พี่ๆ ซื้อรถกันราคาเป็นกี่เปอเซนต์ของสินทรัพย์ทั้งหมดที่มีครับ

exsrisaman

พอดีจะซื้อรถใหม่ แต่เทียบราคารถที่จะซื้อแล้ว เป็นสัดส่วนที่สูงเหมือนกันเมื่อเทียบกับราคาสินทรัพย์ทั้งหมดที่มี (บ้าน+เงินฝาก+เงินลงทุน)

ปัจจุบันขับ c-segment เแต่ตอนนี้มีลูก 1 คน อายุ 2 ขวบ ที่จริงขับ C-segment ต่อไปก็ได้ แต่ถ้าเปลี่ยนรถใหม่ จะไปมองพวก SUV คิดราคารถใหม่ต่อสินทรัพย์ทั้งหมด คิดเป็นประมาณ 15% เลยรู้สึกว่าเปลืองเหมือนกัน

เลยอยากสอบถามเพื่อนๆ พี่ๆ ว่าพี่ใช้รถราคาเป็นกี่เปอร์เซนต์ของสินทรัพย์กันครับ ขอบคุณครับ



BigCat

ทำไมถึงอยากเปลี่ยนครับ ถ้าคิดว่าเปลือง?

ผมว่า บางอย่างก็เอามาเทียบกับ "ทรัพย์สิน หรือการลงทุนไม่ได้"

เช่น ถ้าตาม จขกทว่า มีลูก ชาย 1 คน "แล้วอยากขยับรถ แต่คิดว่าอาจจะเปลืองไป"

บางทีสิ่งที่เราจ่ายไป แล้วเราได้คืนมา อาจมากกว่าตัวเงินนะครับ

เช่นเรื่องความปลอดภัย "ของคนที่รัก ที่ไม่สามารถแปลงเป็นมูลค่าได้"

ก็เหมือนหลายๆครอบครัว ที่ทำไมซื้อรถแพงมาก แข็งแรง ระบบความปลอดภัยแน่น เพราะบางอย่างมันได้ใช้ตอนฉุกเฉินนั่นแหละครับ

ส่วนผม  ถ้าสด ก็จะประมาณ 10 % ของทรัพทย์สิน
ถ้าผ่อน ก็ดูcash flow ครับ ไม่ให้ตึงมือมากไป ให้ดอกเบี้ยที่เกิด น้อยกว่า กำไรการลงทุนครับ

ขอให้ได้รถตามที่ชอบครับ ::)

 
Audi TT MK 3FL
BMW z4 e85
GLA 250 FL 2017
Nissan Teana L33 2014
Slk 200 R172 2014
Camry 2.4 2009
Civic dimension MT 1.7
Civic 3 doors รถคันแรก



bodin

ไม่ถึง5%ครับ

รถถือเป็นของเสื่อมราคาของฟุ่มเฟือยไม่นับเป็น ทรัพย์สิน

เวลาผมเก็บตังจะแยกของฟุ่มเฟือยไว้อีกกอง เก็บเงิน 10บาท ฟุ่มเฟือย บาทนึง

ไม่นำเงินอนาคตมาใช้



exsrisaman

ทำไมถึงอยากเปลี่ยนครับ ถ้าคิดว่าเปลือง?

ผมว่า บางอย่างก็เอามาเทียบกับ "ทรัพย์สิน หรือการลงทุนไม่ได้"

เช่น ถ้าตาม จขกทว่า มีลูก ชาย 1 คน "แล้วอยากขยับรถ แต่คิดว่าอาจจะเปลืองไป"

บางทีสิ่งที่เราจ่ายไป แล้วเราได้คืนมา อาจมากกว่าตัวเงินนะครับ

เช่นเรื่องความปลอดภัย "ของคนที่รัก ที่ไม่สามารถแปลงเป็นมูลค่าได้"

ก็เหมือนหลายๆครอบครัว ที่ทำไมซื้อรถแพงมาก แข็งแรง ระบบความปลอดภัยแน่น เพราะบางอย่างมันได้ใช้ตอนฉุกเฉินนั่นแหละครับ

