ผู้เขียน หัวข้อ: ยุคต่อไป คนจะเปลี่ยนรถเร็วกว่าเดิมไหมครับ จากการมาของรถ ev  (อ่าน 5495 ครั้ง)

ออฟไลน์ nimnim_thailand

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 393
ยุคต่อไป คนจะเปลี่ยนรถเร็วกว่าเดิมไหมครับ จากการมาขอ ev เนื่องจาก เรื่องความทนทานในการใช้งาน ที่มีระบบไฟฟ้าเป็นส่วน่ประกอบหลัก ยังไงก็เทียบกับรถน้ำมันไม่ได้

สมัยก่อน รถน้ำมันใช้งานเป็น 10-20 ปีถึงเปลี่ยน แม้แต่เวลานี้ตัว rare item ที่อายุเกิน 30 ปี ก็ยังเล่นกันแถมราคาแพงกว่าป้ายแดง 
ยุคต่อมา มีระบบไฟฟ้าเข้ามา มีกล่อง ecu ใช้กัน 5-7 ปี เปลี่ยน
ยุคหน้านี้ ที่เป็น ev คาดว่า จะใช้กันประมาณ 3-5 ปีเปลี่ยน แม้จะมีประกันครอบคุม 5-10 ปีก็ตาม  แต่ด้วยค่าซ่อม รวมทั้งความจุกจิกของระบบไฟฟ้า ที่เวลาเสียขึ้นมา มันรวนจนไม่สามารถขับได้ คนก็ไม่กล้าที่จะลากใช้ และราคาที่ตีเป็นมือสอง น่าจะต่ำมากๆ  ถ้าไม่ต่ำ ตลาดมือสองก็ไม่เล่นกันอีก ตอนนี้ผมมองว่า มันจะเหมือน tv หรือมือถือ เวลารวน หรือเสีย ก็โยนทิ้งหรือขายซากอย่างเดียว ถ้าหมดประกัน เพราะซ่อมไม่คุ้ม ซื้อใหม่อย่างเดียว

ผมว่าการแข่งขันรถ ev  น่าดุเดือดมาก แข่งกันออกรุ่นใหม่ ทุกปี แบบ all new เหมือนมือถือ หรือ tv

ไม่แน่ อนาคต รถน้ำมันที่เป็นที่นิยมในยุคนี้ ที่ไม่จุกจิก อาจกลายเป็นรถทองคำ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 11, 2022, 19:43:49 โดย nimnim_thailand »

ออฟไลน์ Symphonic

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,550
จะเอาเงินที่ไหนก่อนเหอะ เปลี่ยนบ่อยๆ อ่ะครับ

ที่ว่าจะออกใหม่กันบ่อยๆ คงไม่ใช่ด้วย
เทสล่าอ่ะ ลากขายกันมากี่ปีแล้ว
เว้นแต่จะมีอัพเดทซอฟท์แวร์ และมีโอกาส
จะเก็บรายปีอีกต่างหากฮะ

ออฟไลน์ nimnim_thailand

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 393
จะเอาเงินที่ไหนก่อนเหอะ เปลี่ยนบ่อยๆ อ่ะครับ

ที่ว่าจะออกใหม่กันบ่อยๆ คงไม่ใช่ด้วย
เทสล่าอ่ะ ลากขายกันมากี่ปีแล้ว
เว้นแต่จะมีอัพเดทซอฟท์แวร์ และมีโอกาส
จะเก็บรายปีอีกต่างหากฮะ

tesla นี่ผมมองว่า เหมือน iphone คือจับตลาดบน ขายแพงเน้นเสถียร   แต่ที่ผมมองคือ หลังจากนี้ มันจะมี ev ถูกๆ ต่ำล้าน ให้เลือกเพียบ เหมือนกับมือถือจีนหลายๆยี่ห้อนั่นแหล่ะครับ  ขายลูกเล่นการใช้งาน แต่ไม่ได้ทนทานอะไร เพราะราคาถูก  ซื้อมาไม่ถูกใจ ขายทิ้ง เปลี่ยนกันเป็นว่าเล่น บ้างก็ซื้อมารีวิว แล้วก็ขาย

ออฟไลน์ punn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,588
  • may the force lead your way ...
ตรงนี้ถ้ารายได้ของประชากรในประเทศเรายังไม่ปรับเปลี่ยนไปเหมือนที่ถูกแช่ใน 10 ปีที่ผ่านมา
วิถีชีวิตของคนก็ยังเหมือนเดิม แต่พวกผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ทำมาสำหรับวงจรชีวิตประเทศที่เจริญแล้ว
แต่ถ้าเราไม่อยู่ในกลุ่มที่เอาตัวรอดได้แบบนั้นเราก็มีโอกาสโดนลากให้ย่ำแย่ไปด้วย

ผมเลยมองว่าเป็นเทรนที่น่าเฝ้าติดตามดูเหมือนกัน

ว่าค่ายรถยนต์ไหนจะทำมาเผื่อสำหรับลูกค้ากลุ่มที่กำลังพัฒนาอยู่หรือเปล่า
ที่ทำให้รถยนต์สามารถดูแลซ่อมแซมง่ายและอายุใช้งานยาวนาน

ถ้าเทียบกับพวกมือถือคงเห็นภาพ เมื่อก่อนตัวท็อปๆยังมีประกัน service อัพเดทอยู่แค่ประมาณ 2-3 ปี
ตอนนี้ยังต้องพัฒนามาเป็นอัพเดทใน 5 ปีสำหรับตัวท็อปด้วยราคาที่สูงขึ้น

ในวงการอิเล็กทรอนิกส์ก็จะมีเกรดของผลิตภัณฑ์ที่อายุไข 10 ปีอัพ .. 5 ปี .. 3 ปี .. 1 ปี..ลดหลั่นกันมา
ถ้าการออกแบบผลิตภัณฑ์เผื่อไว้อย่างพวกรุ่นท็อปก็จะใช้เกรดของ 10 ปี
พวกรุ่นรองก็จะใช้เกรด 5 ปีพวกรุ่นล่างก็จะใช้เกรดประมาณ 2 ปี

นี่ยังไม่นับวัสดุรีไซเคิลที่จะเสื่อมสลายตัวเองในระยะ 5-10 ปี
อย่างที่เป็นปัญหาของรถจากต่างประเทศที่ผ่านๆมาที่พบเจอกัน

ก็ได้แต่ให้เวลาพิสูจน์ตัวเองกันต่อไปว่าจะซื้อรถแล้วติดดอยหรือไม่  :-\
เป็นคนโลกปกติธรรมดา :)
ไม่โลกสวย และไม่โลกมืด อยู่กับความเป็นจริงและพลังงานบวก ..

ปราชญ์สอนสิ่งไหน คนก็จะจำสิ่งนั้น
ประสบการณ์เจอแบบไหน คนก็จะคิดทางนั้น
ต่างคนต่างประสบการณ์เรียนรู้สิ่งเดียวกัน ก็จะออกมาแตกต่างกันไปครับ

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,386
    • อีเมล์
ไม่เสมอไปหรอกครับ

มันอยู่ที่คน และ ทุนทรัพย์ ไม่เกี่ยวกับยุคสมัย

คนที่ซื้อไหว คนมีตัง ไม่ต้องยุคนี้ ยุคต่อไป จะยุคไหนเขาก็ซื้อใหม่ ตลอด ทุก 5-7 ปี (หรืออย่าง 10 ปี)

แต่สำหรับบางคนเกิน 10 ปี ครับ

ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปก็จริง แต่รายได้เท่าเดิม เพิ่มเติมคือรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น มันก็ยังคงเดิม จะเอาเงินไหนไปซื้อให้ถี่ หรือ เร็วขึ้นละครับ

