ผู้เขียน หัวข้อ: สนใจอยากทราบข้อมูลเรื่องรถไฟฟ้าแบบเสียบปลั๊กแบบละเอียดครับ  (อ่าน 4094 ครั้ง)

PKS8

  • บุคคลทั่วไป
ปฎิเสธไม่ได้จริงๆครับว่าช่วงนี้รถใหม่ออกมารัวๆน่าสนใจมากๆ ผมพยายามหาข้อมูลแต่ยิ่งหายิ่งงงครับ แล้วไม่กล้าตัดสินใจ สมาชิกท่านไหนพอจะช่วยให้เข้าใจเพื่อประกอบการตัดสินใจได้บ้างครับ

1. หัวชาร์จ มีกี่แบบครับ แต่ล่ะยี่ห้อใช้แบบไหน แบบไหนคือมาตราฐานหรือจริงๆไม่มีมาตราฐานแต่ล่ะยี่ห้อไม่เหมือนกัน แล้วแบบไหนน่าใช้ที่สุดครับ และแบบไหนควรหลีกเลี่ยง

2. อัตราค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตร เมื่อเทียบกับรถน้ำมัน และค่าไฟฟ้าบ้าน ไฟฟ้าประหยัดกว่าจริงมั้ยครับ แล้วประหยัดกว่าคร่าวๆประมาณกี่ % คุ้มค่าในการเปลี่ยนรถมั้ยครับ

3. ต่อจากข้อ 2 ถ้าจะให้คืนทุนไว ต้องวิ่งอย่างน้อยเดือนล่ะกี่กิโลเมตร ครับ

4. ณ ปัจจุบัน ซื้อรถแล้วมียี่ห้อไหนบ้างที่แถมตัวชาร์จบ้านให้บ้างครับ มีเจ้าไหนติดตั้งฟรี แล้วเจ้าอื่นๆถ้าไม่ฟรีคิดราคาเท่าไหร่ครับ

สมาชิกท่านใดมีทำข้อมูลไว้ รบกวนช่วยแชร์นิดนึงครับ

ออฟไลน์ Winmax

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 229
ลงทุนอีกหน่อย แต่มากอยู่ วางระบบโซล่าเซล์ เพื่อชาร์จแบตให้กับรถพวกนี้
ตอนนี้ที่ผมเจอ ช่องจอดรถที่สามารถชาร์จแบตได้ในห้าง ไม่เคยว่างเลย

ออฟไลน์ TCP

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 703
ไม่ขอยืนยันว่า เข้าใจถูกต้องหรือเปล่านะครับ แต่น่าจะ

