ถ้าใน condition เดียวกันแล้วรุ่น 1.6 เดินทางไกลได้ 15.9 ก.ม./ลิตร
รุ่น 1.8 จะทำได้ราว 13.7-14.2 ก.ม./ลิตร
ถ้าสมมติยึดว่ากินน้ำมันต่างกันตามนี้ แล้วขับรถปีละ 10,000 ก.ม.
รุ่น 1.6 จะใช้น้ำมัน 629 ลิตร
รุ่น 1.8 จะใช้น้ำมัน 704 ลิตร
ต่างกัน 75 ลิตร..น้ำมันลิตรล่ะเท่าไหร่.? น่าจะราว 35 บาท
ลองเอามาคูณกันดู จะเห็นได้ว่าค่าน้ำมันต่างกันปีละราว 2,600 บาท/10,000 โล
นี่คือถ้าวิ่งต่างจังหวัด บรรทุกน้ำหนักสำหรับ 2 คน
ถ้าวิ่งในเมือง ส่วนต่างก็ใกล้เคียงกัน ตัว 1.8 พูดกัน 8-9 โลลิตร ส่วน 1.6 ก็ 9-10 โลลิตร
ฉะนั้นถ้ายอมเสียค่าน้ำมันเพิ่มปีละแค่นี้แล้วรับได้ ก็ไม่มีปัญหาที่จะเล่น 1.8
เมื่อก่อนนี้ 1.6 กับ 1.8 ราคาห่างกันราวครึ่งแสน แต่ ณ ปัจจุบันต่างกัน 30,000 กว่าๆ
ทำให้รุ่น 1.8 มีความน่าเล่นมากขึ้น
เรื่องแรง ผมมองว่าเฉยๆ รุ่น 1.8 มีแรงบิดให้รู้สึกดีกว่านิดหน่อย แต่คาแร็คเตอร์
ของเครื่องทั้งสองเหมือนกันคือแตะนิดเดียวพุ่ง แรงบิดมาเป็นช่วงกว้าง แต่ไม่ได้เร็วกว่ากันมากนัก
ถ้าขุดเอาไดโน่มาว่ากัน รุ่น 1.6 ที่แปะกล่องจูนพิสูจน์แล้วว่าได้ม้าเกือบเท่า 1.8 เดิมๆ
ในขณะที่แรงบิดมีมากกว่าและมาให้ใช้เร็วกว่า
ดังนั้นความแรงไม่ใช่ประเด็น แต่สิ่งที่ 1.8 น่าสนคือระบบเข็มขัดนิรภัยที่ดีกว่า
มีเบาะหนังสเป็คโรงงานมาให้ มีไฟหน้าเปิดปิดอัตโนมัติ และ Smartkey entry
ถ้าถอย 1.6 มาแล้วพยายามยัดออพชั่นให้ได้เท่ากัน 30,000 เอาไม่อยู่แน่ถ้ารวม
ค่าเบิกอะไหล่ ค่าแรงเข้าไปด้วย