ผู้เขียน หัวข้อ: วันนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไม D-segment ถึงค่อยๆตายไปจากตลาด เมื่อเอาเทียน่าไปตีราคา  (อ่าน 12734 ครั้ง)

ปี 2014 ผมซื้อ nissan teana 2.5 xv sunroof ตัวท็อป ราคา 1.6ล้าน
วันนี้ ใช้รถมาประมาณ4ปีนิดๆ ผมเอาไปให้เต้นท์ตีราคา เพื่อจะซื้อคันใหม่ เต้นท์รับไม่เกิน 7แสน (ไมล์ผม7หมื่นโล)
ในปี 2014 เป็นปีที่เพื่อนผมออก C-class และ ลุงผมออกอัลติส  (ทั้ง2คันนี้ ผมทำหน้าที่ไปเจรจาต่อรองให้)

ผมก็เลยแกล้งเอารถของลุง และเพื่อนไปตีราคาที่เต้นท์เดิม

ปรากฏว่า ในระยะเวลาการใช้รถประมาณ4ปี D-segment ราคาตกกว่ารถยุโรป (ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์) และตกมากกว่า C-segment มากๆ (คิดเป็นเปอร์เซ็นต์)

ถ้ามองในแง่ต้นทุนการใช้งาน และเงินที่หายไป ผมก็ไม่แปลกใจว่าทำไม ยอดขาย D-segment มันถึงลดลงเรื่อยๆ

ปัจจุบัน C-segment ก็คันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ถ้าใช้งานขับคนเดียว หรือนั่งไม่เกิน4คน มันก็แทบไม่ต่างกันแล้วในแง่ขนาด

ส่วน compact ยุโรปราคาก็ลงมาใกล้กับ d-segment ญี่ปุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่รถยุโรปราคาจับต้องได้มากขึ้น แต่รถญี่ปุ่นกลับแพงขึ้นเรื่อยๆ
แถมความเข้าใจผิดของคนส่วนใหญ่ ที่คิดว่า รถยุโรปราคาตกมากกว่า กลายเป็นว่าความจริงวันนี้คือ รถ d-segment ญี่ปุ่น ราคาตกมากกว่ารถยุโรปอีก(คิดเป็นเปอร์เซ็นต์)

ผมก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตลาดรถมือสองมันถึงเป็นแบบนี้ ผมคงไม่ไปหาเหตุผลอะไร ตอนนี้รู้แค่ว่า ถ้าใช้รถประมาณ5ปีแล้วขาย D-segment ญี่ปุ่น คือการซื้อที่ทำให้เกิดการขาดทุนมากที่สุดในบรรดากลุ่มรถทั้งหมด 

สำหรับคนที่ไม่สนใจเรื่องราคาขายต่อ ก็คงไม่มีผลอะไร
แต่สำหรับคนที่สนใจราคาขายต่อ(เช่นผม) เพราะผมต้องนำเงินก้อนนี้เป็นทุนในการไปซื้อรถคันใหม่
ผมจึงคิดว่า รถญี่ปุ่น d-segment คือรถที่ไม่คุ้มค่าที่สุดถ้ามองในแง่การเงิน และผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ก็คงคิดเช่นเดียวกัน จึงทำให้ยอดขายรถกลุ่มนี้ตกต่ำลงทุกวันจนน่าใจหาย  และราคาขายต่อที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดนี้ ก็ไม่ใช่ว่าจะเอาไปขายต่อเองได้ง่ายๆ  มันกลายเป็นรถที่ปล่อยมือสองยากที่สุดด้วย


ออฟไลน์ r0u0g0e0k

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 830
เพราะมันคือ นิสสันรึปล่าวครับ  เลยตกเเยอะ ต้องลองเทียบกับเซกเมนท์เดียวกันเเต่คนละค่ายดูครับ ว่าเค้าได้กันเท่าไหร่

