ผู้เขียน หัวข้อ: ออฟชั่น ที่มาพร้อมกับยุค BEV จะมีอะไรที่แปลกใหม่บ้าง  (อ่าน 2027 ครั้ง)

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,228
    • อีเมล์
ออฟชั่น ที่มาพร้อมกับยุค BEV จะมีอะไรที่แปลกใหม่บ้าง

ปัจจุบันที่น่าตื่นตาตื่นใจ ก็มี autopilot หรือ anonymous self driving อะไรพวกนี้ ที่ดูจะว๊าววววว ที่สุดแล้ว

เพราะพวก Adaptive, Radar , Blind Spot , ไฟหน้า LED และอะไรพวกนี้ ถือว่าธรรมดา เป็นออฟชั่นดาดๆ ไปแล้ว

แล้วยุคการมาของ BEV ประจวบกับเทคโนโลยีตามสมัยปัจจุบัน หรือ + 10 ปี ข้างหน้า

คิดว่า ออฟชั่น อะไรจะมาเป็นสิ่งที่เป็นจุดขาย จุดเปลี่ยน หรือ ดึงดูดความน่าสนใจ ในอุตสาหกรรมรถยนต์ บ้างครับ

PKS8

  • บุคคลทั่วไป
แค่ Super Fast Charge 0-80% ไม่เกิน 10 นาที Range ไม่ต้องเพิ่มแค่นี้ก็ขายผลิตไม่ทันแล้วครับ

ออฟไลน์ REX

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,015
รถจะพูดคุยกันได้  มีการสื่อสารกันระหว่างรถ
เช่น ทางข้างหน้ามีแอ่งน้ำสูง ให้ชลอความเร็วลง  รถจะรู้กันเอง

จะ scan ใบหน้า ทุกครั้งที่ออกรถ ส่งข้อมูลมายังศูนย์ เพื่อป้องกันการโจรกรรม
และ เอารถ autonomous drive ไปทำเป็น smartcar bomb

ออฟไลน์ Underseven

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 231
ตัวรถที่เป็น IoT ได้ และ Firmware OTA ที่สามารถ update เข้าถึงทุกชิ้นส่วนที่เป็น electronic ในรถได้ครบทุกส่วน

ออฟไลน์ boogie2020

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,041
    • อีเมล์
สุดท้าย คนส่วนมากจะไม่ซื้อรถกันคับ  แต่จะเป็นจ่าย Package รายเดือนหรือเติมเงิน  แล้วกดแอพในมือถือเรียกรถมารับแบบไม่มีคนขับแทนคับ


สมมติว่าจ่ายรายเดือน เดือนละ 5000 บาทใช้รถได้ 20000 km  จะไปทำงานก็กดเรียก  ขึ้นรถ ไปถึงออฟฟิศก็ลง  แล้วไปรับคนอื่นต่อหรือไม่ก็วนกลับอู่ไปชาร์จไฟถ้าไฟน้อย  จะไปซื้อของก็กดเรียก   ถ้าแบบนี้ ผมมองว่าแทบไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่ต้องซื้อรถยนต์เพื่อใช้งาน

-----------------------------------------------------------
There is no spoon
-----------------------------------------------------------

ออฟไลน์ deertesla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,245
สุดท้าย คนส่วนมากจะไม่ซื้อรถกันคับ  แต่จะเป็นจ่าย Package รายเดือนหรือเติมเงิน  แล้วกดแอพในมือถือเรียกรถมารับแบบไม่มีคนขับแทนคับ


