ผู้เขียน หัวข้อ: เครื่องหายใจเองแต่ cc เยอะ VS เครื่องเล็กแต่มีเทอร์โบ VS Hybrid คุณชอบแบบไหน ??  (อ่าน 15301 ครั้ง)

ออฟไลน์ mochalatte

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 357
เคยมี NA 3.2Lจากค่ายใบพัด ที่ rev ได้ 8,000 rpm ไพเราะเสนอะหู 
ลองเปลี่ยนเป็น 2.0Tจากข่าย mitsubishi ได้เสียงแตกต่าง ไม่เพราะเท่า แต่แอบแรงกว่าโดยชัดเจน
วันนึงมี challenge ว่าลองกันดูไม้? จาก NA 3.2L vs 2.0T
2.0T ทิ้งหายแบบ “ what the hell is this lancer!”
ทุกวันนี้ยังขับ 2.0T ครับ แต่มาจากค่ายใบพัด

ออฟไลน์ mochalatte

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 357
ค่ายใบพัดและอีกมากมาย ต้องมาจบที่ mitsubishi‘s turbo ในเวลาต่อมา

ออฟไลน์ vellcap

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,984
เทียบในกลุ่มเบนซินนะครับ

- เครื่องใหญ่ N/A ที่เคยสัมผัสมา 3.5 V6 , 3.0 V6 , 3.0 I6 , 4.8 V8 , 6.2 V8 , 5.3 V8

ออกตัวมีแรงดึงครับ ไม่รอรอบเลยครับ ลากรอบก็มันส์  เจอเนินรอบต่ำๆก็มีแรงขึ้น  ผมชอบมากสุดครับ 
แต่มาตายที่ การกินน้ำมันที่แหละครับ  หน้ามืดเลยครับ

- เครื่องเล็ก Turbo 

ออกตัวไม่ดึงกระชากเท่าเครื่องใหญ่ N/A  แต่พอเกิน 40 คราวนี้ก็ลากรอบไหลยาวๆได้ครับ
ความรู้สึกมันดรอปลงไปนิดหน่อย แต่พอมาเทียบกับการบริโภคน้ำมันแล้ว  รับได้(มาก)ครับ

- Hybrid

ลั๊ลลา สบายๆ ไร้อารมณ์ แต่แรงมารอที่เท้า จะไปคือพุ่งอย่างเดียว ถ้าความเร็วต่ำ ล้อพร้อมฟรีทุกเวลา


ถ้าเอาความชอบ  เครื่องใหญ่ N/A ครับ   แต่ถ้าใช้งานในชีวิตประจำวัน คงเลือก Hybrid ครับ รองลงมาก็ Turbo ครับ
 

ออฟไลน์ ToRToNGPaT

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,936
    • Wongnai : ติดตามต้อง
ยังไส่เคยขับรถ Turbo กับ Hybrid แบบจริงจัง ปัจจุบันใช้รถเครื่อง NA อยู่ และไม่ได้ใหญ่มาก

เอาจริงๆผมอยากลอง Turbo นะ เครื่องเล็กลงน่าจะประหยัดน้ำมันในเมือง พอต้องการพละกำลังก็มาแบบจัดเต็ม คันต่อไป ถ้าเลือกได้ขอเป็น Turbo Engine แน่นอน

ส่วน Hybrid ก็อยากลอง เพราะปกติเดินทางในการจราจรที่ติดหนักมาก อยากรู้ว่าจะช่วย Save Cost ได้เยอะขนาดไหน แต่คงไปไม่ถึงPHEV ครับ เพราะอยู่คอนโด ที่ชาร์จไม่อำนวยครับ
My Car = My Friend

2023 Honda HR-V 1.5 e:HEV RS E-CVT Ignite Red Metallic / Black Roof (น้องหมูแดง)
2023 Honda WR-V 1.5 RS CVT Ignite Red Metallic / Black Roof (น้องถุงแดง)


Review ของกินอร่อยๆ เรียนเชิญที่ Wongnai : ติดตามต้อง

ออฟไลน์ Bank113

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 21
เบนซินเทอร์โบ สิคับ แรงสุดแระ
จะรอบต่ำ รอบกลาง รอบสูงมันก็แรงสะใจหมดหละคับ

