honda ประเทศไทยได้ช่วยให้คนในประเทศไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น ?

Akrachai

อันนี้ขำๆนะครับ ฮ่าๆ

เจ้าแบรนด์ honda นี้ส่วนใหญ่ประเทศไทยจะได้ออปชั่นน้อยกว่าญี่ปุ่นอยู่พอสมควร มันเลยมีช่องว่างให้คนไทยนำสินค้าของตกแต่ง + ระบบต่างๆ ที่รถยนต์ honda ญี่ปุ่นมี เข้ามาขายได้และกำไรสูง เนื่องจากคุณไม่ยอมให้จากโรงงานมาเลยเป็นมาตรฐานนั้นเอง (ผมไม่แน่ใจว่ามันจะเพิ่มต้นทุนขนาดไหนเชียว มันคือรถตลาดเลยนะ)

เช่นพวกตระกูล jazz GD GE GK , city GM5 GM6 , civic FC FK FB FD , HRV
ผมเห็นร้านในโลกออนไลน์เต็มไปหมดที่นำของเดิมจากรถญี่ปุ่นที่ได้มาจากโรงงาน (OEM) มาขายในบ้านเราแล้วราคาสูงพอตัว ทั้งๆที่ญี่ปุ่นคือเดิมโรงงาน 555555

** แต่งแถบตายสุดท้ายได้เดิมญี่ปุ่น ** 

ที่ตั้งกระทู้แค่อยากจะบ่นฮอนด้าไทยแลนด์เฉยๆ ว่าจกงกอะไรหนักหนา



mongolias

cost reduction ครับ ตัดได้บาทนึงก็เอา
ดังนั้นอะไรที่ดูแล้วตัดได้ ค่ายรถส่วนมากมักจะตัดครับ ซึ่งง่ายสุดก็คือออปชั่นที่หายไปนั่นแหละครับ
ตอนนี้ออปชั่นหลายอย่างที่ตกทะเลไปก็งมเจอแล้ว ตั้งแต่พี่จีนเริ่มตีตลาดเมืองไทย



sudlor_gang

เจ้าตลาดก็งี้อ่ะเน๊อะ กฎหมายกลวงๆ รถสนิมยังไงใครก็ซื้อ เกียร์พังยังไงก็ซื้ออ่ะ ฟ้องๆๆ แล้วก็เงียบ
คนจะแข่งต้องตั้งโรงงานที่ไทย ลงทุนเยอะคงยากแหล่ะ
CRV สเปคกากมาก ราคาโคตรแพงก็ขายได้

ได้แต่มองตาปริบๆ ทำไรไม่ได้
มีเงิน 1.6m อยากได้ SUV ในตลาดมีแค่ CR-V แพงสเปคกาก H6 ยังใหม่ยังไม่กล้าซื้อ HS เวลาพิสูจน์ละว่า defect มีเยอะ
สรุปซื้อ SUV ไม่ได้
ต้องไปออก accrod , camry
อนาถตัวเองมาก

พี่โตเอา rav4 มาแข่งไม่ได้หรอ คนอยากได้ SUV ไม่ได้อยากได้ PPV



Symphonic

พี่รู้มั้ย ว่าส่วนใหญ่รถบนโชว์รูมญี่ปุ่น (ทุดยี่ห้อ) เป็นรุ่นเบาะผ้า
ล้อกระทะ ฝาครอบป้าดติก

ส่วนรุ่นท็อปออปชั่นเต็ม มักอยู่บนแค็ตตาล็อก มีให้เลือก
แต่ลูกค้ามักไม่เลือก

ไม่ใช่อะไรหรอกฮะ รุ่นย่อยรถที่ขายในญี่ปุ่น มันมีตั้งแต่
ออปชั่นโล้นกว่าเรา ไปจนรุ่นท็อปที่ออกชั่นแน่นกว่าเรา

เรียกว่าเร้นจ์มันกว้างกว่า รถเขาจึงไม่ได้ดีกว่าเราไปทั้งหมด
ขึ้นอยู่กับลูกค้าว่ายินดีจ่ายแค่ไหน
ของบ้านเราก็เช่นกันฮะ ถ้าพี่ยินดีจ่าย เดี๋ยวรุ่นออปชั่นเพิ่มก็ค่อยๆ ตามมาครับ




Tien.W

รถที่ผลิตไทย ส่งไปขายออสเตเลีย เมื่อหลายปีก่อน

รถเก๋ง .. ไฟหน้า Halogen ทุกคัน ไม่ได้ xenon
รถเก๋ง .. กระจกมือหมุน 4 บาน
รถเก๋ง .. มือเปิดสีดำ ล้อกระทะ เบาะผ้า เกรดเดียวกับ ที่เราเอามาขายทำ taxi

แต่ที่ดีกว่าก็มีนะ เช่น เกียร์ M/T 6 สปีดในรถเก๋ง / ถุงลม 6 ใบ ตั้งแต่รุ่นถูกสุด (เมื่อ 10 กว่าปีก่อนนะ บ้านเรายังแทบไม่รู้จักถุงลม 6 ใบเลย) / กระบะมีเข็มขัดนิรภัย 3 จุด ที่เบาะ cab