สมมติว่าจ่ายรายเดือน เดือนละ 5000 บาทใช้รถได้ 20000 km  จะไปทำงานก็กดเรียก  ขึ้นรถ ไปถึงออฟฟิศก็ลง  แล้วไปรับคนอื่นต่อหรือไม่ก็วนกลับอู่ไปชาร์จไฟถ้าไฟน้อย  จะไปซื้อของก็กดเรียก   ถ้าแบบนี้ ผมมองว่าแทบไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่ต้องซื้อรถยนต์เพื่อใช้งาน
ถ้าเปนแบบนั้นมันไม่ตาจากแท็กซีหรืออูเบอร์ครับ คนไทยส่วนใหญ่รถคือหน้าตาและทรัพย์สิน  ถ้าใช้ยามฉุกเฉินมันไม่สะดวกหรอกครับจะมามัวรอโทรรถมารับแบบนี้

ออฟไลน์ mongolias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,369
all around visual display

ออฟไลน์ MyName

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 8,145
  • I'm............................
สำหรับผม ออพชั่นที่ว้าวสุดในยุครถถ่าน

One Pedal เลยครับ

ตอนลอง Kicks กลัวจะไม่ชิน กลายเป็นใช้ระยะไม่ถึง 2 km ก็ปรับตัวได้
มันสะดวกจริงนะครับ เหยียบก็เร่ง ถอนเบาๆ ก็ชะลอ ถอนหมดก็หยุด
ไม่ต้องใช้เบรกได้จริง
Cars
2022 - Nissan Almera 1.0 Turbo VL
2016 - Mazda 2 1.5XD High Plus L
2008 - Mitsubishi Space Wagon 2.4 GLS Ltd. !User'Review Click here!
1997 - Daihatsu Mira

Motorcycles
2023 - Vespa Sprint S 150 i
2012 - Yamaha Mio 125 GTX

ออฟไลน์ Symphonic

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,705
สุดท้าย คนส่วนมากจะไม่ซื้อรถกันคับ  แต่จะเป็นจ่าย Package รายเดือนหรือเติมเงิน  แล้วกดแอพในมือถือเรียกรถมารับแบบไม่มีคนขับแทนคับ


สมมติว่าจ่ายรายเดือน เดือนละ 5000 บาทใช้รถได้ 20000 km  จะไปทำงานก็กดเรียก  ขึ้นรถ ไปถึงออฟฟิศก็ลง  แล้วไปรับคนอื่นต่อหรือไม่ก็วนกลับอู่ไปชาร์จไฟถ้าไฟน้อย  จะไปซื้อของก็กดเรียก   ถ้าแบบนี้ ผมมองว่าแทบไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่ต้องซื้อรถยนต์เพื่อใช้งาน
ถ้าเปนแบบนั้นมันไม่ตาจากแท็กซีหรืออูเบอร์ครับ คนไทยส่วนใหญ่รถคือหน้าตาและทรัพย์สิน  ถ้าใช้ยามฉุกเฉินมันไม่สะดวกหรอกครับจะมามัวรอโทรรถมารับแบบนี้

มันคือ MaaS ไงล่ะครับ  แนวทางที่คนในโลกนี้กำลังจะเปลี่ยนไป อาจจะค่อยๆ เปลี่ยน
จนเราไม่รู้ตัวก็ได้นะครับ แบบแนววิถีการดำเนินชีวิตน่ะครับ

อย่างเช่นคนปัจจุบันที่ยอมรับการซื้อคอนโดมากขึ้นเรื่อยๆ มากกว่าเมื่อก่อนที่มองว่าไม่มีที่ดิน
คนเริ่มฟังเพลงออนไลน์มากขึ้น จากเดิมที่ต้องเป็นเจ้าของแผ่นหรืออะไรสักอย่าง
คนที่ใช้โทรศัพท์แทนนาฬิกาปลุก 
คนดู content บนมือถือ บน Tablet มากขึ้นจากเดิมที่ดูแต่รายการออนแอร์บน TV 
คนยอมรับการซื้อของออนไลน์มากขึ้นจากเดิมที่ต้องเห็นของจากหน้าร้านเท่านั้น

Lifestyle มันค่อยๆ เปลี่ยนน่ะครับ คน Gen นี้อาจไม่ทัน แต่ Gen ต่อๆไป มันมาแน่ล่ะครับ

