ผู้เขียน หัวข้อ: รอยเตอร์ชี้ ญี่ปุ่นโดนรถ EV จีน บุกแย่งส่วนแบ่งในไทย เหตุญี่ปุ่นมัวช้า  (อ่าน 4330 ครั้ง)

ออฟไลน์ Cafe1n

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 81



สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานสถานการณ์ตลาดยานยนต์ในประเทศไทย โดยระบุว่าบรรดาบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากจีน อาทิ บีวายดี (BYD) และเกรท วอลล์ มอเตอร์ (GWM) เข้ามาลงทุนในไทยสูงถึง 1.44 พันล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 2563 และกำลังคุกคามสถานะเจ้าตลาดอย่างบริษัทยานยนต์จากญี่ปุ่น

หลังจากวิกฤตยอดขายในจีน ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นก็กำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ในไทย อันเป็นตลาดสำคัญอีกแห่งในเอเชีย เนื่องจากแนวทางการพัฒนารถ EV ที่ล่าช้าตามหลังประเทศอื่น ๆ ขณะที่กระแสรถยนต์จีนปรากฏชัดในอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยแล้ว เนื่องจากผู้ผลิตรถ EV จีนกำลังนำซัพพลายเออร์เข้ามาในประเทศ

ขณะเดียวกัน บริษัทไทย เช่น สยามกลการ ซึ่งมีสายสัมพันธ์อันยาวนานกับบริษัทญี่ปุ่น ก็กำลังแสวงหาพันธมิตรใหม่ ๆ โดยนายเซบาสเตียน ดูปุย รองประธานของสยามกลการ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้บริษัทกำลังหารือกับผู้ผลิตรถยนต์จีนหลายรายเกี่ยวกับความร่วมมือที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์

อนึ่ง ประเทศไทยครองตำแหน่งผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นตลาดขายรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองในภูมิภาครองจากอินโดนีเซีย ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นครองตลาดในไทยมาเป็นเวลาหลายทศวรรษจนเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นส่วนขยายหนึ่งของตลาดญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตาม จีนแซงหน้าญี่ปุ่นในฐานะนักลงทุนต่างชาติอันดับหนึ่งของไทยเมื่อปีที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากการลงทุนของ BYD ในโรงงานแห่งใหม่ซึ่งมีกำหนดจะเริ่มดำเนินการในปี 2567 ท่ามกลางความพยายามของทางการไทยในการดึงดูดผู้ผลิต EV ของจีนให้มาลงทุน

ผู้ผลิตรถยนต์ของจีนเพิ่มการส่งออกและตั้งศูนย์การผลิตในต่างประเทศ รวมทั้งประเทศไทย โดยมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากตลาดรถ EV ที่มีการแข่งขันสูงในจีน สถานการณ์ของไทยจึงจะกลายเป็นกรณีศึกษาสำหรับประเทศอื่น ๆ ว่ารับมือกับการเปลี่ยนผ่านมาเป็นฐานการผลิตรถ EV ได้อย่างไรบ้าง

ข้อมูลของรัฐบาลไทยระบุว่า จากจำนวนรถยนต์ใหม่เกือบ 850,000 คันที่จดทะเบียนในไทยเมื่อปีที่แล้ว มีเพียงประมาณ 1% เท่านั้นที่เป็นรถ EV อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนม.ค.ถึงเม.ย.ของปีนี้ สัดส่วนของรถ EV เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 6%

ผู้นำตลาดรถ EV ของไทยขณะนี้คือ BYD ตามมาด้วยเอสเอไอซี (SAIC), โฮซอน (Hozon) ของจีน และเทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ของสหรัฐ ข้อมูลการลงทะเบียนระบุว่าในช่วงเดือนม.ค.ถึงเม.ย. มีการจำหน่ายรถ EV ทั้งหมด 18,481 คันในไทย ในจำนวนนี้ มากกว่า 7,300 คันเป็นรถ BYD

ด้านโตโยต้า ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นเจ้าตลาดในไทย ร่วมกับพันธมิตรอย่าง อีซูซุและฮอนด้า มีสัดส่วนเกือบ 70% ของยอดขายรถยนต์และรถบรรทุกทั้งหมดในไทยเมื่อปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ โตโยต้ามีรถ EV ที่จดทะเบียนใหม่เพียง 11 คันเท่านั้น