บ้านผมมีรถไฟฟ้า(ไม่ใช่รถยนต์) พอมีปัญหาเรื่องแบตเตอรี่ ก็เปลี่ยนเตอรี่ใหม่ ใช้งานต่อได้อีกเท่าตัว โดยที่อย่างอื่นยังปกติ ผมว่ามันกลับค่อนข้างทนและยาวนานเลยนะ

ท่านใดเคยเห็นรถกอล์ฟ หรือใช้รถกอล์ฟ จะเข้าใจดี ขนาดมันเก่าๆ สีลอก สีซีด อายุเยอะ ยังวิ่งกันเหมือนรถใหม่อยู่เลย

ออฟไลน์ nimnim_thailand

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 393
ไม่เสมอไปหรอกครับ

มันอยู่ที่คน และ ทุนทรัพย์ ไม่เกี่ยวกับยุคสมัย

คนที่ซื้อไหว คนมีตัง ไม่ต้องยุคนี้ ยุคต่อไป จะยุคไหนเขาก็ซื้อใหม่ ตลอด ทุก 5-7 ปี (หรืออย่าง 10 ปี)

แต่สำหรับบางคนเกิน 10 ปี ครับ

ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปก็จริง แต่รายได้เท่าเดิม เพิ่มเติมคือรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น มันก็ยังคงเดิม จะเอาเงินไหนไปซื้อให้ถี่ หรือ เร็วขึ้นละครับ

บ้านผมมีรถไฟฟ้า(ไม่ใช่รถยนต์) พอมีปัญหาเรื่องแบตเตอรี่ ก็เปลี่ยนเตอรี่ใหม่ ใช้งานต่อได้อีกเท่าตัว โดยที่อย่างอื่นยังปกติ ผมว่ามันกลับค่อนข้างทนและยาวนานเลยนะ

ท่านใดเคยเห็นรถกอล์ฟ หรือใช้รถกอล์ฟ จะเข้าใจดี ขนาดมันเก่าๆ สีลอก สีซีด อายุเยอะ ยังวิ่งกันเหมือนรถใหม่อยู่เลย

ผมมองภาพรวมคนส่วนใหญ่ครับ ไม่ได้มองคนรวยหรือจน เพราะถ้ามองรวยจน มันสรุปไม่ได้ ว่าคนรวยคือคนที่เปลี่ยนรถบ่อย หรือไม่เปลี่ยนเลย ใช้แต่รถคลาสสิค หายาก ..... ที่ผมมองคือคนส่วนใหญ่ของประเทศเลย ที่เวลานี้  รถป้ายแดงที่ขายอยู่ทุกปีคือ ร่วมๆล้านคัน บางปีต่ำกว่านิดหน่อย บางปีก็เกินล้านคัน และที่เป็นมือสองก็เดือนละ10000-20000 คัน ก็คือ ประมาณ 20%  แต่ผมมองว่า ตัวเลขนี้ น่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 11, 2022, 20:16:09 โดย nimnim_thailand »

ออฟไลน์ off_033

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,280
    • อีเมล์
3-5ปีเร็วไปครับ  บางคนยังผ่อนไม่หมดเลย  และส่วนใหญ่คงไม่อยากผ่อนตลอดชีวิตหรอก

คนซื้อมาใช้ก็หวัง 10ปี++ นั่นแหละ พอปีท้ายๆของการรับประกันก็เคลมแบตไปสักรอบนึงก็ใช้ต่อได้อีกหลายปี

และมีหวังเล็กๆว่าแบตจะถูกลง

ออฟไลน์ เต๋า AV

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,366
ไม่เสมอไปหรอกครับ

มันอยู่ที่คน และ ทุนทรัพย์ ไม่เกี่ยวกับยุคสมัย

คนที่ซื้อไหว คนมีตัง ไม่ต้องยุคนี้ ยุคต่อไป จะยุคไหนเขาก็ซื้อใหม่ ตลอด ทุก 5-7 ปี (หรืออย่าง 10 ปี)

แต่สำหรับบางคนเกิน 10 ปี ครับ

ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปก็จริง แต่รายได้เท่าเดิม เพิ่มเติมคือรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น มันก็ยังคงเดิม จะเอาเงินไหนไปซื้อให้ถี่ หรือ เร็วขึ้นละครับ

บ้านผมมีรถไฟฟ้า(ไม่ใช่รถยนต์) พอมีปัญหาเรื่องแบตเตอรี่ ก็เปลี่ยนเตอรี่ใหม่ ใช้งานต่อได้อีกเท่าตัว โดยที่อย่างอื่นยังปกติ ผมว่ามันกลับค่อนข้างทนและยาวนานเลยนะ

ท่านใดเคยเห็นรถกอล์ฟ หรือใช้รถกอล์ฟ จะเข้าใจดี ขนาดมันเก่าๆ สีลอก สีซีด อายุเยอะ ยังวิ่งกันเหมือนรถใหม่อยู่เลย

ผมมองภาพรวมคนส่วนใหญ่ครับ ไม่ได้มองคนรวยหรือจน เพราะถ้ามองรวยจน มันสรุปไม่ได้ ว่าคนรวยคือคนที่เปลี่ยนรถบ่อย หรือไม่เปลี่ยนเลย ใช้แต่รถคลาสสิค หายาก ..... ที่ผมมองคือคนส่วนใหญ่ของประเทศเลย ที่เวลานี้  รถป้ายแดงที่ขายอยู่ทุกปีคือ ร่วมๆล้านคัน บางปีต่ำกว่านิดหน่อย บางปีก็เกินล้านคัน และที่เป็นมือสองก็เดือนละ10000-20000 คัน ก็คือ ประมาณ 20%  แต่ผมมองว่า ตัวเลขนี้ น่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

แสดงว่ามองเฉพาะคนในตัวเมือง ไม่ได้มองไปที่คนในรอบนอก หรือชนบท สินะครับ
คนเหล่านี้ซื้อที คิดนาน ใช้นาน นานมาก 20ปี 30ปี เสียข้างทางก็ซ่อมได้เลยไม่ต้องรอช่างมาช่วย
และที่สำคัญคนเหล่านี้ยังเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ครับ
ถ้ารถ EV มาเขาก็จะมองหารถมือสอง ที่เป็นสันดาบแทน

งั้นถามกลับนะครับ ยุคไหนล่ะที่ จขกท. คิดว่ารถ EV จะซ่อมง่ายโดยไม่ต้องง่อช่างจากศูนย์ หรือรถสไล

ออฟไลน์ Fragile

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 375
คนที่ซื้อไหว คนมีตัง ไม่ต้องยุคนี้ ยุคต่อไป จะยุคไหนเขาก็ซื้อใหม่ ตลอด

+1

ออฟไลน์ nimnim_thailand

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 393
ไม่เสมอไปหรอกครับ

มันอยู่ที่คน และ ทุนทรัพย์ ไม่เกี่ยวกับยุคสมัย

คนที่ซื้อไหว คนมีตัง ไม่ต้องยุคนี้ ยุคต่อไป จะยุคไหนเขาก็ซื้อใหม่ ตลอด ทุก 5-7 ปี (หรืออย่าง 10 ปี)

แต่สำหรับบางคนเกิน 10 ปี ครับ

ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปก็จริง แต่รายได้เท่าเดิม เพิ่มเติมคือรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น มันก็ยังคงเดิม จะเอาเงินไหนไปซื้อให้ถี่ หรือ เร็วขึ้นละครับ

บ้านผมมีรถไฟฟ้า(ไม่ใช่รถยนต์) พอมีปัญหาเรื่องแบตเตอรี่ ก็เปลี่ยนเตอรี่ใหม่ ใช้งานต่อได้อีกเท่าตัว โดยที่อย่างอื่นยังปกติ ผมว่ามันกลับค่อนข้างทนและยาวนานเลยนะ

ท่านใดเคยเห็นรถกอล์ฟ หรือใช้รถกอล์ฟ จะเข้าใจดี ขนาดมันเก่าๆ สีลอก สีซีด อายุเยอะ ยังวิ่งกันเหมือนรถใหม่อยู่เลย