ส่วนผม  ถ้าสด ก็จะประมาณ 10 % ของทรัพทย์สิน
ถ้าผ่อน ก็ดูcash flow ครับ ไม่ให้ตึงมือมากไป ให้ดอกเบี้ยที่เกิด น้อยกว่า กำไรการลงทุนครับ

ขอให้ได้รถตามที่ชอบครับ ::)

ขอบคุณมากครับพี่ PANUMAS

ปัจจุบันใช้ LANCER EX มันยังดีอยู่เลยครับ ตั้งแต่ใช้มาไม่มีปัญหาอะไรที่เกี่ยวกับการขับเลย เช่น เครื่องยนต์, เบรก, เกียร์ มีแค่บำรุงรักษาตามปกติ กับเสียพวกจุกจิกจำพวก sensor อะไรแนวนี้ครับ

แต่เห็นว่ารถ 7 ปีแล้ว เลยคิดว่าปีหน้าอาจจะเปลี่ยนรถครับ ไหนๆ จะเปลี่ยนแล้ว ก็เลยมองว่าถ้าเป็น SUV อาจจะเก็บของได้สะดวกขึ้น ปัจจุบัน ลูกนั่ง car seat + พี่เลี้ยง ข้างหลัง ข้างหน้าผม+ภรรยา ครับ ถ้าเป็น SUV พวกของจุกจิกของลูกเก็บไว้ข้างหลังได้ครับ (ที่วางแผนไว้คือจะให้ลูกนั่ง car seat จนอายุ 12 ครับ)

เลยคิดว่าราคา 5% ที่เพิ่มขึ้นของสัดส่วนสินทรัพย์ จะคุ้มไหม เพราะที่จริงๆ คันต่อไปก็ซื้อ c-segment แนวเดิมได้ครับ เพราะโดยมากก็นั่ง 4 คนครับ

ขอบคุณพี่อีกครั้งครับ



exsrisaman

ไม่ถึง5%ครับ

รถถือเป็นของเสื่อมราคาของฟุ่มเฟือยไม่นับเป็น ทรัพย์สิน

เวลาผมเก็บตังจะแยกของฟุ่มเฟือยไว้อีกกอง เก็บเงิน 10บาท ฟุ่มเฟือย บาทนึง

ไม่นำเงินอนาคตมาใช้

5% ของผมนี่ผมยังซื้อ Ecocar ไม่ได้เลยครับ T T แต่เห็นด้วยเลยครับว่าควรเป็นสัดส่วนที่ไม่เยอะต่อ total asset ครับ ขอบคุณมากครับ



gorilla

ไม่ถึง 5%  ครับ



Krongbun

ตอนผมซื้อรถ คิดเป็น 40% ของเงินเดือนเลยครับ  ::)
จำเป็นต้องซื้อ เพื่อพาแฟนไปหาพ่อทุกอาทิตย์ ขนของไปทุกครั้ง



YZA

ตอนซื้อรถครั้งแรกเมื่อ 8 ปีที่แล้ว  ก็ 25% ของทรัพย์สินครับ
ตอนนี้ที่เล็งๆไว้ก็ 10%ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 05, 2017, 09:26:09 โดย YZA »



CJ.

5% ถือว่ากำลังดีนะครับ
(ถ้าจำเป็นต้องใช้รถจริงๆอาจจะไม่เกิน 10% แล้วแต่วิธีคิดของแต่ละคนนะครับ?)

อย่างที่คห.บนๆบอก เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย แล้วหลังจากนั้นก็มีค่าใช้จ่ายตามมาอีกด้วยครับ
2005 Jaguar XJ Super V8
2011 Aston Martin DBS
2013 Jaguar XJL 5.0 V8 Portfolio
2017 Lexus RX200t Premium
2019 Bentley Continental GT W12
2021 Porsche 911 Carrera S
2024 Honda CR-V e:HEV RS
2025 Honda HR-V e:HEV RS
2025 Toyota Camry 2.5 HEV Premium Luxury