Newhang

civic นี่คนลาวเข้ามาขำ หัวเราะดังๆ อ๊อปชั่นไทยกันเลยทีเดียว

อันนี้พูดเรื่องจริงตามข้อมูล
แค่บอกว่าเราแพงกว่าเค้าและโล้นกว่าเค้าจริง



Sleepy Boy

เท่าที่เห็นในเมืองนอกเขาขายกัน มักเริ่มต้นด้วยรุ่นสแตนดาร์ดโล้นๆเอาแค่พอใช้ได้ มีอุปกรณ์ตามกฎหมายกำหนด แล้วเลือกออปชั่นกันไป จนถึงตัวท็อปจัดเต็ม เอาใจลูกค้าครบทุกความต้องการ
แต่บ้านเราลูกค้าไม่สามารถเพิ่มออปชั่นโน่นนี่เองได้ โดนล็อกสเปคขาย เหมือนโรงงานขี้เกียจปรับสเปคแต่ละคันให้มันวุ่นวาย
เรื่องต้นทุนก็มีส่วน เพราะถ้าโรงงานประหยัดไปได้คันละ 10,000 บาท ขายได้ 10,000 คัน ก็ประหยัดเงินได้ 100 ล้านบาท เอามาเป็นโบนัสให้พนักงานได้ตั้งเยอะ  ;D



Sazabi

คิดว่าถ้าติดตั้งมาากโรงงานแล้วราคาจะเท่าเดิมเหรอครับ ผู้บริโภคก็ต้องรับภาระไปอยู่แล้ว บริษัทรถที่เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดไม่มีทางเฉือนกำไรของตัวเองหรอก

ถ้าอยากได้อ็อปชั่นเยอะๆมี 2 ทางครับ

1.หนีไปซื้อยี่ห้อที่ไม่ใช่เจ้าตลาดหรือผู้นำตลาดที่ต้องอัดอ็อปชั่นมาเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน
2.คนไทยต้องสร้างแบรนด์รถยนต์ของตัวเองขึ้นมาแล้วตั้งราคาขายถูกๆ ใส่อ็อปชั่นมาเยอะๆ แล้วคนไทยก็ต้องช่วยกันอุดหนุนกันจนมันเป็นผู้นำตลาดเพื่อกระตุ้นให้รถญี่ปุ่นอัดอ็อปชั่นมาแข่ง



เต๋า AV

เพราะความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน



Akrachai

พี่รู้มั้ย ว่าส่วนใหญ่รถบนโชว์รูมญี่ปุ่น (ทุดยี่ห้อ) เป็นรุ่นเบาะผ้า
ล้อกระทะ ฝาครอบป้าดติก

ส่วนรุ่นท็อปออปชั่นเต็ม มักอยู่บนแค็ตตาล็อก มีให้เลือก
แต่ลูกค้ามักไม่เลือก

ไม่ใช่อะไรหรอกฮะ รุ่นย่อยรถที่ขายในญี่ปุ่น มันมีตั้งแต่
ออปชั่นโล้นกว่าเรา ไปจนรุ่นท็อปที่ออกชั่นแน่นกว่าเรา

เรียกว่าเร้นจ์มันกว้างกว่า รถเขาจึงไม่ได้ดีกว่าเราไปทั้งหมด
ขึ้นอยู่กับลูกค้าว่ายินดีจ่ายแค่ไหน
ของบ้านเราก็เช่นกันฮะ ถ้าพี่ยินดีจ่าย เดี๋ยวรุ่นออปชั่นเพิ่มก็ค่อยๆ ตามมาครับ

ใช่ครับอันนี้ผมเห็นด้วยครับ แต่....ถ้าวัดรุ่นท็อปจริงๆเพราะเมือก่อนผมติดตาม website honda japan มาตลอดและลองเทียบกันกับรถรุ่นที่มีขายในไทยและญี่ปุ่น ซึ่งตัวท็อป เมื่อเทียบกับของไทยออฟชั่นหายไปเยอะแบบชัดเจนเลยครับ (อันนี้คือจุดหลักที่ผมจะบอกแหละ)



U9WS

การแข่งขันทำให้ผู้ซื้อมีตัวเลือกครับ

เว้นแต่คนซื้อไปแล้วกะใช้ยาวๆๆๆๆ ก็จะกลัวการแข่งขัน กลัวที่เลือกไปแล้วราคาจะตกหรือเปลี่ยนยุคพลังงาน



Jakkrapong

ลดออฟชั่นไม่เท่าไหร่ แต่ผมไม่อยากให้ลดคุณภาพวัสดุและงานประกอบเลยครับ

ล่าสุดผมไปดู HRV มา ไปสังเกตเห็นตรงขาเบาะหน้า ตัวที่ขายในไทยก็ตัดเอาพลาสติกครอบขาเบาะออก เห็นขาเหล็กและหัวน็อต ทั้งๆที่ตัวที่ขายในญี่ปุ่นก็ใส่มาให้ และตัวเก่าก็มี

แผ่นปิดหลุมใส่ของด้านท้ายรถ เคยดูรีวิวตัวที่ขายต่างประเทศ เค้าก็หุ้มสักหลาดมาให้ทั้งด้านบนและด้านใต้ของแผ่น แต่ของไทยด้านล่างของแผ่นปิดโชว์ผิวไม้อัดซะงั้น :(

จริงๆก็พอจะเข้าใจแหละครับว่า ต้นทุนส่วนใหญ่คงจะหมดไปกับระบบความปลอดภัย Honda Sensing จึงไปลดต้นทุนกับการเก็บงานจุดเล็กๆน้อยๆที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ไปสนใจ

แต่ผมว่าคุณภาพที่เราประเมินด้วยสายตามันก็สำคัญไม่แพ้กันนะ ยิ่งถ้าเป็นอะไรที่ตัวเก่าของรถรุ่นนั้นเคให้มาแล้วมาตัดออกในรุ่นใหม่ มันกลายเป็นจุดพิจารณาของคนที่จะซื้อ (คนที่สังเกตอะไรแบบผม) ได้เหมือนกัน

ผมอาจจะพูดไม่ค่อยตรงประเด็นกับกระทู้เท่าไหร่นะครับ แค่เห็นว่าเรื่องมันเกี่ยวเนื่องกันอยู่หน่อยๆ เลยอยากเข้ามาบ่นจากคนที่ก็ขับฮอนด้าอยู่  :(
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 23, 2021, 16:38:41 โดย Jakkrapong »



SM.