นายฮาจิเมะ ยามาโมโตะ หัวหน้าแผนกที่ปรึกษาของสถาบันวิจัยโนมูระในประเทศไทย กล่าวว่า แบรนด์รถยนต์จีนมีศักยภาพในการแย่งส่วนแบ่งตลาดจากผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นอย่างน้อย 15 จุดเปอร์เซ็นต์ ในทศวรรษหน้า ด้วยการส่งมอบรถ EV ราคาย่อมเยา

“ญี่ปุ่นทำได้แค่เจาะตลาดกลุ่มพรีเมียมได้เพียงบางส่วนเท่านั้น” นายยามาโมโตะกล่าวทิ้งท้าย

https://www.reuters.com/business/autos-transportation/china-led-ev-boom-thailand-threatens-japans-grip-key-market-2023-07-09/
https://www.infoquest.co.th/2023/316550

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,051
เป็นผลจากการกระทำ และไม่กระทำของพวกเค้าเอง คงยินดีรับได้แหละครับ

ออฟไลน์ nimnim_thailand

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 379
ผมว่า เป็นช่วงเก็บอาการ รอให้น้องใหม่ฆ่ากันเองก่อน   พอถึงจังหวะก็ปล่อยหมัดเด็ดทีเดียว

ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,954
    • อีเมล์
อ่านจากข่าว ก็พอเข้าใจนะ ที่บอกว่า "สัดส่วนของรถ EV เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 6%"

คือมัน 6% เองอะ เมื่อเทียบกับรถน้ำมัน ดังนั้นค่ายญี่ปุ่นจึงไม่ตื่นเต้นและไม่ขยับตัวกันเท่าไรก็ไม่แปลก ขายรถน้ำมันไปเรื่อยๆก็ยังอยู่ได้สบายๆ

แต่ก็แปลกอย่างนึง รถน้ำมันค่ายจีน คนไทยไม่ยอมรับถึงขนาดมีเพจล้อเลียนรถจีน แต่พอเป็นไฟฟ้า กลับไว้ใจ มั่นใจ ที่จะใช้

มันแปลกจนน่าสนใจ ....

ออฟไลน์ deertesla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,245
อ่านจากข่าว ก็พอเข้าใจนะ ที่บอกว่า "สัดส่วนของรถ EV เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 6%"

คือมัน 6% เองอะ เมื่อเทียบกับรถน้ำมัน ดังนั้นค่ายญี่ปุ่นจึงไม่ตื่นเต้นและไม่ขยับตัวกันเท่าไรก็ไม่แปลก ขายรถน้ำมันไปเรื่อยๆก็ยังอยู่ได้สบายๆ

แต่ก็แปลกอย่างนึง รถน้ำมันค่ายจีน คนไทยไม่ยอมรับถึงขนาดมีเพจล้อเลียนรถจีน แต่พอเป็นไฟฟ้า กลับไว้ใจ มั่นใจ ที่จะใช้

มันแปลกจนน่าสนใจ ....
มันยังเผยฤทธิ์เดชแหละครับกับออพชั่นลูกกวาดคนเลยซื้อแต่ตอนนี้จากที่เห็นเริ่มจะพากันยี้กันแบบรถน้ำมัน เม้งแล้วที่อะไหล่ก็แพงแบตก็แพง ปัญหาไม่สเถียร การใช้งานจริงไม่โอเคครับ

ผมว่า เป็นช่วงเก็บอาการ รอให้น้องใหม่ฆ่ากันเองก่อน   พอถึงจังหวะก็ปล่อยหมัดเด็ดทีเดียว
ตอนนี้ก็เริ่มฆ่าตัวเองแล้วครับจากราคาอะไหล่ราคาแบตรวมไปถึงค่าบริการ และความเสถียรความคงทนครับ