ผู้เฒ่าเต่า

ส่วนตัวผมคำนวนราคารถตัวเองและของคนที่บ้าน กับทรัพย์สินที่ถือครองอยู่รถมีมูลค่าประมาณ 25%-30% ครับ



james99

ถ้าคุณเปลี่ยนรถเพราะความจำเป็นและเลือกรถตามการใช้งานจริง นั่นถือว่าคุ้มค่าที่จะจ่าย
แต่ถ้าเปลี่ยนรถเพราะความอยากและเลือกรถที่เกินความจำเป็นเมื่อไหร่ นั่นคือฟุ่มเฟือย
ตามความคิดผม ถ้าจำเป็นและพอจ่ายได้ไม่เดือดร้อนตลอดระยะเวลาผ่อนก็จัดเถอะครับ 555 8)



YenChar

ผม 20% ของสินทรัพย์ทั้งหมดครับ
ชีวิตผมอยู่บนรถเป็นหลัก เดินทาง 100 กิโลเมตรทุกวัน
ดังนั้นผมเลยเลือกที่จะถมเงินให้กับรถพอสมควร

แต่ผมซื้อสดนะครับ ใช้รถเป็น 10 ปี
ดังนั้น ระหว่างทาง ผมสะสมสินทรัพย์พวกหุ้น ประกันได้อีกมากพอสมควร
เลยไม่ค่อยกังวลครับ

อีกอย่างคือผมค่อนข้างมองราคาขายต่อเป็นหลัก ซื้อพวกกระบะ PPV
ราคามันไม่หล่นแรง เวลาซื้อคันใหม่ก็เติมเงินอีกไม่มาก



sukhontha

แต่ละคนไม่เท่ากันครับ..

  ผม    ถ้ารวมทรัพย์สินที่เป็นอสังหาด้วย น่าจะ เปอร์เซนต์เดียว ถ้าไม่รวม  ราว ๆ 10/100 

ปล.  ผมยังใช้รถมือสองอยู่ครับ...



jaesz

ตอนหนุ่ม ๆ ใช้เงินแทบทั้งหมด ไม่มีเงินเก็บ อยากได้บ้าน ซื้อบ้าน อยากได้รถ ซื้อรถ มีก็ซื้อ ๆ ไป ไม่เป็นหนี้พอแล้ว

พอเริ่มโตอีกนิด รายได้ไม่ถึงสามเท่าของค่าเสื่อมรถไม่ซื้อ  เอาเงินมาเก็บมาลงทุน ไม่เสียดอกรอเก็บซื้อเงินสด

ถ้าแก่อีกหน่อย คงมีเท่าไหร่ก็ใช้ จะตายเมื่อไหร่ไม่รู้ คิดแค่ว่า อย่าเป็นหนี้ อย่าสรางภาระให้คนอื่นที่อยู่ข้างหลัง เอาให้เหลือreserve ไว้ใช้หากต้องแก่งั๊ก ถ้าตายก่อนก็ไม่เป็นไร



kenny523

ของผมตัดบ้านออกครับเพราะไม่ทำเงิน ส่วนรถถ้าจำเป็นขาดไม่ได้ เช่น สมัยก่อนที่ไม่มีรถใช้ทำงานก็ไม่สน%จะเกิน100ด้วยซ้ำ แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นของฟุ่มเฟือยเพราะไม่ได้ใช้รถทำงานหาเงินแล้วเป็นสนองกิเลสล้านๆก็จะคิด%ไม่เกิน 10% ครับ   
 ปล.เดี๋ยวนี้มี Reverse Mortgage สำหรับบ้านแล้วอาจจะรวมเป็นสินทรัพย์ที่ทำเงินได้นะครับ ยิ่งไม่มีลูกนี่สบายเลย



DiKiBoyZ

เกิน 100% เพราะว่าผ่อนครับ และคนส่วนมากก็ผ่อนรถ ซื้อรถเกินทรัพย์สิน เงินทุน ที่มีอยู่ ครับ



sakchai99

เกิน 100% ครับ  เพราะผ่อนอยู่(ฮ่าๆ)   ทำงาน 50 เดือนถึงซื้อ อีโค่คาร์ได้



stm

ขึันอยู่กับช่วงอายุครับ ตอนโสดเหิ่งเริ่มทำงาน ไม่มีทรัพย์สิน ผมผ่อนรถ 50 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน ทำให้รู้รสชาดของชีวิตหนี้ครับ 555
ปัจจุบันมีครอบครัว มีลูก วัยกลางคน ต้องวางแผนเกษียน จะใช้เงินซื้อรถไม่เกิน 20 % ของกระแสเงินสด ไม่รวมบ้าน ที่ดิน ครับ