แต่ละตลาด เงื่อนไขไม่เหมือนกัน บริษัทรถก็ทำออกมาไม่เหมือนกันนะครับ

แต่ถ้าจะบ่นจริงๆ ขอสักเรื่อง ผมไม่ชอบที่เท้าแขนหลังแบบไม่มีกระดูกเลย  >:( >:( >:( >:( >:( >:(



Symphonic

พี่รู้มั้ย ว่าส่วนใหญ่รถบนโชว์รูมญี่ปุ่น (ทุดยี่ห้อ) เป็นรุ่นเบาะผ้า
ล้อกระทะ ฝาครอบป้าดติก

ส่วนรุ่นท็อปออปชั่นเต็ม มักอยู่บนแค็ตตาล็อก มีให้เลือก
แต่ลูกค้ามักไม่เลือก

ไม่ใช่อะไรหรอกฮะ รุ่นย่อยรถที่ขายในญี่ปุ่น มันมีตั้งแต่
ออปชั่นโล้นกว่าเรา ไปจนรุ่นท็อปที่ออกชั่นแน่นกว่าเรา

เรียกว่าเร้นจ์มันกว้างกว่า รถเขาจึงไม่ได้ดีกว่าเราไปทั้งหมด
ขึ้นอยู่กับลูกค้าว่ายินดีจ่ายแค่ไหน
ของบ้านเราก็เช่นกันฮะ ถ้าพี่ยินดีจ่าย เดี๋ยวรุ่นออปชั่นเพิ่มก็ค่อยๆ ตามมาครับ

ใช่ครับอันนี้ผมเห็นด้วยครับ แต่....ถ้าวัดรุ่นท็อปจริงๆเพราะเมือก่อนผมติดตาม website honda japan มาตลอดและลองเทียบกันกับรถรุ่นที่มีขายในไทยและญี่ปุ่น ซึ่งตัวท็อป เมื่อเทียบกับของไทยออฟชั่นหายไปเยอะแบบชัดเจนเลยครับ (อันนี้คือจุดหลักที่ผมจะบอกแหละ)

อยากได้สเปกเดียวกันเป๊ะๆ ก็พอจะเป็นไปได้แหละครับ
แต่ราคาไม่เท่ากันแน่ๆ  แล้วเราก็คงบ่นกันอีกว่าราคากระโดดไปไกลครับ



ไทบ้าน

ลูกค้าไม่มีอิทธิพลเหนือบริษัท  ...คติพจน์รถบางค่ายเคยว่าไว้



porasit33

ทำไมผมรู้สึกว่า toyota ให้น้อยกว่า
โดยคนไม่ได้คาดหวังออพชั่น

กรรมเลยมาตกที่ Honda Honda ก็บอกว่าว่าอยากได้ออพชั่นไปซื้อรถจีนเถอะ 😂

กรรมทอดต่อไปคือตกที่รถจีน รถจีนบอกอยากได้รถทนๆ ไปซื้อโตโยต้าเถอะ 555



Gunther

หลายค่ายแบรนด์รถทั่วโลกเริ่มที่จะลด option ลง เมื่อ semi conductor ขาดแคลนทั่วโลก



MyName

สมัยที่รถทุก segment ขายแพ้ Toyota

ยอมรับเลยว่า ดูตั้งใจทำรถออกมามากกว่านี้จริงๆ ครับ

เอาแค่ front เครื่องเสียง
เป็นรถญี่ปุ่นเจ้าแรกๆ เลยนะที่ทำ Bulit-in และให้ USB มา
แถมไม่คิดเลยว่าเครื่องเสียงและลำโพง City โฉม 2008-2013 คุณภาพเสียงจะดีขนาดนี้

ทุกวันนี้พอขึ้นเป็นเจ้าตลาดรถยนต์นั่ง
เหมือนเหลิง ลืมเคสทุบรถไปซะงั้น
2022 - Nissan Almera 1.0 Turbo VL
2016 - Mazda 2 1.5XD High Plus L
2008 - Mitsubishi Space Wagon 2.4 GLS Ltd. !User'Review Click here!
1997 - Daihatsu Mira Mint 850cc AT



kiwiwi

ล้อเป็นเล่นไป บางคนไม่ซื้อรถรุ่นนั้นๆเลย หากหาของแต่งไม่ได้ก็มี

ส่วนตัว การทำให้ตลาดของแต่งมีการขยับตัว จะเป็นข้อได้เปรัยบเบาๆของค่ายรถไปโดยปริยาย

มันจะเกิดมีการพูดคุย และมีชุมชนเกิดขึ้น สินค้าก็จะขายดี ถึงแม้ว่าสินค้าตัวนั้นๆจะไม่มีอะไรพิเศษในรถญี่ปุ่นก็เถอะ



tsubasa

MINDSET ของผู้บริหารชาวญี่ปุ่น เกือบทุกยี่ห้อ ยังไม่เปลี่ยน เอาเปรียบคนไทย เอาของคุณภาพต่ำกว่าขายให้คนไทยมานานแล้ว
อยากให้ปรับ MINDSET ใหม่ซะที