ผมมองภาพรวมคนส่วนใหญ่ครับ ไม่ได้มองคนรวยหรือจน เพราะถ้ามองรวยจน มันสรุปไม่ได้ ว่าคนรวยคือคนที่เปลี่ยนรถบ่อย หรือไม่เปลี่ยนเลย ใช้แต่รถคลาสสิค หายาก ..... ที่ผมมองคือคนส่วนใหญ่ของประเทศเลย ที่เวลานี้  รถป้ายแดงที่ขายอยู่ทุกปีคือ ร่วมๆล้านคัน บางปีต่ำกว่านิดหน่อย บางปีก็เกินล้านคัน และที่เป็นมือสองก็เดือนละ10000-20000 คัน ก็คือ ประมาณ 20%  แต่ผมมองว่า ตัวเลขนี้ น่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

แสดงว่ามองเฉพาะคนในตัวเมือง ไม่ได้มองไปที่คนในรอบนอก หรือชนบท สินะครับ
คนเหล่านี้ซื้อที คิดนาน ใช้นาน นานมาก 20ปี 30ปี เสียข้างทางก็ซ่อมได้เลยไม่ต้องรอช่างมาช่วย
และที่สำคัญคนเหล่านี้ยังเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ครับ
ถ้ารถ EV มาเขาก็จะมองหารถมือสอง ที่เป็นสันดาบแทน

งั้นถามกลับนะครับ ยุคไหนล่ะที่ จขกท. คิดว่ารถ EV จะซ่อมง่ายโดยไม่ต้องง่อช่างจากศูนย์ หรือรถสไล
ผมมองว่า มันจะเหมือนกับ มือถือ oppo vivo หน่ะครับ จะเครมที่ไหนก็ได้ ถ้าอยู่ในประกัน  ส่วนอู่ซ่อมรถ ก็เน้นรถน้ำมันไป  ซึ่งผมว่าไม่หายไปไหนหรอก เพียงแต่กลุ่มใช้งานจะเล็กลงเรื่อยๆ  แต่ ev นี่เกลื่อนตลาดแน่นอน ทุกครัวเรือนเข้าถึงได้ง่าย เลือกสเป็คได้แบบเหมือนเลือกรอมมือถือ เพราะหลายค่าย เข้ามาซื้อที่ในนิคมฯใหญ่ๆ ของเมืองไทยทำโรงงานกันหมดแล้ว  อนาคตไทยจะเป็นประเทศผลิต ev ส่งออกรายใหญ่  เวลานี้ รถใหม่ ขายได้ปีละ ล้านกว่าคัน แต่ผมว่า ยุค ev จะขายได้เกิน 2 ล้านคันต่อปี  อีกสัก 5 ปีข้างหน้า น่าจะเห็นภาพชัดขึ้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 11, 2022, 21:00:54 โดย nimnim_thailand »

ออฟไลน์ Symphonic

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,550
จะเอาเงินที่ไหนก่อนเหอะ เปลี่ยนบ่อยๆ อ่ะครับ

ที่ว่าจะออกใหม่กันบ่อยๆ คงไม่ใช่ด้วย
เทสล่าอ่ะ ลากขายกันมากี่ปีแล้ว
เว้นแต่จะมีอัพเดทซอฟท์แวร์ และมีโอกาส
จะเก็บรายปีอีกต่างหากฮะ

tesla นี่ผมมองว่า เหมือน iphone คือจับตลาดบน ขายแพงเน้นเสถียร   แต่ที่ผมมองคือ หลังจากนี้ มันจะมี ev ถูกๆ ต่ำล้าน ให้เลือกเพียบ เหมือนกับมือถือจีนหลายๆยี่ห้อนั่นแหล่ะครับ  ขายลูกเล่นการใช้งาน แต่ไม่ได้ทนทานอะไร เพราะราคาถูก  ซื้อมาไม่ถูกใจ ขายทิ้ง เปลี่ยนกันเป็นว่าเล่น บ้างก็ซื้อมารีวิว แล้วก็ขาย

อย่าลืมมมม ว่า ต่อให้ถูกกกก ยังไง รถมันก็ยังราคาหลักแสน ไม่ใช่ Gadget ที่มีราคาหลักร้อย หลักพัน

ทุกวันนี้ ถ้ารถที่ใช้อยู่มีอะไรเสียแล้วต้องซ่อมแค่หลักหมื่น นี่ก็คิดกันหนักไม่อยากจะเสียเงินซ่อมกันแล้วใช่มั้ย

และที่ผมคิดไว้เสมอ ๆ คือ อย่าเอา scenario ของรถสันดาปมาใช้กับ BEV 

เช่นที่คิดกันว่าเพราะราคาถูก (หลักแสน) ซื้อมาไม่ถูกใจก็ขายทิ้ง เปลี่ยนเป็นว่าเล่น   

พี่ต้องมองใน scenario ของการขายต่อรถ BEV ไม่ใช่มองแบบขายรถสันดาป

ถ้ายังไม่เห็นภาพชัด ให้พี่ลองเปลี่ยนมุม ถามตัวเองว่าถ้ามีคนมาเสนอขายรถ BEV มือสอง
พี่จะคิดยังไง  ต้องตรวจสอบอะไรบ้าง และพี่จะให้ราคาเท่าไหร่ ถ้าพี่ต้องเผื่อความเสี่ยง
ที่พี่อาจต้องเปลี่ยนแบต หรือ อุปกรณ์ใหญ่ ๆ ทั้งชุดในราคาหลักแสน หรือ หลาย ๆ แสน

นั่นล่ะครับ  มันจึงจะย้อนกลับมาถึงจุดตั้งต้นที่ว่า ถ้าซื้อมาแล้ว ขายต่อไม่ได้ราคาเลย
หรือขายแบบแทบจะทิ้งเงินทั้งก้อน  แล้วจะยังเปลี่ยนเร็วอยู่ไหมครับ

ออฟไลน์ nimnim_thailand

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 393
ตรงนี้ถ้ารายได้ของประชากรในประเทศเรายังไม่ปรับเปลี่ยนไปเหมือนที่ถูกแช่ใน 10 ปีที่ผ่านมา
วิถีชีวิตของคนก็ยังเหมือนเดิม แต่พวกผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ทำมาสำหรับวงจรชีวิตประเทศที่เจริญแล้ว
แต่ถ้าเราไม่อยู่ในกลุ่มที่เอาตัวรอดได้แบบนั้นเราก็มีโอกาสโดนลากให้ย่ำแย่ไปด้วย

ผมเลยมองว่าเป็นเทรนที่น่าเฝ้าติดตามดูเหมือนกัน

ว่าค่ายรถยนต์ไหนจะทำมาเผื่อสำหรับลูกค้ากลุ่มที่กำลังพัฒนาอยู่หรือเปล่า
ที่ทำให้รถยนต์สามารถดูแลซ่อมแซมง่ายและอายุใช้งานยาวนาน

ถ้าเทียบกับพวกมือถือคงเห็นภาพ เมื่อก่อนตัวท็อปๆยังมีประกัน service อัพเดทอยู่แค่ประมาณ 2-3 ปี
ตอนนี้ยังต้องพัฒนามาเป็นอัพเดทใน 5 ปีสำหรับตัวท็อปด้วยราคาที่สูงขึ้น

ในวงการอิเล็กทรอนิกส์ก็จะมีเกรดของผลิตภัณฑ์ที่อายุไข 10 ปีอัพ .. 5 ปี .. 3 ปี .. 1 ปี..ลดหลั่นกันมา
ถ้าการออกแบบผลิตภัณฑ์เผื่อไว้อย่างพวกรุ่นท็อปก็จะใช้เกรดของ 10 ปี
พวกรุ่นรองก็จะใช้เกรด 5 ปีพวกรุ่นล่างก็จะใช้เกรดประมาณ 2 ปี

