รบกวนรีวิวเรื่อง โช็คอัพช่วงล่าง ของรุ่นนี้หน่อยครับ
พอดีกำลังสนใจอยู่เหมือนกัน ครับ
การขับขี่และช่วงล่าง ยาง เบรก
จุดเด่นที่สำคัญของรถคันนี้คือเรื่องนี้แหละครับ เมื่อขับทั่วไปในเมือง ผ่านรอยต่อต่างๆ มีความนุ่มนวลอยู่พอสมควร แต่เมื่อเทียบกับ BMW e39 ที่เคยใช้มาก่อน รู้สึกว่า การเก็บรายละเอียด ยังสู้ไม่ได้ ทั้งนี้อาจเกิดจาก ยางrun flat ที่แก้มแข็งขึ้น และ ล้อขอบ18 ที่ใหญ่ขึ้น ตามยุค ตามสมัย ถ้าพูดถึงเรื่องความนิ่มนวลอาจไม่ได้นิ่มนวลสุดๆ เมื่อเทียบกับ S500e แต่มีความเป็นธรรมชาติมากกว่า คือ ผ่านอะไรก็รู้สึกอย่างงั้น ไม่หลอกๆเหมือนรถที่ใช้ช่วงล่างถุงลม
ล้อ18 ที่ติดรถมาอาจดูไม่ได้สวยเต็มเท่าไหร่ แต่เหมาะอย่างยิ่งกับถนนเมืองไทย จากการใช้งานจริงเคยตกหลุมที่มองไม่เห็นตอนกลางคืนครั้งนึง คิดในใจว่าถ้าเป็น w222 ล้อ20 นิ้วคงคดไปแล้วแน่ๆ แต่ล้อขนาดนี้มียางที่หนาจึงไม่มีอาการคดใดๆให้เห็น และยังนิ่มนวลพอสมควรด้วย
การเกาะถนน การขับขี่ทั่วๆไป เช่น โค้ง ทางด่วนที่ขึ้นจากพระโขนงมุ่งหน้าไปรามอินทรา Toyota 86 ขับได้ประมาณ 80 ส่วนคันนี้ ขับเข้าไปได้ 70 กม./ชม กว่าโดยไม่ออกอาการอะไรเลย
บ่อยครั้งเช่น โค้งลงทางด่วน พระรามหก จากทางที่มุ่งหน้าแจ้งวัฒนะขับลงไปได้ถึง 70 กม./ชม หรือโค้งขึ้นทางด่วนจากพระรามหกข้ามคลองประปาขึ้นเพื่อไปดาวคะนอง ก็สามารถแซงคันอื่นๆในโค้งได้อย่างมั่นใจ จุดที่ประทับใจอีกเรื่องคือ ความรู้สึกเวลาเข้าโค้ง แทบไม่มีอาการโคลงจากการถ่ายน้ำหนักเลยและในขณะเดียวกันช่วงล่างก็ไม่ได้แข็งจนเกินไป
ช่วงความเร็วสูง มากกว่า 160 กม./ชม ที่เป็นจุดที่วัดความมั่นใจของช่วงล่างได้เป็นอย่างดี ยังให้ความมั่นใจได้อยู่ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักพวงมาลัยที่ตึงมือพอดีๆ และช่วงล่างที่ยังเอาอยู่ กับสถานการณ์แบบนี้ไม่มีอาการเซส่ายไปตามแรงลม หรือความรู้สึกลอยๆ หวิวๆ
แม้กระทั่งการทดสอบหาความเร็วสูงสุด ช่วงทางด่วนอุดรรัถยา เนื่องจากลักษณะทางด่วน เป็นทางราบยาวๆที่ขั้นไว้ด้วยสะพาน ดังนั้นจึงต้องลงสะพานมาด้วยความเร็ว และเมื่อถึงความเร็วสูงสุดแล้วก็ต้องรีบเบรกเพื่อไม่ให้รถลอยระหว่างขึ้นไปอีกสะพาน ตรงจุดนี้จากความเร็วสูงสุดที่ทำได้คือ 231 กม./ชม ก็ยังสามารถจับพวงมาลัยมือเดียวสักพักแล้วถ่ายรูปเก็บไว้ หลังจากนั้นกดเบรกเต็มที่ เพื่อขึ้นอีกสะพานช่วงล่างก็สามารถรับมือกับรอยต่อสะพานที่ความเร็วสูงได้อย่างมั่นใจ