ออฟไลน์ pjs6306

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,105
    • อีเมล์
ถ้าเทียบเป็น segment รถไฟฟ้าขายจริงๆจังๆ อย่างเช่น B suv นี่รถไฟฟ้ายอดขายนำนะ  ecocar พวก neta v ,dolphin,c segment พวก ora mg4  นี้ก็ไม่ใช่น้อยๆนะ ดูเป้น segment ไปครับ ที่รถไฟฟ้าเข้าแข่ง ส่วนพวกกระบะ ยังไม่มีไฟฟ้าเข้าแข่ง ซึ่งยอดขายกลุ่มนี้เยอะสุด ค่ายญิ่ปุ่นก็คงดูสถานะการณ์อยู่นั่นแหล่ะ จะทิ้ง รถน้ำมัน ไปทำ BEV เลยก็คงจะอยากในเร็วๆนี้
ดูๆกันไปครับ ผมชอบพวก HEV มากกว่า สะดวกไม่ต้องรอชาร์ตไฟ ไปได้ทุกที่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 16, 2023, 19:28:16 โดย pjs6306 »

ออฟไลน์ Chicken Wings

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 270
อ่านจากข่าว ก็พอเข้าใจนะ ที่บอกว่า "สัดส่วนของรถ EV เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 6%"

คือมัน 6% เองอะ เมื่อเทียบกับรถน้ำมัน ดังนั้นค่ายญี่ปุ่นจึงไม่ตื่นเต้นและไม่ขยับตัวกันเท่าไรก็ไม่แปลก ขายรถน้ำมันไปเรื่อยๆก็ยังอยู่ได้สบายๆ

แต่ก็แปลกอย่างนึง รถน้ำมันค่ายจีน คนไทยไม่ยอมรับถึงขนาดมีเพจล้อเลียนรถจีน แต่พอเป็นไฟฟ้า กลับไว้ใจ มั่นใจ ที่จะใช้

มันแปลกจนน่าสนใจ ....

เหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าญี่ปุ่นสมัยก่อนไง ชะล่าใจ คิดว่าตัวเองเจ๋ง ไม่ปรับตามโลก

ทุกวันนี้แทบจะสูญพันธุ์แล้ว โดนพวก เกาหลี จีน ไต้หวัน ตีตลาดแตกหมด

ส่วนเรื่องรถไฟฟ้าจีนมันไประดับโลกแล้วครับ ลองไปดู BYD XPeng Neo

BYD นี่ลุงบัฟเฟตเคยถือหุ้นด้วยซ้ำ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 16, 2023, 19:47:18 โดย Chicken Wings »

ออฟไลน์ kiwiwi

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,863
อ่านจากข่าว ก็พอเข้าใจนะ ที่บอกว่า "สัดส่วนของรถ EV เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 6%"

คือมัน 6% เองอะ เมื่อเทียบกับรถน้ำมัน ดังนั้นค่ายญี่ปุ่นจึงไม่ตื่นเต้นและไม่ขยับตัวกันเท่าไรก็ไม่แปลก ขายรถน้ำมันไปเรื่อยๆก็ยังอยู่ได้สบายๆ

แต่ก็แปลกอย่างนึง รถน้ำมันค่ายจีน คนไทยไม่ยอมรับถึงขนาดมีเพจล้อเลียนรถจีน แต่พอเป็นไฟฟ้า กลับไว้ใจ มั่นใจ ที่จะใช้

มันแปลกจนน่าสนใจ ....

ส่วนหนึ่งคือ IO ครับ สงครามข่าวสาร ปั่นจนตรรกะ รถไฟฟ้า = รถจีนไปเรียบร้อยแล้ว

ปัญหาจอ infotainment ดับของรถค่ายนึงที่เป็นตอนเป็น ice ทุกวันนี้ ก็ยังเป็นเหมือนเดิมในรถไฟฟ้า ความเสถียร​แย่เหมือนเดิม


ออนไลน์ Fragile

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 479
อ่านจากข่าว ก็พอเข้าใจนะ ที่บอกว่า "สัดส่วนของรถ EV เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 6%"

คือมัน 6% เองอะ เมื่อเทียบกับรถน้ำมัน ดังนั้นค่ายญี่ปุ่นจึงไม่ตื่นเต้นและไม่ขยับตัวกันเท่าไรก็ไม่แปลก ขายรถน้ำมันไปเรื่อยๆก็ยังอยู่ได้สบายๆ

แต่ก็แปลกอย่างนึง รถน้ำมันค่ายจีน คนไทยไม่ยอมรับถึงขนาดมีเพจล้อเลียนรถจีน แต่พอเป็นไฟฟ้า กลับไว้ใจ มั่นใจ ที่จะใช้

มันแปลกจนน่าสนใจ ....

เหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าญี่ปุ่นสมัยก่อนไง ชะล่าใจ คิดว่าตัวเองเจ๋ง ไม่ปรับตามโลก

ทุกวันนี้แทบจะสูญพันธุ์แล้ว โดนพวก เกาหลี จีน ไต้หวัน ตีตลาดแตกหมด

ส่วนเรื่องรถไฟฟ้าจีนมันไประดับโลกแล้วครับ ลองไปดู BYD XPeng Neo

BYD นี่ลุงบัฟเฟตเคยถือหุ้นด้วยซ้ำ

ผมนึกถึงเคส nokia ตอนที่เริ่มมีแอนดรอยกับไอโฟน คนก็ไม่ได้ใช้กันเยอะแบบปัจจุบัน
มีเป็นกระแสเป็นพักๆ  nokia ก็ไม่ขยับอะไร เพราะยังครองส่วนแบ่งเยอะอยู่ (และถ้าถามตอนนั้น คนก็ยังมั่นใจ nokia มากกว่า)
แต่ถ้ามาถึงจุดที่ทุกคนพร้อมใจเปลี่ยนเมื่อไหร่ เมื่อนั้นคือหายนะ และทำอะไรไม่ได้แล้ว
ส่วนเรื่องทำไมคนไม่นิยมรถน้ำมันจีน แต่นิยม EV จีน ก็เพราะ ญี่ปุ่นไม่ทำ EV ออกมาขายไงครับ
รถ EV ที่จริงมันมี demand ในตัวของมันเองอยู่แล้ว โดยไม่สนว่ามาจากประเทศไหน tesla ยังขายดีเลย

ออฟไลน์ เนื้อน่องไม่หนัง

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,738
ในไทย bev ที่คนทั่วๆไปพอจะเล่นได้ก็มีแต่ จากจีนแหละครับ Neta/Ora/BYD Tesla/Volvo ก็ไม่รุ้ว่านับว่าเปนจีนด้วยดีไหม

ส่วนตัวคิดว่า BEV ยังโตได้อีก คือคนสนใจมี แต่ยังไม่ถึงเวลาเปลี่ยนรถ เลยยังไม่เปลี่ยน

ตอนนี้ ฝั้งญี่ปุ่นอาจพอแก้เกมด้วย Hybrid ได้บ้าง แต่ถ้าไม่มี phev/bev ในราคาที่เหมาะสมมาบ้างอาจเหนื่อยกว่าเดิม
ฝั้งญี่ปุ่นอาจไม่ถึงขนาดเจ๊ง แต่ก็ไม่ขิลเหมือนก่อนหน้านี้แน่ ยิ่งแบรนรอง mazda/nissan/subaru ผมว่าน่าห่วงอยู่


ออฟไลน์ Spada_Valess

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 749
    • อีเมล์
ที่รู้ตอนนี้นี้คือในราคาเท่าๆกันในไทย รถไฟฟ้าจีนก้าวข้าวรถญี่ปุ่นเยอะมาก ญี่ปุ่นแพงเพราะภาษีจริงๆ

ออฟไลน์ IS2000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,190
    • อีเมล์
คหสต ผมคิดว่าสถานการณ์นี้คล้ายๆยุคที่นาฬิกา quartz จากญี่ปุ่นมาตีตลาดนาฬิกา mechanical สวิสมากกว่ากล้องหรือโทรศัพท์แบรนด์ดังครับ ตอนนั้นสวิตเซอร์แลนด์เองก็ไม่รีบปรับตัวมาเล่นตลาด quartz เพราะถือว่านาฬิกาตัวเองกลไกแม่นยำที่สุดแต่ก็สู้เทคโนโลยีใหม่ไม่ได้และหลังจากนั้นราคาก็ทำสู้ไม่ได้ จนบริษัทนาฬิกาล้มหายตายจากไปเยอะ แต่ก็รอดมาได้ด้วยการไปเล่นตลาดนาฬิกากลไกแบบไฮเอนด์แล้วลงมาผลิตนาฬิกา quartz ทีหลัง ผมเลยคิดว่าอีกหน่อยญี่ปุ่นก็คงผลิตรถ EV หรือพลังงานทางเลือกอื่นๆจริงจังครับแต่จะกลายเป็นของที่มีราคา premium ขึ้นมา อีกอย่างรถยนต์เป็นสินค้าที่ใช้เวลาตัดสินใจซื้อมากกว่าผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีอื่นๆด้วยราคารวมถึง infrastructure ต่างๆ ตลาดคงต้องใช้เวลาครับกว่าจะเปลี่ยน คงต้องดูกันยาวๆ
1 3 5
├┼┼╕
2 4 6 R

ออฟไลน์ Altima

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,150
ช้าอะไร???

