเท่ากัน ทำไม่ถึงเก็บเราต่างกันหละ 
จะเห็นได้ว่าประกาศฉบับที่ 109 ออกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 เก็บภาษีรถ hybrid ปล่อย Co2 < 100 g/km ที่ 10%
แต่ถ้าค่ายรถยนต์รอจนถึงปี พ.ศ.2560 Spec รถเดิมนั้นจะเสียภาษีแค่ 5%

ไทยกำลังจะเข้าสู่ยุค hybrid  จะมีรถยนต์ hybrid จำหน่ายมากขึ้นในปี 2560-2568 ( 8 ปี) ตามสิทธิประโยชน์ประกาศ ฉบับที่ 138
เมื่อถึงปี 2569 จะต้องจูงใจให้เป็นรถไฟฟ้า เดาว่าอาจจะขึ้น ภาษี hybrid จาก 5% => 10% เพื่อให้แรงจูงใจทางลบต่อค่ายรถยนต์
แล้วถ้าเกิด worst case แบบนั้นค่ายรถจะทำอย่างไร เขาก็จะ " รอ"  กลยุทธ์เดิม ประกาศว่าราคารถยนต์จะเพิ่มในปี 2569
จะทำให้ Demand ของคนที่จะซื้อรถหลังปี 2568 เลื่อนมาซื้อในปี 2568 แทน หลังจากนั้นเราก็ใช้รถยนต์กัน 4-5 ปี กว่าจะเปลี่ยนใหม่
รวมๆ แล้ว ไทยจะใช้ hybrid อยู่ราวๆ 13 -15 ปี นับจากนี้ หลังจากนั้นค่อยเริ่มเข้าสู่ EV

เพราะรักเราไม่เท่ากัน คนสำคัญคือ hybrid

ออฟไลน์ U9WS

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,180
  • slower is better
ดูจะเป็นกำลังภายในของ Toyota
แต่ Honda crv hrv city jazz HYBRID ลอยมาเลยจ้า
Nissan Mitsu ก็มีของให้ตามมาเล่น
Mazda skyative2 ไม่มีถ่าน...จบกัน

ออฟไลน์ Dräger

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 40
ลงจังหวะพอดีเลยมั๊ยครับ

ออฟไลน์ lay

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,270
ข้อ4  ผมจับตาดู  MG      ผมคิดว่า MG จะเป็นเจ้าแรก และจะเป็นเบอร์1 รถEVในไทย                         

ผมอาจจะได้ใช้รถ EV  ตามที่เคยแอบหวังเอาไว้ เป็นรถคันสุดท้ายในชีวิต............ขอให้มาไวไวเพราะตอนนี้ก็63ปีแล้วครับ

ออฟไลน์ Krongbun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,408
    • อีเมล์
คิดได้ไง นโยบายแบบนี้
เอื้อประโยชน์ให้บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่บางยี่ห้อเท่านั้น
RIP แด่ผู้บริโภค
 :( :( :(
งงกะคนไทย พอรัฐไม่ลดก็หาว่าไม่สนับสนุน พอลดก็หาว่าเอื้อประโยชน์
บริษัทรถก็ต้องปรับตัวผลิตรถที่ใช้น้ำมันลดลงสิ บางประเทศถึงขั้นประกาศใช้รถไฟฟ้า 100 ปอร์เซนต์ภายใน 10 ปีเลยนะ
รถพวกนี้ต้นทุนสูงทำให้คนซื้อไม่ไหว ก็ไม่เกิดการเติบโต แต่ถ้ารัฐช่วยตลาดเติบโต เกิดการแข่งขัน ราคาถูกลง แล้วยังมีผลดีต่อสิ่งแวดล้อม รัฐก็ไม่ต้องอุ้มค่าน้ำมัน ลองมองระยะยาวบ้าง

;D ชอบจริง ทุกวันนี้ดีก็ยี้ไม่ดีก็ยี้ ไม่พัฒนาสักอย่าง
เหมือนที่ทำงานผมเลย(ที่ไทย) เอาเครื่องจักรใหม่ดีกว่าเข้ามาไม่ใช้กัน ติอย่างนู้นติอย่างนี้
แพงมั่งหล่ะใช้ยากมั่งหล่ะ ติไปเรื่อย ไม่ช่วยกันหาทางออก ย่ำอยู่กับที่