ออฟไลน์ luzifur

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 218
    • อีเมล์

ส่วนตัว ชอบ เครื่อง NA block ใหญ่ที่สุด การขับให้ความรู้สึกที่ liniear กดเท่าไหร่ มาเท่านั้น เติมคันเร่งในโค้งไม่ต้องกังวลมากมาย เรื่องเสียงนี้ไม่ต้องพูด รอบต่ำทุ้มๆ รอบสูงหวานๆ ยาวจนชน Redline

ต่อไป คงจะไม่มีเครื่องแบบนี้ให้ขับแล้ว คันต่อไปที่ใช้คงต้องทำใจว่าจะต้องเป็นเครื่องที่มี force induction แบบใดแบบหนึ่ง และถ้าเลือกได้ก็คงจะเป็น Supercharger มากว่า Turbo อยู๋ดี

แต่ตอนนี้ ที่ใช้อยู่ 3.5V6 ฉีดตรง 3 ร้อยกว่าม้า คงจะต้องดูแลกันจนกว่าจะตายไปข้างนึง

โชคดีมากครับที่ยังโตทันและมีโอกาสได้ขับเครื่องแบบนี้


 


ออฟไลน์ Carrera

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,340
เอาที่อยากลอง  ก็เครื่องใหญ่ + เทอรโบ รอบจัดครับ  น่าลองและน่าจะสนุกมากๆ 

McLaren Mp4-12c​ ไรพวกนี้   ที่ใช้พื้นฐานจากเครื่องนิสสันตัวแข่ง

ถ้าใช้จริงขอ
NA Hybrid ครับ แรงติดเท้า  แถมประหยัดสะใจ

  อยากลองพวก Hybrid + Turbo เหมือนกัน ว่าจะทำให้สนุกได้ขนาดไหน  แบบของ McLaren P1 น่าจะทำมาใส่รถบ้านๆบ้าง  รอบต่ำๆ ใช้มอเตอร์ชดเชยแรงบิดแก้อาการ Turbolag   ส่วนรอบสูง ก็สนุกกับบูสข​อ​งเทอรโบอย่างเมามันส์ 😁😁😁

ออฟไลน์ OXYGEN2

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,492
    • เครื่องปั่น
    • อีเมล์
ชอบเบนซินเครื่องขนาดกลางๆ แล้วมี Turbo อย่าง 2.5 Turbo ถ้าคิดไม่เรื่องการกินน้ำมัน ก็ขับสนุกมาก ยังไม่เคยลองตระกูล 43 ของ Benz ถ้าได้ลองอาจจะติดใจกว่า

แต่ถ้าใช้ในชีวิตประจำวัน 2.0 ดีเซล Turbo เพียงพอแล้วครับ

ส่วนเครื่องเบนซิน NA ไม่ไหวที่จะเคลียร์ เหยียบไม่ไปเลย
2021 - BMW 530e
2023 - Tesla Model Y Performance
2023 - Tesla Model Y RWD

My website~ :) ;) :D 8)

ออฟไลน์ ttcl

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 739
ผมเคยใช้รถเทอร์โบมาตั้งแต่สมัยก่อนนานมาแล้ว ตั้งแต่สมัยเทอร์โบเน้นเพื่อเพิ่มความแรง ไม่ได้เน้นเรื่องความประหยัดเท่าไหร่ (ยุคน้ำมันเบนซิน95 ลิตรละ 8 บาท) ยุคนั้นยังติด turbo timer คือ ลงรถ เอากุญแจออก ล็อครถ เครื่องยังไม่ดับ  รอ 1-2 นาทีตามที่ตั้งค่าไว้ เครื่องจะดับเอง

ตอนนี้ผมเหลือแต่รถ na และ hybrid ( แต่มีรถ turbo บางรุ่นที่ยังอยากได้อยู่ อาจได้ซื้อในอนาคต )

ตอบตามที่ทำจริงๆในปัจจุบัน คือแล้วแต่สถานการณ์ ขับรถติดๆทำธุระในกรุงเทพ , ไปรับหลานที่โรงเรียน ใช้ไฮบริด , ถ้าขับท่องเที่ยวสนุกๆตามทางภูเขา ชอบเอารถ na ไป