ผู้บริหารคนไทยต้องกล้าที่จะสู้เพื่อคนไทยด้วยครับ



Zephyrs

ผมว่าค่ายญี่ปุ่นมันก็นิสัยแบบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วหนิครับ ยุคหลังๆที่เป็นโตฮอนนี่คือชัดเจนหน่อย
แบบใครเสียเปรียบปุ๊บก็เริ่มตั้งใจทำรถ พอกลับมาแซงก็ดึงเช็ง หน้าตาใหม่ออปชั่นโล้นๆกั๊กๆ เป็นงี้มายกเว้นในช่วง 5 ปีให้หลัง
ที่รถพี่โตฯแกทำรถแบบไม่แคร์ฮอนด้าอีกต่อไป ยอดแพ้ก็ช่างแม่ม ออปชั่นก็กั๊กๆแบบนั้นแหละ
ที่เห็นชัดๆก็ Vios-Altis ที่แพ้ City-Civic มาหลายรุ่นละ แต่ก็ไม่แคร์

คือตามหลักทุนนิยมอยู่แล้วอะครับ ถ้าอยากให้ทางคนขายฟัง คนซื้อก็ต้องลดการซื้อเพื่อแสดงจุดยืน แต่ในเมื่อรถมันก็ยังขายได้ (เหลือเชื่อเลยนะ รถไม่กี่ปีสนิมขึ้นก็ไม่เคยมีคนไปงัดสักแอะ)
เขาก็คงไม่แคร์ความเห็นอยู่แล้วอะครับ คนพูดไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้พูด

ปล. จริงๆเกลียดนโยบายการขายรถในช่วงหลังๆของฮอนด้ามาก ไอที่แบบบังคับกลายๆให้ซื้อตัวท็อปรุ่น RS เพื่อให้ได้ของแต่งจนออกมาดูได้ (3 ตัวล่าสุด City-Civic-Accord เลยนั่นแหละ)



Boatcommando

เท่าที่เห็นในเมืองนอกเขาขายกัน มักเริ่มต้นด้วยรุ่นสแตนดาร์ดโล้นๆเอาแค่พอใช้ได้ มีอุปกรณ์ตามกฎหมายกำหนด แล้วเลือกออปชั่นกันไป จนถึงตัวท็อปจัดเต็ม เอาใจลูกค้าครบทุกความต้องการ
แต่บ้านเราลูกค้าไม่สามารถเพิ่มออปชั่นโน่นนี่เองได้ โดนล็อกสเปคขาย เหมือนโรงงานขี้เกียจปรับสเปคแต่ละคันให้มันวุ่นวาย
เรื่องต้นทุนก็มีส่วน เพราะถ้าโรงงานประหยัดไปได้คันละ 10,000 บาท ขายได้ 10,000 คัน ก็ประหยัดเงินได้ 100 ล้านบาท เอามาเป็นโบนัสให้พนักงานได้ตั้งเยอะ  ;D
เคยมีบริษัทรถนึงในไทยนะครับ ที่คิดจะขายรถแบบแบบให้ลูกค้าเลือกสีตัวถัง กับสีภายในแยกกันได้ ไม่โดนบังคับแบบตัวถังสีดำต้องคู่ภายในสีเบจ ตัวถังสีขาวต้องคู่ภายในสีดำงี้ (แล้วเข้าใจว่าจะนำไปสู่การขายแบบยุโรป คือมีรถมาโล้นๆ เป็นตัวล่างสุด อยากได้อ๊อปชั่นอะไรจ่ายเพิ่มเอง) คือบริษัทรถหนะอยากทำ เพราะถ้าทำได้ก็ได้ใจลูกค้าเหนือคู่แข่ง ต้นทุนก็ไม่ได้เพิ่มด้วย

ผลคือคนงานในไลน์ประกอบประท้วงเละเทะครับ บอกวุ่นวายไม่อยากประกอบ จะเอาแบบง่ายๆ ขี้เกียจมานั่งดูว่ารถคันนี้สีอะไร ภายในสีอะไร โปรเจคเลยไม่ได้เกิด เลยต้องขายแบบล๊อคสี ล๊อคอ๊อปชั่นแบบนี้

ถ้าบ้านเรายังใช้แรงงานคนในการประกอบรถเป็นหลัก ยากครับ
Current Cars
1996 - Merc E200 (W124)  :-*
2022 - BMW 530e Elite (G30 LCI)

Past
2000 - Honda Civic (EK)
2003 - Honda Accord 2.0 (G7)  :-*
2015 - Honda Accord Hybrid (G9)  :-\



Weetting

มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

1.รายได้เฉลี่ยไทยน้อยกว่า จะให้ตัวท็อปออปชั่นเท่า
กับตลาดอื่น  คุณจะซื้อไหมซีวิค 1.6 ล้าน  ถามใจตัวเองก่อน   
2. นิสัยชอบเอาเปรียบกับดูถูกผู้บริโภคเจ้าตลาดเป็นมานานแล้วครับ  ในหลายส่วนHRV ก่อนเปลี่ยนโฉมลดcost ยับ  ลดจนน่าเกลียด  หรือหลายรุ่นได้อานิสงส์ปรับโครงสร้างภาษี จริงๆต้องลดราคาฮอนด้าบวกเพิ่ม
THE Manual Gearbox Preservation Society
Drive diesel until last day



mamaman

พี่รู้มั้ย ว่าส่วนใหญ่รถบนโชว์รูมญี่ปุ่น (ทุดยี่ห้อ) เป็นรุ่นเบาะผ้า
ล้อกระทะ ฝาครอบป้าดติก