จีนสามารถนำเข้ารถไฟฟ้ามาได้แบบไม่เสียภาษี

จีนประเทศเดียวในโลกที่ได้สิธนี้!!!

ออฟไลน์ Spada_Valess

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 749
    • อีเมล์
ช้าอะไร???

จีนสามารถนำเข้ารถไฟฟ้ามาได้แบบไม่เสียภาษี

จีนประเทศเดียวในโลกที่ได้สิธนี้!!!
ตอนนี้ญี่ปุ่นมี EV รุ่นไหนไว้สู้บ้างครับถ้าไม่คิดภาษี

ออฟไลน์ Mr.Boogie

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 395
อ่านจากข่าว ก็พอเข้าใจนะ ที่บอกว่า "สัดส่วนของรถ EV เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 6%"

คือมัน 6% เองอะ เมื่อเทียบกับรถน้ำมัน ดังนั้นค่ายญี่ปุ่นจึงไม่ตื่นเต้นและไม่ขยับตัวกันเท่าไรก็ไม่แปลก ขายรถน้ำมันไปเรื่อยๆก็ยังอยู่ได้สบายๆ

แต่ก็แปลกอย่างนึง รถน้ำมันค่ายจีน คนไทยไม่ยอมรับถึงขนาดมีเพจล้อเลียนรถจีน แต่พอเป็นไฟฟ้า กลับไว้ใจ มั่นใจ ที่จะใช้

มันแปลกจนน่าสนใจ ....
มันยังเผยฤทธิ์เดชแหละครับกับออพชั่นลูกกวาดคนเลยซื้อแต่ตอนนี้จากที่เห็นเริ่มจะพากันยี้กันแบบรถน้ำมัน เม้งแล้วที่อะไหล่ก็แพงแบตก็แพง ปัญหาไม่สเถียร การใช้งานจริงไม่โอเคครับ

ผมว่า เป็นช่วงเก็บอาการ รอให้น้องใหม่ฆ่ากันเองก่อน   พอถึงจังหวะก็ปล่อยหมัดเด็ดทีเดียว
ตอนนี้ก็เริ่มฆ่าตัวเองแล้วครับจากราคาอะไหล่ราคาแบตรวมไปถึงค่าบริการ และความเสถียรความคงทนครับ

งงเริ่มฆ่าตัวเอง ยอดขายเค้าไปถึงไหนละยอดขาย MG BYD ตอนนี้แซงค่ายญี่ปุ่นรองๆทั้ง Nissan Susuki Mazda หมดแล้ว แล้วราคาอะไหล่ช่วงแรกๆอาจจะสูง แต่อนาคตจะดีขึ้นราคาแบตเตอรี่ก็จะค่อยๆถูกลงตาม Economy of scale คุณรอดูได้เลย 5 ปีข้างหน้า ถ้าญี่ปุ่นไม่ปรับตัวเผลอๆอาจจะมีบางค่ายต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้าน

ออฟไลน์ lexus

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,242
จะว่าไปก็จริงนะครับ product evญี่ปุ่นที่พอจะนึกออกก็นับรุ่นได้เลย
พวก compact car segmentที่ยอดขายเยอะๆ ยิ่งน้อยใหญ่
ที่เห็นพรางตัววิ่งไทยตอนนี้ก็มีแต่hrv ev ที่ไม่รู้จะขายเมื่อไหร่ราคาจะแรงไหม

ออฟไลน์ max-ns

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 124
    • อีเมล์
ผมว่า เป็นช่วงเก็บอาการ รอให้น้องใหม่ฆ่ากันเองก่อน   พอถึงจังหวะก็ปล่อยหมัดเด็ดทีเดียว
ผมเห็นความคิดเห็นแนวๆนี้2-3ปีแล้วหละมีหมัดเด็ด มีเทคโนโลยีอยู่แล้วแต่ยังไม่ทำ แล้วพอทำออกมาก็เอามาขายแบบจำนวนจำกัด และผมยังไม่เห็นวิ่งบนถนนไทยเลยซักคัน แล้วเห็นรีวิวที่ต่างประเทศมีจำกัดการชาทด้วยเพื่อรักษาแบต