ตอบคำถามคือตามข้างบน
แต่คุยเล่นต่อตามประสาคนชอบรถ เครื่องแต่ละแบบก็มีข้อดีข้อด้อยของมัน และความชอบของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ดูจากกระทู้นี้ก็มีคนชอบเครื่องหลายๆแบบ ถึงได้มีเครื่องหลายแบบให้เราได้เลือกซื้อตามที่ชอบ

ด้วยกฎเกณฑ์ต่างๆในปัจจุบัน เครื่อง na ก็จะน้อยลงเรื่อยๆ , บริษัทรถต่างหันมาใช้เครื่องที่เล็กลง แต่เพิ่มเติมกำลังด้วยระบบ hybrid หรือ turbo

รถ eco car , c-seg , d-seg มีรุ่นที่เป็น turbo หรือ hybrid ให้เลือกหลากหลายรุ่น
เดี๋ยวนี้ s class , 7 series ไม่มีรุ่นเบนซิน na ให้เลือกแบบสมัยก่อนแล้ว
รถ sport , supercar หลายรุ่น ก็ใส่ turbo หรือ electric motor ไปเป็นที่เรียบร้อย

แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่ยังชอบฟีลของเครื่อง na , รถเครื่องวางกลางของ lamborghini  ทั้ง huracan และ aventador จึงยังใช้เครื่อง na , แต่พอเป็น suv อย่าง urus เป็น turbo

ทาง porsche ก็เช่นกัน แม้จะใส่ turbo มาให้ตั้งแต่รุ่นเล็กสุดของทั้ง boxster , cayman , 911 แต่บริษัท porsche ก็ทราบว่ามีแฟนๆที่ต้องการฟีลของเครื่อง na อยู่ ลองดูคลิปนี้ครับ หัวหน้าแผนก GT ของ porsche ยังเอ่ยถึงข้อดีของเครื่อง na ในเรื่อง linearity , aggressiveness , sound ( na บล็อคใหญ่ในรถ sport นะครับ ถ้า na บล็อคเล็กในรถปกติ ก็อาจจะไม่เห็นผลชัดเจนนัก )

นาที 18:30 เป็นต้นไป
พิธีกรถามด้วยความกังวลว่าเราจะเห็นรถ na อีกนานแค่ไหน กลัวว่าจะเปลี่ยนเป็น turbo กันหมด
Andreas Preuninger (Porsche Head of GT cars)  ตบบ่าแล้วตอบว่า
"อย่าได้กังวลไปเลย ผมว่ามันสำคัญที่จะต้องมีเครื่อง na ในรถที่มาจากแผนก GT เพราะความ linearity , aggressiveness , sound... และตราบนานเท่าที่ลูกค้ายังต้องการเครื่อง na เราจะหาทางผลิตมันให้ได้ อย่างน้อยนี่คือเป้าหมายของผม "


ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
ในเมืองชอบโบนะ จริงๆไฮบริดก็ดีแต่เบื่อตอนมันแบตน้อย
ถ้าขับ ตจว ยังไงก็ขอNAเครื่องใหญ่

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
ถ้าขับในสนาม ตอนออกโค้ง ยังไงก็ชอบNAครับ turbo ทางตรงก็ดีจริง แต่ตอนออกโค้ง ชอบทำรถเสียอาการ

แต่ถ้าใช้งานทั่วไป ชอบดีเซลเทอร์โบมากสุด ทอร์คดี เร่งทันใจ ประหยัด แต่ไม่ชอบตรงสั่น เดินไม่เรียบ
ส่วนไฮบริดก็ดึงดี แต่มันมากะCVtเลยน่าเบื่อไปหน่อยสำหรับค่ายญี่ปุ่น ส่วนค่ายยุโรป ยังมีกระตุกตอนเครื่องติดบ้างเลยรำคาญ

ออฟไลน์ GUDJA-MAN

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,649
ผมชอบหลากหลายครับ แล้วแต่สถานการณ์ ที่ชอบก็จะมี
B16A-B
B18C
KL-ZE
L15 ใน FK
SKYACTIV-D ใน CX-5
2AR-FE