ประเทศอื่นเค้าไปถึงไหนกันแว้ววววววววววว  ;)

ยกตัวอย่างญี่ปุ่น รถไฟ JR เป็นของเอกชนน้ะครับ
รัฐเค้าเอื้อผลประโยชน์ให้แล้วมันเกิดการพัฒนา แม้จะแสวงหากำไรก็เถอะ
แล้วลองมองผลที่ได้ครับ

อ่ะยกอีกตัวอย่าง บ.ที่ผมทำงานอยู่ ชุมชนเค้ายกเขาให้ทั้งลูกฟรีๆเพื่อตั้งโรงงาน
เค้ามองว่าเมื่อมีโรงงานเข้ามาในชุมชนเค้า มันก็เกิดการพัฒนาและเจริญขึ้น ซึ่งมันก็จริง

มองในมุมเรื่องนี้รัฐลดภาษีรถจำพวกนี้ บ.รถยนต์ก็จะเอาพวกนี้เข้ามาขายเยอะขึ้น เพื่อทำกำไรตามที่คิดๆติๆกันไว้
คนไทยก็จะมีโอกาสได้จับเทคโนโลยี่ใหม่ๆที่มันพัฒนามากขึ้น
ถ้ามองในมุมพัฒนาแบบจีน เค้าจะดีใจที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาบ้านเค้า
จากนั้นพี่จีนก็จะ copy แล้วพัฒนาเป็นระบบของตัวเองขึ้นมา จีนถึงก้าวหน้ากันมาถึงทุกวันนี้ไงครับ วิธีนี้ทำกันทั่วโลก

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 22, 2017, 06:24:30 โดย Krongbun »

ออฟไลน์ sukhontha

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,478
ต้องผลิตในไทยใช่ไหม

ออฟไลน์ nin122

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 610
    • อีเมล์
คิดได้ไง นโยบายแบบนี้
เอื้อประโยชน์ให้บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่บางยี่ห้อเท่านั้น
RIP แด่ผู้บริโภค
 :( :( :(
งงกะคนไทย พอรัฐไม่ลดก็หาว่าไม่สนับสนุน พอลดก็หาว่าเอื้อประโยชน์
บริษัทรถก็ต้องปรับตัวผลิตรถที่ใช้น้ำมันลดลงสิ บางประเทศถึงขั้นประกาศใช้รถไฟฟ้า 100 ปอร์เซนต์ภายใน 10 ปีเลยนะ
รถพวกนี้ต้นทุนสูงทำให้คนซื้อไม่ไหว ก็ไม่เกิดการเติบโต แต่ถ้ารัฐช่วยตลาดเติบโต เกิดการแข่งขัน ราคาถูกลง แล้วยังมีผลดีต่อสิ่งแวดล้อม รัฐก็ไม่ต้องอุ้มค่าน้ำมัน ลองมองระยะยาวบ้าง

เห็นด้วยครับ
ทั้งนี้การลดภาษีมันก็เอื้อผู้บริโภคเหมือนกันนะครับ ไม่ใช่แค่ผู้ผลิตรถยนต์

ออฟไลน์ MUK

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,999
รถที่เข้าเงื่อนไงมีโอกาสราคาลดลงไหมครับ

แต่ผมก็เห็นด้วยที่จะให้ลดภาษีในระดับเดียวกันถ้ารถที่ใช้น้ำมันล้วนๆปล่อยco2ในระดับเดียวกัน

ออฟไลน์ golferjk

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 255
มิน่า CH-r ไทยมีข่าวว่าจะได้เครื่อง Hybrid เพราะเหตุนี้นี่เอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 22, 2017, 07:45:14 โดย golferjk »

ออฟไลน์ ps000000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,772
รอลุ้น ไฟฟ้าเพียวๆ

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,423
    • อีเมล์
มิน่า CH-r ไทยมีข่าวว่าจะได้เครื่อง Hybrid เพราะเหตุนี้นี่เอง