mongolias

ผมตัดบ้านออก ก็ราวๆ 30% ครับของสินทรัพย์ครับ ผ่อน 5 ปี ราวๆ 20% ของเงินเดือนครับ
อาจดูเกินตัวไปหน่อย แต่ผมถือว่าซื้อไว้ขนของลูกกับเพิ่มความปลอดภัยให้กับครอบครัวครับ



koko86

จขกท  มีแนวคิดแบบนี้นี่ดีสุดๆเลยครับ
มีการวางแผนการเงิน และมีวินัยการเงินดี อย่างน้อยตอนแก่คงไม่ลำบาก
ผมคงตอบแทน  จขกท ไม่ได้ว่ากี่%ดี เพราะเงินมันถึงอยู่แล้ว แต่มันมีเรื่องของอารมณ์  ความอยากเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

แต่ถ้า lancerมันยังดีอยู่คิดว่าลากใช้ไปก่อนไม่น่าเสียหลาย เพราะขายตอนนี้กับขายอีก1-2ปี ราคาไม่น่าจะต่างกันมาก พูดง่ายๆคือค่าเสื่อมมันน้อยกว่ารถใหม่ และแทบไม่มีค่าซ่อมมากวนใจ รวมถึงดูท่าทางยังไม่ได้อยากได้มาก ลูกยังเล็ก เดี๋ยวเข้าเรียนแล้วมีรายจ่ายตามมาอีกบาน หรือถ้าอยู่ไปดันติดลูกมาอีกคนนี่รายจ่ายน่าจะตามมาอีกดังนั้น ใช้คันเดิมน่าจะตอบโจทย์

   ส่วนผม ใช้แต่รถมือสองเพราะ ประหยัด ได้รถในฝัน โดยไม่เสียเงินก้อน  ไม่อยากเสียค่าเสื่อมเยอะ ไม่ต้องกู้แบงค์ ไม่เสียดอก และมีรถพอเปลี่ยนให้ใช้ได้เวลาเสีย

 แต่ถ้า จขกท จะเอาคันใหม่ คงเลือกคันที่เราพอใจโดยใช้เงินน้อยสุด10-15%ก็ไม่น่าเกลียดเท่าไหร่ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 05, 2017, 12:44:21 โดย koko86 »



HappyCar

ไม่เกิน 10-15% ของสินทรัพย์ทั้งหมด(ไม่รวมบ้าน)ครับ



Activehybrid

มันอยู่ที่ตัวเรารู้ดีว่าพร้อมแค่ไหนครับ
เมื่อก่อน150%ของสมบัติที่มีผมก็เคยผ่อนมาแล้ว คือมูลค่ารถแพงกว่าสวนยางแปลงแรกที่ซื้อไว้ บ้านก็ยังไม่มี
ก็ยังรอดมาได้นะครับ ถ้ารายรับเรามากพอ
แต่ปัจจุบัน ซื้อแค่ 8%ครับ เพราะเริ่มมีอายุ ไม่รู้จะเหนื่อยเพื่อรถไปทำไม ไม่อยากทำงานเหนื่อยๆอีกแล้ว แต่ก็ยังหยุดไม่ได้
สุดท้าย ถ้าจะสบายๆก็คือ 5%ลงไปแหละครับ เหมาะกับผมที่สุด ยิ่งน้อย%ยิ่งสบายครับ ข่มใจไม่ให้ซื้อทุกวันเหมือนกันครับ เวลาอยากได้ก็สะกดตัวเองไว้ว่ารถมันไม่ช่วยอะไร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 05, 2017, 15:05:47 โดย Activehybrid »



lay

คันแรกเกิน100คันสุดท้าย3ครับ



SM.

