สถานีชาจตอนนี้เรียกว่ามีเหลือๆ ในกรุงเทพนี่ก็เยอะมากแล้ว ส่วน ตจว.ก็น้อยไปตามสัดส่วน
ของ EA นี่ก็ 500 กว่าแห่ง ไม่รวมบิ้กซี กับ 7-11 อีก ร้อยกว่าแห่งที่กะลังรอติดอยู่ เรียกว่า ทุกๆ 5 กิโล ในกรุงเทพ มีสถานีชาจแน่นอน อย่างนี้จะเรียกว่าน้อยได้ไง ผมยังงง ในเมื่อมันมีเยอะกว่าสถานีเติมน้ำมันเสียด้วยซ้ำ
ปัจจัยหลักคือ รถนั่นเอง ว่าชาจเร็วได้ขนาดไหน เร็วสุดตอนนี้ ก็ 15 นาที 80 % ด้วยรถ mine ที่กำลังจะออกเมษานี้ แต่ถ้าปัจจุบันก็ราว 30 นาที สำหรับ mg ก็น่าจะถือเป็นมาตรฐานปกติสำหรับรถ EV ในการ quick charge ตรงนี้ต่างหากที่จะเป็นตัววัด ว่า รถ ev มันจะไปได้ขนาดไหน ถ้ารถ สามารถ quick charge ได้ 15 นาที ผมว่า คนคงปฏิเสธการใช้ยากอยู่ เพราะรถ ev ยังไงมันก็ค่าดูแลต่ำกว่ารถน้ำมันมากนัก
เข้าใจผิดจากที่คนส่วนใหญ่จะสื่อนะครับ
จุดชาร์ทเยอะ ไม่เถียงครับ แต่จุดชาร์ที่สามารถชาร์ทเร็ว 80% ใน30นาทีเนี่ย นับหัวได้เลยครับ มีของPEA กับNissan บางศูนย์เท่านั้น ของ EA ที่เห็นเยอะๆนั่นชาร์ทช้าทั้งนั้น .... ไม่งั้นไม่มีเคสขับกลับจากบุรีรัมย์วิ่งเกือบสองวันเพราะหาที่ชาร์ทหรอกครับ พวกจอดชาร์ท7-11 ชม.นึงไฟขึ้น 5-10% ประมาณนั้นหนะ
แล้ว quick charge ไม่ได้แก้ที่ตัวรถนะครับ มันต้องทำที่ตู้จ่าย มันอั้นอยู่ รถจะเติมก็น้อยลงทุนหลักล้าน มี PEA เนี่ยละกล้าๆทำ(แล้วยังมาบ่นกันว่ารัฐไม่ช่วย) แล้วตัวรถหนะทั้ง leaf mg hyundai ชาร์ทเร็วได้หมดถ้าตู้มันรองรับนะครับ
น่าจะเปิดให้ใช้ DC ได้ภายในปีนี้ครับ ตอนนี้การไฟฟ้าเคาะราคาแล้่ว อีกไม่นานเอกชนคงขายพลังงานได้ครับ
ประเด็นคือมันแพงครับ ถ้าเดินทางไกล ชาร์จตอน On peak กลางวันนี่ตก กมละ 1.4-1.7 บาท แพงกว่ารถน่ำมันบางรุ่นอีก
อย่างไรก็ตาม ถ้าขับในเมือง รถติดๆ ยังไง EV ก็ประหยัดครับ ประหยัดกว่า eco car
แต่สุดท้าย EV ก็ไม่ค่อยเหมาะกับการเดินทางไกลเท่าไรอยู่ดี ต่อให้แท่นชาร์จพร้อม