กรณีของผมเป็นรถมือสองทีแรกหมายมั่นปั้นมือว่า70%ซื้อรถยุโรปแต่พอค้นคว้าและศึกษาจากหลายๆทางและจากคนใช้ในต่างประเทศด้วยพบว่ารถยุโรปไม่เหมาะที่จะซื้อมาใช้มือสองเลยถ้าไม่รวยเงินเหลือมากๆ ยกตัวอย่างเบนซ์ก็จะมีกรณีเฟืองแคมชาร์ฟที่เสียแน่ๆเสียทุกคันแม้จะไปอู่นอกก็เสียแน่ๆ20000บาท
ยังไม่รวมถึงระบบไฟฟ้าอื่นๆและปัญหาประจำรุ่นอีกมากมายที่มันพร้อมจะทำให้ไฟเตือนเครื่องยนต์สว่างและใช้งานไม่ได้
ใน BMW ก็มีกรณีที่โซ่สายพานไทมมิ่งขาดตอนระยะแสนกิโลหน่อยๆ โซ่สายพานไทมมิ่งนี่คนส่วนใหญ่ก็เข้าใจกันว่ามันตลอดอายุการใช้งานแต่ของซีรี่5ดีเซลต้องเปลี่ยนที่แสนกิโลแต่ศูนย์ไม่บอกว่ามันต้องเปลี่ยนที่แสนกิโล เจ้าของรถขาดไปแล้วระหว่างใช้งานแล้วมาเพิ่งรู้จากคนในกลุ่มว่าต้องเปลี่ยน
บ้างก็รถอายุ7ปีเจอน้ำขังกระเด็นทำให้ ECU เกียร์พังขับไม่ได้
ในทางกลับกันผมสังเกตุคู่แข่งตัวแสบของรถยุโรปอย่างเล็กซัสจะมีอาการเสียน้อยกว่ามาก ในประเทศที่ภาษีรถราคาไม่แพงหลายคนยืนยันว่ารถยุโรปมือ1ซื้อมาใช้5ปีก็ต้องขายทิ้งแล้วเพราะว่าหลังจากนั้นมันจะทยอยเสียเรื่อยๆและการเสียแต่ละครั้งนั้นแพง หลายคนขายรถยุโรปมือ1ไปซื้อเล็กซัสมือ2ที่อายุเก่ากว่ามาใช้เพื่อว่าไม่ต้องจ่ายค่าซ่อมแพงแล้วก็ตายรังที่เล็กซัสไม่ไปไหนเพราะมันไม่พังหนักๆจนอยากขายทิ้งสักที