ผู้เขียน หัวข้อ: "ขอนอกเรื่องนะครับ รบกวนขอความช่วยเหลือ เกี่ยวกับโรคมะเร็ง ใครมีความรู้กรุณาคลิก"  (อ่าน 49323 ครั้ง)

ออฟไลน์ MiT!PlErN

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 99
อ้อ ลืมสรุปไปอีกอย่าง

Tamoxifen เป็นยาที่เค้าใช้รักษาโรคมะเร็งเต้านมกันโดยทั่วไปอยู่แล้วครับ

และใช้มานานแล้ว

ถ้าไม่ดีจริง หรือ

มียาตัวไหนที่ดีกว่า

ผมคิดว่า หมอคงไม่ลังเลที่จะเลือกยาที่ดีกว่าให้คุณป้าของคุณนะครับ

รักษากับเอกชน ผมคิดว่า น่าจะได้ยาอะไรที่สุดยอดอยู่แล้วครับ

ออฟไลน์ Akeem-CLII

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 499
  • ทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวาน
Re: "ขอนอกเรื่องนะครับ รบกวนขอความช่วยเหล
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 01:16:47 »
ผมเป็น นศพ.ปี 2 ครับ ความรู้ยังมีไม่มาก แต่ก็ขอตอบเท่า ๆ ที่รู้นะครับ

ยาที่ใช้รักษาโรคมะเร็งเต้านมหลัก ๆ มี 3 กลุ่ม คือ

1. Antiestrogens ได้แก่ยา Tamoxifen ออกฤทธิ์โดยตัวยาไปจับ Estrogen Receptor บนเซลล์ที่จะพัฒนาไปเป็นเซลล์มะเร็ง
ตัวสารที่ได้จากยา Tamoxifen จะไปจับกับ receptor แทนที่ estrogen จริง ๆ แล้วจะไปหยุดไม่ให้เซลล์มะเร็งโต
(ถ้า estrogen จับที่ receptor เซลล์มะเร็งก็โตขึ้นมาได้)  แต่เนื่องจากยาตัวนี้ จะออกฤทธิ์ที่ estrogen receptor ทั่วร่างกาย
ซึ่งการออกฤทธิ์แต่ละที่มีผลต่างกัน ทำให้ เสี่ยงต่อการเกิดเป็น CA endometrial (มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก)

2. Aromatase inhibitor ได้แก่ยา Anastrozole(Arimidex) และ Letrozole(Femara)
เป็นยาที่ ออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้าง estrogen เลย ซึ่งมีราคาสูงกว่า Tamoxifen ค่อนข้างมาก แพทย์บางราย อาจใช้ยาผสมกับ
tamoxifen ในการรักษาก็ได้ แต่เนื่องจากผู้ที่ใช้ยากลุ่มนี้หากใช้ระยะยาว จะมีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกพรุน แพทย์อาจให้ยากลุ่ม
Bisphosphonate ป้องกันไว้ก่อนได้ (เพิ่มค่าใช้จ่ายนิดนึง)

3. Selective estrogen receptor downregulators ได้แก่ยา Fulvestrant(Faslodex)
เป็นยาที่ ลด estrogen receptor โดยตรง (ราคาแพงมากขึ้นไปอีก)

ยังมียาอื่น ๆ แบบอื่น ๆ อีกซึ่งกล่าวได้ไม่หมดครับ

ส่วนมาก ผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม จะได้รับยา Tamoxifen ก่อน เพราะเป็นยาที่มีราคาถูกที่สุด ผลกระทบหลัก ๆ มีเรื่องของ
ความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก(รังไข่ ปากมดลูก ก็อาจจะเสี่ยงเพิ่มบ้าง) แต่ไม่ค่อยมีผลต่อกระดูก
(ผู้ป่วยจะไม่เป็นโรคกระดูกพรุน)
ผมว่า น่าจะลองพาคุณป้าไปตรวจ มดลูก รังไข่ กันไว้เผื่อด้วยครับ เพราะทาน Tamoxifen มานานแล้ว

ยา Tamoxifen เป็นยาตัวแรกที่ใช้ในการรักษามะเร็งเต้านมเลยครับ

ลองเจรจากับหมอดู เรื่องยาชนิดอื่น ๆ ที่แพงขึ้น และคุณจ่ายไหว รวมถึงผลข้างเคียงของยา(กลุ่ม 2 และ 3 อ่าคับ)

