« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 16, 2010, 14:01:03 »
เราจะเริ่มจาก....
"ข้อแนะนำเบื้องต้น ในกรณีที่พบว่า รถยนต์ ที่คุณซื้อมาขับ มีอาการผิดปกติ ในระยะ ไม่เกิน 10,000 กิโลเมตรแรก"
1. นำรถเข้าศูนย์บริการ จะเป็นโชว์รูมที่คุณซื้อรถมา หรือว่า โชว์รูมแห่งอื่นที่คุณคิดว่า ไว้ใจได้ ก็ได้ทั้งสิ้น
ให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาการ ควรให้ทางศูน์บริการ เปิด job ออกเอกสารรับรถ โดยปกติแล้ว ถ้าเป็น
เพียงแค่ "การตรวจสอบวินิจฉัยอาการ" ลูกค้าไม่ควรจะเสียค่าใช้จ่ายอะไร มากเกินไปกว่าค่าแรง และยิ่งถ้า
ค้นพบปัญหา ก็ต้องมีการเคลมชิ้นส่วนอะไหล่ ในกรณีนี้ ให้เป็นไปตาม ข้อกำหนดการรับประกันของรถยนต์
ในแต่ละบริษัท ยี่ห้อผู้ผลิต ซึ่งจะแตกต่างกันไป กรุณา เปิดอ่านศึกษาในคู่มือผู้ใช้รถ และสมุดรับประกันรถ
ที่ติดมาด้วย เพราะในนั้น จะบอกรายละเอียดเอาไว้หมดแล้ว ว่าการรับประกันจะครอบคลุมถึง และไม่รวมถึง
ชิ้นส่วนใด การขับขี่รถแบบใดบ้าง ฯลฯ
2. ถ้าในกรณีที่ แก้ปัญหาแล้วไม่เรียบร้อย หรือว่า แก้ไขเรียบร้อยดีตอนรับรถ แต่ยังเกิดอาการอีก ให้นำรถกลับไป
ให้ช่าง รายเดิม ที่คุณดูแล เขาดูอาการกันอีกรอบ แก้จนกว่าจะเรียบร้อย
3. ถ้าเริ่มแก้ไขไม่ได้จริง หนักข้อจริงๆ และ/หรือ เจอช่างปากหมา พูดจากวนส้นตีน กรุณา อย่าถอดรองเท้า
ไปตบหน้าช่าง แต่ควร ร้องเรียนกับผู้จัการศูนย์บริการ และถ้ายังไม่ได้เรื่องกันอีก คราวนี้ ขับรถออกจากศูนย์บริการ
โทรไป ร้องเรียน "โดยตรง" ที่ศูนย์ Call Center ของแต่ละค่าย ซึ่งตั้งชื่อกันสนุกสนานมากมาย
การโทรหาศูนย์ Call Center นั้น ข้อพึงปฏิบัติ ก็คือ "คุณควรจะจดจำชื่อ หรือถามชื่อ พนักงานที่คุณคุยด้วย
และจดเวลาที่โทรไป อ้อ! กรณา แจ้งชื่อ แซ่ นามสกุล และข้อมูลรถคันที่เกิดปัญหา ทั้งชื่อ รุ่นรถ สีตัวถัง
เลขทะเบียนรถ ไปจนถึง เลขตัวถัง ให้ครบถ้วน
ที่ต้องทำแบบนี้ ก็เพื่อการอ้างอิงสอบเช็คข้อมูลกันในภายหลัง หากมีเหตุให้ต้องตรวจสอบกันตามมาจริงๆ
ข้อมูลที่คุณจดบันทึกไว้ จะช่วยเป็นประโยชน์กับคุณได้ ในกรณีที่ พนักงาน ไม่เดินเรื่อง หรือบริษัทรถ
แจ้งคุณว่า ไม่เคยทราบเรื่อง
จากนั้น ตามหลักการแล้ว บริษัทรถยนต์ จะต้องมีเจ้าหน้าที่ ติดต่อประสานงาน เพื่อแก้ปัญหากับคุณ ตามลำดับ
และขนาดของเหตุการณ์ ต่อไป
โดยปกติแล้ว เพียงแค่ 3 ข้อนี้ ทุกอย่าง ก็จะต้องจบลงได้แล้ว โดยที่คุณไม่ต้องติดต่อหาผม ให้ช่วยเหลืออะไรเลยครับ
แต่...ถ้าในกรณีที่มันไม่จบละ?.....อ่านต่อ ข้างล่าง