ออฟไลน์ Coat145

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 596
    ในส่วนตัวผม ขายACV50 HV ไปต้นปีได้800000 รถปี2013 ซื้อมาตอนนั้น 1709000 เต๊นท์ตีมาแบบกลับบ้านไม่ทัน สุดท้ายขายคนรู้จักไป ส่วนL33 ผม 2.0XL ไมล์แสนโลแล้ว กะ ทำช่วงล่าง เก็บไว้ใช้สำรองยาวๆไปเรยครับ รถรักเจ้าของต้องทำใจค รับ
YARIS1.2 G 2013 ขาว
L33 2.0XL 2014 ดำ
Mercedes-Benz E350e Exclusive ดำ 2018
Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé ขาว 2018
FORD RAPTOR 2.0 BI-TURBO 2019

ออฟไลน์ OXYGEN2

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,492
    • เครื่องปั่น
    • อีเมล์
เคยขาย CR-V Gen 4 ตอนยังไม่ตกรุ่น ราคาก็ตกสุดๆ เหมือนกันครับ รุ่น 2.4EL 4WD ใช้ 3 ปี วิ่ง 2 หมื่น ขายได้ 9 แสน หายไปน่าจะ 6 แสนครับ

ตอนนี้ผมคิดว่ารถญี่ปุ่นที่รับเรื่องราคาตกได้จะเป็น C-Segment ลงไป อย่าง Civic นี่กำลังดีเลย หรือจะเล่น Ecocar ก็ได้

แต่ถ้าให้ซื้อรถญี่ปุ่นราวๆ 1.5 ล้าน ผมขอเพิ่มเงิน(ผ่อน) อีกนิด แล้วไปหารถยุโรปตัว Entry ดีกว่าครับ ยังไงก็ได้ภาพลักษณ์ที่ดีกว่ารถญี่ปุ่นครับ
2021 - BMW 530e
2023 - Tesla Model Y Performance
2023 - Tesla Model Y RWD

My website~ :) ;) :D 8)

ออฟไลน์ Magl

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,558
    • อีเมล์
ตกหมดทุกยี่ห้อ แต่Nissan ตกเยอะกว่าเขาราวๆ 1 แสนบาท เพราะปล่อยยากกว่า เป็นโอกาสดีของคนซื้อมือสองสภาพดีๆมากกว่า คนส่วนใหญ่ใช้รถ d segment เป็นผู้ใหญ่มากกว่าวัยรุ่น ใช้รถถนอม รถสภาพสวยๆดีๆเยอะในราคาไม่ถึงล้าน ส่วนตัวผมยังชอบ d segment น่ะ ภายในมันอลังการกว่า c segment เยอะ ให้เลือกขับ civic ป้ายแดงกับ teana มือสอง ผมเอา teana

Nonlamer

  • บุคคลทั่วไป
Teana เข้าเต้นโดนกดยับครับ หรือค่าย Nissan ในส่วนของรถเก๋งก็เป็นครับ ตอนผมขาย Tiida อายุ 8 ปี เต้นท์ตีมาให้ 1 แสนถ้วนครับ คุยไปคุยมาได้แค่ 1.2 เลยหาปล่อยทางอื่นแทน ได้มา 2 แสนครับ (เต้นท์อยู่ดีครับ)

ลองสังเกตดูครับ ค่ายนี้ราคาตีเข้าเต้นท์ตกหนัก แต่ถ้าปีใหม่ๆเต้นท์จะตั้งขายแพงมาก แพงกว่า Accord/Camry ปีเดียวกันด้วยตอนที่ผมไล่หาดูเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ทั้งๆที่ราคาจากศูนย์มือ 1 ถูกกว่าคู่แข่ง (ณ ตอนนั้น)

ออฟไลน์ Tien.W

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,225
    • อีเมล์
C-segment นี่ราคาดีมาก โดยเฉพาะ civic รองมาก็ Altis