เรื่องของมดลูก รังไข่ หากมีก้อนเนื้อแปลก ๆ ขึ้นมา คงต้องปรึกษาหมอทางสูตินรีเวช เพื่อทำการผ่าตัดอีกครับ
(ผ่าตัดแต่ละที คนไข้เจ็บปวดมาก บางทีก็เจ็บแผลนาน)

ถ้าคุณป้าใจเด็ด ถ้าสู้ ก็อาจตัดเต้านมอีกข้างเลยครับ (ขอคำแนะนำหมอได้ครับ คนไข้มีสิทธิ์ตัดสินใจ ปัญหาจะได้จบ
แต่ก็ต้องพักฟื้นนานกว่าตัดแค่ก้อนเนื้อ + บางรายอาจมีปัญหาด้านจิตใจตามมา)

สุดท้าย ถ้าผมพิมพ์อะไรผิดไป ก็ขอโทษนะครับ หรือถ้าพิมพ์อะไรแรงไปก็ขออภัยครับ

ขอให้หายไว ๆ ครับ อย่าตื่นตระหนก หรือกลัวไปกว่าเหตุ มีสติ และรักคุณป้าให้มาก ๆ ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 01:23:04 โดย AKEEMVV944 »
I will buy Volvo some day.

ออฟไลน์ Puppu

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 185
ขอออกตัวก่อนว่า ผมไม่ใช่หมอครับ แต่เคยได้หาข้อมูลเกี่ยวกับมะเร็งเต้านมมาบ้าง เนื่องจากทั้งคุณยาย และคุณแม่ผม เคยเป็นครับ

ผมขออนุญาตคุณ Jimmy บอกเล่าประสบการณ์ ที่น่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ในเวปแห่งนี้ครับ

สำหรับคนไข้ กำลังใจ สำคัญที่สุดครับ และที่สำคัญอย่าเครียดกับมันครับ ถึงบางกรณี จะรักษาไม่หายขาด แต่ก็มีชีวิตที่มีความสุขได้อีกหลายๆปีครับ

คุณยายผม เคยได้รับการรักษา ที่ รพ.เดียวกับคุณป้าของคุณ prai ครับ แต่โชคดี ที่ได้คุณหมอที่เก่ง และเอาใจใส่เป็นอย่างดีครับ (นพ.กริช โพธิสุวรรณ) ผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ คุณยายผมเสียไปหลายปีแล้วครับ แต่ไม่ใช่ด้วยมะเร็งเต้านมอย่างที่ลูกหลานกังวล แต่กลับเป็นอุบัติเหตุลื่นล้มในห้องน้ำ ทั้งๆที่มีพี่เลี้ยงประกบเกือบจะตลอดเวลาครับ

คุณแม่ผม ทำ mammogram เป็นประจำทุกปี ก็เลยตรวจพบได้ขณะที่พึ่งจะเริ่มเป็น คืออยู่ในระยะที่ 0 คือ ยังไม่ลุกลามออกนอกบริเวณจุดที่เป็นครับ (Ductal carcinoma in situ)
รักษาโดยการผ่าตัดแบบสงวนเต้านม (เนื่องจากตรวจพบได้เร็ว ก้อนมะเร็งมีขนาดเพียง 0.8 cm) ตามด้วยการฉายแสง และกินยา tamoxifen ไปอีก 5 ปีครับ เนื่องจากเซลมะเร็งที่พบ เป็นชนิดที่ตอบสนองต่อ estrogen ครับ

กลไกการทำงานของ tamoxifen อย่างคร่าวๆ ดูได้ตามลิงค์นี้ครับ http://www.vcharkarn.com/vnews/152920

มะเร็งเต้านมเป็นเรื่องใกล้ตัวมากกว่าที่คุณคิดครับ เด็กมหาลัยก็เป็นได้ครับ ผมเจออยู่คนนึง ตอนไปรอคุณแม่ฉายแสง น่าเห็นใจน้องเค้ามากครับ เพราะกว่าจะตรวจพบ ก็เป็นระยะที่สองแล้ว เนื่องจากไม่คิดว่า ตัวเองจะเป็นเพราะยังอายุไม่มาก  ดังนั้น มีแฟน มีน้องสาว มีพี่สาว บอกให้ไปตรวจ mammogram ทุกปีนะครับ  ในความคิดผม ของขวัญวาเลนไทน์ที่ดีมากอย่างหนึ่ง ที่ผู้ชายจะให้แฟนได้ ก็คือการพาไปตรวจ mammogram นี่หละครับ ปีละครั้ง ของขวัญชิ้นนี้ แม้จะไม่สวยหรือหอมเหมือนช่อดอกไม้ แต่ก็แสดงถึงความรักและปรารถนาดีได้เป็นอย่างดีครับ