โดยสรุป ผมประทับใจกับช่วงล่างรถคันนี้มาก คือ มันสามารถส่งผ่าน DNA ของ BMW จากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างน่าประทับใจ มีทั้งความนิ่มนวลและเกาะถนนแบบเป็นธรรมชาติ ทั้งๆที่สองอย่างนี้ไม่น่าจะไปด้วยกันได้ นี่น่าจะเป็นมาตรฐานที่ดีของ รถในsegment sport luxury car ถ้าคุณชอบเล่นโค้ง หรือ ชอบการทรงตัวที่ดีใจช่วงความเร็วสูง การเซ็ทช่วงล่างแบบนี้คือคำตอบ หากเทียบกับบรรดารถที่เคยขับมาฟิลลิ่งของรถคันนี้จะใกล้เคียงกับ BMW e39 มากที่สุดครับ ความรู้สึกจะคล้ายๆกับเจอแฟนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน แต่ g30 จะแข็งกว่าหน่อยน่าจะเป็นพราะใช้ยางrun flat
เบรก ถึงแม้จะให้เบรกหน้ามาแค่สองพอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำหนัก การหน่วงตามแรงกด หรือแม้กระทั่งช่วงลดความเร็วจากความเร็ว230 จนมาถึง 120กม./ชม ก็ยังให้ความมั่นใจได้ดี ไม่มีอาการเฟด หรือ เอาไม่อยู่ให้เห็น เทียบความรู้สึกกับตัว S500e พูดตรงๆว่าที่ความเร็วสูง G30 กับให้ความมั่นใจเรื่องเบรกได้มากกว่า
ยาง ยางที่ใช้ เป็น piralli centurino ให้ความไว้ใจได้เรื่องการเข้าโค้ง และการเบรก ตั้งแต่ขับมาบนถนนยังไม่เคยทำมันร้องเลยสักครั้ง เกาะถนนดีจริงๆ เมื่อขับกลางฝน ต้องรีดเจอแอ่งน้ำที่ความเร็ว 110 กม/ชม ก็ไม่มีอาการเหินใดๆ ให้เห็น
พวงมาลัย ให้การสื่อสารที่ดี คือ เวลาขับจน understeer(รายละเอียดในpart driving on limit) น้ำหนักก็จะเบาลงเล็กน้อย เมื่อผ่านรอยต่อ หลุมบ่อบนถนนต่างๆ ก็รายงานรายละเอียดต่างๆให้พอเป็นพิธี ไม่เก็บทุกเม็ดเหมือน 86 ซึ่งก็ถือเป็น ครรลอง ตามรถsport luxury
หากจะมีข้อติ ก็คือ พวงมาลัยในโหมด มาตรฐาน อาจจะมีน้ำหนักเบาไปหน่อยไม่ว่าเป็นตอนขับในเมืองหรือเดินทางไกล ซึ่งในโหมดมาตรฐานนั้น ไม่สามารถปรับน้ำหนักพวงมาลัยได้ แต่ในโหมดอื่น เช่น โหมด สปอร์ตหรือ eco pro สามารถปรับน้ำหนักพวงมาลัยได้ แต่ก็มีปัญหาคือ ต้องกดเปลี่ยนโหมดทุกครั้งหลังจากที่สตาร์ทเครื่องและ หน้าจอแสดงผลของโหมดสปอร์ตก็ดูยากไม่เหมือนโหมดมาตรฐาน ดังนั้นหากแก้ไขให้โหมดมาตรฐานสามารถปรับน้ำหนักพวงมาลัยได้จะดีมากๆ
ผมทำรีวิวไว้ รายละเอียดทั้งหมดเข้าไปดูตามลายเเซ็นผมด้านล่างได้เลยครับ