D-segment ตกค่อนข้างเยอะ แต่ นิสสัน ตกเยอะกว่าเพื่อน

พวก suv อย่าง CRV ก็หล่นแบบใจหายไม่แพ้กันนะครับ อาจจะดีกว่า Teana หน่อย แต่ถือว่า ตกมากมาย ถ้าเทียบกับ Mu-X, Fortuner ครับ (พวกนี้ราคาดีมาก)

ส่วนตัวกลับรู้สึกว่า D-segment มันรถคนแก่ ใหญ่เทอะทะ ไม่คล่องตัว แม้ภายในจะอลังการ วัสดุดีกว่าก็เถอะ การใช้งานก็ไม่ได้หลากหลายกว่า C-segment เลยเป็นเหตุกว่า ทำไมผมถึงเลือก suv แทน D-segment น่ะครับ เพราะอย่างน้อย suv ก็ยังอเนกประสงค์กว่า ทัศนวิสัยดีกว่า แม้วัสดุภายในจะสู้ไม่ได้ก็ตาม

ออฟไลน์ auntoto

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 71
ประเด็นราคาตกก็ตามนั้นครับ แต่ที่บอกว่ารถยุโรปตอนนี้ราคาถูก แต่ญี่ปุ่นกลับแพงขึ้น
แปลว่าเมื่อก่อนรถยุโรปนี่กำไรต่อคันคงจะเยอะมากๆเลยนะครับ ถึงขนาดใส่เทคโนโลยี กับ เงินเฟ้อไปแล้ว ปัจจุบันยังทำราคาถูกลงได้ ;D >:( ;D

ออฟไลน์ bodin

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 997
ผมใช้L33 คงใช้ยาวๆ10ปีขึ้นไป 8)

คันหน้าไม่เอาแล้วเพราะเมืองไทยมีน้ำรอระบายทั้งประเทศและไม่รู้ว่าต้องเจอวันไหน :-X :-X

คงเป็น SuvหรือMPV ที่มีระยะลุยน้ำท่วมได้ซัก 20-30cm พวกเตี้ยๆไม่เอาแล้ว

ออฟไลน์ Amnaj

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 511
ถ้ามีงบซื้อ D-seg ผมเอา SUV หรือ PPV ดีกว่าตอบโจทย์ชีวิตได้

ออฟไลน์ kiwiwi

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,856
เหตุผลข้อเดียวเลยครับ

เพราะมันไม่มีความต้องการของตลาดแล้ว

เอาแค่ป้ายแดง ยอดขายหลักร้อยต่อเดือน
แต่กลุ่ม c-seg ยอดขาย หลักพันต่อเดือน = เทียนน่า เมื่อหล่นมาจาก 1.6 เหลือ 1.1 คนก็ยังซื้อ c seg ป้ายแดง

เอ้า ในเมื่อ 1.1 ขายไม่ออก ลงมาอีกหน่อย ซัก 8-9 แสน
ก็ไปเจอตลาด sub compact suv ป้ายแดง ที่มียอดขายหลักพันต่อเดือน + c seg สภาพมือสองใหม่กริ๊ป คนรับไปขาย ก็คงเหนื่อย

สรุปง่ายๆเลย มันไม่มี demand เลยล่ะครับ


ออฟไลน์ Altima

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,150
ประเด็นราคาตกก็ตามนั้นครับ แต่ที่บอกว่ารถยุโรปตอนนี้ราคาถูก แต่ญี่ปุ่นกลับแพงขึ้น
แปลว่าเมื่อก่อนรถยุโรปนี่กำไรต่อคันคงจะเยอะมากๆเลยนะครับ ถึงขนาดใส่เทคโนโลยี กับ เงินเฟ้อไปแล้ว ปัจจุบันยังทำราคาถูกลงได้ ;D >:( ;D

จริงครับ ตอนที่ Mini ประกอบไทยมันยังจะราคาเท่ารถนำเข้าเลย ใครโง่พอที่จะเชื่อว่าBMWไม่ได้ตั้งราคาหลอกลูกค้าก็ผมเสียใจด้วย

ออฟไลน์ NS

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,718
  • การเดินทางครั้งใหม่
ในความคิดผม คนที่ออก D-Seg และรถยุโรปจะคิดถึงคุณภาพของตัวรถมากกว่า เพราะการได้นั่งรถดีสบายและรีแร็กซ์คือความคุ้มค่าของเงินที่จ่ายไป   :D
จะเลือกรถหรือเมีย....