ออฟไลน์ mhujee

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 41
เวลามีกระทู้รถไฟฟ้า ผมนี่มาปูเสื่อรออ่านรอกินมาม่าเลยครับ
และรอ  Log in ในตำนานมาออกความเห็น(ไม่เห็นด้วย) อยู่น๊าาา
 ผมได้ความรู้เยอะเลย

ออฟไลน์ pladaek

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,021
  • FF1.5SMG
เทียบส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ทั้งหมดแล้ว ผมว่าญี่ปุ่นเขาดูสถานการณ์อยู่นะ
เพราะรถยนต์สันดาปเขาก็ยังขายได้อยู่ และยังเป็นตลาดกลุ่มใหญ่ที่สุด

ถ้าพูดถึงความช้า มันก็ช้าจริง เพราะวัตถุดิบหลักๆของรถยนต์ไฟฟ้า
ในประเทศจีนมีค่อนข้างครอบคลุม กำลังการผลิตเยอะ
ไหนจะเรื่องภาษีที่นำเข้าจากจีนอีก

ส่วนตัวผมว่าญี่ปุ่นยังไม่จำเป็นต้องตื่นตูมไปกับเขา
รอดูฟีดแบ็คกลุ่มลูกค้ารถไฟฟ้าจีนไปก่อน มีปัญหาอะไรบ้าง
เมื่อไหร่สถานการณ์นิ่ง ปริมาณรถไฟฟ้าเริ่มอิ่มตัวอยู่ตัว
โครงสร้างภาษีนำเข้าเอื้อต่อญี่ปุ่น ค่อยตีตลาดก็ยังไม่สาย
กลุ่มลูกค้าผู้จงรักในญี่ปุ่นยังมีเยอะ
ไม่ได้ขับรถเพื่อทำเวลาที่ดีที่สุด.. แต่ขับรถเพื่อเจอช่วงเวลาที่ดีที่สุด..

ออฟไลน์ romeokk

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 114
เห็นตลาดรถไฟฟ้าแล้วนึกถึงโทรศัพท์มือถือเลยอ่ะครับ แค่เป็นการเปลี่ยนผ่านที่ช้ากว่าแค่นั้นเอง

รถสันดาป วันนึงมันตายแน่ๆครับ เพราะพวกนโยบายมลพิษของกลุ่มประเทศต่างๆ เค้าก็ตั้้งไว้รอเชือดกันเรียบร้อยแล้ว วันนึงการแข่งก็จะมีเหลือกันแค่รถไฟฟ้า

เชื่อว่าในอนาคตอันไม่ไกลมากนี้ Hardware ของรถไฟฟ้า ก็น่าจะเหมือน Smartphone คือเจ้าไหนๆก็หาซื้อ Hardware แบบเดียวกันได้ ต่างกันที่ใครเขียน Software เก่งกว่ากัน ก็ทำของให้ออกมาดีกว่าคนอื่นได้

ญี่ปุ่นนี่ไม่เก่ง Software สำหรับ Consumer มาแต่ไหนแต่ไร ขนาด Android จากบริษัทใหญ่ๆของ ญี่ปุ่นยังทำให้ใช้งานลื่นไหลเหมือน Android จากบริษัทเล็กๆอย่าง Nothing ไม่ได้เลย

ตอนนี้ผู้ผลิต Smartphone ญี่ปุ่นก็ตายเกือบเรียบเหลือแต่ Sony ที่สร้าง Impact อะไรให้ตลาดไม่ได้อีกแล้ว ตั้งแต่ยุบ Sony Mobile ที่สวีเดนทิ้งไป Android ที่ Sony ทำก็แย่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
 (Mitsubishi, Hitachi ตายไปตั้งแต่ยังไม่มี Smartphone, Toshiba, NEC, Casio ตายตามมา, Sharp โดนใต้หวันซื้อไป, Kyocera เลิกไปต้นปีนี้, Fujitsu บริษัทลูกที่ทำมือถือเพิ่งยื่นล้มละลายไปสองเดือนที่แล้ว)

ตัดกลับมาที่บริษัทรถญี่ปุ่น ทุกวันนี้ก็ยังพึ่งพา Software ควบคุมชิ้นส่วนต่างๆจาก Supplier อยู่เลยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 17, 2023, 09:36:19 โดย romeokk »