นี่ยังไม่นับวัสดุรีไซเคิลที่จะเสื่อมสลายตัวเองในระยะ 5-10 ปี
อย่างที่เป็นปัญหาของรถจากต่างประเทศที่ผ่านๆมาที่พบเจอกัน

ก็ได้แต่ให้เวลาพิสูจน์ตัวเองกันต่อไปว่าจะซื้อรถแล้วติดดอยหรือไม่  :-\
  เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นครับ ประเทศไทยจะเนื้อหอมจากเงินทุนไหลเข้า ไปอีกหลายปีเลย เวลานี้ ที่ดินในนิคม หลายๆแห่ง ถูกกว้านซื้อเพื่อสร้างโรงงาน เฉพาะที่เกี่ยวกับ ev ก็เยอะ แต่อนาคต จะเป็นเรื่องของการให้ต่างชาติเข้ามาอยู่ โดยเฉพาะวัยเกษียณ  เวลานี้ ราคาที่ดิน และค่าครองชีพ ของไทย ถูกจับจ้องจากชาติยุโรป อเมริกา และชาวจีน อีกไม่นานจะได้เห็นการเคลื่อนทัพครั้งใหญ่

ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,126
    • อีเมล์
การเปลี่ยนรถบ่อยหรือไม่สำหรับผม คืออยู่ที่เงินล้วนๆครับ

โดยทั่วไปเนี่ย รถที่ซื้ออยู่ผมจะผ่อน 5 ปี ทุกคันเป็นเกณต์เลย คือถ้าผ่อนหมด 5 ปี แล้วจะเปลี่ยนใหม่ ก็คงต้องดูการเงินในตอนนั้นว่าพร้อมหรือยัง

ส่วนรถไฟฟ้าอาจจะเป็นไปได้ว่า คนที่ใช้รถไฟฟ้า อาจจะเปลี่ยนไว ก็ด้วยความที่ไม่มั่นใจนั่นแหละ คืออาจจะขายก่อนที่มันจะพัง ยังมีราคากว่าให้มันพังแล้วค่อยขาย

และก็เห็นด้วยที่ว่า คนมีเงินอะครับ เค้าจะเปลี่ยนรถกันบ่อย เฉลี่ย 3-4 ปี จากที่ผมเห็นๆนะ เพราะการเงินเค้าพร้อม รุ่นใหม่มา และคันที่ใช้อยู่หมดวารันตี ก็ขายเลย เทรินรุ่นใหม่มาขับ คนกลุ่มนี้มีเยอะ

ส่วนคนกลางๆ ก็ รอโบนัสบ้าง รอเก็บเงินบ้าง รอลูกเรียนจบบ้าง อะไรแบบนี้แหละ

PKS8

  • บุคคลทั่วไป
ส่วนตัวผมมองตรงกันข้ามกันเลย ที่คนแห่มาเปลี่ยนจากรถน้ำมัน เพราะมันมีหลายเหตุผลที่ชวนให้น่าเปลี่ยน

แล้วโครงสร้างมันชัดเจนตั้งแต่แนวคิดการทำรถแล้วครับ รถ EV ออกแบบมาให้จุกจิกน้อยกว่ารถน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา 8-10 ปีต่ำกว่ารถน้ำมันเยอะ ผมใช้รถน้ำมัน 8-15 ปี มาตลอด น่าเบื่อมากกับพวกท่อยาง ประเก็น ซีลต่างๆ มันมีทั้งตัวเครื่อง หม้อน้ำ เกียร์ พอถึงอายุมันทยอยซึมมาเรื่อยๆ จุกจิกมากๆ เป็นเหตุผลหลักๆที่ผมลองตัดใจขายทิ้งไปหลายคันแล้วจองวัดดวงกับ EV ดู ส่วนเรื่องราคาขายต่อผมไม่เชื่อหรอกครับว่ามันจะไม่มีค่าเลย แบตมันไม่ได้ 9 ปีปุ๊บเสื่อมต้องเปลี่ยนเลย มันมี Cycle ของมัน กว่าจะครบ Cycle หมดอายุ คุ้มทุนค่าน้ำมันค่าซ่อมไปไกลแล้วครับ

ถ้าค่าไฟไม่อยู่ๆก็แพงแบบก้าวกระโดดจัดๆ ผมมองว่าคนใช้รถ EV ได้ยาว 8-10 ปี และกลับกันถ้าสถานีชาร์จผุดขึ้นเยอะ ถี่ขึ้น รถน้ำมันที่ถือคู่กับ EV อาจจะมีขายออกมากันเยอะ

ออฟไลน์ nimnim_thailand

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 393
ส่วนตัวผมมองตรงกันข้ามกันเลย ที่คนแห่มาเปลี่ยนจากรถน้ำมัน เพราะมันมีหลายเหตุผลที่ชวนให้น่าเปลี่ยน

แล้วโครงสร้างมันชัดเจนตั้งแต่แนวคิดการทำรถแล้วครับ รถ EV ออกแบบมาให้จุกจิกน้อยกว่ารถน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา 8-10 ปีต่ำกว่ารถน้ำมันเยอะ ผมใช้รถน้ำมัน 8-15 ปี มาตลอด น่าเบื่อมากกับพวกท่อยาง ประเก็น ซีลต่างๆ มันมีทั้งตัวเครื่อง หม้อน้ำ เกียร์ พอถึงอายุมันทยอยซึมมาเรื่อยๆ จุกจิกมากๆ เป็นเหตุผลหลักๆที่ผมลองตัดใจขายทิ้งไปหลายคันแล้วจองวัดดวงกับ EV ดู ส่วนเรื่องราคาขายต่อผมไม่เชื่อหรอกครับว่ามันจะไม่มีค่าเลย แบตมันไม่ได้ 9 ปีปุ๊บเสื่อมต้องเปลี่ยนเลย มันมี Cycle ของมัน กว่าจะครบ Cycle หมดอายุ คุ้มทุนค่าน้ำมันค่าซ่อมไปไกลแล้วครับ

ถ้าค่าไฟไม่อยู่ๆก็แพงแบบก้าวกระโดดจัดๆ ผมมองว่าคนใช้รถ EV ได้ยาว 8-10 ปี และกลับกันถ้าสถานีชาร์จผุดขึ้นเยอะ ถี่ขึ้น รถน้ำมันที่ถือคู่กับ EV อาจจะมีขายออกมากันเยอะ
เวลานี้ ผมได้ข้อมูลรถมือสอง ที่เข้าสู่ตลาด เยอะมากเป็นประวัติการเลยครับ รอดูยอดจอง ev สักกลางปีหน้า จะมีตัวเลข เท่าไหร่ จะทะลุแสนคันได้ไหม ตอนนี้ คร่าวๆเกิน 4 หมื่นคันแน่ๆแล้ว  วงการยานยนต์อนาคตคึกคักแน่นอน

PKS8

  • บุคคลทั่วไป
ส่วนตัวผมมองตรงกันข้ามกันเลย ที่คนแห่มาเปลี่ยนจากรถน้ำมัน เพราะมันมีหลายเหตุผลที่ชวนให้น่าเปลี่ยน

แล้วโครงสร้างมันชัดเจนตั้งแต่แนวคิดการทำรถแล้วครับ รถ EV ออกแบบมาให้จุกจิกน้อยกว่ารถน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา 8-10 ปีต่ำกว่ารถน้ำมันเยอะ ผมใช้รถน้ำมัน 8-15 ปี มาตลอด น่าเบื่อมากกับพวกท่อยาง ประเก็น ซีลต่างๆ มันมีทั้งตัวเครื่อง หม้อน้ำ เกียร์ พอถึงอายุมันทยอยซึมมาเรื่อยๆ จุกจิกมากๆ เป็นเหตุผลหลักๆที่ผมลองตัดใจขายทิ้งไปหลายคันแล้วจองวัดดวงกับ EV ดู ส่วนเรื่องราคาขายต่อผมไม่เชื่อหรอกครับว่ามันจะไม่มีค่าเลย แบตมันไม่ได้ 9 ปีปุ๊บเสื่อมต้องเปลี่ยนเลย มันมี Cycle ของมัน กว่าจะครบ Cycle หมดอายุ คุ้มทุนค่าน้ำมันค่าซ่อมไปไกลแล้วครับ