ไม่เคยคิดซะที  :P :P :P :P



tatum0022

อยู่ทีคน ครับว่าใช้รถเพื่ออะไร ของผม รถที่ว่าเป็นสิ่งที่เอาไว้ทำมาหากินด้วย รถกระบะก็มีไว้ส่งของ รถเก๋งก็เอาไว้ไปคุยกับลูกค้า เก็บบิล ฯลฯ ของของผมรถเลยเป็นทรัพย์สินถึง 30% ของทั้งหมดครับ
E220d AMG 17' BBS RI-D
C200 AMG Carlsson add on 12'
Fortuner 2.8 E4 16'
Camry Hybrid 10'
Jazz JP 12'
vios 13'
Preruner 08'
Austin Mini Mark1 1962



|||

คันล่าสุดนี่ก็ ประมาณ 3% ครับ

แต่ถ้าเทียบกับแค่เงินสดก็เยอะกว่านั้นมากครับ



tew

ปี 2005  ซื้อรถด้วยความจำเป็นเพราะแม่ป่วย ไม่ต้องคิดว่ากี่เปอร์เซ็นต์ มากกว่าทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งหมด เงินเก็บยังไม่พอเงินดาวน์ ต้องกู้เพิ่ม  เงินผ่อนงวดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน แต่ก็คุ้ม สามารถรักษาชีวิตแม่ไว้ได้ ปี2015 ซื้อคันที่2 คันนี้ซื้อเพราะอยากได้จริงๆ ก็ราว 5% ของทรัพย์สิน  คันต่อไปคงปี 2025  ก็ตั้งไว้ไม่ให้เกิน5% และต้องเป็นรถEV 



Devil13

นาๆจิตตังครับ
บ้านผมตอนซื้อ 1.5 ล.
รถผม 6 แสน
ถ้าผมเอาคันถูกกว่านี้ก็ต้อง Eco car ซึ่งมันไม่ตอบโจทย์การใช้งานผมเลย
และผมก็ไม่ได้ใช้จ่ายเกินตัว บ้านผมอีก 7 เดือนก็หมดแล้ว รถผมหมดไปกลางปีนี้ เงินสดใบ บช. มี 6แสน ที่ดินของพ่อแม่เค้ายังไม่ยกให้ไม่นับ หนี้ก้อนใหญ่ไม่มี มีผ่อนของเล็กๆน้อย 0% เพราะจ่ายสดก็จ่ายเท่ากัน



ptgiant

ถ้าเปรียบเทียบในเรื่องทรัพย์สิน..รถยนต์เปนทรัพย์สินที่มูลค่าลดลงเรื่อยๆตามปีแต่จะเปนตัวบอกทางสังคมมากกว่า..เหนว่ารถที่ใช้อยู่ก้อยังดีไม่มีปัญหาอะไรแค่ใช้มา7ปีแล้ว..อนึ่งเรียกว่ามันตกรุ่นแต่ถ้าคุณใช้มันถึง10ปีได้โดยมีเงินเก็บเพิ่มอีก3ปี แล้วลูกโตขึ้นถึงคราวที่ต้องเปลี่ยนจิงๆอันนั้นก้อว่าไปอย่างแต่หากว่าจะเปลี่ยนด้วยเหตุผลส่วนตัวแล้วคิดความคุ้มค่าเม็ดเงินมากเกินไป ผมว่ารอเมื่อพร้อมกว่านี้ดีกว่ารึมีความต้องการมากกว่านี้จิงๆ...อย่างของผมถ้าให้คิดรถที่ซื้อมาใช้ปัจจุบัน (SUV) คิดเปนเปอร์เซ็นต์ของทรัพย์สินผมตีแค่5เปอร์เซ็นต์ แต่เปอร์เซ็นต์ความจำเปนต้องมีอาจจะ70-80เปอร์เซ็นต์ เพราะมีครอบครัวกับลูกเล็กอีก2คน เปนเพียงคิดเห็นส่วนตัวนะครับ



mothsan

ตอนปี 2013 ซื้อรถยุโรปคันแรก คิดเป็น 50% ของเงินสดที่มี /คิดเป็น 3% ของทรัพย์สินที่มี
ตอนนี้รถเกือบ 5 ปี                 คิดเป็น 15% ของเงินสดที่มี/คิดเป็น 2% ของทรัพย์สินที่มี