ออฟไลน์ IS2000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,187
    • อีเมล์
เคยใช้มาทุกแบบเลยครับ ถ้ารถบ้านใช้ทุกวันยังไงเครื่องเล็กติดโบก็ขับสนุกกว่า na 4 สูบขนาดใหญ่
แต่ถ้าเทียบข้ามพิกัดแบบจำนวนสูบหรือ layout ของเครื่องแล้วอันนี้ผมว่า na จะเหนือกว่าเป็นส่วนมากในเรื่องคาแรคเตอร์ต่างๆ อย่างผมมี Porsche 987 ถึงไม่แรงแบบพวก 718 แต่ผมว่ารวมๆมันขับสนุกกว่าเพราะเสียงและการตอบสนองต่อคันเร่งที่คมกว่าครับ ซึ่งเหมาะกับรถประเภทนี้
ส่วนรถ hybrid นี่ผมว่ามันเหมาะกับการขับแบบต่างประเทศที่รถไม่ได้ถึงกับติดหนักแบบในกรุงเทพ เคยใช้ใน กทม แล้วเครื่องดับๆติดๆผมว่าน่ารำคาญครับ แต่รถ hybrid ผมชอบตรงที่ตอบสนองไวโดยเฉพาะกับเครื่อง turbo ที่ส่วนมากจะมีอาการ lag ในรอบต่ำมากๆ
1 3 5
├┼┼╕
2 4 6 R

ออฟไลน์ the kit

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,314
เคยขับมาทุกประเภท
แต่ที่ "ถูกจริต" มากที่สุด คือ ดีเซลเทอร์โบ
เพราะ เป็นคน "ไม่เน้น" ความเร็วสูงสุด วิ่งแค่ 120-140-160 ก็เพียงพอ แรงบิดมาตั้งแต่รอบต่ำ ขับง่าย ดึงสนุก 
"Only live once, but if you do it right, Once is enough"

ออฟไลน์ Sympho

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 996
ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องน้ำมัน

เอา NA หรือไม่ก็ Turbo ครับ

ใช้ประจำวัน 1.5-2.0 N/A พอแล้ว

Hybrid ก็อยากลอง แต่ต้องมั่นใจจริงๆว่ามีเงินจ่ายค่าอะไหล่ตอนมันเก่า

ออฟไลน์ chaithawat

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,538
ชอบเครื่องธรรมาดาแต่ซีซีสูงครับ วีหกสูบหรือแปดก็ได้มันนิ่งเนี่ยนกว่าสี่สูบผูกโบเยอะครับ ขับขึ้นเขานี่สบายมากๆไม่ต้องกดคันเร่งลึกๆเหมือนเครื่องโบต้องติดบูสให้กระชากถึงจะได้เรี่ยวแรงมา กับกดเติมไปนิดหน่อยขึ้นได้แบบเนียนๆ ไม่มีกระชากและรอบความเร็วไม่ได้หดไวหน้าทิ่มเหมือนโบหลังติดบูส
ทุกวันนี้ขับเครื่องผูกโบของบีเอ็มยังกลับชอบรุ่นก่อนหน้านี้ที่ไม่ผูกโบสูบเยอะๆมากกว่า เสียงก็หวานวิ่งได้เนียนนิ่งกว่า

ออฟไลน์ deertesla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,245
Hybrid ครับ

Mild Hybrid ที่มีมอเตอร์เล็กๆ ผสมกับเครื่อง 1.2 Eco car เพื่อให้ได้ภาษีถูกๆ วิ่งพอไหว และประหยัดน้ำมัน

รองลงมาผมชอบเครื่อง NA 1.2-1.3 ฉีดคู่หรือ Dual VVT

ที่ไม่อยากได้เลย คือ Turbo ครับ ดูจุกจิกดูแลยาก
เทอร์โบจากโรงงานทนทานไม่จุกจิกนะครับ ดูได้จากกระบะรุ่นใหม่ๆที่ใช้งานกันได้อย่างทรหดสุดๆอย่างพวกรถขนผักทั้งหลาย แต่ไอ้ที่จุกจิกน่ากลัวซ่อมยากและค่าซ่อมแพงทั้งหลายคือไฮบริดครับ  แค่คอมเพรสเซอร์แอร์ไฟฟ้านี้ราคาถูกจนขนทั้งตัวร่วงหมดครับ