ถ้าค่าไฟไม่อยู่ๆก็แพงแบบก้าวกระโดดจัดๆ ผมมองว่าคนใช้รถ EV ได้ยาว 8-10 ปี และกลับกันถ้าสถานีชาร์จผุดขึ้นเยอะ ถี่ขึ้น รถน้ำมันที่ถือคู่กับ EV อาจจะมีขายออกมากันเยอะ
เวลานี้ ผมได้ข้อมูลรถมือสอง ที่เข้าสู่ตลาด เยอะมากเป็นประวัติการเลยครับ รอดูยอดจอง ev สักกลางปีหน้า จะมีตัวเลข เท่าไหร่ จะทะลุแสนคันได้ไหม ตอนนี้ คร่าวๆเกิน 4 หมื่นคันแน่ๆแล้ว  วงการยานยนต์อนาคตคึกคักแน่นอน

จะบอกว่า รถน้ำมันที่บ้านที่ผมปล่อยๆไป ขายรอนานมาก คือถ้าตั้งราคาเบียดๆกัน หรือแพงกว่า (เพราะรถผมวิ่งน้อย จอดในร่ม แต่ปีเก่า) หมดสิทธิ์เลย คนมาต่อตัดใจขายๆไป แล้วหน้าฟีดในคลับคือลงขายกันอย่างเยอะ มองอีกมุมเป็นโอกาสของคนจ้องมือสองล่ะครับราคาตกเยอะ

ออฟไลน์ Chitta_P

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 268
ส่วนตัวผมมองตรงกันข้ามกันเลย ที่คนแห่มาเปลี่ยนจากรถน้ำมัน เพราะมันมีหลายเหตุผลที่ชวนให้น่าเปลี่ยน

แล้วโครงสร้างมันชัดเจนตั้งแต่แนวคิดการทำรถแล้วครับ รถ EV ออกแบบมาให้จุกจิกน้อยกว่ารถน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา 8-10 ปีต่ำกว่ารถน้ำมันเยอะ ผมใช้รถน้ำมัน 8-15 ปี มาตลอด น่าเบื่อมากกับพวกท่อยาง ประเก็น ซีลต่างๆ มันมีทั้งตัวเครื่อง หม้อน้ำ เกียร์ พอถึงอายุมันทยอยซึมมาเรื่อยๆ จุกจิกมากๆ เป็นเหตุผลหลักๆที่ผมลองตัดใจขายทิ้งไปหลายคันแล้วจองวัดดวงกับ EV ดู ส่วนเรื่องราคาขายต่อผมไม่เชื่อหรอกครับว่ามันจะไม่มีค่าเลย แบตมันไม่ได้ 9 ปีปุ๊บเสื่อมต้องเปลี่ยนเลย มันมี Cycle ของมัน กว่าจะครบ Cycle หมดอายุ คุ้มทุนค่าน้ำมันค่าซ่อมไปไกลแล้วครับ

ถ้าค่าไฟไม่อยู่ๆก็แพงแบบก้าวกระโดดจัดๆ ผมมองว่าคนใช้รถ EV ได้ยาว 8-10 ปี และกลับกันถ้าสถานีชาร์จผุดขึ้นเยอะ ถี่ขึ้น รถน้ำมันที่ถือคู่กับ EV อาจจะมีขายออกมากันเยอะ

ชิ้นส่วนน้อยกว่า แต่เปลี่ยนทีคือตัวเป้งๆทั้งนั้น
กลับกัน พวกซีล ปะเก็น หรืออุปกรณ์ในรถสันดาปมันเปลี่ยนทีละชิ้น หรือซ่อมตามอาการแล้วใช้ต่อได้นะครับ
Life is short and the world is wide...

ออฟไลน์ nimnim_thailand

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 393
ส่วนตัวผมมองตรงกันข้ามกันเลย ที่คนแห่มาเปลี่ยนจากรถน้ำมัน เพราะมันมีหลายเหตุผลที่ชวนให้น่าเปลี่ยน

แล้วโครงสร้างมันชัดเจนตั้งแต่แนวคิดการทำรถแล้วครับ รถ EV ออกแบบมาให้จุกจิกน้อยกว่ารถน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา 8-10 ปีต่ำกว่ารถน้ำมันเยอะ ผมใช้รถน้ำมัน 8-15 ปี มาตลอด น่าเบื่อมากกับพวกท่อยาง ประเก็น ซีลต่างๆ มันมีทั้งตัวเครื่อง หม้อน้ำ เกียร์ พอถึงอายุมันทยอยซึมมาเรื่อยๆ จุกจิกมากๆ เป็นเหตุผลหลักๆที่ผมลองตัดใจขายทิ้งไปหลายคันแล้วจองวัดดวงกับ EV ดู ส่วนเรื่องราคาขายต่อผมไม่เชื่อหรอกครับว่ามันจะไม่มีค่าเลย แบตมันไม่ได้ 9 ปีปุ๊บเสื่อมต้องเปลี่ยนเลย มันมี Cycle ของมัน กว่าจะครบ Cycle หมดอายุ คุ้มทุนค่าน้ำมันค่าซ่อมไปไกลแล้วครับ

ถ้าค่าไฟไม่อยู่ๆก็แพงแบบก้าวกระโดดจัดๆ ผมมองว่าคนใช้รถ EV ได้ยาว 8-10 ปี และกลับกันถ้าสถานีชาร์จผุดขึ้นเยอะ ถี่ขึ้น รถน้ำมันที่ถือคู่กับ EV อาจจะมีขายออกมากันเยอะ
เวลานี้ ผมได้ข้อมูลรถมือสอง ที่เข้าสู่ตลาด เยอะมากเป็นประวัติการเลยครับ รอดูยอดจอง ev สักกลางปีหน้า จะมีตัวเลข เท่าไหร่ จะทะลุแสนคันได้ไหม ตอนนี้ คร่าวๆเกิน 4 หมื่นคันแน่ๆแล้ว  วงการยานยนต์อนาคตคึกคักแน่นอน

จะบอกว่า รถน้ำมันที่บ้านที่ผมปล่อยๆไป ขายรอนานมาก คือถ้าตั้งราคาเบียดๆกัน หรือแพงกว่า (เพราะรถผมวิ่งน้อย จอดในร่ม แต่ปีเก่า) หมดสิทธิ์เลย คนมาต่อตัดใจขายๆไป แล้วหน้าฟีดในคลับคือลงขายกันอย่างเยอะ มองอีกมุมเป็นโอกาสของคนจ้องมือสองล่ะครับราคาตกเยอะ
ใช่ครับ เวลานี้รถเข้าสู่ตลาดมือสองเยอะมากครับ ใครคิดจะวิ่งเข้าเต้นท์ขาย รับรองโดนต่อราคาจนทำใจขายไม่ได้แน่นอน เฉพาะ ที่ไฟแนนท์ยึดเข้ามาเวลานี้ เยอะเต็มลานจอด รอคิวเข้าประมูล ร่วมๆวันละ2-3พันคันแล้วครับ ไม่รู้ว่า ทิ้งรถเพราะอยากเปลี่ยนรถ หรือไปต่อไม่ไหวกันแน่ แต่หลายส่วนก็มีคืนรถ เพื่อที่จะไปหา ev เพราะสู้ค่าน้ำมันไม่ไหว โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนที่เคยจ่ายค่าน้ำมันจากเดือนละหมื่นกว่า เป็น 3 หมื่น สู้เอาค่าน้ำมันมาผ่อนจ่าย แล้วยอมเสียเวลาชาร์ทหน่อย ก็ยังเหลือใช้