สำหรับเรื่องโรงพยาบาลเอกชนอื่น แนะนำโรงพยาบาลที่มีศุนย์มะเร็งโดยเฉพาะครับ ถ้าค่าใช้จ่ายไม่ใช่ปัญหา ผมแนะนำสองที่ครับ
- รพ.วัฒโนสถ เป็น รพ.เฉพาะทางด้านมะเร็ง ในเครือ รพ.กรุงเทพ ครับ  สถานที่ก็อยู่ในบริเวณเดียวกับ รพ.กรุงเทพครับ คุณแม่ผมไปฉายแสงที่นี่ ความเอาใจใส่ของบุคลากรและความทันสมัยของเครื่องมือดีมากครับ
- รพ.บำรุงราษฎร์ มีศูนย์มะเร็ง horizon  มีคนรู้จักเป็นมะเร็งเต้านมไปรักษาที่นี่ ก็แนะนำว่าดีครับ

ในความคิดผม second opinion เป็นเรื่องสำคัญครับ เมื่อไรก็ตามที่เราไม่มั่นใจในการรักษาที่ได้รับ เรามีสิทธิที่จะแสวงหาคำปรึกษาจากแพทย์ท่านอื่นครับ

คำว่าไม่มีนัยยะสำคัญในความหมายของแพทย์ บางครั้งก็เป็นเรื่องที่ "สำคัญ" สำหรับคนไข้เหมือนกันคับ (ขอติดตรงนี้ไว้ก่อน ถ้ายังมีท่านใดอยากอ่านต่อ ก็จะมาเขียนขยายความครับ  ;D)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 11:17:54 โดย Puppu »
2014 XC60D4
2018 S90T8
2020 XC60T8

ออฟไลน์ prai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,154
ขอบคุณมากจริงๆ ครับ ขอบคุณจากใจจริงเลยครับ
ขอบคุณสำหรับทุกคำอวยพรนะครับ ขอให้เป็นเช่นนั้นครับ

ออฟไลน์ prai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,154
คุณ MiT!PlErN ครับ สรุปว่าเลนตินโอเคเลยใช่มั้ยครับ
แล้วยาของคุณหมอสมหมายล่ะครับ คุณว่าที่คุณหมอคิดว่ายังไงครับ
ขอบคุณว่าที่คุณมากๆ เลยนะครับ

คุณ AKEEMVV944 ครับ ขอบคุณจริงๆ ครับ
ยามี 3 กลุ่ม และดูเหมือนว่ากลุ่มที่ 2-3 จะโอเคสุด
ยังไงผมจะลองปริ้นไปให้คุณหมอยา อ่านดูครับ
เพราะถ้าเป็นมดลูกอีกก็ไม่ไหวเหมือนกัน

คุณ Puppu ครับ รู้ได้ไงเอ่ย? เดี๋ยวโรงพยาบาลเขาจะมาฟ้องผมมั้ยเนี่ย?
ผมชอบตรงของขวัญวาเลนไทน์มากเลยครับ
ใช่ครับ คุณหมอทั้งสองคนที่ดูแล มีอะไรก็น่าจะบอก ไม่ใช่เงียบอย่างเดียวเลย


แล้วสรุปว่าผมควรย้ายโรงพยาบาลดีมั้ยครับ หรือที่เดิมดีแล้วไปคุยกับคุณหมอให้รู้เรื่อง

ออฟไลน์ praman

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 35
    • อีเมล์
เคยดูรายการนึงเกี่ยวกับหมอรักษามะเร็ง ไม่รู้ช่วยได้ไหม หมอสมหมายน่ะครับ ลองดู

http://www.sommaithongprasert.com/

ออฟไลน์ Amj

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 480
เห็นตอบกันมาหลายคนแล้ว ผมขอแสดงความคิดเห็นบ้างนะครับ