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,423
    • อีเมล์
เคยขับมาทุกประเภท
แต่ที่ "ถูกจริต" มากที่สุด คือ ดีเซลเทอร์โบ
เพราะ เป็นคน "ไม่เน้น" ความเร็วสูงสุด วิ่งแค่ 120-140-160 ก็เพียงพอ แรงบิดมาตั้งแต่รอบต่ำ ขับง่าย ดึงสนุก

เหมือนกันครับ ออกตัวล้อฟรีทิ้งได้ตลอด 5555 มันสดี ไม่ต้องขับเร็วเลย

ออฟไลน์ ภูมิใจไหม?

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,144
  • SNK vs Playmore
ผมชอบหมด

NA เครื่องใหญ่ ลากรอบได้มาก ๆ และมาคู่กับเกียร์ธรรมดา

Turbo ที่มาพร้อมกับเกียร์ออโต้ฉลาด ๆ

Hybrid ถ้าอยู่ใน Panamera นี่คงไม่ต้องบรรยายอะไรแล้ว


ออฟไลน์ Turin

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,050

ส่วนตัว ชอบ เครื่อง NA block ใหญ่ที่สุด การขับให้ความรู้สึกที่ liniear กดเท่าไหร่ มาเท่านั้น เติมคันเร่งในโค้งไม่ต้องกังวลมากมาย เรื่องเสียงนี้ไม่ต้องพูด รอบต่ำทุ้มๆ รอบสูงหวานๆ ยาวจนชน Redline

ต่อไป คงจะไม่มีเครื่องแบบนี้ให้ขับแล้ว คันต่อไปที่ใช้คงต้องทำใจว่าจะต้องเป็นเครื่องที่มี force induction แบบใดแบบหนึ่ง และถ้าเลือกได้ก็คงจะเป็น Supercharger มากว่า Turbo อยู๋ดี

แต่ตอนนี้ ที่ใช้อยู่ 3.5V6 ฉีดตรง 3 ร้อยกว่าม้า คงจะต้องดูแลกันจนกว่าจะตายไปข้างนึง

โชคดีมากครับที่ยังโตทันและมีโอกาสได้ขับเครื่องแบบนี้
แม้ว่า supercharger จะให้ฟีลคล้ายรถ na ที่มีความจุเยอะ มากกว่ารถเทอร์โบ .. แต่จากที่เคยใช้ อาการมันจะคล้ายเครื่อง na จริงๆ คือมีความ linear ในการตอบสนองคันเร่ง แต่ที่ผมไม่ค่อยชอบ คือในรอบต่ำจะมีอาการอมๆ คล้ายรถที่ใช้ flywheel หนักไป ... แต่ในรอบสูงๆจะไม่ลื่น อาการเหใือนรถมันไม่อยากวิ่งด้วยรอบสูงๆ พอผ่อนนิดนึงอัตราเร่งก็จะลดลงทันทีคล้ายๆรถที่ใส่ flywheel เบาเกินไป

คาดว่าจะเกิดจาก drag ของตัว supercharger ที่ฉุดกำลังเครื่องครับ

ปล. รถแต่งใส่ supercharger เอง ไม่ใช่มาจากโรงงาน และเป็น supercharger แบบ positive displacement ถ้าเป็นพวกที่มาจากโรงงานและเป็นแบบ centrifugal อาจดีกว่านี้ก็ได้

ออฟไลน์ jeafish

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 64
เคยไปลองขับ CX-5 เบนซินตัวปัจจุบันนี่แหละครับ
ลากรอบไปเกือบ 6 พันรอบตอนจังหวะจะแซง ดูความเร็วยังไม่ถึง 120 เลยอะครับ เสียงเครื่องดังมาก แต่ไม่พุ่งซะที 555

พอไปลองขับรถยุโรป ดีเซลเทอร์โบ SUV ไซส์เดียวกัน กดนิดเดียว รอบยังไม่ถึง 2000 พุ่งปู๊ดดดดด ความเร็วเกือบถึง 140 เร็วมากๆ ตอบสนองทันใจ
ต่างกันชัดเจนครับ