ส่วนรุ่นท็อปออปชั่นเต็ม มักอยู่บนแค็ตตาล็อก มีให้เลือก
แต่ลูกค้ามักไม่เลือก

ไม่ใช่อะไรหรอกฮะ รุ่นย่อยรถที่ขายในญี่ปุ่น มันมีตั้งแต่
ออปชั่นโล้นกว่าเรา ไปจนรุ่นท็อปที่ออกชั่นแน่นกว่าเรา

เรียกว่าเร้นจ์มันกว้างกว่า รถเขาจึงไม่ได้ดีกว่าเราไปทั้งหมด
ขึ้นอยู่กับลูกค้าว่ายินดีจ่ายแค่ไหน
ของบ้านเราก็เช่นกันฮะ ถ้าพี่ยินดีจ่าย เดี๋ยวรุ่นออปชั่นเพิ่มก็ค่อยๆ ตามมาครับ

ผมยังขำเลยครับ
Lancer EX ในไทยชอบเปลี่ยน ไฟท้ายแดงของ EVO X ในราคาแพงๆ เพราะคิดว่า มันเป็นของ EVO X
แต่ EVO X รุ่นหลังๆ ดันออกไฟท้ายเป็นรุ่ยเดียว กับ EX ประเทศไทย
และ EVO X ก็ชอบไฟท้าย รุ่นใหมา่แบบประเทศไทย ซือ้ไปเปลี่ยนกันเยอะมาก
ผมยังงง ของพวกนี้ไปโทษค่ายรถได้ยังไงกันนะ สมองล้วนๆ ที่ คิดไปเอง



เนื้อน่องไม่หนัง

เท่าที่เห็นในเมืองนอกเขาขายกัน มักเริ่มต้นด้วยรุ่นสแตนดาร์ดโล้นๆเอาแค่พอใช้ได้ มีอุปกรณ์ตามกฎหมายกำหนด แล้วเลือกออปชั่นกันไป จนถึงตัวท็อปจัดเต็ม เอาใจลูกค้าครบทุกความต้องการ
แต่บ้านเราลูกค้าไม่สามารถเพิ่มออปชั่นโน่นนี่เองได้ โดนล็อกสเปคขาย เหมือนโรงงานขี้เกียจปรับสเปคแต่ละคันให้มันวุ่นวาย
เรื่องต้นทุนก็มีส่วน เพราะถ้าโรงงานประหยัดไปได้คันละ 10,000 บาท ขายได้ 10,000 คัน ก็ประหยัดเงินได้ 100 ล้านบาท เอามาเป็นโบนัสให้พนักงานได้ตั้งเยอะ  ;D
เคยมีบริษัทรถนึงในไทยนะครับ ที่คิดจะขายรถแบบแบบให้ลูกค้าเลือกสีตัวถัง กับสีภายในแยกกันได้ ไม่โดนบังคับแบบตัวถังสีดำต้องคู่ภายในสีเบจ ตัวถังสีขาวต้องคู่ภายในสีดำงี้ (แล้วเข้าใจว่าจะนำไปสู่การขายแบบยุโรป คือมีรถมาโล้นๆ เป็นตัวล่างสุด อยากได้อ๊อปชั่นอะไรจ่ายเพิ่มเอง) คือบริษัทรถหนะอยากทำ เพราะถ้าทำได้ก็ได้ใจลูกค้าเหนือคู่แข่ง ต้นทุนก็ไม่ได้เพิ่มด้วย

ผลคือคนงานในไลน์ประกอบประท้วงเละเทะครับ บอกวุ่นวายไม่อยากประกอบ จะเอาแบบง่ายๆ ขี้เกียจมานั่งดูว่ารถคันนี้สีอะไร ภายในสีอะไร โปรเจคเลยไม่ได้เกิด เลยต้องขายแบบล๊อคสี ล๊อคอ๊อปชั่นแบบนี้

ถ้าบ้านเรายังใช้แรงงานคนในการประกอบรถเป็นหลัก ยากครับ

อเมริกาที่มี configurator ให้เล่นเกือบทุกยี่ห้อ เอาเข้าจริงพวกรถตลาดคนส่วนใหญ่กเลือกที่จอดอยู่ตามโชว์รูมเลยมากกว่านะ พอมี covid แรงงานขาด part ขาด ชิบขาด หลายๆเจ้าเริ่มไม่มี option ให้เลือกเท่าไร่แล้ว ปรับได้แค่ล้อ/ยาง

ถ้าไทยเราทำ ก็ทำได้แหละ แต่มั่นใจว่ารถสั้งconfig ไม่ถูกเท่ารถในstock อย่างน้อยคงไม่มีส่วนลดให้แน่ๆ แถมรอคิวผลิตไม่รู้อีกนานเท่าไร่ คนที่ยอมรอยอมจ่ายจริง คงน้อย ขยับไปตังท๊อปจบๆเลยอาจคุ้มกว่า