...รถสิคร๊าฟ

ออฟไลน์ kiwiwi

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,856
ประเด็นราคาตกก็ตามนั้นครับ แต่ที่บอกว่ารถยุโรปตอนนี้ราคาถูก แต่ญี่ปุ่นกลับแพงขึ้น
แปลว่าเมื่อก่อนรถยุโรปนี่กำไรต่อคันคงจะเยอะมากๆเลยนะครับ ถึงขนาดใส่เทคโนโลยี กับ เงินเฟ้อไปแล้ว ปัจจุบันยังทำราคาถูกลงได้ ;D >:( ;D

จริงครับ ตอนที่ Mini ประกอบไทยมันยังจะราคาเท่ารถนำเข้าเลย ใครโง่พอที่จะเชื่อว่าBMWไม่ได้ตั้งราคาหลอกลูกค้าก็ผมเสียใจด้วย

อันนี้ เรียกว่า รู้เค้าหลอก แต่เต็มใจให้หลอก

ออฟไลน์ recycleman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,570
นิสสันถ้าเป็นเก๋ง ก็คงจะมีแต่อัลเมร่านั้นแหละครับที่ซื้อง่ายขายคล่อง ราคามือสองไม่ตกมาก

นอกนั้นราคาตีเต๊นท์ได้ยินแล้วอยากกลับบ้าน


ออฟไลน์ NoName__???

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,142
D seg ตกไม่แปลก พฤติกรรมคนเริ่มเปลี่ยนไป SUV กันมากขึ้นแล้ว อะไรขายยากก็ราคาตกเป็นธรรมดา

ออฟไลน์ No Trespassing

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,616
    • อีเมล์
ไม่เฉพาะนิสสันหรอกครับ แอคคอร์ทผมก็เป็น

ตอนซี้อ G9 ไม่เนวิ MY2013 ป้ายแดงราคา 1.3 ล้าน
แต่ขายเต้นท์รับไม่เกิน 6 แสน

ต้องวิ่งขายอยู่พักใหญ่ ถึงจะได้ 6.6 แสน ขายกับโชว์รูมฮอนด้าแถวๆสุขา 3 รามคำแหง
รถใช้ทั้งหมด 5 ปี ไมล์ 8 หมื่น 

ที่ขายเพราะเบื่อมานั่งซ่อม สามวันดีสี่วันพัง สมกับชื่อแอคคอร์ทจริงๆ

เมื่อเทียบกับมาร์ช VL ปี 2012 ราคา 5.42 แสน แต่ขายออกปี 2016
ใช้ห้าปีเหมือนกัน แต่ขายได้ 2.7 แสน (หักค่าโอน ค่าบลาๆ เหลือ 2.6 นิดๆ)

D-Seg มือสอง รถขายยาก คนซี้อน้อย ต้องซ่อมบำรุงเยอะ อะไหล่ค่อนข้างแพง
ราคาจะตกก็ไม่แปลก 

ออฟไลน์ testmaster

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 450
    • อีเมล์
เฉพาะ nissan ครับคุณไปดู camry accord สิ

ออฟไลน์ coolcarrera

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 518
เพราะการดันราคาขึ้นไปอย่างไม่มีเหตุผลของค่ายรถด้วยหรือเปล่าครับที่นับวันมือ 1 จะแพงขึ้นๆ (โดยเฉพาะ d-segment ที่มองยังไงราคารถก็ไม่น่าเลยล้านกลาง เลยเถิดไปถึงล้านปลายได้เลย) ซึ่งมันเกินมูลค่าที่แท้จริงของตัวรถไปมาก