ออฟไลน์ luzifur

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 218
    • อีเมล์

ส่วนตัว ชอบ เครื่อง NA block ใหญ่ที่สุด การขับให้ความรู้สึกที่ liniear กดเท่าไหร่ มาเท่านั้น เติมคันเร่งในโค้งไม่ต้องกังวลมากมาย เรื่องเสียงนี้ไม่ต้องพูด รอบต่ำทุ้มๆ รอบสูงหวานๆ ยาวจนชน Redline

ต่อไป คงจะไม่มีเครื่องแบบนี้ให้ขับแล้ว คันต่อไปที่ใช้คงต้องทำใจว่าจะต้องเป็นเครื่องที่มี force induction แบบใดแบบหนึ่ง และถ้าเลือกได้ก็คงจะเป็น Supercharger มากว่า Turbo อยู๋ดี

แต่ตอนนี้ ที่ใช้อยู่ 3.5V6 ฉีดตรง 3 ร้อยกว่าม้า คงจะต้องดูแลกันจนกว่าจะตายไปข้างนึง

โชคดีมากครับที่ยังโตทันและมีโอกาสได้ขับเครื่องแบบนี้
แม้ว่า supercharger จะให้ฟีลคล้ายรถ na ที่มีความจุเยอะ มากกว่ารถเทอร์โบ .. แต่จากที่เคยใช้ อาการมันจะคล้ายเครื่อง na จริงๆ คือมีความ linear ในการตอบสนองคันเร่ง แต่ที่ผมไม่ค่อยชอบ คือในรอบต่ำจะมีอาการอมๆ คล้ายรถที่ใช้ flywheel หนักไป ... แต่ในรอบสูงๆจะไม่ลื่น อาการเหใือนรถมันไม่อยากวิ่งด้วยรอบสูงๆ พอผ่อนนิดนึงอัตราเร่งก็จะลดลงทันทีคล้ายๆรถที่ใส่ flywheel เบาเกินไป

คาดว่าจะเกิดจาก drag ของตัว supercharger ที่ฉุดกำลังเครื่องครับ

ปล. รถแต่งใส่ supercharger เอง ไม่ใช่มาจากโรงงาน และเป็น supercharger แบบ positive displacement ถ้าเป็นพวกที่มาจากโรงงานและเป็นแบบ centrifugal อาจดีกว่านี้ก็ได้

ผมมีประสบการ์ณ กับเครื่อง supercharger ไม่มาก เมื่อสมัยสิบปีก่อน ผมไปเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา มีโอกาสได้ใช้ Pontiac grandprix GTP ปี2004 เครื่อง 3.8 V6 supercharge ขับหน้า 4speed at จำได้ว่าดึงหนักๆ ดึงยาวๆ เพราะเกียร ทดยาวมาก เกียร์ 1 ล้อฟรีกระจาย ไม่มีอาการ อมในรอบต่ำนะครับ แต่พอมาเป็นอีกคัน E200 kom W211 อาการเป็นแบบที่พี่ว่า เด๊ะเละ รอบต่ำอม รอบสูงไม่ค่อยอยากขึ้นไปหน่วงๆ กำลังดีเฉพาะช่วงกลางๆ อาจจะเป็นที่พื้นฐานของเครื่อง ปริมาตรน้อย เลยต้องแบ่งแรงไปปั่น supercharge ตอนรอบต่ำจนเรารู้สึกหรือเปล่า

ออฟไลน์ bravo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,469
    • อีเมล์
ถ้าเป็นรถในระดับ ไม่เกิน แอคคอร์ด

ไม่ว่าจะเป็นเบนซินหรือดีเซล ผมเลือกเทอร์โบแน่นอนครับ ไม่ใช่แค่ชอบ แต่รักเทอร์โบเลยล่ะ :-* :-* :-*

ผมใช้รถเทอร์โบมาสิบกว่าปี ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรจุกจิกหรือซ่อมแพงนะครับ

ออฟไลน์ deertesla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,245
ถ้าเป็นรถในระดับ ไม่เกิน แอคคอร์ด

