รอบเครื่องที่ประหยัดน้ำมันที่สุดของรถผมอยู่ที่เท่าไหร่ครับ?

ภูมิใจไหม?

รถคือ BRZ M/T

เวลา shift gear จะมีไฟลูกศร indicator ชี้ขึ้น กระพริบ ๆ  เพื่อส่งสัญญาณเตือนว่าเป็นเวลาเหมาะที่สุดที่จะเพิ่มเกียร์

(คนละอันกับ shift indicator สีแดงที่จะกระพริบเมื่อถึง Red line นะครับ)

โดยมันจะยึดเอาความประหยัดเป็นหลัก

ซึ่งรอบที่มีไฟ indicator กระพริบคือรอบประมาณ 2300 rpm


อยากถามว่า เมื่อวิ่งความเร็วคงที่ที่เกียร์สูงสุดคือเกียร์ 6 รอบเครื่องที่ประหยัดน้ำมันที่สุดของรถผมอยู่ที่เท่าไหร่ครับ?

ก. ต่ำกว่า 2000
ข. 2000 เป๊ะ
ค. 2300

ที่ผ่านมาในรถคันอื่น ผมใช้ความรู้สึกในการเปลี่ยนเกียร์ อาจเป็นไปได้ว่าผมทำผิดมาตลอดครับ



koko86

ยิ่งรอบต่ำสุดยิ่งประหยัดครับ เหตุผลคือ
ยิ่งรอบต่ำแรงเสียดทานจากเครื่องยนต์ ยิ่งน้อย เลยทำให้ประหยัด
แต่ในชีวิตจริงอาจจะใช้งานลำบากโดยเฉพาะ MT เพราะมันจะไม่มีtorqueสำหรับเร่งหรือแซงเลย
ผิดกับatแค่คิกดาวน์ เกียร์ก็เปลี่ยนเพิ่มรอบแล้ว
ส่วนเกียร์อื่นๆ จะมีเตือนเปลี่ยนเกียร์ที่รอบ2000++ เพื่อให้เกียร์ต่อไปยังคงมีtorqueบ้างจะได้ใช้งานง่ายขึ้นครับ



NS

shift gear ที่แจ้งมา น่าจะเป็นรอบสูงสุดที่เกียร์นั้นใช้แล้วให้เพิ่มเกียร์รึเปล่าครับ ส่วน redขline indicator น่าจะเป็นรอบสูงสุดที่จะใช้งาน ส่วนรอบที่ประหยัดสุดที่เกียร์สุดท้ายคือรอบที่ต่ำสุด ณ เกียร์สุดท้ายทำได้นั่นละครับ
จะเลือกรถหรือเมีย....

...รถสิคร๊าฟ



nuntapon.s

รอบต่ำสุดที่ยังสามารถรักษาความเร็วที่ต้องการให้คงที่ได้ครับ  ถ้าoverdriveแล้ววิ่งช้าเกินแรงจะหมดก็จะเปลืองตอนต้องกดเพิ่มอยู่ดี



ภูมิใจไหม?

ยิ่งรอบต่ำสุดยิ่งประหยัดครับ เหตุผลคือ
ยิ่งรอบต่ำแรงเสียดทานจากเครื่องยนต์ ยิ่งน้อย เลยทำให้ประหยัด
แต่ในชีวิตจริงอาจจะใช้งานลำบากโดยเฉพาะ MT เพราะมันจะไม่มีtorqueสำหรับเร่งหรือแซงเลย
ผิดกับatแค่คิกดาวน์ เกียร์ก็เปลี่ยนเพิ่มรอบแล้ว
ส่วนเกียร์อื่นๆ จะมีเตือนเปลี่ยนเกียร์ที่รอบ2000++ เพื่อให้เกียร์ต่อไปยังคงมีtorqueบ้างจะได้ใช้งานง่ายขึ้นครับ

รอบต่ำเกินไปที่เกียร์สูงสุดไม่น่าจะประหยัดนะครับ

แต่ปัญหาคือ ผมไม่ทราบว่ารอบที่พอดี ไม่สูงไม่ต่ำเกินไปนั่นมันอยู่ตรงไหนครับ?



sukhontha

คุณดูง่าย ๆ  ทอล์คสูงสุดที่รอบต่ำสุดอยู่ที่เท่าไรก็ตรงนั้นแหละครับ



palma

รถมีกราฟแสดงความประหยัดไหมครับ

ในรถ AT,CVT ปัจจุบัน มักจะมี ผมใช้กราฟนั้นในการเรียนรู้เพื่อขับประหยัดครับ

ทำให้เราจับได้ว่า ในการวิ่งขณะนั้น ควรใช้คันเร่งอย่างไรให้ประหยัดสูงสุด โดยที่ไม่ได้ขับช้าผิดปกติ นะครับ