ออฟไลน์ nimnim_thailand

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 393
ส่วนตัวผมมองตรงกันข้ามกันเลย ที่คนแห่มาเปลี่ยนจากรถน้ำมัน เพราะมันมีหลายเหตุผลที่ชวนให้น่าเปลี่ยน

แล้วโครงสร้างมันชัดเจนตั้งแต่แนวคิดการทำรถแล้วครับ รถ EV ออกแบบมาให้จุกจิกน้อยกว่ารถน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา 8-10 ปีต่ำกว่ารถน้ำมันเยอะ ผมใช้รถน้ำมัน 8-15 ปี มาตลอด น่าเบื่อมากกับพวกท่อยาง ประเก็น ซีลต่างๆ มันมีทั้งตัวเครื่อง หม้อน้ำ เกียร์ พอถึงอายุมันทยอยซึมมาเรื่อยๆ จุกจิกมากๆ เป็นเหตุผลหลักๆที่ผมลองตัดใจขายทิ้งไปหลายคันแล้วจองวัดดวงกับ EV ดู ส่วนเรื่องราคาขายต่อผมไม่เชื่อหรอกครับว่ามันจะไม่มีค่าเลย แบตมันไม่ได้ 9 ปีปุ๊บเสื่อมต้องเปลี่ยนเลย มันมี Cycle ของมัน กว่าจะครบ Cycle หมดอายุ คุ้มทุนค่าน้ำมันค่าซ่อมไปไกลแล้วครับ

ถ้าค่าไฟไม่อยู่ๆก็แพงแบบก้าวกระโดดจัดๆ ผมมองว่าคนใช้รถ EV ได้ยาว 8-10 ปี และกลับกันถ้าสถานีชาร์จผุดขึ้นเยอะ ถี่ขึ้น รถน้ำมันที่ถือคู่กับ EV อาจจะมีขายออกมากันเยอะ

ชิ้นส่วนน้อยกว่า แต่เปลี่ยนทีคือตัวเป้งๆทั้งนั้น
กลับกัน พวกซีล ปะเก็น หรืออุปกรณ์ในรถสันดาปมันเปลี่ยนทีละชิ้น หรือซ่อมตามอาการแล้วใช้ต่อได้นะครับ
ถ้าเรื่องความทนทาน หรือการบำรุงรักษา ผมก็ยังมองว่า รถน้ำมัน เสถียรกว่าเยอะครับ เพราะบ้านผม toyota  ln มันคือรถที่มั่นใจ มันไม่เสีย จอดทิ้งไวเป็นเดือน แล้วสตาร์ทก็ยังติด แต่รถยุคใหม่ จอดนานไม่ได้ เพราะต้องการระบบไฟเลี้ยงเยอะ ไม่สตาร์ทแบตก็หมด และเสื่อมไว แถมอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ หรือ ic ต่างๆ มันพร้อมเสียได้ตลอดเวลา และอุปกรณ์ไฟฟ้าพวกนี้ ไม่ใช่งานก็ยิ่งเสียไว

PKS8

  • บุคคลทั่วไป
ส่วนตัวผมมองตรงกันข้ามกันเลย ที่คนแห่มาเปลี่ยนจากรถน้ำมัน เพราะมันมีหลายเหตุผลที่ชวนให้น่าเปลี่ยน

แล้วโครงสร้างมันชัดเจนตั้งแต่แนวคิดการทำรถแล้วครับ รถ EV ออกแบบมาให้จุกจิกน้อยกว่ารถน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา 8-10 ปีต่ำกว่ารถน้ำมันเยอะ ผมใช้รถน้ำมัน 8-15 ปี มาตลอด น่าเบื่อมากกับพวกท่อยาง ประเก็น ซีลต่างๆ มันมีทั้งตัวเครื่อง หม้อน้ำ เกียร์ พอถึงอายุมันทยอยซึมมาเรื่อยๆ จุกจิกมากๆ เป็นเหตุผลหลักๆที่ผมลองตัดใจขายทิ้งไปหลายคันแล้วจองวัดดวงกับ EV ดู ส่วนเรื่องราคาขายต่อผมไม่เชื่อหรอกครับว่ามันจะไม่มีค่าเลย แบตมันไม่ได้ 9 ปีปุ๊บเสื่อมต้องเปลี่ยนเลย มันมี Cycle ของมัน กว่าจะครบ Cycle หมดอายุ คุ้มทุนค่าน้ำมันค่าซ่อมไปไกลแล้วครับ

ถ้าค่าไฟไม่อยู่ๆก็แพงแบบก้าวกระโดดจัดๆ ผมมองว่าคนใช้รถ EV ได้ยาว 8-10 ปี และกลับกันถ้าสถานีชาร์จผุดขึ้นเยอะ ถี่ขึ้น รถน้ำมันที่ถือคู่กับ EV อาจจะมีขายออกมากันเยอะ

ชิ้นส่วนน้อยกว่า แต่เปลี่ยนทีคือตัวเป้งๆทั้งนั้น
กลับกัน พวกซีล ปะเก็น หรืออุปกรณ์ในรถสันดาปมันเปลี่ยนทีละชิ้น หรือซ่อมตามอาการแล้วใช้ต่อได้นะครับ

นี่แหละครับ ที่ผมบอกว่าผมลองวัดดวงดู เพราะผมเองก็อยากรู้ว่ามันจริงมั้ยที่มันทนกว่า ซึ่งการรับประกันอย่าง BYD 8 ปี ก็ค่อนข้างช่วยให้ตัดสินใจง่ายหน่อย (ถ้ามันไม่พับเสื่อกลับบ้านไปก่อนนะ)

ส่วนพวกซีล ท่อ ปะเก็น มันเปลี่ยนทีล่ะชิ้นได้จริง แต่รถผมแต่ล่ะคันกว่าจะรื้อมาเปลี่ยนได้ มันรื้อเยอะ ถ้าทยอยเปลี่ยน ส่วนตัวผมมองยังไงก็ไม่คุ้ม เพราะอายุมันมา จะเสี่ยงทีล่ะชิ้นเกิดไปซึมทางไกลนี่ยุ่งเลย ผมก็ต้องเปลี่ยนยกชุดอยู่ดี ท่อน้ำก็เหมือนกัน เริ่มร้าวเส้นเดียวผมก็ยกทั้งชุดเลยครับ เผลอๆต้องลามไปเปลี่ยนหม้อน้ำเลยทีเดียวด้วยซ้ำถ้ายังไม่เคยเปลี่ยนนะแล้วอายุหรือไมล์มันใกล้แล้ว ยิ่งซีลเกียร์นี่หนักเลย เอาลงมาแล้วต้องเคลียร์ให้จบ เปลี่ยนให้หมด ไม่งั้นค่าแรงซ้ำซ้อน

ความเห็นส่วนตัวเฉยๆนะ ยิ่งตอนขายมือสองนะคนซื้อนี่ซักประวัติซ่อมยับเลย ต่อทุกเม็ดไอ้นั่นใกล้จะพังแล้ว ไอ้นี่เริ่มจะหลวมแล้ว ซื้อแล้วต้องไปซ่อมเท่าไหร่ 55

ออฟไลน์ NINENOI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,702
  • Nine & Knight
โดยรวมผมว่าเร็วขึ้นครับ สาเหตุอื่นนอกจากรถไฟฟ้าเริ่มเข้ามา รถเก่าๆค่าแรงกับค่าอะไหล่ไม่ได้ถูกลงตามความเก่า บ.รถก็ไม่ได้ผลิตให้เน้นทน อุปกรณ์สมัยใหม่ก็เยอะขึ้นพอเก่าพอรวนก็ต้องซ่อมเยอะขึ้นจนกลายเป็นไม่คุ้ม สุดท้ายก็ต้องออกใหม่ไปเอง
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น