1. หัวชาร์จไม่น่าจะมีมาตรฐาน เพราะมันต้องมีระบบแปลงไฟจากกระแสสลับ 220V (หรือจะ 110V ในต่างประเทศ) มาเป็นไฟตรง
    อีกทั้ง ขนาดแบตเตอรี่รถแบบนี้แต่ละคัน ก็ไม่ได้เท่ากัน จะใหญ่ จะเล็ก ก็แล้วแต่ขนาดรถและต้องรองรับ 3 ลักษณะการชาร์จ คือ
       Normal Charge = กระแสด่ำ ใช้ไฟบ้านได้ แต่ต้องนาน 6-8 ชั่วโมง กว่าจะเต็ม ,
       Quick Charge   = กระแสสูง ต้องมีระบบการชาร์จไฟแรงรองรับด้วย ชาร์จแค่ไม่ถึงชั่วโมง ก็ไฟเต็มแล้ว ,
       Emergency Charge = กระแส..(ไม่รู้ครับ) แต่รู้แค่ว่า มีติดรถไว้ เอาไว้ปั่นไฟกรณีฉุกเฉินป้อนรถ ให้รถวิ่งต่อได้อีกซักไม่กี่ กม.
    จากทั้งหมด ผมเลยรู้มาว่า เครื่องที่แปลงไฟบ้านมา Normal Charge มันจะมากับรถเลยครับ แต่ต้องติดตั้งที่บ้าน ไม่ใช่ชุดเคลื่อนย้ายได้สะดวกๆ
2. จากที่ผมประมาณการมา ... น่าจะถูกกว่า ค่าน้ำมันราวๆ 3-5 เท่าครับ  สมมติ รถ ECOCAR เติม E20 กินโลละ 1 บาท
    รถเก๋งไฟฟ้า จะจ่ายเหลือแค่โลละ 0.2-0.3 บาท  ประหยัดกว่าโลละ 0.7-0.8 บาท
3. สมมติ เปรียบเทียบระหว่าง  MG ZS 1.5 ราคาเกือบ 8 แสน vs MG ZS EV ราคาเกือบ 1.12 ล้าน  เท่ากับว่า แพงกว่ากัน 330,000 บาท
    ถ้าใช้ไฟฟ้า แล้วจ่ายแพงกว่าตอนซื้อ 330,000 แต่มาประหยัดได้ 0.75 บาท/โล ...
    กว่าจะคุ้มค่าเงินที่จ่ายเพิ่ม .. ก็ต้องวิ่งใช้งานไป  330,000 / 0.75 = 440,000 โล ล่ะครับ
4. เอ .. ปกติ รถเก๋งไฟฟ้าแบบเสียบชาร์จได้ มันน่าจะรวมชุดชาร์จแบบติดตั้งที่บ้าน มาให้ในราคารถแล้วนะครับ ไม่น่าจะขายแยกกันอ่ะ
    แต่อันนี้ ไม่แน่ใจ 100% เพราะไม่เคยถามใครเรื่องนี้เลย เพราะผมคิดมาว่า .. ถ้าซื้อรถแบบนี้ ราคาแพงกว่ารถเก๋งปกติหลายแสนแล้ว .. แล้วยังต้อง
    มาเสียค่าแท่นชาร์จติดบ้านอีกชุดนึงอีก .. ผมว่า มันแทบจะตัดโอกาสขายรถแนวนี้ ไปเกือบหมดเลยครับ

ประมาณนี้ ครับ  ข้อมูล และความเห็นของผม

ออฟไลน์ Oatsenal1

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 226
ไม่ขอยืนยันว่า เข้าใจถูกต้องหรือเปล่านะครับ แต่น่าจะ

1. หัวชาร์จไม่น่าจะมีมาตรฐาน เพราะมันต้องมีระบบแปลงไฟจากกระแสสลับ 220V (หรือจะ 110V ในต่างประเทศ) มาเป็นไฟตรง
    อีกทั้ง ขนาดแบตเตอรี่รถแบบนี้แต่ละคัน ก็ไม่ได้เท่ากัน จะใหญ่ จะเล็ก ก็แล้วแต่ขนาดรถและต้องรองรับ 3 ลักษณะการชาร์จ คือ
       Normal Charge = กระแสด่ำ ใช้ไฟบ้านได้ แต่ต้องนาน 6-8 ชั่วโมง กว่าจะเต็ม ,
       Quick Charge   = กระแสสูง ต้องมีระบบการชาร์จไฟแรงรองรับด้วย ชาร์จแค่ไม่ถึงชั่วโมง ก็ไฟเต็มแล้ว ,
       Emergency Charge = กระแส..(ไม่รู้ครับ) แต่รู้แค่ว่า มีติดรถไว้ เอาไว้ปั่นไฟกรณีฉุกเฉินป้อนรถ ให้รถวิ่งต่อได้อีกซักไม่กี่ กม.
    จากทั้งหมด ผมเลยรู้มาว่า เครื่องที่แปลงไฟบ้านมา Normal Charge มันจะมากับรถเลยครับ แต่ต้องติดตั้งที่บ้าน ไม่ใช่ชุดเคลื่อนย้ายได้สะดวกๆ
2. จากที่ผมประมาณการมา ... น่าจะถูกกว่า ค่าน้ำมันราวๆ 3-5 เท่าครับ  สมมติ รถ ECOCAR เติม E20 กินโลละ 1 บาท
    รถเก๋งไฟฟ้า จะจ่ายเหลือแค่โลละ 0.2-0.3 บาท  ประหยัดกว่าโลละ 0.7-0.8 บาท
3. สมมติ เปรียบเทียบระหว่าง  MG ZS 1.5 ราคาเกือบ 8 แสน vs MG ZS EV ราคาเกือบ 1.12 ล้าน  เท่ากับว่า แพงกว่ากัน 330,000 บาท
    ถ้าใช้ไฟฟ้า แล้วจ่ายแพงกว่าตอนซื้อ 330,000 แต่มาประหยัดได้ 0.75 บาท/โล ...
    กว่าจะคุ้มค่าเงินที่จ่ายเพิ่ม .. ก็ต้องวิ่งใช้งานไป  330,000 / 0.75 = 440,000 โล ล่ะครับ
4. เอ .. ปกติ รถเก๋งไฟฟ้าแบบเสียบชาร์จได้ มันน่าจะรวมชุดชาร์จแบบติดตั้งที่บ้าน มาให้ในราคารถแล้วนะครับ ไม่น่าจะขายแยกกันอ่ะ
    แต่อันนี้ ไม่แน่ใจ 100% เพราะไม่เคยถามใครเรื่องนี้เลย เพราะผมคิดมาว่า .. ถ้าซื้อรถแบบนี้ ราคาแพงกว่ารถเก๋งปกติหลายแสนแล้ว .. แล้วยังต้อง
    มาเสียค่าแท่นชาร์จติดบ้านอีกชุดนึงอีก .. ผมว่า มันแทบจะตัดโอกาสขายรถแนวนี้ ไปเกือบหมดเลยครับ