Gunther

  • บุคคลทั่วไป
Tesla รุ่นที่เล็กกว่า Model 3 (Model 2) ที่จะเตรียมเปิดตัวเร็วๆนี้

จะไม่มีพวงมาลัยและคันเร่ง เพื่อรองรับ Autonomous Driving Level 5


ออฟไลน์ Sazabi

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 330
Tesla รุ่นที่เล็กกว่า Model 3 (Model 2) ที่จะเตรียมเปิดตัวเร็วๆนี้

จะไม่มีพวงมาลัยและคันเร่ง เพื่อรองรับ Autonomous Driving Level 5


ทำแบบนั้นก็เท่ากับฆ่าตัวตายล่ะครับ ทุกวันนี้มีประเทศไหนที่มีกฎหมายรับรองรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติแบบไร้คนขับโดยสมบูรณ์บนถนนร่วมกับรถยนต์ทั่วไปแล้วบ้าง บริษัทรถชั้นนำจะไม่ผลิตรถที่ผิดกฎหมายของตลาดที่จะวางจำหน่ายนะครับ ใช่ว่านึกอยากจะใส่อะไรก็ใส่ลงไป

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,594
    • อีเมล์
มุมมองผม มันมีสาม อย่างทีคิดว่ามันจะเป็น game changer เลยทีเดียว ถ้าถึง autonomous level 4 อันนี้อ้างอิงจากคลิปที่เกี่ยวกับการลงทุนครับ
1. จะกลายเป็นเหมือนเลขาส่วนตัว คือ ใช้ส่งของ ใช้รับของเช่นรับอาหารที่สั่งไว้แล้วมาส่งให้เรา รับส่งลูก รับส่งแฟน สั่งให้รถไปรับเพื่อนที่สนามบิน เป็นต้น
2. concept เหมือน third space คือ ใช้เป็นห้องดูหนัง ห้องทำงานส่วนตัว หรือ ให้รถมันขับไปแล้วเราคิดอะไรเพลินๆหรือ จิบไวน์กับแฟน แบบนี้เป็นต้น xpeng p5 ราคาล้านต้นๆ ที่จีนนี่มี thearter mode เปลี่ยนรถเป็นโรงหนังได้ ส่วนconcept third space นีก็เหมือน starbuck ที่ใช้จนแพร่หลาย
3. อันนี้เป็นconcept จากทางtesla คือ ให้รถมาส่งเราที่ที่ทำงาน ส่งเสร็จก็ให้รถเป็น taxi หาเงินให้เรา ตอนเย็นก็ให้มารับเรากลับบ้าน

ทั้งสามอย่าง อาจจะต้องรอระบบ autonomous driving level 4-5 แต่ปัจุบัน xpeng, nio ก็ผลิตรถที่เกือบ level 4 แล้ว คือ ขับเองได้เกือบทุกสถานการณ์ ทั้งในเมือง นอกเมือง ด้วยsensor+กล้องทั้งคันเกือบ 20 ตัว คาดว่า 1-2 ปี คงได้เห็น level 4

ส่วนบางเมือง เช่น ที่ปักกิ่ง มีtaxiไร้คนขับ ของBaiduให้บริการแล้ว แต่ยังจำกัดบริเวณเฉพาะบางพื้นที่


ออฟไลน์ deertesla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,245
สุดท้าย คนส่วนมากจะไม่ซื้อรถกันคับ  แต่จะเป็นจ่าย Package รายเดือนหรือเติมเงิน  แล้วกดแอพในมือถือเรียกรถมารับแบบไม่มีคนขับแทนคับ


