ถ้าสำหรับระยะสั้น
1. เปลี่ยน รถเมล์, รถโดยสาร และรถยนต์ทั้งหมดของภาครัฐให้เป็นรถยนต์เบนซิน
2. หยุดผลิตและหยุดจำหน่ายรถเก๋ง และ รถกระบะ เครื่องดีเซลทั้งหมดในประเทศทั้งมือ 1 และ มือ 2
3. รถบรรทุกเครื่องดีเซลต้องได้มาตรฐานรับรอง ได้รับการตรวจทุกปี และห้ามใช้นานเกิน 7 ปี
ส่วนระยะยาว
ต้องผลักดันให้รถทุกประเภทเป็นระบบ Hybrid และ EV ทั้งหมดให้ได้โดยเร็วที่สุด
ต่อให้ไม่นับเรื่องความเป็นไปได้ในการทำ
ผมว่า ระยะสั้นทั้ง 3 ข้อนี่ไม่ใช่การ "แก้ปัญหา" นะครับ ผมว่านั่นคือการ "เปลี่ยนปัญหา" มากกว่า
อย่าลืมว่าเบนซินก็ยังมี Unburned HC กับ CO อยู่นะครับ ถึงจะมีแคทก็เถอะ ในขณะที่ดีเซลปล่อยน้อยกว่าหลายเท่าตัวเลย
ซึ่งถ้าค่าพวกนี้เกินขึ้นมา แก้ยากและน่ากลัวไม่แพ้ PM2.5 เลยครับ Air4Thai ทุกวันนี้ก็รายงานค่า CO 1-3 ppm กันแล้ว
จากที่กำหนดไว้ 6.4 ที่ AQI=50 ถ้าเปลี่ยนมาใช้เบนซินหมด ผมว่ามีสิทธิ์เกินครับ ไหนจะมี CO2 ที่เบนซินปล่อยมากกว่าดีเซลอีกหลายช่วงตัว
Greenhouse Effect อีก รวมๆ หนีเสือปะจระเข้นะครับผมว่า เสียเงินมหาศาลลงทุนเพื่อไปเจออีกปัญหาหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่าจะแรงแค่ไหน ไม่น่าคุ้มครับ
การลดปัญหาควรเปลี่ยนจาก "รุ่นเก่า" มาเป็น "รุ่นใหม่" มากกว่าครับ คือ...
ข้อ 1. ผมว่า เปลี่ยนเครื่องยนต์ในรถเมล์ รถราชการ เป็นเครื่อง "ดีเซลใหม่" Euro 4-5 เข้าท่ากว่าครับ ลดฝุ่นลงตรงๆ โดยไม่เพิ่มตัวอื่น
ข้อ 2 และ 3 ผมว่า เป็นมาตรการระยะสั้นไม่ได้ครับ แต่อาจบังคับใช้มาตรฐานยูโร 5 ทั้งรถและน้ำมันโดยเร็วที่สุด (ซึ่งมีในแผนแล้ว)
ระยะยาว ผมว่า เน้นรถที่มี Regenerative Braking ทุกประเภท โดยเฉพาะ EV และแบบเครื่องยนต์ปั่นไฟ แบบ Nissan E-power ครับ
ถึงจุดๆ หนึ่งแล้ว รถที่ไม่มี Regenerative Braking ทั้งประเภท EV และ Fossils ควรถูกห้ามจำหน่าย หรือจำหน่ายโดยเก็บภาษีเพดานสูงสุดครับ
.
ส่วนตัวผมสนับสนุนให้บังคับใช้น้ำมันยูโร 5 โดยเร็วที่สุดครับ แพง 1-2 บาท ไม่เป็นไร ผมถือว่าไม่เป็นการเอาเปรียบคนเดินถนน