เงื่อนไข คือ ต้องลงทุน ผลิต แบต ในไทย
ผลิตนี้ จ้างงาน เพิ่ม

ออฟไลน์ dorakun

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 225
    • อีเมล์
เห็นข่าวนี้แล้วเริ่มดีใจนิดๆครับ เรื่มมองเห็นความใฝ่ฝันที่จะได้ใช้รถไฟฟ้าขึ้นมาบ้างแล้ว

ออฟไลน์ swan

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 901
คิดได้ไง นโยบายแบบนี้
เอื้อประโยชน์ให้บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่บางยี่ห้อเท่านั้น
RIP แด่ผู้บริโภค
 :( :( :(
งงกะคนไทย พอรัฐไม่ลดก็หาว่าไม่สนับสนุน พอลดก็หาว่าเอื้อประโยชน์
บริษัทรถก็ต้องปรับตัวผลิตรถที่ใช้น้ำมันลดลงสิ บางประเทศถึงขั้นประกาศใช้รถไฟฟ้า 100 ปอร์เซนต์ภายใน 10 ปีเลยนะ
รถพวกนี้ต้นทุนสูงทำให้คนซื้อไม่ไหว ก็ไม่เกิดการเติบโต แต่ถ้ารัฐช่วยตลาดเติบโต เกิดการแข่งขัน ราคาถูกลง แล้วยังมีผลดีต่อสิ่งแวดล้อม รัฐก็ไม่ต้องอุ้มค่าน้ำมัน ลองมองระยะยาวบ้าง

ถ้าคิดว่าจะให้รัฐออกกฎหมายที่มีแต่ผู้บริโภคฝ่ายเดียวที่ได้ แล้วบริษัทรถที่ไหนจะลงทุนพัฒนาให้ฟรีๆล่ะ เราก็คงต้องใช้ของเก่าๆล้าสมัยไปเรื่อยๆ ปล่อยให้โลกทิ้งเราไว้ข้างหลังไม่ไปไหนสักที แต่ถ้ามองในหลายมุม เราๆก็ได้ประโยชย์ ส่วนรวมก็ได้ประโยชย์นะ

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,423
    • อีเมล์
WIN-WIN นะครับ

คงต้อง ตามกลไก ตลาด ทั้งผู้ บริโภค และ นายทุน ไม่ใช่ จะเอา แต่ใจ กัน ฝ่ายเดียว ต้อง  คิดผลกระทบ ทุกฝ่าย แล้ว ก้าวไปด้วยกัน
อยู่ๆ จะหักดิบ ระบบ โครงสร้าง ธุรกิจ อุตสหกรรม ทีเดียวเลยคงไม่ได้ รถน้ำมันก็ยังต้องมี
แค่ นโยบาย นี้มา OEM ก็ ปรับแผน กันใหม่แล้ว

มันก็คง ไปตามนี้
HEV>PHEV>BEV   

เพียงแค่ไทยล้าหลัง เค้า ที่ คนอื่นเค้าไป PHEV แล้ว แต่เรา เพิ่ง ลดภาษี HEV เอง แถม ราคา แบต ยัง สยองอยู่
แต่ หากเกิด MASS จริง ไทย ก็เหมือนจะได้เปรียบ เรื่อง แบตในประเทศแล้ว

คาดว่าไม่กี่เดือน มี การ ลงทุน ผลิต แบต HEV/PHEV บ้านเราแน่ๆ คงคุยกันไว้ละ

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
ภาษีถูก ราคาขายไม่ถูกลงหรอก มันเพิ่มกำไรให้บริษัทรถ ไม่มีบริษัทไหนหรอกที่จะขายของถูกๆดีๆ ให้ มีแต่อยากจะทำกำไรทั้งนั้น ส่วนต่างภาษีที่ลดนะละ คือเงินกำไรเนื้อๆ ไปหาบริษัทรถเต็มๆ ที่เหลือก็บวกราคาเพิ่มเอากับลุกค้าที่ซื้อ เอา คือค่าเทคโนโลยีใหม่ๆ หาออฟชั่นแปลกๆ ใหม่ๆ มาใส่เพิ่มมูลค่าให้ดุดีๆเท่านั้น สรุป คนซื้อไม่ได้อะไรกับรถแบบใหม่ที่ความทนทานน้อยลง จุกจิกระบบไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ราคาขายที่แพงกว่าเดิม 2 เท่าตัว