หรือ ความเร็วเดินทางช่วงไหน ให้อัตราสิ้นเปลืองดีสุด ของคันนั่นๆ(แต่ละคันไม่เท่ากัน)

ทีนี้ไม่รู้รถ MT จะมีไหมครับ
2023 : SK9 FB20 ES4.0 SAWD
2017 : NSP170R-2NR-FE+CVT
2015 : B17-MR16DDT+CVT-M6
2014 : L33-QR25DE+CVT-8
1995 : SXV10-3S-FE (sold)
1994 : AE101-4AFE+MT (sold)



tatum0022

ถ้าเป็น M/T ต้องดูที่กราฟแรงบิดเครื่องครับว่ากองแบบไหน พยามใส่เกียร์สุดท้าย ให้เข้าใกล้ช่วงกองแรงบิดหน่อยครับ ต่ำไปไม่มีแรง สูงไปก็เปลือง ส่วน A/T ง่ายๆ เกียร์สุดท้ายตัดที่ความเร็วไหน ก็นั่นแหละครับน่าจะประหยัดสุดแล้ว อันนี้ว่าด้วยเรื่องทางเรียบ รถโล่งนะครับ
E220d AMG 17' BBS RI-D
C200 AMG Carlsson add on 12'
Fortuner 2.8 E4 16'
Camry Hybrid 10'
Jazz JP 12'
vios 13'
Preruner 08'
Austin Mini Mark1 1962



YenChar

เห็นว่าอิสุๆที่จัดงานแข่งกัน ตัดเข้าเกียร 4 รอบต่ำสุดแค่พันต้นๆ ไม่เกินพันสอง
แต่ถ้าเข้าเกียร 5 หรือ 6 รอบต่ำสุดจะอยู่แถวๆพันหก เค้าคงคิดมาเผื่อแรงต้านอากาศแล้ว

ถ้าขับที่เกียร 4-5 ความเร็วช้ามากๆ และรอบต่ำสุดๆ คือประหยัดสุดๆ
แต่ประเด็นคือจะทนขับแบบนั้นไหวหรือเปล่า
ผมว่าอย่าซีเรียสเลยครับ ยืนพื้น 90-100 ถ้าเข้าเกียร 6 ได้ ก็ประหยัดแล้ว



mirthhahaha

ที่ผมเคยลองกับ jazz at ที่เกียร์ 5 รอบต่ำสุดไม่ได้ประหยัดสุดนะครับ ของผมอยู่ประมาณ 90 รอบเกือบๆสองพัน
แต่ fortuner หน้ายักษ์ เข้าเกียร์ 4 ความเร็ว 80 รอบ 1500 ประหยัดสุดครับ
แต่ผมดูจากจอบอกอัตราบริโภคน้ำมันนะครับ ไม่รู้ว่า 86 mt มีจอนี่บอกรึเปล่าครับ



Gαz

ลองดูครับ รอบต่ำอาจจะไม่ประหยัดเสมอไป




NONT4477

เปิด MID แบบ real time ดูครับ แม่นสุดละ
รอบต่ำใช่ว่าจะประหยัดสุด รอบต่ำแต่ไปได้ช้า วิ่งระยะทางน้อยก็ไม่ประหยัดสุด
ต้องดูรอบที่เหมาะสมระหว่างน้ำมันที่ใช้ กับระยะทางที่วิ่งได้
Top Gear's Biggest FAN!!! (IN MY House)
I'm NAC1701  ^ ^



TNP

ยิ่งรอบต่ำสุดยิ่งประหยัดครับ เหตุผลคือ
ยิ่งรอบต่ำแรงเสียดทานจากเครื่องยนต์ ยิ่งน้อย เลยทำให้ประหยัด
แต่ในชีวิตจริงอาจจะใช้งานลำบากโดยเฉพาะ MT เพราะมันจะไม่มีtorqueสำหรับเร่งหรือแซงเลย
ผิดกับatแค่คิกดาวน์ เกียร์ก็เปลี่ยนเพิ่มรอบแล้ว
ส่วนเกียร์อื่นๆ จะมีเตือนเปลี่ยนเกียร์ที่รอบ2000++ เพื่อให้เกียร์ต่อไปยังคงมีtorqueบ้างจะได้ใช้งานง่ายขึ้นครับ
คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ

ช่วงรอบต่ำ พลังงานที่ได้จากการเผาไหม้ จะสูญเสียไปกับระบบระบายความร้อนครับ รอบที่ให้ความประหยัดสูงสุดของเครื่องยนต์ลูกสูบ 4 จังหวะส่วนใหญ่จะอยู่แถวๆ 2,200 - 2,300 รอบ/นาที ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 18, 2018, 00:38:13 โดย TNP »



burst

ประหยัดสุดคือรอบต่ำสุดที่เกียร์สูงที่สุดครับ
ก่อนที่สมองของรถจะเลือก shift down
ความเร็วที่ประหยัดที่สุดก็ตามนั้นครับ