สมมติว่าจ่ายรายเดือน เดือนละ 5000 บาทใช้รถได้ 20000 km  จะไปทำงานก็กดเรียก  ขึ้นรถ ไปถึงออฟฟิศก็ลง  แล้วไปรับคนอื่นต่อหรือไม่ก็วนกลับอู่ไปชาร์จไฟถ้าไฟน้อย  จะไปซื้อของก็กดเรียก   ถ้าแบบนี้ ผมมองว่าแทบไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่ต้องซื้อรถยนต์เพื่อใช้งาน
ถ้าเปนแบบนั้นมันไม่ตาจากแท็กซีหรืออูเบอร์ครับ คนไทยส่วนใหญ่รถคือหน้าตาและทรัพย์สิน  ถ้าใช้ยามฉุกเฉินมันไม่สะดวกหรอกครับจะมามัวรอโทรรถมารับแบบนี้

มันคือ MaaS ไงล่ะครับ  แนวทางที่คนในโลกนี้กำลังจะเปลี่ยนไป อาจจะค่อยๆ เปลี่ยน
จนเราไม่รู้ตัวก็ได้นะครับ แบบแนววิถีการดำเนินชีวิตน่ะครับ

อย่างเช่นคนปัจจุบันที่ยอมรับการซื้อคอนโดมากขึ้นเรื่อยๆ มากกว่าเมื่อก่อนที่มองว่าไม่มีที่ดิน
คนเริ่มฟังเพลงออนไลน์มากขึ้น จากเดิมที่ต้องเป็นเจ้าของแผ่นหรืออะไรสักอย่าง
คนที่ใช้โทรศัพท์แทนนาฬิกาปลุก 
คนดู content บนมือถือ บน Tablet มากขึ้นจากเดิมที่ดูแต่รายการออนแอร์บน TV 
คนยอมรับการซื้อของออนไลน์มากขึ้นจากเดิมที่ต้องเห็นของจากหน้าร้านเท่านั้น

Lifestyle มันค่อยๆ เปลี่ยนน่ะครับ คน Gen นี้อาจไม่ทัน แต่ Gen ต่อๆไป มันมาแน่ล่ะครับ
นั่นแหละครับ มันทำให้ทุกอย่างไม่มีค่า. อย่างวงการเพลงนี้ก่อนหน้านี้ค่ายเพลงเลิกทำเทปcd dvd แผ่นเสียง แต่ปัจจุบันคนยุคใหม่เค้าสะสมกัน หลายศิลปิน ออกอัลบั้มหรือซิงเกิลเป็นแผ่นเสียง เทป  cd. DVD ออกแบบปกหน้าคอลเลคชั่นสวยงามแถมราคาแพงขึ้นกว่าแต่ก่อนด้วย แถมขายหมดด้วยนะครับ ส่วนคอนโดผมมองว่าถ้าในเมืองใหญ่ผมมองว่ามันถูกบังคับด้วยใกล้ที่ทำงานเดินทางสะดวก ในราคาที่ผ่อนจ่ายได้ครับ เอาจริงๆคนทั่งหลายก็ยังอยากมีที่ดินไว้เป็นสินทรัพย์  มีพื้นที่ใช้สอยกันนะครับ ส่วนรับบแนวคิดเช่ารถ ผมมองว่าใช้ได้แต่ในเมืองครับ. นอกเขตเมือง เขตชุมชนยังไงก็ต้องซื้อขาดเป็นเจ้าของเองเพราะมันไม่สะดวกในการใช้งานครับ

Forty Five

  • บุคคลทั่วไป
Tesla รุ่นที่เล็กกว่า Model 3 (Model 2) ที่จะเตรียมเปิดตัวเร็วๆนี้

จะไม่มีพวงมาลัยและคันเร่ง เพื่อรองรับ Autonomous Driving Level 5



เดี่ยวๆๆๆๆๆๆๆๆ จริงหรือครับพี่……..

ภายในไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า เราจะได้เห็นรถยนต์ไร้คนขับมากขึ้น 25% จากเดิม

ออฟไลน์ flybigbear

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,564
ชุปเปอร์ชาร์จเจอร์ 30%-100% ด้วยเวลา 30 นาที
ขับได้ระยะทาง 800km ที่ความเร็ว 120km/h