พอมามือ 2 ราคาซื้อขายสะท้อน value ที่แท้จริงของตัวรถมากขึ้น เลยเป็นอย่างที่เห็น
E3, D15 Carb, 2E
F22B VTEC, J30A VTEC
1TR, 1NZ
D4CB
1GD, R18

ออฟไลน์ stm

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 400
คนไทยส่วนใหญ่ รูปร่างเล็ก เช่นผม สูงแค่165 หนัก 70 
ผมเคยใช้ D seg แล้วรู้สึกว่ามันใหญ่เกินความจำเป็น ในขณะที่ใช้ C seg แล้วรู้สึกว่าพอดีๆ คล่องตัวกว่า
มาดูค่าใช้จ่าย D seg สุงกว่าทุกด้าน ค่าตัว ค่าซ่อม ค่าน้ำมัน ค่าเสื่อม ค่าทะเบียน ค่ายาง ในขณะที่ภาพลักษณ์ดีกว่า
แต่ผมไม่ได้สนใจเรื่องภาพลักษ์เลย  ตรงข้ามผมไม่อยากดูรวย (จริงๆก็ไม่ได้รวย) ดูรวยแล้วมันเหนื่อยหลายอย่าง

ออฟไลน์ off_033

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,264
    • อีเมล์
เพราะการดันราคาขึ้นไปอย่างไม่มีเหตุผลของค่ายรถด้วยหรือเปล่าครับที่นับวันมือ 1 จะแพงขึ้นๆ (โดยเฉพาะ d-segment ที่มองยังไงราคารถก็ไม่น่าเลยล้านกลาง เลยเถิดไปถึงล้านปลายได้เลย) ซึ่งมันเกินมูลค่าที่แท้จริงของตัวรถไปมาก

พอมามือ 2 ราคาซื้อขายสะท้อน value ที่แท้จริงของตัวรถมากขึ้น เลยเป็นอย่างที่เห็น

มูลค่าที่แท้จริงของรถคิดยังไงครับ  ทำไมถึงบอกว่าไม่ควรเลยล้านกลาง

แล้วราคาควรจะเป็นเท่าไหร่ครับ 

ออฟไลน์ spn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,717
ด้วยอายุตลาดด้วย และ ราคา D - C segment ที่สูงขึ้น คนคงไปจบที่ C-Segment หรือ HRV CHR ดีกว่า กระแสรถยกสูงมันมาแรงจริงๆ
E220d W213
Camry 2.5 HV Premium
BT50 Free Style Cab Hi racer
Revo 2.8J B cab 4x4
March 1.2 CVT
KIA Jumbo 1JZ-GE AT

ออฟไลน์ BOBBY_7

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 195
ตลาดมือ 2 ราคาตกทุกกลุ่ม แต่จะมากน้อยขึ้นอยู่กับความต้องการตลาด
เป็นเรื่องที่เข้าใจกันว่าความต้องการน้อย และรถมือ 2ก็ล้น

-คนรุ่นใหม่ไม่สนใจรถมือ2 เหมือน10-20 ปีที่แล้ว เรียนจบทำงานใหม่ๆ หารถมือ 2ใช้ก่อน
ปัจจุบันค่ายรถก็ต้องการกลุ่มคนรุ่นใหม่  มีหลายรุ่นให้เลือกเยอะ.. ซื้อก็ง่าย ถูกจริต
เมื่อคนรุ่นหนึ่งหมดไป ยุครถมือ 2 ก็กำลังหมดไป

ผมมองว่าตลาดรถมือ 2 กลับมายาก ซื้อขายกันกลุ่มเล็กๆ
(อนาคตถ้าเลวร้าย อาจเหมือน ทีวี ตู้เย็น พังแล้วทิ้ง ไม่ซ่อม ไม่ขาย ขายได้ชั่ง กก.) :P

ออฟไลน์ @MIN

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 475
  • Life is beautiful
มีงบซื้อรถราคา 9แสน - 1 ล้านบาท
ระหว่าง d segment มือสอง อายุ 4 ปี, วิ่ง 7 หมื่นโล กับ c segment ป้ายแดง ประกันยาว 3 ปี ..