ประมาณนี้ ครับ  ข้อมูล และความเห็นของผม

หัวชารจ์จมีมาตรฐานสิ มีหลายแบบ ต้องดูว่า AC หรือ DC ถ้าไม่มีมาตรฐานเวลาไปตามสถานี หรือตามห้าง ก็ลำบาก

ออฟไลน์ PREM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,190
ตอบเรื่องหัวชาร์จให้ครับ
ปกติรถไฟฟ้าจะมีหัวชาร์จแบบ AC (ชาร์จปกติ) กับ DC (quick charge)

ซึ่งหัวชาร์จ AC มี 2 แบบคือ type 1 (ใช้ในอเมริกากับญี่ปุ่นเป็นหลัก) กับ type 2 (ใช้ในยุโรป)
ซึ่งเมื่อก่อนเมืองไทย ไม่มีมาตรฐานกำหนด แต่ตอนนี้มีมาตรฐานแล้วว่าจะใช้ type 2
แต่ก็ยังมีรถญี่ปุ่นดื้อด้านใช้ type 1 อยู่ เช่น Nissan Leaf และล่าสุดคือ Mitsubishi Outlander

ส่วนหัวชาร์จ DC ส่วนมากมีเฉพาะ EV ล้วน กำลังชาร์จสูงสุดแล้วแต่รุ่น ส่วนมากจะ 50-150 kW
มีทั้งแบบ CCS (ใช้คู่กับหัว type 1 หรือ type 2) และ Chademo (เป็นหัวแยกอีกหัว ใช้เฉพาะญี่ปุ่น)
ซึ่งเมืองไทยก็ตกลงกันว่าจะเป็น CCS แต่แล้วญี่ปุ่นก็ยังเอา Chademo มาตามเดิม ทั้ง Leaf, Outlander และ Lexus UX

ปัญหาถ้าหัวชาร์จไม่เหมือนชาวบ้าน จะหาที่ชาร์จสาธารณะยาก ยิ่ง full EV ที่มีโอกาสจะต้องพึ่งเครื่องชาร์จสาธารณะบ่อยกว่า PHEV ต้องคำนึงถึงจุดนี้
2014 Mazda CX-5 2.5 S
2016 Volvo XC60 D4 
2019 Honda Jazz RS+
2020 Volvo V60 T8 Inscription
2022 Mazda CX-30 SP

ออฟไลน์ jinkatana

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 45
ขอตอบเฉพาะข้อแรกนะครับ

หัวชาร์จจริงๆแบ่งออกเป็น 2 ประเภทครับคือ Normal Charge กับ Quick Charge

ฝั่ง Normal Charge มีใช้หลักๆในบ้านเรา 2 แบบครับคือ
1. Type 1 เช่น Nissan Leaf, BMW PHEV ล็อตแรกๆ
2. Type 2 เช่น MG ZS EV, Benz PHEV, BMW PHEV ล็อตหลังๆ

ในส่วนของ Quick Charge มี 3 แบบหลักๆครับ
1. Chademo เช่น Nissan Leaf
2. CCS เช่น MG ZS EV
3. GB/T อันนี้มาตราฐานของจีนครับ ค่ายรถในบ้านเราไม่มีใครนำเข้ามาขาย