TeslaX

รู้แต่ว่าสิ้นปีโบนัสกระจุย 5555



polwath

เท่าที่เห็นในเมืองนอกเขาขายกัน มักเริ่มต้นด้วยรุ่นสแตนดาร์ดโล้นๆเอาแค่พอใช้ได้ มีอุปกรณ์ตามกฎหมายกำหนด แล้วเลือกออปชั่นกันไป จนถึงตัวท็อปจัดเต็ม เอาใจลูกค้าครบทุกความต้องการ
แต่บ้านเราลูกค้าไม่สามารถเพิ่มออปชั่นโน่นนี่เองได้ โดนล็อกสเปคขาย เหมือนโรงงานขี้เกียจปรับสเปคแต่ละคันให้มันวุ่นวาย
เรื่องต้นทุนก็มีส่วน เพราะถ้าโรงงานประหยัดไปได้คันละ 10,000 บาท ขายได้ 10,000 คัน ก็ประหยัดเงินได้ 100 ล้านบาท เอามาเป็นโบนัสให้พนักงานได้ตั้งเยอะ  ;D
เคยมีบริษัทรถนึงในไทยนะครับ ที่คิดจะขายรถแบบแบบให้ลูกค้าเลือกสีตัวถัง กับสีภายในแยกกันได้ ไม่โดนบังคับแบบตัวถังสีดำต้องคู่ภายในสีเบจ ตัวถังสีขาวต้องคู่ภายในสีดำงี้ (แล้วเข้าใจว่าจะนำไปสู่การขายแบบยุโรป คือมีรถมาโล้นๆ เป็นตัวล่างสุด อยากได้อ๊อปชั่นอะไรจ่ายเพิ่มเอง) คือบริษัทรถหนะอยากทำ เพราะถ้าทำได้ก็ได้ใจลูกค้าเหนือคู่แข่ง ต้นทุนก็ไม่ได้เพิ่มด้วย

ผลคือคนงานในไลน์ประกอบประท้วงเละเทะครับ บอกวุ่นวายไม่อยากประกอบ จะเอาแบบง่ายๆ ขี้เกียจมานั่งดูว่ารถคันนี้สีอะไร ภายในสีอะไร โปรเจคเลยไม่ได้เกิด เลยต้องขายแบบล๊อคสี ล๊อคอ๊อปชั่นแบบนี้

ถ้าบ้านเรายังใช้แรงงานคนในการประกอบรถเป็นหลัก ยากครับ

ผมว่าควรจะทำแบบเพิ่มสายการผลิต เป็นแบบอิสระ ตามคำสั่งลูกค้า เป็นการส่งรถเข้าสายพาน พร้อมรายการประกอบแต่ละคัน มีหมายเลขระบุชัดเจน และสามารถบริหารจัดการให้ประกอบได้ถูกสเปคและถูกคันด้วย ไม่งั้นทำไม่รถในสหรัฐฯ และในประเทศอื่นๆ ถึงยังประกอบรถตามแบบที่ลูกค้าปรับเองได้ตามใจชอบหละครับ

ซึ่งมันทำได้นะครับ แต่มันต้องลงทุนเพิ่ม โดยเฉพาะการอบรมแรงงาน ปรับอุปกรณ์ในสายการผลิต และการตั้งสายการผลิตใหม่ รวมถึงเงินเดือน/ค่าจ้างของแรงงานก็ต้องเพิ่มด้วย เพราะความยากในการทำงานก็เพิ่มขึ้นจากระบบนี้เช่นกัน

ใครทำไม่ได้ ไม่อยากทำ ก็ไปทำสายการผลิตแบบเดิม ใครอยากได้เงินเพิ่มและมั่นใจว่าสามารถทำได้ก็เอาเลย

ตรงนี้มากกว่าครับที่ค่ายรถไม่อยากจะทำ เพราะมันเพิ่มต้นทุน (เสียเงินเพิ่ม) ทำให้ขายได้กำไรน้อยด้วย มาเป็นแบบบังคับเลือกมากกว่า ประหยัดเงินไปเยอะ



Sazabi

เท่าที่เห็นในเมืองนอกเขาขายกัน มักเริ่มต้นด้วยรุ่นสแตนดาร์ดโล้นๆเอาแค่พอใช้ได้ มีอุปกรณ์ตามกฎหมายกำหนด แล้วเลือกออปชั่นกันไป จนถึงตัวท็อปจัดเต็ม เอาใจลูกค้าครบทุกความต้องการ
แต่บ้านเราลูกค้าไม่สามารถเพิ่มออปชั่นโน่นนี่เองได้ โดนล็อกสเปคขาย เหมือนโรงงานขี้เกียจปรับสเปคแต่ละคันให้มันวุ่นวาย
เรื่องต้นทุนก็มีส่วน เพราะถ้าโรงงานประหยัดไปได้คันละ 10,000 บาท ขายได้ 10,000 คัน ก็ประหยัดเงินได้ 100 ล้านบาท เอามาเป็นโบนัสให้พนักงานได้ตั้งเยอะ  ;D
เคยมีบริษัทรถนึงในไทยนะครับ ที่คิดจะขายรถแบบแบบให้ลูกค้าเลือกสีตัวถัง กับสีภายในแยกกันได้ ไม่โดนบังคับแบบตัวถังสีดำต้องคู่ภายในสีเบจ ตัวถังสีขาวต้องคู่ภายในสีดำงี้ (แล้วเข้าใจว่าจะนำไปสู่การขายแบบยุโรป คือมีรถมาโล้นๆ เป็นตัวล่างสุด อยากได้อ๊อปชั่นอะไรจ่ายเพิ่มเอง) คือบริษัทรถหนะอยากทำ เพราะถ้าทำได้ก็ได้ใจลูกค้าเหนือคู่แข่ง ต้นทุนก็ไม่ได้เพิ่มด้วย