ลองเอาคำถามนี้ ไปถามเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง คนรอบข้างดู แล้วคุณจะได้คำตอบ ว่าคนส่วนใหญ่ เค้าเลือกอะไรกันครับ

คนส่วนใหญ่ ใครๆ ก็อยากขับป้ายแดงกันครับ นี่เป็นเหตุผลหลักๆ เลย
I have enough of making money. Now I want to make time.

ออฟไลน์ No Trespassing

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,616
    • อีเมล์
เฉพาะ nissan ครับคุณไปดู camry accord สิ

D-Seg ทุกคันละครับ

แอคคอร์ท G9 ไม่เนวิของผม MY2013 ป้ายแดงราคา 1.3 ล้าน
แต่ขายเต้นท์รับไม่เกิน 6 แสน

กว่าจะขายได้ 6.6 วิ่งกันหูดับ รถสภาพดี ไม่มีชน ไม่มีทำสี

ที่เห็นขายๆกัน 7 - 7.5 แสน นั้นคือราคาหน้าเต้นท์ แต่รับซี้อจริงๆ 6 ต้นๆ ยัน 6 ปลายๆ
ขายแบบไม่เทิรน์รถ ยิ่งถูกกดราคาหนักครับ

ออฟไลน์ Benzecar

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 59
    • อีเมล์
D-seg เทียบเป็นตัวเงินหายไปเยอะแบบเห็นๆจริงครับ

เมื่อเดือนที่แล้วผมเพิ่งปล่อย Fortuner 2.7 4WD ปี 2005
สภาพสวย ไป ตอนที่ขายรถวิ่งไป 2.4 แสนกิโล

เอาเข้าไปตีราคาตามเตนท์ ให้ราคาตั้งแต่ 2.9-3.5แสน
ราคายังไม่โดนใจ ผมเลยมาปล่อยเองได้ราคา 3.95 แสน
รถใหม่ราคา1.2ล้าน ถือว่ารับได้

ราคาหายไป 67% ใช้มา13ปี เฉลี่ยตกไปปีละ 6.2หมื่น

อีกคัน แอคคอร์ด 2.4 EL ปี 2008 ราคาหล่นแบบน่าใจหายเลยครับ
ซื้อแพงกว่าคัน Fortuner 3แสน และปีรถยังใหม่กว่าอีก 3 ปี
แต่ขายตามเตนท์ตอนนี้น่าจะได้ซัก 4แสน พอๆกัน มันน่าช้ำใจ!!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 03, 2018, 10:53:25 โดย Rucheroche »
97” Mitsubishi Lancer Ecar 1.5 GLX (sold)
05” Toyota Fortuner 2.7 V 4x4 (sold)
08” Honda Accord 2.4 EL
10” Toyota Hilux Vigo 2.5 E VN turbo

ออฟไลน์ Narong Lith

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 234
มีงบซื้อรถราคา 9แสน - 1 ล้านบาท
ระหว่าง d segment มือสอง อายุ 4 ปี, วิ่ง 7 หมื่นโล กับ c segment ป้ายแดง ประกันยาว 3 ปี ..

ลองเอาคำถามนี้ ไปถามเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง คนรอบข้างดู แล้วคุณจะได้คำตอบ ว่าคนส่วนใหญ่ เค้าเลือกอะไรกันครับ

คนส่วนใหญ่ ใครๆ ก็อยากขับป้ายแดงกันครับ นี่เป็นเหตุผลหลักๆ เลย

เป็นอะไรที่เห็นภาพมากเลยครับท่าน ตรงประเด็นเด๊ะ

ออฟไลน์ tvm

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,488
ความนิยมถดถอย ราคาเลยตกครับ
น่าจะไม่ใช่ราคาตก คนเลยไม่นิยม 555
ผมก็ อดีต J32