ผมอาจจะเป็นเสียงเล็กๆ ที่แตกต่างไป คำแนะนำของผม อาจจะทำให้ใครหลายคน มีคำคัดค้านเกิดขึ้นในใจ
ผมขอตอบแบบ แหวกแนวความรู้ความเข้าใจของหลายๆท่านแล้วกันนะครับ

****** วิธีการรักษาโดยแพทย์แผนปัจจุบันนั้น เป็นวิธีการที่ดีอยู่แล้ว ไม่ควรละทิ้ง ******
แต่สิ่งที่อยากให้เพิ่มเข้าไป คือการรักษาโดยวิธีการทางธรรมชาติ

หลายคนเวลาเห็นพูดถึงการรักษาโดยวิธีทางธรรมชาติ ***ควบคู่ไปกับการรักษาของแพทย์แผนปัจจุบัน ****
(โปรดสังเกตุ ผมย้ำเสมอว่าควบคู่กับแพทย์แผนปัจจุบัน)

มักจะมีคำคัดค้านในใจ ว่าวิธีแบบนี้จะได้ผลได้อย่างไร ผมจะมีคำถามกลับไปเสมอ
1.   คุณคิดว่า พื้นฐานของมนุษย์เป็นสัตว์กินพืช หรือ กินเนื้อ
a.   สัตว์กินเนื้อ จะมีลักษณะโครงสร้างฟันที่เป็นเขี้ยวใช่หรือไม่
b.   สัตว์กินพืช ยกตัวอย่างเช่น วัว ควาย มีลักษณะโครงสร้างฟัน เป็นแบบไหนเหมือนเรารึเปล่า
2.   คุณคิดว่าหมู่เลือดของคนเรา แตกต่างกัน มีตั้งแต่หมู่ A,B,AB,O เพราะอะไร และทำไม
หมู่เลือดที่แตกต่างกัน ถึงมีความสามารถในการย่อยอาหารไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น
บางคนกินนมวัวได้ บางคนกินแล้วท้องอืด

ไม่ขอพูดไปมากกว่านี้ เพราะจะยาวเกินไป วิธีการรักษาโดยแพทย์แผนปัจจุบันเป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุดแล้ว
แต่ตัวท่านเองต้องเข้าใจว่า วิธีการรักษาแบบนี้ เป็นวิธีการรักษาที่ปลายเหตุ

ท่านตัวเชื่อก่อนว่า ร่างกายคนเราถูกสร้างมาด้วยความสมบูรณ์แบบโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ร่างกายไม่มีทางทำลายตัวเองได้อย่างแน่นอน แล้วอะไรคือปัจจัยในการ ทำลายตัวเองของเซลล์ต่างๆ

ความผิดปรกตินี้มาจาก นิสัยการใช้ชีวิตของคนนั้นๆครับ ยกตัวอย่างเช่น
1.   การดื่มน้ำ
2.   การนอน
3.   การออกกำลังกาย
4.   การเลือกรับประทานอาหาร
5.   การขับถ่าย



ผมขอพูดถึงศาสตร์โภชนาการอาหารแล้วกันครับ เมื่อผู้ป่วยมีความผิดปรกติของร่างกาย เนื่องจากความสมดุลของร่างกายนั้นเสียไป  หากตรวจเลือดจะพบเลือดมีความเป็นกรด ในทางการแพทย์ หากเลือดมีค่าเป็นกรดเพียง
0.5-1 ถือว่าเป็นค่าปรกติ แต่ในทางโภชนาการอาหาร ถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดีต่อร่างกายครับ

