ในแง่การขับขี่ ถ้าขับรถmtจนชิน ผมว่าจังหวะเปลี่ยนเกียร์นี่มันเป็นอะไรที่ร่างกายทำไปเองอัตโนมัติเลยนะครับ
ถอนคันเร่ง เหยียบคลัช สับเกียร์ เติมคันเร่ง แทบไม่ต้องใช้สมาธิอะไรเลย
แล้วคลัชรถบ้านสเป็คโรงงานทุกวันนี้น่าจะนิ่มสบายกว่าแต่ก่อนเยอะมาก(แต่รถแรงๆสเป็คโรงงานนี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน)
ผมใช้รถmtในกทม.มาเกือบ10ปี ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับขาซ้ายเลย
แต่ในความเป็นจริง ถ้าสมมติให้ผมซื้อBRZหรือMX-5 ผมก็คิดหนักว่าจะเลือกระบบส่งกำลังแบบไหน
เหตุผลเดียวเลยจริงๆ คือต้องเผื่อว่าอาจจะต้องให้คนในครอบครัวเอารถไปใช้งานบ้าง แค่นั้นเลย
+1 ตามนี้ครับ ถ้าคนขับชำนาญจริง มันแทบไม่ต้องใช้สมาธิอะไรเลย มือเท้ามันไปเอง ง่ายไปหมด
ติดอยู่บนทางขึ้นสะพานออกตัวนั่งผิวปากสบายอารมณ์เฉยๆได้เลยครับ ร่างกายเรามันรู้จังหวะคลัตช์+คันเร่งเอง
เห็นบางท่านบอกว่าเกียร์ MT ใช้งานชีวิตประจำวันใน กทม ไม่ได้ ไม่เหมาะ อันตราย ผมนี่แอบงงเหมือนกัน
ว่าทำไมใช้ไม่ได้ ผมนี่ใช้เกียร์ MT ใน กทม มาเกือบ 20 ปีละครับ ขับมาตั้งเรียน ปวช จนเรียนจบ ป.ตรี จนทุกวันนี้ทำงานก็ยังขับ MT
ในชีวิตประจำวันอยู่ สลับกับอีกคันที่เป็นเกียร์ AT เปลี่ยนอารมณ์ สนุกดีครับ ใช้ MT ใน กทม มาจนทุกวันนี้ก็ปกติดีน่ะครับ สบายดีทั้งคนทั้งรถ
แล้วก็ที่ว่า MT ต้องขับออกนอกเมืองวิ่งยาวอย่างเดียว อันนี้ผมก็งงอีก เพราะวิ่งยาวไปนอกเมือง ก็คงค้างอยู่เกียร์ 6 ยาวๆ
นานๆจะได้สับเกียร์ที รู้สึกไม่ต่างกับเกียร์ AT เลยเวลาวิ่งยาวๆ งั้นเสน่ห์ของเกียร์ MT มันจะไปเหลืออะไรละครับนั่น?
มันต้องอยู่แถวๆเมืองนี่แหละครับ จะได้สับเกียร์ขึนๆลงๆขึ้นๆลงๆขึ้นๆลงๆ เล่นจังหวะคลัตช์ทำ Rev matching แล้วลุ้นว่าตัวเอง
จะทำได้สมูทสมบรูณ์ทุกครั้งมั๊ย ถ้าทำได้สมบรูณ์ต่อเนื่องกันตลอด และเร็ว จะรู้สึกว่าตัวเองคือเทพเจ้านักขับขึ้นมาทันที
เพราะทุกย่างเราคอนโทรลเอง ไม่ใช่ ECU
และนี่แหละ คือเสน่ห์ของการขับ MT ที่แท้จริง คืออารมณ์ร่วมระหว่างคนกับรถที่ถ่ายทอดหากัน มันไม่ใช่เรื่องอื่นอะไรเลย มันไม่ใช่เรื่องส่วนต่างราคา มันไม่ใช่เรื่องความเร็ว
ความทน ความประหยัด อะไรทั้งนั้น...ส่วนเกียร์ AT ที่มีแป้นชิพ + - หรือคันเกียร์ Triptronic ดันลง-ขึ้น + - นี่ไม่ต้องคุยกันครับ
ว่าจะแทนกันได้ มันคนละเรื่อง ไม่ใช่ของที่แทนกันได้ คนละเรื่องคนละอย่างกันเลยครับ.....