ไม่ว่าจะเป็นเบนซินหรือดีเซล ผมเลือกเทอร์โบแน่นอนครับ ไม่ใช่แค่ชอบ แต่รักเทอร์โบเลยล่ะ :-* :-* :-*

ผมใช้รถเทอร์โบมาสิบกว่าปี ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรจุกจิกหรือซ่อมแพงนะครับ
ผมก็ว่าไม่จุกจิกเลยนะครับ  ที่จุกจิกของจริงคือรถเสียบปลั๊ก

ออฟไลน์ Turin

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,050

ส่วนตัว ชอบ เครื่อง NA block ใหญ่ที่สุด การขับให้ความรู้สึกที่ liniear กดเท่าไหร่ มาเท่านั้น เติมคันเร่งในโค้งไม่ต้องกังวลมากมาย เรื่องเสียงนี้ไม่ต้องพูด รอบต่ำทุ้มๆ รอบสูงหวานๆ ยาวจนชน Redline

ต่อไป คงจะไม่มีเครื่องแบบนี้ให้ขับแล้ว คันต่อไปที่ใช้คงต้องทำใจว่าจะต้องเป็นเครื่องที่มี force induction แบบใดแบบหนึ่ง และถ้าเลือกได้ก็คงจะเป็น Supercharger มากว่า Turbo อยู๋ดี

แต่ตอนนี้ ที่ใช้อยู่ 3.5V6 ฉีดตรง 3 ร้อยกว่าม้า คงจะต้องดูแลกันจนกว่าจะตายไปข้างนึง

โชคดีมากครับที่ยังโตทันและมีโอกาสได้ขับเครื่องแบบนี้
แม้ว่า supercharger จะให้ฟีลคล้ายรถ na ที่มีความจุเยอะ มากกว่ารถเทอร์โบ .. แต่จากที่เคยใช้ อาการมันจะคล้ายเครื่อง na จริงๆ คือมีความ linear ในการตอบสนองคันเร่ง แต่ที่ผมไม่ค่อยชอบ คือในรอบต่ำจะมีอาการอมๆ คล้ายรถที่ใช้ flywheel หนักไป ... แต่ในรอบสูงๆจะไม่ลื่น อาการเหใือนรถมันไม่อยากวิ่งด้วยรอบสูงๆ พอผ่อนนิดนึงอัตราเร่งก็จะลดลงทันทีคล้ายๆรถที่ใส่ flywheel เบาเกินไป

คาดว่าจะเกิดจาก drag ของตัว supercharger ที่ฉุดกำลังเครื่องครับ

ปล. รถแต่งใส่ supercharger เอง ไม่ใช่มาจากโรงงาน และเป็น supercharger แบบ positive displacement ถ้าเป็นพวกที่มาจากโรงงานและเป็นแบบ centrifugal อาจดีกว่านี้ก็ได้

ผมมีประสบการ์ณ กับเครื่อง supercharger ไม่มาก เมื่อสมัยสิบปีก่อน ผมไปเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา มีโอกาสได้ใช้ Pontiac grandprix GTP ปี2004 เครื่อง 3.8 V6 supercharge ขับหน้า 4speed at จำได้ว่าดึงหนักๆ ดึงยาวๆ เพราะเกียร ทดยาวมาก เกียร์ 1 ล้อฟรีกระจาย ไม่มีอาการ อมในรอบต่ำนะครับ แต่พอมาเป็นอีกคัน E200 kom W211 อาการเป็นแบบที่พี่ว่า เด๊ะเละ รอบต่ำอม รอบสูงไม่ค่อยอยากขึ้นไปหน่วงๆ กำลังดีเฉพาะช่วงกลางๆ อาจจะเป็นที่พื้นฐานของเครื่อง ปริมาตรน้อย เลยต้องแบ่งแรงไปปั่น supercharge ตอนรอบต่ำจนเรารู้สึกหรือเปล่า
น่าจะเป็นแบบนั้นครับ รถผม MX5 NB เครื่อง 1.8 ตัวซุปคงฉุดกำลังเครื่องแหละครับ ยิ่งในกรณีผมซุปทำลมได้น้อยด้วย