เคยอ่านนานมากแล้ว มีคดีความทะเลาะวิวาทในอเมริกา
คนนึงขับรถออกไปสุดท้ายจอด อีกกลุ่มคนเดินเข้าไปรุมรถ เขากดยิงไปสองนัด ตายไปสอง
ศาลตัดสินให้เป็น Self defence เพราะตัดสินว่ารถเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ผู้ยิงทำไปเพราะถูกกดดันด้วยสภาพถููููกบุกรุก มีสิทธิปกป้องตัวเองเข้าไปในที่ส่วนตัวที่แบ่งไว้ชัดเจน
และอีกหลายคดีที่คนขับต้องยิงคนที่ไม่รู้จักในสภาพself.defence
https://abc13.com/uber-driver-shoots-and-kills-man-who-chased-after-him/4090800/
กฎหมายแต่ละประเทศ และกระบวนการตัดสินไม่เหมือนกัน ผลก็ต่างกัน
เหมือนกันครับ คุณตีความกฎหมายผิดเอง "ผู้ยิงทำไปเพราะถูกกดดันด้วยสภาพถููููกบุกรุก" ตรงนี้บอกว่าไม่ได้สมัครใจทะเลาะวิวาท
แต่กรณีลุง แกขับรถตาม ศาลจึงเห็นว่าสมัครใจทะเลาะวิวาท ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ครับ ถ้าแกไม่ได้ขับตามแต่เป็นวัยรุ่นมากดดันให้จอดแบบนี้แกจะเข้าป้องกันตัวและไม่มีความผิดทันที
จะอ้างป้องกันตัวต้องให้ครบ 3 องค์ประกอบครับ ไม่สมัครใจทะเลาะวิวาท ภัยอันตรายใกล้ถึงตัว และไม่เกินกว่าเหตุ ถ้าครบตามนี้คุณมีสิทธิปกป้องชีวิตและทรัพย์สินเต็มที่ครับ
ผมว่าศึกษากฎหมายให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนบอกว่าไม่ยุติธรรมดีกว่าครับ เรื่องแบบนี้มันมีเนื้อหา และศาลท่านก็ชี้แจงค่อนข้างละเอียด ทักท้วงได้นะครับถ้าคุณมีความรู้จริงๆ ศาลท่านรับฟังครับ ผมไม่ค่อยอยากก้าวล่วงศาลเพราะเห็นว่าสมเหตุสมผลดีแล้วครับ
เคสต่างประเทศ บางเคสเอามาเป็นกรณีตัวอย่างไม่ได้
อย่างเคสที่คุณยกมา มันมีเคสใก้เคียงกันอยู่ตัดสินเหมือนกันเด้ะเลย (เป็นนักกีฬาอเมิรกันฟุตบอลมั้ง กับคนธรรมดา) คือ ป้องกันตัว
ทั้งๆที่จริงแล้ว ขับรถไล่ปาดกันไปมา 8 กิโล แล้วสุดท้ายจบลงที่เดินเข้าหากันอีกฝ่ายเลยยิงสวน 2 นัด
แต่ที่ตัดสินไปว่าป้องกันตัว เพราะเคสนี้ไม่ได้ยกข้อต่อสู้ในเรื่องที่ปาดหน้ากันไปกันมา เลยชี้ไปว่าเป็นป้องกันตัว
อีกจุดนึงที่ต่างกันคือ การตัดสินโทษในคดีอาญา แม้จะมีความผิดจริงแต่เค้ามีการดูเรื่องการบรรเทาผลร้ายให้แก่ผู้เสียหายไปด้วย
แม้จะฟังว่าเจตนาฆ่า แต่ถ้าบรรเทาผลร้ายให้ผู้เสียหายเพียงพอ ศาลก็ลงโทษสถานเบาได้