มองแบบนั้นน่าจะไม่ใช่ซะทีเดียวครับ
กรณีนั้นคือ ของที่ว่าต้องขายดีอยู่แล้ว การลดราคาของผู้ขายก็ไม่จำเป็น
แต่ไปเพิ่ม option สำหรับแข่งขันเอา

แต่รถไฟฟ้าและไฮบริดพวกนี้ ยังไม่ใช่รถที่คนนิยมในไทย
ดังนั้นเมื่อมาตรการนี้ออกมาเพื่อส่งเสริมให้มีการผลิต และการซื้อมากขึ้น
ราคาจึงต้องลดลงอย่างแน่นอนเพื่อให้เกิดการกระตุ้นการซื้อครับ

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,431
รอติดตาม บ.รถ จะปรับตัวยังไงหลังจากนี้  8) 8) 8) 8)

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
รักษ์เราไม่เท่ากัน - ติดกับ Hybrid
1.รถ PPV ที่ใช้เครื่องยนต์ระบบ Hybrid ปล่อย CO2 ไม่เกิน 175 g./km. ได้รับการลดอัตราภาษีลงเหลือ 23%
Isuzu Mu-X 4x2 1.9 Ddi DVD M/T ปล่อย Co2 =175 g./km แต่ไม่ใช่ Hybrid เลยต้องเสียภาษีสรรพษามิตร 25% เหมือนเดิม
เหมือนจะรัก Hybird มากกว่านะ นี้เราก็รักษ์โลก โดยปล่อย Co2 ไม่เกิน 175 g./km นะ ทำไม ไม่ให้เสีย 23% หละ

2.รถกระบะ 4 ประตู Double Cab ที่ใช้เครื่องยนต์ระบบ Hybrid ปล่อย CO2 ไม่เกิน 175 g./km. ได้รับการลดอัตราภาษีลงเหลือ 10%
isuzu D-MAX Cab4 1.9 Ddi Z M/T  ปล่อย Co2 =165 g./km  ต่ำกว่าเกณฑ์ แต่ก็ต้องเสีย 12% เพราะไม่ใช่ Hybrid
นี้เขาก็รักษ์โลก เหมือนกันนะแถมปล่อยต่ำกว่าด้วย ทำไมไม่ลดให้เหลือเท่ากันที่ 10% หละ หรือเพราะว่าไม่ใช่ Hybrid
การกำหนดว่าต้องเป็น hybrid เป็นการให้แรงจูงใจทางลบ (negative - intensive) ต่อตลาดรถ pick up-ppv
ค่ายรถคงไม่อยากจะปรับจูนให้เครื่องยนต์ปล่อย Co2 ต่ำกว่า 175 g./km  เพราะไม่ได้ประโยชน์อะไร
Low power Engine isuzu 1.9 , Toyota 2.4, Ford 2.2,Mitsu 2.4  คงไม่มีพัฒนาการที่ช่วยลดโลกร้อน แล้ว เพราะรักเราไม่เท่ากัน   เขารัก hybrid มากกว่า