ผลคือคนงานในไลน์ประกอบประท้วงเละเทะครับ บอกวุ่นวายไม่อยากประกอบ จะเอาแบบง่ายๆ ขี้เกียจมานั่งดูว่ารถคันนี้สีอะไร ภายในสีอะไร โปรเจคเลยไม่ได้เกิด เลยต้องขายแบบล๊อคสี ล๊อคอ๊อปชั่นแบบนี้

ถ้าบ้านเรายังใช้แรงงานคนในการประกอบรถเป็นหลัก ยากครับ

ผมว่าควรจะทำแบบเพิ่มสายการผลิต เป็นแบบอิสระ ตามคำสั่งลูกค้า เป็นการส่งรถเข้าสายพาน พร้อมรายการประกอบแต่ละคัน มีหมายเลขระบุชัดเจน และสามารถบริหารจัดการให้ประกอบได้ถูกสเปคและถูกคันด้วย ไม่งั้นทำไม่รถในสหรัฐฯ และในประเทศอื่นๆ ถึงยังประกอบรถตามแบบที่ลูกค้าปรับเองได้ตามใจชอบหละครับ

ซึ่งมันทำได้นะครับ แต่มันต้องลงทุนเพิ่ม โดยเฉพาะการอบรมแรงงาน ปรับอุปกรณ์ในสายการผลิต และการตั้งสายการผลิตใหม่ รวมถึงเงินเดือน/ค่าจ้างของแรงงานก็ต้องเพิ่มด้วย เพราะความยากในการทำงานก็เพิ่มขึ้นจากระบบนี้เช่นกัน

ใครทำไม่ได้ ไม่อยากทำ ก็ไปทำสายการผลิตแบบเดิม ใครอยากได้เงินเพิ่มและมั่นใจว่าสามารถทำได้ก็เอาเลย

ตรงนี้มากกว่าครับที่ค่ายรถไม่อยากจะทำ เพราะมันเพิ่มต้นทุน (เสียเงินเพิ่ม) ทำให้ขายได้กำไรน้อยด้วย มาเป็นแบบบังคับเลือกมากกว่า ประหยัดเงินไปเยอะ

คือคุณเคยเข้าไปเห็นสายการผลิตรถหรือเปล่าครับ ปัจจุบันการผลิตมันก็เป็นแบบ Flexible Production Line อยู่แล้ว อย่างโรงงาน HONDA ที่อยุธยาปัจจุบันก็มีแค่ Line เดียวผลิตทั้ง Accord, CR-V, Civic, BR-V นั่นแหละบางวันก็ผลิตโมเดลนึงพรุ่งนี้ไปผลิตอีกโมเดลนึงหรือบางวันผลิต 2 โมเดลก็มี เพราะฉะนั้นเรื่องทักษะของพนักงานหรืออุปกรณ์ช่วยผลิตนั้นมันไม่ได้ต่างไปจากเดิมเลย

การผลิตรถแบบ Customization มันอยู่ที่การจัดการชิ้นส่วนทั้งการจัดลงสายการผลิตและการควบคุมชิ้นส่วนจาก Supplier ตรงนี้ต่างหากครับที่บริษัทรถไม่อยากทำ เนื่องจากบริษัทรถชั้นนำเค้าเรียกของกันวันต่อวันไม่ใช่มีในโกดังแล้วเดินไปหยิบมา ยิ่ง Customize มากก็ยิ่งมีชิ้นส่วนหลายชนิดสิ้นเปลืองเวลาและทรัพยากรในการจัดการมากรวมทั้งเพิ่มโอกาสที่จะผิดพลาดด้วย ซึ่งความยุ่งยากทั้งหมดสุดท้ายมันก็จะแปลงมาเป็นต้นทุนและสะท้อนลงไปในราคาขายของทุกๆคันเพราะได้รับผลกระทบกันหมดลูกค้าจะรับได้หรือเปล่าล่ะครับ ดังนั้นถ้าไม่ใช่ตลาดที่มีการแข่งขันสูงหรือต้องการเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าเพื่อเพิ่มยอดขายเบียดเจ้าตลาดเดิมแล้วบริษัทไม่มีทางเสนอ Customization แน่ๆ



bossa26

เค้าก็จัดให้ตามดีมานด์



polwath

เท่าที่เห็นในเมืองนอกเขาขายกัน มักเริ่มต้นด้วยรุ่นสแตนดาร์ดโล้นๆเอาแค่พอใช้ได้ มีอุปกรณ์ตามกฎหมายกำหนด แล้วเลือกออปชั่นกันไป จนถึงตัวท็อปจัดเต็ม เอาใจลูกค้าครบทุกความต้องการ
แต่บ้านเราลูกค้าไม่สามารถเพิ่มออปชั่นโน่นนี่เองได้ โดนล็อกสเปคขาย เหมือนโรงงานขี้เกียจปรับสเปคแต่ละคันให้มันวุ่นวาย
เรื่องต้นทุนก็มีส่วน เพราะถ้าโรงงานประหยัดไปได้คันละ 10,000 บาท ขายได้ 10,000 คัน ก็ประหยัดเงินได้ 100 ล้านบาท เอามาเป็นโบนัสให้พนักงานได้ตั้งเยอะ  ;D
เคยมีบริษัทรถนึงในไทยนะครับ ที่คิดจะขายรถแบบแบบให้ลูกค้าเลือกสีตัวถัง กับสีภายในแยกกันได้ ไม่โดนบังคับแบบตัวถังสีดำต้องคู่ภายในสีเบจ ตัวถังสีขาวต้องคู่ภายในสีดำงี้ (แล้วเข้าใจว่าจะนำไปสู่การขายแบบยุโรป คือมีรถมาโล้นๆ เป็นตัวล่างสุด อยากได้อ๊อปชั่นอะไรจ่ายเพิ่มเอง) คือบริษัทรถหนะอยากทำ เพราะถ้าทำได้ก็ได้ใจลูกค้าเหนือคู่แข่ง ต้นทุนก็ไม่ได้เพิ่มด้วย