ออฟไลน์ Symphonic

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,550

อย่าหาว่าผมจับผิด หรือ กวนนะครับ

1. ถ้า ณ เวลานึงที่รถน้ำมันถูกปล่อยขายออกตลาดมือสองเยอะ ๆ จนขายยาก
    ราคาตกต่ำ ผมคิดว่า รถ BEV เปลี่ยนมือก็จะยิ่งขายยากกว่าและราคาก็ไม่น่าจะดี

2.ถ้า มนุษย์เงินเดือนจ่ายค่าน้ำมันเดือนละเป็น 3 หมื่น
   3 หมื่น ผมตีให้ เกือบ ๆ 1000 ลิตร   
    1000 ลิตร ก็วิ่งกันเกิน 10,000 กม.
     10,000 กม. ใน 1 เดือน ก็วิ่งกันวันละ 300-500 กม.
      300 - 500 กม.  ใช้เวลา 5-8 ชม.
      แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปชาร์จไฟครับ
      และต้องมีการชาร์จอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน
      เพราะรถใช้งานจริง ชาร์จเต็มหนึ่งครั้งก็วิ่งได้ปริ่ม ๆ 3xx กม.เอง

   ถ้ามนุษย์เงินเดือนใช้รถขนาดนั้น BEV คงไม่รอด
 
   

ออฟไลน์ XMSL

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 829
จากเกียร์ธรรมดา เป็นเกียร์ออโต้ จากรถขับเอง ก็อาจจะกลายเป็นขับขี่อัตโนมัติในไม่นาน ถึงตอนนั้นอาจจะไม่มีรถยนต์อะไรให้ต้องเป็นเจ้าของและต้องเปลี่ยนคันอีกต่อไป มีแต่การโดยสารหรือการเดินทางที่ใช้นิ้ว/เสียงสั่งเอา anything as a services.

ออฟไลน์ arya

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 525

อย่าหาว่าผมจับผิด หรือ กวนนะครับ

1. ถ้า ณ เวลานึงที่รถน้ำมันถูกปล่อยขายออกตลาดมือสองเยอะ ๆ จนขายยาก
    ราคาตกต่ำ ผมคิดว่า รถ BEV เปลี่ยนมือก็จะยิ่งขายยากกว่าและราคาก็ไม่น่าจะดี

2.ถ้า มนุษย์เงินเดือนจ่ายค่าน้ำมันเดือนละเป็น 3 หมื่น
   3 หมื่น ผมตีให้ เกือบ ๆ 1000 ลิตร   
    1000 ลิตร ก็วิ่งกันเกิน 10,000 กม.
     10,000 กม. ใน 1 เดือน ก็วิ่งกันวันละ 300-500 กม.
      300 - 500 กม.  ใช้เวลา 5-8 ชม.
      แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปชาร์จไฟครับ
      และต้องมีการชาร์จอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน
      เพราะรถใช้งานจริง ชาร์จเต็มหนึ่งครั้งก็วิ่งได้ปริ่ม ๆ 3xx กม.เอง

   ถ้ามนุษย์เงินเดือนใช้รถขนาดนั้น BEV คงไม่รอด
 
 

มนุษย์เงินเดือน หรือคนขับแท็กซี่คับ ขับเยอะขนาดใช้ค่าน้ำมันเดือนละ 30,000 บาท

555 ขำๆนะคับ ผมว่าผมทำธุรกิจส่วนตัว วันๆวิ่งรถไปธุระค่อนข้างเยอะ ไหนจะวิ่งไป ตจว ตอนวีคเอนด์  ยังใช้ไม่ถึงขนาดนั้น

ออฟไลน์ REX

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 804
อาจจะเปลี่ยนเร็วขึ้นถ้าขับ BEV นะ
ในรถสันดาป ความก้าวหน้ามันค่อยๆไป แต่รถ BEV ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น
สมมุติ 5 ปีผ่านไป รุ่นถัดไปออกมาขาย
ประสิทธิภาพรถ คุณภาพแบต ฯลฯ จะดีกว่ามากๆ นั่นคือตัวยั่วยวนกิเลสให้ต้องอยากเปลี่ยนคันใหม่
ถ้าไม่ติดขัดเรื่องเงินนะ

ส่วนรถยนต์ใช้น้ำมัน เดี๋ยวคงได้เปลี่ยนไวขึ้นก่อนราคาตก
เพราะรัฐบาลก็ต้องออกนโยบายกีดกันการใช้งาน
และคงสนับสนุนให้แปลงรถน้ำมันเป็นไฟฟ้า 
ก็เล่นไปรับปากแล้วนี่ว่า จะเป็น carbon neutral ปี 2050 แล้วนี่



ออฟไลน์ dht_tubes

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,608
    • อีเมล์
รถมือสองเพิ่มเยอะ บอกเราได้ว่า คนเปลี่ยนรถสันดาป เพื่อไปลอง ev กันหมด คงไม่ขนาดนั้นนะครับ

ไม่ใช่ เงินหมดผ่อนต่อไม่ไหว โดนยึด หรือเก่ามากซ่อมไม่คุ้ม

ยอมขายคันเก่า ผ่อนรถดาดๆ มาทำมาหากินหรือเปล่าครับ

สัดส่วนรถยนต์นั่ง กับ รถกึ่งพาณิชย์อย่างกระบะ ที่ผมมองว่ากลุ่มนี้ไม่มอง ev ด้วยซ้ำ

ตัวเลขที่ว่า ถ้าจะเอามาเป็นดรรชนีวัด คงต้องลงรายละเอียดกันอีกนะผมว่า

ออฟไลน์ berzerk

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 44
ผมว่าอาจจะเร็วขึ้นในรถบางกลุ่ม บางคน เช่นลงกลุ่มรถ ev
แต่คนส่วนใหญ่​ของประเทศไม่ได้มีรายได้ขนาดเปลี่ยนรถได้บ่อยๆ ซึ่งอย่างไงก็ต้องมีการลากใช้งานเป็น 10 ปี

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,386
    • อีเมล์
ไม่เสมอไปหรอกครับ

มันอยู่ที่คน และ ทุนทรัพย์ ไม่เกี่ยวกับยุคสมัย

คนที่ซื้อไหว คนมีตัง ไม่ต้องยุคนี้ ยุคต่อไป จะยุคไหนเขาก็ซื้อใหม่ ตลอด ทุก 5-7 ปี (หรืออย่าง 10 ปี)

แต่สำหรับบางคนเกิน 10 ปี ครับ

ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปก็จริง แต่รายได้เท่าเดิม เพิ่มเติมคือรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น มันก็ยังคงเดิม จะเอาเงินไหนไปซื้อให้ถี่ หรือ เร็วขึ้นละครับ

บ้านผมมีรถไฟฟ้า(ไม่ใช่รถยนต์) พอมีปัญหาเรื่องแบตเตอรี่ ก็เปลี่ยนเตอรี่ใหม่ ใช้งานต่อได้อีกเท่าตัว โดยที่อย่างอื่นยังปกติ ผมว่ามันกลับค่อนข้างทนและยาวนานเลยนะ

ท่านใดเคยเห็นรถกอล์ฟ หรือใช้รถกอล์ฟ จะเข้าใจดี ขนาดมันเก่าๆ สีลอก สีซีด อายุเยอะ ยังวิ่งกันเหมือนรถใหม่อยู่เลย