3.รถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ใช้เครื่องยนต์ระบบ Hybrid ปล่อย CO2 ตามเกณฑ์ต่างๆ ได้รับการลดอัตราภาษีลงเหลือครึ่งหนึ่ง
ประกาศ กระทรวงการคลัง     บับที่ 109 (พ.ศ.2556)   => ฉบับที่ 138 (พ.ศ.2560)
รถ Hybrid ปล่อย CO2 ต่ำกว่า 100g./km.  จาก 10%=> 5%
รถ Hybrid ปล่อย CO2 ต่ำกว่า 150g./km.  จาก 20% => 10%
รถ Hybrid ปล่อย CO2 ต่ำกว่า 200g./km.  จาก 25% => 12.5%
รถ Hybrid ปล่อย CO2 สูงกว่า 200g./km.  จาก 30% => 15%
(๒.๒) แบบพลังงานไฟฟ้า (Electric Powered Vehicle)  จาก 10% => 2%
(๒.๓) แบบเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Powered Vehicle) จาก 10% => 10%
(๒.๔.๓) Eco-Car เบนซิน < 1,300 cc , Co2 <100 g/km                        จาก 14% => 14%
(๒.๔.๔) Eco-Car  ดีเซล < 1,400 cc , Co2 <100 g/km                        จาก 14% => 14%
(๒.๔.๕) Eco-Car เบนซิน < 1,300 cc , Co2 <100 g/km,เติมเอลทานอน ได้มากว่า 85%       จาก 12% => 12%
http://data.thaiauto.or.th/iu3/images/stories/PDF/Law/2556/mof/109.pdf

รถยนต์ที่ปล่อย Co2 < 100 g/km จัดเก็บภาษีต่างกัน   Hybrid เก็บ 5% , Eco-car เก็บ 12%  หรือ 14% ไม่เปลี่ยนแปลง
Eco-car เสียเปรียบ ทั้งที่ Co2 เท่ากัน แต่เสียภาษีมากกว่า ตั้ง 1 เท่า  เราก็รักษ์โลกเท่ากัน ทำไม่ถึงเก็บเราต่างกันหละ 
จะเห็นได้ว่าประกาศฉบับที่ 109 ออกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 เก็บภาษีรถ hybrid ปล่อย Co2 < 100 g/km ที่ 10%
แต่ถ้าค่ายรถยนต์รอจนถึงปี พ.ศ.2560 Spec รถเดิมนั้นจะเสียภาษีแค่ 5%

ไทยกำลังจะเข้าสู่ยุค hybrid  จะมีรถยนต์ hybrid จำหน่ายมากขึ้นในปี 2560-2568 ( 8 ปี) ตามสิทธิประโยชน์ประกาศ ฉบับที่ 138
เมื่อถึงปี 2569 จะต้องจูงใจให้เป็นรถไฟฟ้า เดาว่าอาจจะขึ้น ภาษี hybrid จาก 5% => 10% เพื่อให้แรงจูงใจทางลบต่อค่ายรถยนต์
แล้วถ้าเกิด worst case แบบนั้นค่ายรถจะทำอย่างไร เขาก็จะ " รอ"  กลยุทธ์เดิม ประกาศว่าราคารถยนต์จะเพิ่มในปี 2569
จะทำให้ Demand ของคนที่จะซื้อรถหลังปี 2568 เลื่อนมาซื้อในปี 2568 แทน หลังจากนั้นเราก็ใช้รถยนต์กัน 4-5 ปี กว่าจะเปลี่ยนใหม่
รวมๆ แล้ว ไทยจะใช้ hybrid อยู่ราวๆ 13 -15 ปี นับจากนี้ หลังจากนั้นค่อยเริ่มเข้าสู่ EV

เพราะรักเราไม่เท่ากัน คนสำคัญคือ hybrid

ช่วงรถหยุดนิ่งอยู่กับที่ รถไฮบริดหยุดเครื่องทำงานได้ และไม่มีการปล่อย
ไอเสียออกมาครับ เท่ากับ วิ่งในเมืองขยับๆ ติดๆ อาจไม่มีไอเสียออกมาเลยแม้
แต่นิดเดียว ตรงนี้นี่แหล่ะคือจุดต่างอย่างสิ้นเชิงครับ

ลองจินตนาการว่าในพื้นที่ๆ รถติดหนักๆ ถ้ามีรถที่ไม่ปล่อยควันไอเสียเลย
อยู่ในนั้นมากๆ อากาศจะดีขึ้นขนาดไหน เท่ากับการเป็นการลดมลภาวะที่ไม่
จำเป็นต้องติดอยู่กับการแก้ปัญหาจราจรให้ได้เพียงอย่างเดียว (ที่ดูแล้วยังไงๆ
ก็แก้ไม่ไหว)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 22, 2017, 10:43:36 โดย Dark Overlord »