ผลคือคนงานในไลน์ประกอบประท้วงเละเทะครับ บอกวุ่นวายไม่อยากประกอบ จะเอาแบบง่ายๆ ขี้เกียจมานั่งดูว่ารถคันนี้สีอะไร ภายในสีอะไร โปรเจคเลยไม่ได้เกิด เลยต้องขายแบบล๊อคสี ล๊อคอ๊อปชั่นแบบนี้

ถ้าบ้านเรายังใช้แรงงานคนในการประกอบรถเป็นหลัก ยากครับ

ผมว่าควรจะทำแบบเพิ่มสายการผลิต เป็นแบบอิสระ ตามคำสั่งลูกค้า เป็นการส่งรถเข้าสายพาน พร้อมรายการประกอบแต่ละคัน มีหมายเลขระบุชัดเจน และสามารถบริหารจัดการให้ประกอบได้ถูกสเปคและถูกคันด้วย ไม่งั้นทำไม่รถในสหรัฐฯ และในประเทศอื่นๆ ถึงยังประกอบรถตามแบบที่ลูกค้าปรับเองได้ตามใจชอบหละครับ

ซึ่งมันทำได้นะครับ แต่มันต้องลงทุนเพิ่ม โดยเฉพาะการอบรมแรงงาน ปรับอุปกรณ์ในสายการผลิต และการตั้งสายการผลิตใหม่ รวมถึงเงินเดือน/ค่าจ้างของแรงงานก็ต้องเพิ่มด้วย เพราะความยากในการทำงานก็เพิ่มขึ้นจากระบบนี้เช่นกัน

ใครทำไม่ได้ ไม่อยากทำ ก็ไปทำสายการผลิตแบบเดิม ใครอยากได้เงินเพิ่มและมั่นใจว่าสามารถทำได้ก็เอาเลย

ตรงนี้มากกว่าครับที่ค่ายรถไม่อยากจะทำ เพราะมันเพิ่มต้นทุน (เสียเงินเพิ่ม) ทำให้ขายได้กำไรน้อยด้วย มาเป็นแบบบังคับเลือกมากกว่า ประหยัดเงินไปเยอะ

คือคุณเคยเข้าไปเห็นสายการผลิตรถหรือเปล่าครับ ปัจจุบันการผลิตมันก็เป็นแบบ Flexible Production Line อยู่แล้ว อย่างโรงงาน HONDA ที่อยุธยาปัจจุบันก็มีแค่ Line เดียวผลิตทั้ง Accord, CR-V, Civic, BR-V นั่นแหละบางวันก็ผลิตโมเดลนึงพรุ่งนี้ไปผลิตอีกโมเดลนึงหรือบางวันผลิต 2 โมเดลก็มี เพราะฉะนั้นเรื่องทักษะของพนักงานหรืออุปกรณ์ช่วยผลิตนั้นมันไม่ได้ต่างไปจากเดิมเลย

การผลิตรถแบบ Customization มันอยู่ที่การจัดการชิ้นส่วนทั้งการจัดลงสายการผลิตและการควบคุมชิ้นส่วนจาก Supplier ตรงนี้ต่างหากครับที่บริษัทรถไม่อยากทำ เนื่องจากบริษัทรถชั้นนำเค้าเรียกของกันวันต่อวันไม่ใช่มีในโกดังแล้วเดินไปหยิบมา ยิ่ง Customize มากก็ยิ่งมีชิ้นส่วนหลายชนิดสิ้นเปลืองเวลาและทรัพยากรในการจัดการมากรวมทั้งเพิ่มโอกาสที่จะผิดพลาดด้วย ซึ่งความยุ่งยากทั้งหมดสุดท้ายมันก็จะแปลงมาเป็นต้นทุนและสะท้อนลงไปในราคาขายของทุกๆคันเพราะได้รับผลกระทบกันหมดลูกค้าจะรับได้หรือเปล่าล่ะครับ ดังนั้นถ้าไม่ใช่ตลาดที่มีการแข่งขันสูงหรือต้องการเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าเพื่อเพิ่มยอดขายเบียดเจ้าตลาดเดิมแล้วบริษัทไม่มีทางเสนอ Customization แน่ๆ

ผมก็พอจะเข้าใจว่าสายการผลิตรถยนต์มาบ้างนะ แล้วก็เคยเห็นผ่านสื่อต่างๆ บ้าง แม้ว่าจะไม่เคยเข้าเยี่ยมชมสายการผลิตรถจริงเลยก็ตาม แต่การตอบของคุณทำไมไปทางดูแคลนผมซะงั้น เหมือนมาต่อว่าผมไม่รู้อะไรเลย มันทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นนะครับ

ถ้าจะอธิบายให้กระจ่าง ผมไม่มีปัญหา ผมเปิดรับเรื่องนี้ แต่การที่คุณมาถามว่าเคยไปดูของจริงไหมแบบนี้ มันดูไม่ดีกับคนที่มาอ่านและผมนะครับ