ออฟไลน์ e:smart Hybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,705
ตลาดมือ 2 ราคาตกทุกกลุ่ม แต่จะมากน้อยขึ้นอยู่กับความต้องการตลาด
เป็นเรื่องที่เข้าใจกันว่าความต้องการน้อย และรถมือ 2ก็ล้น

-คนรุ่นใหม่ไม่สนใจรถมือ2 เหมือน10-20 ปีที่แล้ว เรียนจบทำงานใหม่ๆ หารถมือ 2ใช้ก่อน
ปัจจุบันค่ายรถก็ต้องการกลุ่มคนรุ่นใหม่  มีหลายรุ่นให้เลือกเยอะ.. ซื้อก็ง่าย ถูกจริต
เมื่อคนรุ่นหนึ่งหมดไป ยุครถมือ 2 ก็กำลังหมดไป

ผมมองว่าตลาดรถมือ 2 กลับมายาก ซื้อขายกันกลุ่มเล็กๆ
(อนาคตถ้าเลวร้าย อาจเหมือน ทีวี ตู้เย็น พังแล้วทิ้ง ไม่ซ่อม ไม่ขาย ขายได้ชั่ง กก.) :P

+1 ครับ ยุคสิบกว่าปีก่อน ที่ มือ 2 มันบูม เพราะว่ารถเมื่อเทียบกับค่าครองชีพแพงด้วยครับ

ผมก็เคยซื้อ AE101 สามห่วงสีเขียวขี้เป็ด สุดเชย มาในราคา 2.3 แสน (แพงมากๆ)

ซึ่งยุคนี้ผมเพิ่มงบอีกนิด ได้มือ 2 almera ไม่เกิน 5 ปีละ

ราคายุคนี้สมเหตุผลมากขึ้นครับ คือ ลงปีละ 10%

ไม่เฉพาะนิสสันหรอกครับ แอคคอร์ทผมก็เป็น

ตอนซี้อ G9 ไม่เนวิ MY2013 ป้ายแดงราคา 1.3 ล้าน
แต่ขายเต้นท์รับไม่เกิน 6 แสน

ต้องวิ่งขายอยู่พักใหญ่ ถึงจะได้ 6.6 แสน ขายกับโชว์รูมฮอนด้าแถวๆสุขา 3 รามคำแหง
รถใช้ทั้งหมด 5 ปี ไมล์ 8 หมื่น 

ที่ขายเพราะเบื่อมานั่งซ่อม สามวันดีสี่วันพัง สมกับชื่อแอคคอร์ทจริงๆ

เมื่อเทียบกับมาร์ช VL ปี 2012 ราคา 5.42 แสน แต่ขายออกปี 2016
ใช้ห้าปีเหมือนกัน แต่ขายได้ 2.7 แสน (หักค่าโอน ค่าบลาๆ เหลือ 2.6 นิดๆ)

D-Seg มือสอง รถขายยาก คนซี้อน้อย ต้องซ่อมบำรุงเยอะ อะไหล่ค่อนข้างแพง
ราคาจะตกก็ไม่แปลก 

March เหมือนกันครับ รถ 6 ปีกว่าๆ

รุ่น E CVT สีเงิน ราคา 4.59 แสน

ขายได้ 2.03 แสน ผมว่าไม่แย่ แต่คิดว่าถ้าไม่ใช่ นิสสัน น่าจะราคาดีกว่านี้
และความที่เป็น Eco car เลยขายได้ดีและง่ายกว่านิสสันทั่วไปมาก

ออฟไลน์ mongolias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,368
ตัวเลือกรุ่นล่างๆมันเยอะขึ้น มีรถมือ 1 ให้เลือกเล่นได้หลากหลาย
รถแต่ละ Segment ก็ขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ C-segment นั่งสบายขึ้น
ราคาน้ำมันแพง หลายคนอยากหารถที่ประหยัดมากขึ้น
ความนิยมรถ SUV , PPV
พวกนี้เป็นปัจจัยที่ทำให้ราคา D-Segment มันตกมากครับ