ปล.ขับ 80-100 แบบความเร็วคงที่ตลอดทางก็ประหยัดมากๆแล้วนะครับ
Eco car นี่ได้เกิน 20 km/l แน่ๆครับ
Toyota Soluna Vios MC 1.5 S '06 1NZFE
BMW 3-Series 320D LCI Sport line '16 B47D20
Nissan Navara NP300 VL 4WD '17 YD25DDTi



koko86

ยิ่งรอบต่ำสุดยิ่งประหยัดครับ เหตุผลคือ
ยิ่งรอบต่ำแรงเสียดทานจากเครื่องยนต์ ยิ่งน้อย เลยทำให้ประหยัด
แต่ในชีวิตจริงอาจจะใช้งานลำบากโดยเฉพาะ MT เพราะมันจะไม่มีtorqueสำหรับเร่งหรือแซงเลย
ผิดกับatแค่คิกดาวน์ เกียร์ก็เปลี่ยนเพิ่มรอบแล้ว
ส่วนเกียร์อื่นๆ จะมีเตือนเปลี่ยนเกียร์ที่รอบ2000++ เพื่อให้เกียร์ต่อไปยังคงมีtorqueบ้างจะได้ใช้งานง่ายขึ้นครับ
คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ

ช่วงรอบต่ำ พลังงานที่ได้จากการเผาไหม้ จะสูญเสียไปกับระบบระบายความร้อนครับ รอบที่ให้ความประหยัดสูงสุดของเครื่องยนต์ลูกสูบ 4 จังหวะส่วนใหญ่จะอยู่แถวๆ 2,200 - 2,300 รอบ/นาที ครับ

มีลิงค์ หรือ เวปอะไรที่เป็นหลักฐานอ้างอิงไหมครับ ว่าต้อง 2,200-2,300รอบ

ผมขับ mazda 3 นี่ขับ60-70 กม/ชม รถขึ้นเกียร์6 ซึ่งเป็นเกียร์สุดท้าย
รอบตกไปที่ พันห้า-พันหกร้อยรอบตลอดซึ่งนั่นก็เป็นรอบที่น่าจะต่ำที่สุดที่ผมอ้างอิงถึงแล้ว (<2,000รอบ)
รถรุ่นใหม่ๆที่มีหลายๆเกียร์ หรือ เกียร์cvt ก็เป็นแนวๆนี้เหมือนกันหมดคือ เวลาขับ60-80 บางคันขึ้นเกียร์สูงสุด และรอบต่ำกว่าสองพันรอบ นี่พูดถึงรถเบนซินนะ
ถ้าดีเซลที่ผมทำทดสอบ 520d G30 ขับ 80 แช่ๆไว้นี่รอบ แค่1,200 รอบเท่านั้นเอง ที่เกียร์สุดท้าย(เกียร์8)

 ผมเองก็ยังนึกเหตุผลอื่นที่ต้องทำให้รอบต่ำๆเข้าไว้ไม่ออก นอกจากเหตุผลเรื่องความประหยัด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 18, 2018, 16:11:58 โดย koko86 »



palma

ยิ่งรอบต่ำสุดยิ่งประหยัดครับ เหตุผลคือ
ยิ่งรอบต่ำแรงเสียดทานจากเครื่องยนต์ ยิ่งน้อย เลยทำให้ประหยัด
แต่ในชีวิตจริงอาจจะใช้งานลำบากโดยเฉพาะ MT เพราะมันจะไม่มีtorqueสำหรับเร่งหรือแซงเลย
ผิดกับatแค่คิกดาวน์ เกียร์ก็เปลี่ยนเพิ่มรอบแล้ว
ส่วนเกียร์อื่นๆ จะมีเตือนเปลี่ยนเกียร์ที่รอบ2000++ เพื่อให้เกียร์ต่อไปยังคงมีtorqueบ้างจะได้ใช้งานง่ายขึ้นครับ
คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ

ช่วงรอบต่ำ พลังงานที่ได้จากการเผาไหม้ จะสูญเสียไปกับระบบระบายความร้อนครับ รอบที่ให้ความประหยัดสูงสุดของเครื่องยนต์ลูกสูบ 4 จังหวะส่วนใหญ่จะอยู่แถวๆ 2,200 - 2,300 รอบ/นาที ครับ