จะสังเกตุได้ว่ารถ EV เพียวๆบางคันจะมี 2 หัวชาร์จแยกกันครับเช่น
Nissan Leaf จะแยกหัว Type 1 กับ Chademo ไว้จากกัน จะชาร์จแบบไหนใช้หัวแบบนั้น

แต่บางคันเช่น MG ZS EV ก็จะใช้หัวเดียวคือ CCS Combo ครับเพราะหัว CCS Combo จะมีหัว Type 2 กับช่องที่เอาไว้ใช้รับไฟ DC สำหรับ Quick Charge ในเต้ารับเดียวกันครับใช้แบบไหนก็เสียบหัวแบบนั้นเข้าไปที่เต้ารับเดียวกันได้เลย

ตัว CCS Combo เองก็ยังมีแบ่ง CCS Type 1 กับ CCS Type 2 อีกด้วยครับต่างกันแค่ หัวของ Nornal Charge เป็นแบบไหน แต่บ้านเราเท่าที่เห็นมีแต่ CCS Type 2 เข้ามาขายกันนะครับ

ส่วนพวกรถ PHEV ส่วนใหญ่จะรับแค่หัว Type 1 กับ Type 2 ครับ ซึ่งตอนนี้ค่ายยุโรปเปลี่ยนไปใช้ Type 2 กันหมดแล้วครับ

ถ้าซื้อพวก EV เพียวหาพวกรถ ที่ใช้ CCS Combo ดีกว่าครับในระยะยาว

PKS8

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณทุกท่านมากๆครับ อ่านแล้วเสียวๆ เทคโนโลยีไปเร็วมาก เหมือนหัวชาร์จ USB-A ไป USB-C เลยครับ

ออฟไลน์ tyo00

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 303
แล้วไม่มีหัวชาร์จแบบที่เสียบกับเต้าไฟบ้านธรรมดาๆบ้างหรอครับ ้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้ผื่อไปสถานที่ที่ไม่มีสถานีชาร์จ

แล้วมันน่าจะมี adapter แปลงหัวให้ใช้ได้กับอีกแบบขายไหมครับ

ออฟไลน์ sapol

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 151
แล้วไม่มีหัวชาร์จแบบที่เสียบกับเต้าไฟบ้านธรรมดาๆบ้างหรอครับ ้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้ผื่อไปสถานที่ที่ไม่มีสถานีชาร์จ

แล้วมันน่าจะมี adapter แปลงหัวให้ใช้ได้กับอีกแบบขายไหมครับ

ให้มองที่ชาร์จเหมือน adapter คอมก็ได้ครับ ฝั่งนึงเสียบไฟบ้านได้ อีกฝั่งก็เป็น port เสียบเข้าเครื่อง ซึ่งมีหลายแบบ ทั้งแบบกลมๆ แบบ usb-c

สำหรับรถไฟฟ้า ถ้าเสียบไฟบ้าน ก็มี type-1 type-2 เข้ากับตัวรถ

ออฟไลน์ basterias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,793
ถ้าจะเปลี่ยนรถให้คุ้มกับค่าประหยัดน้ำมันน่าจะนานหน่อยครับ

อยากให้คิดค่าเสื่อมของอะไหล่รถสันดาบไปด้วยเพราะรถไฟฟ้าแทบไม่มีอะไรให้เสียจริงๆ สมมติว่าเกียร์พังในรถสันดาปเมื่อใช้ไปสัก 7 ปี แบบนี้อาจทำให้รถไฟฟ้าดูคุ้มค่าขึ้นมาบ้าง หรืออาจมองเรื่องความเงียบของเครื่องยนต์ ฯลฯ จะช่วยให้ตัดสินใจซื้อง่ายขึ้นครับ
Current cars:
2018 - Volvo XC60 T8 R-design (Stock)
2020 - Mercedes C43 Sedan FL (tuned)
(Review https://community.headlightmag.com/index.php?topic=79186.0)
2021 - BMW 530e M sport LCI (Stock)
(Review https://community.headlightmag.com/index.php?topic=79736.0)

ออฟไลน์ Level Zero

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 752
ญี่ปุ่นนี่ดื้อเรื่อง Chademo จริงๆเลยครับ