เอาจริงๆดูจากในคลิปเค้าก็ไม่ได้ขับเร็วกว่าคันอื่นนะ แต่พอดีตัวเองอาจจะไม่คุ้นทาง แล้ววิ่งเลนซ้าย แล้วซวยเจอพื้นมีหลุมที่มีน้ำขังพอดี
แต่มองไม่เห็นว่าเป็นหลุมมีน้ำขังอยู่ อันนี้ก็แค่เดา แต่ข้อเท็จจริงเป็นไงผมก็ไม่รู้ เลยไม่ขอวิจารย์ดีกว่า เพราะยังไม่รู้ข้อเท็จจริง
ส่วนเรื่องขับหน้าขับหลังขับสี่นี่ทางเปียกมากๆไม่ได้มีผลอะไรขนาดนั้น คนขับกับลักษณะยางมีผลมากกว่า
อย่างคลิปนี้ก็ขับหน้า คนขับไม่ชำนาญ ขับหลุด หลุดแล้วก็แก้ไม่ได้อยู่ดี
บางทีขับหน้ากับขับสี่นี่ตัวดีเลย คิดว่าตัวเองน่าจะมีลิมิตในทางเปียกที่ดีกว่าขับหลัง ก็โยกใหญ่เลย แล้วก็เห็นลงข้างทางมาหลายราย
ทั้งขับหน้าขับสี่
แล้วก็เห็นคนพูดถึงแต่ตัวรถ เอาจริงๆจะบอกว่ากรณีทางเปียกที่มีแอ่งน้ำเยอะๆ ตัวรถมันมีผลน้อยกว่ายางนะครับ ทั้งประเภทของยางและหน้ากว้างคือตัวแปรสำคัญ
ไอพวกรถ Sport car Supercar พวกรถสมรรถนะสูงทั้งหลายนี่เจอทางปียกแอ่งน้ำ มีน้ำขังนี่ต้องเบาให้ยิ่งกว่าขับรถบ้านอีกนะ
ไม่ใช่เพราะตัวรถ แต่เพราะยางที่รถพวกนี้ใส่มาจะเป็นจำพวก Ultra high performance แถมใช้ยางหน้ากว้างมากๆ ยกตัวอย่างเช่น Michelin pilot sport cup 2
ซึ่งเกาะเทพมากๆในทางแห้ง แต่ถ้าเจอน้ำนี่คือคนละโลกเลย แล้วถ้าเป็น Cup2 R แล้วด้วยยิ่งไปใหญ่ (ที่สุด สุดสายของทางแห้ง แต่ห่วยสุดของทางเปียก)
เห็นฝรั่งทดสอบในแทร็กทางแห้งทำเวลาดีกว่า PS4 ชัดเจนมากในรถคันเดียวกัน แต่พอทางเปียกเท่านั้นแหละ แพ้ PS4 บ้านๆทั้งคู่
อย่าง La ferrari คันละเป็นร้อยล้าน มาเจอ Altis บ้านๆใส่ยาง Michelin primacy 4 กว้าง 205 วิ่งบนทางเปียก ผมว่าเผลอๆ Altis ไปได้เร็วกว่าอะครับ
เพราะฉะนั้นทางเปียกมีแอ่งน้ำ ผมว่ารถแพงรถถูกรถดีไม่ดีอะไรมันมีผลน้อยกว่ายางมากอะครับ แต่ที่มีผลที่สุดคือคนขับครับ
ยังไงทางเปียกก็ขับระวังกันให้มากๆน่ะครับ ไม่ว่าจะรถอะไร ยางอะไร ดูสีบนพื้นถนนให้ดีครับ ถ้าสีแปลกๆเดาไว้ก่อนเลยว่าน่าจะเป็นหลุมมีแอ่งน้ำครับ