ไม่ทราบว่าหมายถึงเฉพาะ MT หรือไม่

น่าจะขึ้นกับรถแต่ละคันครับ ชนิดของเกียร์ด้วย ครับ

ถ้า CVT นี่ฉลาดสุดเรื่องประหยัด

2.5 ลิตร CVT ต้องขับ 70-80 รอบเครื่อง 1250-1350 ได้ถึง 20 กม/ลิตร

1.5 ลิตร CVT ต้องวิ่ง 40-80 กม/ชม. เลี้ยงคันเร่งให้ดี 1100-1500 รอบ กินพอๆกัน 20 กม/ลิตร ขึ้นตลอด

ทั่งหมดดูจากจอแสดงการสิ้นเปลือง ไม่มีหลอกครับ ตามนั้นจริง ขับตามจอนั่นแหละครับกินน้อยสุด

รถสมัยนี้ฉลาด จ่ายน้ำมันน้อยสุดตาม load ได้ทุกรอบเครื่องครับ  ขับดีๆประหยัดเกือบทุกความเร็วที่ใช้ (ผมรู้สึกแบบนั้นนะครับ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 18, 2018, 18:38:02 โดย palma »
2023 : SK9 FB20 ES4.0 SAWD
2017 : NSP170R-2NR-FE+CVT
2015 : B17-MR16DDT+CVT-M6
2014 : L33-QR25DE+CVT-8
1995 : SXV10-3S-FE (sold)
1994 : AE101-4AFE+MT (sold)



ttcl

ลองให้คอมพิวเตอร์ของรถคำนวณให้แบบที่เพื่อนสมาชิกบอกเลยครับ
ถ้ามีทางและช่วงเวลาที่รถโล่งๆ
ตอนรอบ 2,300 ที่เกียร์ 5 พอเข้าเกียร์ 6 รอบตกลงมาเหลือเท่าไหร่
ลองขับให้นิ่งที่รอบนั้น (ถ้ามี cruise control ก็ cruise เลย)
แล้วกด reset อัตราการกินน้ำมัน ขับไปซักพัก บันทึกตัวเลขไว้

แล้วเพิ่มและลดรอบทีละ 100 , ทำหมือนเดิม พอรอบนิ่ง กด reset อัตราการกินน้ำมัน
ขับไปซักพัก บันทึกตัวเลข
(เรื่องความคลาดเคลื่อนกับน้ำมันที่เติมจริงไม่เป็นประเด็น เพราะเราวัดเชิงเปรียบเทียบ
คอมพิวเตอร์เดียวกัน รถคันเดียวกัน ใช้คอมพิวเตอร์ของรถวัดได้เลย)

รถผมคันนึงเบนซิน เกียร์ออโต้ 5 สปีด
มันจะขึ้นเกียร์สูงสุดและ lock up จับก็ที่ความเร็ว 90 กม/ชม รอบเครื่องเหลือ 1,900
ถ้าความเร็วต่ำกว่านั้น มันลงเกียร์ต่ำให้ตลอด
(รถเก่าแล้ว เกียร์ออโต้รุ่นเก่า เล่นเกียร์เองไม่ได้ ไม่รู้เกียร์จะยาวไปไหน
แค่ 5 สปีด กว่าจะขึ้นเกียร์ 5 แล้ว lock up จับ ก็ต้องความเร็ว 90 กม/ชม)
จากที่ผมสังเกตุอัตราสิ้นเปลืองที่คอมพิวเตอร์ของรถคำนวณ
ถ้าขับนิ่งๆ ก็จะประหยัดสุดที่ความเร็ว 90 กม/ชม (รอบเครื่อง 1,900 ในเกียร์สูงสุด)
ถ้าขับเกินกว่านั้น อัตราสิ้นเปลืองก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น
อันนี้คือถ้าทางโล่งๆครับ

แต่ทางปฏิบัติ ถ้าทางไม่โล่งมาก มีรถคันอื่นๆใช้ถนนอยู่ด้วย ขับ 90 อาจไม่ประหยัดสุด
เพราะพอมีเร่งมีผ่อน พอผ่อนคันเร่ง ความเร็วตกมา 89 มันก็ลงเกียร์ต่ำให้ รอบเครื่องก็ดีดขึ้นไปอีก
ถ้าเร่งๆผ่อนๆให้ความเร็วผ่านขึ้นลงจุด 90 กม/ชม ขึ้นๆลงๆเกียร์อยู่อย่างนั้น ก็อาจไม่ประหยัด

ในทางปฏิบัติ (ถ้ามีรถอื่นรอบข้างแบบ flow ไปด้วยกัน)
ถ้าจะประหยัดสุด  อาจต้องขับซัก 100 เพื่อพยายามให้เกียร์อยู่ในเกียร์สูงสุดตลอด



ภูมิใจไหม?

ขอบคุณทุกท่านครับ ที่แนะนำได้ละเอียดเป็นขั้นตอน

ผมยังต้องเรียนรู้ศึกษาดูใจรถคันใหม่ต่อไปอีก กว่าจะเข้าใจกันดีครับ