ซึ่งคนที่เข้าใจที่ผมบอก ทุกวันนี้น่าจะมีจำนวนแค่หยิบมือครับ
____________________________________________________________________
ตอบหัวโพส ส่วนตัวผมไม่แปลกใจน่ะครับ เหตุผลผมว่าเดาไม่ยากครับ เพราะคนขับเกียร์ MT ได้ช่ำชองและชอบในอารมณ์ของมัน ณ ปัจจุบัน
มีจำนวนเท่าหยิบมือเท่านั้นเอง (ย้ำว่าหยิบมือ) ส่วนมากจะมีแต่คนขับเป็นเฉยๆ ถ้าเอาเฉพาะคนขับเป็นเฉยๆนะเยอะครับ มีเกลื่อน
ซึ่งคน"ขับเป็น" กับ "คนขับได้ช่ำชอง" นั้นต่างกันนะครับ เท่าที่ผมเจอคนขับเกียร์ MT ณ ปัจจุบัน ส่วนใหญ่ เท่าที่ผมเห็นน่ะ
(รวมถึงผู้ที่ขับมอเตอร์ไซค์แบบมีคลัตช์ด้วย) จะมีพฤติกรรมแบบนี้ครับ
1.) เวลาวิ่งมา แล้วจะชะลอความเร็ว ชอบเหยียบคลัตช์ปล่อยไหล ไม่ยอมปล่อยให้รถมี Engine brake
ผลที่ตามมา = กินน้ำมัน (เวลา Engine brake คาเกียร์อยู่ หัวฉีดจะตัดการจ่ายน้ำมัน ถ้าเหยียบคลัตช์ปุ๊บ รอบหล่นมาเดินเบามันก็จะจ่ายน้ำมันนะสิครับ) , เปลืองเบรก และอันตรายมาก โดยเฉพาะเวลาลงเขาต่อเนื่องนานๆนะครับ ไอที่รถเบรกแตกกันตอนลงเขาก็เพราะแบบนี้ จริงๆรถมันไม่ได้มีอะไรผิดปกติ แต่คนขับไม่เข้าใจ ใช้แต่เบรกหลัก ไม่ยอมใช้เครื่องใช้เกียร์ช่วยชะลอลง พอเบรกหลักมันร้อนจัด มันก็เฟด แล้วมันก็ไม่อยู่อีกต่อไป ก็ตกเขาสิครับ ตายยกคัน
2.) ลดเกียร์ไม่เคยทำ Rev matching (คือการแมตช์รอบหมุนเครื่องยนต์กับเพลาเกียร์ให้ใกล้เคียงกันก่อนปล่อยคลัตช์)
ผลที่ตามมา = กระชาก ไม่นิ่ม หัวทิ่ม ถ้าอยู่ในโค้ง ล้ออาจล๊อคจนรถเสียหลักได้ แล้วก็ ข้อเหวี่ยง , คลัตช์ , เกียร์ , เฟืองท้าย ยางแท่นต่างๆ อายุสั้นหมด เพราะโดนกระชาก
3.) ชอบออกตัวเกียร์ 2
ผลที่ตามมา = เปลืองคลัตช์ เปลืองน้ำมัน ออกตัวได้ช้า
4.) เวลาเร่งแซง หรือจะเร่งเต็มที่ตอนที่วิ่งช้าอยู่ ชอบกดคันเร่งมิดตอนอยู่เกียร์สูงๆแล้วรอบเครื่องมันต่ำมากๆอยู่ โดยไม่ยอมลดเกียร์เพื่อเรียกกำลังสูงสุด
ผลที่ตามมา = ทำบ่อยๆหัวลูกสูบอาจเป็นรอยหรือถ้าหนักมากอาจละลายได้ที่หัวลูกสูบ เพราะกดคันเร่งมิดตอนเกียร์สูงสูงรอบต่ำๆ=จุดระเบิดเต็มที่ แต่ลูกสูบถอยหนีช้า หัวลูกสูบรับแรงดันเยอะ แล้วก็รถก็แซงได้ช้ากว่าที่ควรจะเป็นด้วย
5.) เวลาเร่งแซง หรือจะเร่งเต็มที่ จะซิ่ง ลากเกียร์ ดันลากยาวจนเลยเส้นแดงจนถึง Rev limiter รอบตัดหัวทิ่มก่อน ค่อยเปลี่ยนเกียร์
ผลที่ตามมา = เครื่อง+เกียร์ทำงานหนักเกินความจำเป็น แล้วทำให้อัตราเร่งช้ากว่าเดิม เพราะรอบตัดเสียจังหวะ
ุ6.) ไม่รู้จักลักษณะการทดเกียร์ของรถตัวเอง ไม่รู้ว่ารถที่ตัวเองขับอยู่ เกียร์สุดท้ายเค้าทำไว้ทดต่ำเพื่อให้รอบต่ำประหยัดน้ำมัน ไม่ใช่สมรรถนะ (อันนี้เป็นกับรถบางรุ่นเท่านั้น) ถ้าเอาใกล้ๆตัวก็ อีซูซุ 1.9 เกียร์ 6 สปีดครับ (ตัวนี้กรณีรถเดิมๆ top speed จะทำได้ที่เกียร์ 5) พวกกดคันเร่งมิดจากความเร็ว 120 คาเกียร์ 6 ไว้ตลอด กะทำ top speed แต่ไปไม่ถึงฝั่งฝัน บอกทำไมมันอืดจัง วิ่งสู้รุ่น AT ไม่ได้เลย
โถถถ
ถ้าท่านใดขับ MT แล้วมีพฤติกรรมการขับตามข้างบนมากกว่า 2ข้อ ใน 6 ข้อนี้ แปลว่าท่านเหมาะกับใช้ชีวิตอยู่กับเกียร์ AT ถูกต้องแล้วครับ
แล้วผมคิดว่าคนส่วนมาก ณ ปัจจุบันก็น่าจะประมาณนี้ ผมเลยไม่แปลกใจนะกับส่วนต่างยอดขายตามหัวโพสครับ
จริงๆนี่เยอะกว่าที่ผมคิดน่ะครับ นึกว่า MT จะมีคนจองสัก 5-6 คันซ่ะอีก