ออฟไลน์ sudlor_gang

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 565
นึกว่าผมอยู่ใน page ev ใน facebook นะเนี่ย

ออฟไลน์ KTN88

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,196
อ่านจากข่าว ก็พอเข้าใจนะ ที่บอกว่า "สัดส่วนของรถ EV เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 6%"

คือมัน 6% เองอะ เมื่อเทียบกับรถน้ำมัน ดังนั้นค่ายญี่ปุ่นจึงไม่ตื่นเต้นและไม่ขยับตัวกันเท่าไรก็ไม่แปลก ขายรถน้ำมันไปเรื่อยๆก็ยังอยู่ได้สบายๆ

แต่ก็แปลกอย่างนึง รถน้ำมันค่ายจีน คนไทยไม่ยอมรับถึงขนาดมีเพจล้อเลียนรถจีน แต่พอเป็นไฟฟ้า กลับไว้ใจ มั่นใจ ที่จะใช้

มันแปลกจนน่าสนใจ ....
มันยังเผยฤทธิ์เดชแหละครับกับออพชั่นลูกกวาดคนเลยซื้อแต่ตอนนี้จากที่เห็นเริ่มจะพากันยี้กันแบบรถน้ำมัน เม้งแล้วที่อะไหล่ก็แพงแบตก็แพง ปัญหาไม่สเถียร การใช้งานจริงไม่โอเคครับ

ผมว่า เป็นช่วงเก็บอาการ รอให้น้องใหม่ฆ่ากันเองก่อน   พอถึงจังหวะก็ปล่อยหมัดเด็ดทีเดียว
ตอนนี้ก็เริ่มฆ่าตัวเองแล้วครับจากราคาอะไหล่ราคาแบตรวมไปถึงค่าบริการ และความเสถียรความคงทนครับ

งงเริ่มฆ่าตัวเอง ยอดขายเค้าไปถึงไหนละยอดขาย MG BYD ตอนนี้แซงค่ายญี่ปุ่นรองๆทั้ง Nissan Susuki Mazda หมดแล้ว แล้วราคาอะไหล่ช่วงแรกๆอาจจะสูง แต่อนาคตจะดีขึ้นราคาแบตเตอรี่ก็จะค่อยๆถูกลงตาม Economy of scale คุณรอดูได้เลย 5 ปีข้างหน้า ถ้าญี่ปุ่นไม่ปรับตัวเผลอๆอาจจะมีบางค่ายต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้าน

เรื่องราคาแบตจะถูกลงตาม Economy of scale นี่เหมือนได้รับการยืนยันแล้วนะครับว่าไม่จริง เพราะวัตถุดิบที่ใช้ผลิตก็มีการหมดไปตามการผลิต ตัวอย่างก็มีให้เห็นจากราคาแบตรถไฮบริดจากเมื่อ 10 ปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ว่าราคาแบตก็ไม่ได้ลดลงตามที่มีการวิเคราะห์กันไว้

ออฟไลน์ Auto Messe

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 400
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ โตโยต้ามีรถ EV ที่จดทะเบียนใหม่เพียง 11 คันเท่านั้น


แสดงว่า bz4x เอามาขายได้จริงๆแค่ 10 คัน (หัก revo ev 1 คัน) สุดยอดจริงๆ ปีที่แล้วเปิดตัวเสียใหญ่โต
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 17, 2023, 10:16:11 โดย Auto Messe »

ออฟไลน์ Chicken Wings

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 270
ช้าอะไร???

จีนสามารถนำเข้ารถไฟฟ้ามาได้แบบไม่เสียภาษี

จีนประเทศเดียวในโลกที่ได้สิธนี้!!!

แล้วจีนมันห้ามญี่ปุ่นผลิตรถไฟฟ้าเหรอครับ พี่โต พี่ฮอน โรงงานในจีนก็มีหนิ

ทำไมไม่ผลิตแล้วเอาเข้ามาขายแบบ volvo bmw mercedez tesla เขาหละ มัวทำอะไรอยู่

ออฟไลน์ mhujee

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 41
ช้าอะไร???

จีนสามารถนำเข้ารถไฟฟ้ามาได้แบบไม่เสียภาษี

จีนประเทศเดียวในโลกที่ได้สิธนี้!!!