ผมมองภาพรวมคนส่วนใหญ่ครับ ไม่ได้มองคนรวยหรือจน เพราะถ้ามองรวยจน มันสรุปไม่ได้ ว่าคนรวยคือคนที่เปลี่ยนรถบ่อย หรือไม่เปลี่ยนเลย ใช้แต่รถคลาสสิค หายาก ..... ที่ผมมองคือคนส่วนใหญ่ของประเทศเลย ที่เวลานี้  รถป้ายแดงที่ขายอยู่ทุกปีคือ ร่วมๆล้านคัน บางปีต่ำกว่านิดหน่อย บางปีก็เกินล้านคัน และที่เป็นมือสองก็เดือนละ10000-20000 คัน ก็คือ ประมาณ 20%  แต่ผมมองว่า ตัวเลขนี้ น่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

ผมก็ไม่เห็นคุณระบุใจคำถาม ตรงไหนนิครับ ว่า หมายถึงกลุ่มไหน ยังไง ในเมือง นอกเมือง รวยหรือจน

ตอนนี้ผมใช้รถคันละ 2-3 ล้าน มีรถอยู่ 3 คัน อยู่กรุงเทพฯ วัยทำงาน ใช้งานในกรุงเทพฯ เรียกว่า ผมเป็นคนทำงานทั่วๆ ไปก็ได้ แค่ทำงานหาเงินซื้อเองได้ ไม่ได้มีตังมากมาย

ผมใช่กลุ่มที่คุณหมายถึงหรือไม่ครับ

ถ้าผมเป็นกลุ่มที่ใช่ในคำถามของคุณ

ผมก็ตอบว่า ผมไม่ได้เปลี่ยนรถไวขึ้นครับ ผมกลับมองว่า ถ้าผมใช้รถ BEV ถ้ามันไม่ได้ผุ เน่า เละ หรือ สภาพโดยรวมโทรมเกินไป ผมจะใช้ BEV ยาวขึ้้นกว่ารถ น้ำมัน ซะด้วยซ้ำ

เพราะรถ BEV หรือรถ PHEV มันไม่ใช่รถที่ซื้อมาใช้แล้วขาย เพราะราคามือสองมันร่วง ยิ่ง BEV ยิ่งร่วมหนัก ดังนั้น การใช้งานผมกะใช้งานยาวๆ ไปเลยครับ

และการรับประกันแบตเตอรี่เขาค่อนข้างนาน รถ ICE บางคนขับไม่ถึงแสนโล ก็ขายแล้ว แต่ BEV เขาว่ากันที่เกือบ 2 แสนโลขึ้นไป

บางเจ้า บางยี่ห้อ เขาพิสูจน์ตัวเอง(ในเมืองนอก) มาแล้ว ว่ากันที่ วิ่ง 3-5 แสนโลโน่น แบตเตอรี่เสื่อมสภาพไปประมาณ 10% เอง บางเจ้าเขาคาดว่า 8-1 ล้านกิโลเมตรโน่น ตาม Circle การชาร์จที่เขาเครมไว้

หรือถ้าผมไม่ใช่กลุ่มที่คุณหมายถึง ก็จบไปครับ

ออฟไลน์ nimnim_thailand

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 393

อย่าหาว่าผมจับผิด หรือ กวนนะครับ

1. ถ้า ณ เวลานึงที่รถน้ำมันถูกปล่อยขายออกตลาดมือสองเยอะ ๆ จนขายยาก
    ราคาตกต่ำ ผมคิดว่า รถ BEV เปลี่ยนมือก็จะยิ่งขายยากกว่าและราคาก็ไม่น่าจะดี

2.ถ้า มนุษย์เงินเดือนจ่ายค่าน้ำมันเดือนละเป็น 3 หมื่น
   3 หมื่น ผมตีให้ เกือบ ๆ 1000 ลิตร   
    1000 ลิตร ก็วิ่งกันเกิน 10,000 กม.
     10,000 กม. ใน 1 เดือน ก็วิ่งกันวันละ 300-500 กม.
      300 - 500 กม.  ใช้เวลา 5-8 ชม.
      แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปชาร์จไฟครับ
      และต้องมีการชาร์จอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน
      เพราะรถใช้งานจริง ชาร์จเต็มหนึ่งครั้งก็วิ่งได้ปริ่ม ๆ 3xx กม.เอง

   ถ้ามนุษย์เงินเดือนใช้รถขนาดนั้น BEV คงไม่รอด
 
 

มนุษย์เงินเดือน หรือคนขับแท็กซี่คับ ขับเยอะขนาดใช้ค่าน้ำมันเดือนละ 30,000 บาท

555 ขำๆนะคับ ผมว่าผมทำธุรกิจส่วนตัว วันๆวิ่งรถไปธุระค่อนข้างเยอะ ไหนจะวิ่งไป ตจว ตอนวีคเอนด์  ยังใช้ไม่ถึงขนาดนั้น
ลองคุยกับพนักงานบริษัท ขนส่งโรจิสติก พวกอะไหล่รถ เวลานี้ดูครับ ค่าน้ำมันทะลุ 3 หมื่นกันทั้งนั้นครับ ช่วงนี้ออเดอร์เข้าเยอะ วิ่งกันหลายรอบ ตอนนี้บริษัทมีนโยบาย จะใช้ ev กันหมด ถ้ามีรถให้พร้อมใช้ เวลานี้รอกระบะ ev กันทั้งนั้น

ออฟไลน์ Symphonic

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,550

อย่าหาว่าผมจับผิด หรือ กวนนะครับ

1. ถ้า ณ เวลานึงที่รถน้ำมันถูกปล่อยขายออกตลาดมือสองเยอะ ๆ จนขายยาก
    ราคาตกต่ำ ผมคิดว่า รถ BEV เปลี่ยนมือก็จะยิ่งขายยากกว่าและราคาก็ไม่น่าจะดี

2.ถ้า มนุษย์เงินเดือนจ่ายค่าน้ำมันเดือนละเป็น 3 หมื่น
   3 หมื่น ผมตีให้ เกือบ ๆ 1000 ลิตร   
    1000 ลิตร ก็วิ่งกันเกิน 10,000 กม.
     10,000 กม. ใน 1 เดือน ก็วิ่งกันวันละ 300-500 กม.
      300 - 500 กม.  ใช้เวลา 5-8 ชม.
      แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปชาร์จไฟครับ
      และต้องมีการชาร์จอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน
      เพราะรถใช้งานจริง ชาร์จเต็มหนึ่งครั้งก็วิ่งได้ปริ่ม ๆ 3xx กม.เอง

   ถ้ามนุษย์เงินเดือนใช้รถขนาดนั้น BEV คงไม่รอด
 
 

มนุษย์เงินเดือน หรือคนขับแท็กซี่คับ ขับเยอะขนาดใช้ค่าน้ำมันเดือนละ 30,000 บาท

555 ขำๆนะคับ ผมว่าผมทำธุรกิจส่วนตัว วันๆวิ่งรถไปธุระค่อนข้างเยอะ ไหนจะวิ่งไป ตจว ตอนวีคเอนด์  ยังใช้ไม่ถึงขนาดนั้น
ลองคุยกับพนักงานบริษัท ขนส่งโรจิสติก พวกอะไหล่รถ เวลานี้ดูครับ ค่าน้ำมันทะลุ 3 หมื่นกันทั้งนั้นครับ ช่วงนี้ออเดอร์เข้าเยอะ วิ่งกันหลายรอบ ตอนนี้บริษัทมีนโยบาย จะใช้ ev กันหมด ถ้ามีรถให้พร้อมใช้ เวลานี้รอกระบะ ev กันทั้งนั้น

กรณีนั้นคือ Corporate ไม่ใช่ตัวมนุษย์เงินเดือนครับ
วิธีคิดจะไม่เหมือนกัน และในส่วนของ Corporate
จะมีวิธีการสลับรถ วิ่ง-ชาร์จ เหมือนๆ พวกสมายลด์บัส
และทั้งหมดจะถูกนำมาคิด ชั่งน้ำหนัก Invest / expense / ROI
ไปจนถึง Image และ CSR ของ Corporate ด้วย

ซึ่งกรณีบุคคลจะไม่ได้คิดแบบ Corporate ครับ