แล้วจีนมันห้ามญี่ปุ่นผลิตรถไฟฟ้าเหรอครับ พี่โต พี่ฮอน โรงงานในจีนก็มีหนิ

ทำไมไม่ผลิตแล้วเอาเข้ามาขายแบบ volvo bmw mercedez tesla เขาหละ มัวทำอะไรอยู่

 5555. สงสัยพี่โต พี่ฮอน แกยังไม่รู้ ว่าแกก็ได้สิทธิ์นี้ มั้งๆๆๆ
 หรือว่ารัฐเราห้ามรถตียี่ห้อยุ่นใช้สิทธิ์นี้

ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,954
    • อีเมล์
ช้าอะไร???

จีนสามารถนำเข้ารถไฟฟ้ามาได้แบบไม่เสียภาษี

จีนประเทศเดียวในโลกที่ได้สิธนี้!!!

แล้วจีนมันห้ามญี่ปุ่นผลิตรถไฟฟ้าเหรอครับ พี่โต พี่ฮอน โรงงานในจีนก็มีหนิ

ทำไมไม่ผลิตแล้วเอาเข้ามาขายแบบ volvo bmw mercedez tesla เขาหละ มัวทำอะไรอยู่

 5555. สงสัยพี่โต พี่ฮอน แกยังไม่รู้ ว่าแกก็ได้สิทธิ์นี้ มั้งๆๆๆ
 หรือว่ารัฐเราห้ามรถตียี่ห้อยุ่นใช้สิทธิ์นี้

เออ จริง 555 ทำไมญี่ปุ่นไม่ผลิตที่จีนแล้วส่งมาไทยล่ะ ไม่เสียภาษีเหมือนกัน .

ไม่รู้เมื่อไรพี่เค้าจะเลิกพูดประเด็นนี้สักทีเนอะ

และก็ข่าวหน้าเว็ปก็พึ่งออกมานะว่า GAC Aion รถจีนยังมาสร้างโรงงานที่ไทยเพื่อขายรถไฟฟ้าเลย ... ทำไมจีนมาลงทุน และ ญี่ปุ่นไม่ลงทุนล่ะ

ออฟไลน์ panupong508

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 680
    • อีเมล์
ส่วนนึงด้วยเพราะสาเหตุเรื่องภาษีด้วยไหมครับ ทำให้การแข่งขันด้านราคาสู้จีนไม่ได้

ออฟไลน์ GT3

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 499
จะโดนบุกหนักขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ครับ
เห็นว่าปลายปีนี้ BYD Seal มาอีก ราคาคาดการณ์ล้านกลาง
0-100 ตัวเริ่ม 5 วิ ตัวท็อป 3.8 วิ มีทั้ง ขับหลัง ขับสี่ ต่อให้ชอบรถน้ำมันขนาดไหน
ก็ต้องมีหวั่นไหวบ้างหละ

ออฟไลน์ XyteBlaster

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,293
    • อีเมล์
honda ยังเปิดตัว hrv EV ในจีนเลยครับ (แบบ แบต ห้อย ๆ)  แต่ไม่ยักกะเอาเข้ามาขายในไทย ทั้งที่ภาษี 0%

ตอนนี้ผมหนีไป tesla ก่อนละครับ อีก 7-8 ปี ค่อยว่ากันใหม่

ออฟไลน์ MyName

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 8,145
  • I'm............................
honda ยังเปิดตัว hrv EV ในจีนเลยครับ (แบบ แบต ห้อย ๆ)  แต่ไม่ยักกะเอาเข้ามาขายในไทย ทั้งที่ภาษี 0%

ตอนนี้ผมหนีไป tesla ก่อนละครับ อีก 7-8 ปี ค่อยว่ากันใหม่

ปลายปีครับ มาแน่นอนคอนเฟิร์ม

แต่ถ้าไป Tesla ได้ก็ไปก่อนครับ 5555555555
ลองขับมาจะครบเดือนล่ะ ยังติดใจไม่รู้ลืม
Cars
2022 - Nissan Almera 1.0 Turbo VL
2016 - Mazda 2 1.5XD High Plus L
2008 - Mitsubishi Space Wagon 2.4 GLS Ltd. !User'Review Click here!
1997 - Daihatsu Mira

Motorcycles
2023 - Vespa Sprint S 150 i
2012 - Yamaha Mio 125 GTX