ผมมีคำแนะนำเบื้องต้นให้ดังนี้ครับ (จะปฏิบัติหรือไม่ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของผู้ป่วย)
1.   การดื่มน้ำ
คำแนะนำเรื่องดื่มวันละ 8 แก้ว เป็นคำแนะนำกลางๆ สิ่งที่ถูกต้อง ต้องคิดคำนวนจาก น.น.มวลกายแต่คงไม่ต้องถึงขนาดนั้นนะครับ
-   ตื่นเช้ามา ถ้าเป็นไปได้ควรดื่มน้ำลงไปทันที 2 แก้วก่อนจะทำอย่างอื่น เนื่องจากร่างกายขาดน้ำมาทั้งคืนนะครับ
-   การดื่มน้ำระหว่างวัน ไม่ควรดื่มทีเดียวหมดแก้ว แต่ควรจะจิบบ่อยๆ มากกว่า เพื่อให้น้ำที่ดื่มเข้าไป ร่างกายสามารถดูดซึมได้ทัน หากท่านดื่มทีเดียวหมดแก้วอีกไม่นาน ท่านก็จะปวดปัสสาวะครับ ร่างกายดูดซึมไม่ทันครับ
2.   การนอน
ร่างกายต้องการการพักผ่อนตั้งแต่เวลา 21.00 น.ครับ เหตุเพราะว่า มีการวิจัยออกมาแล้วว่า ร่างกายจะซ่อมแซมตัวเองในช่วงเวลาที่เราหลับลึก ตั้งแต่เวลา 22.00-02.00 น. ครับ ซึ่งช่วงเวลานี้ เราเรียกว่าช่วงเวลาทองที่ร่างกายจะได้ซ่อมแซมตัวเองครับ หากท่านไม่สามรถหลับลึกได้ในช่วงเวลานี้ ร่างกายจะทำเพียงแค่ พักผ่อนเท่านั้น ไม่มีการซ่อมแซมครับ
**** ไม่จำเป็นต้องเชื่อผม แต่สามารถหาอ่านงานวิจัยได้ครับ ****
3.   การออกกำลาย
การออกกำลังกายนั้น ควรทำให้ได้ทุกวัน การออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องถึงขนาดวิ่ง เพียงแค่ผู้ป่วย หรือคนปรกติทั่วๆไป ออกกำลังกายโดยการเดินเร็วเป็นเวลาอย่างน้อย 20 นาทีต่อวัน ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว และในแต่ละวัน ร่างกายควรได้รับการอาบแดดในตอนเช้า หรือ ตอนเย็น เป็นเวลา 15-20 นาที เพื่อให้ร่างกายได้สร้างวิตามินบางชนิด

4.   การเลือกรับประทานอาหาร
-   ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานน้ำนมวัว นอกจากจะไม่ค่อยได้ประโยชน์แล้ว ยังเพิ่มความสูญเสียแคลเซียมในกระดูกอีกด้วย 
-   ควรหันไปดื่มน้ำนมถั่วเหลือง หรือ น้ำนมข้าวกล้อง จะมีคุณค่าต่อร่างกายมากกว่า
-   สมุนไพรไทยที่มีประโยชน์อย่างมากคือ มะรุม 5 ส่วนที่ได้จาก ยอด ใบ ผล ลำต้นและ ราก ครับ ลองศึกษาดูนะครับ
-   อย่ากินถั่วงอกโดยเด็ดขาด ถั่วงอกที่งอกสมบูรณ์แล้ว จะมีสารบางชนิดที่เป็นพิษต่อร่างกาย ถั่วงอก หรือ ถั่วต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ตามวารสารต่างๆที่แนะนำ คือ ถั่วพึ่งงอก (ถั่วพึ่งมีรากงอก) จึงจะมีประโยชน์มากสุดครับ
*** สิ่งที่อยากจะบอกที่สุดคือตรงนี้ครับ ***
ควรเปลี่ยนแปลงลักษณะอาหารการกินใหม่ครับ ควรลีกเลี่ยง เนื้อสัตว์ต่างๆ เนื้อไก่ เนื้อหมู ควรหันไปรับประทานผักผลไม้ปั่น ในสัดส่วน 80/20 ของอาหารที่เคยกินในปัจจุบันครับ
ไม่ขอลงรายละเอียดมากแต่ขอแนะนำคร่าวๆ ดังนี้ครับ
1.   จัดหาเครื่องปั่นผลไม้ที่มีแรงปั่นขนาด 3.5 HP (3.5แรงม้ามาใช้)
2.   ผลไม้ที่จะแนะนำเบื้องต้น
1)   มะเขือเทศลูกท้อ สีแดงสด หรือพอมีสีส้มแจมบ้างก็ได้ แต่อย่ามีสีเขียวผสมเด็ดขาด เพราะยังมีสารที่เป็นพิษต่อร่างกาย
2)   งาดำหรืองาขาวก็ได้ครับ
3)   แครอท
4)   บีทรูท
5)   ขิง
6)   เม็ดเก๋ากี้
7)   แก้วมังกร (สีขาว)
8   ผลแอปเปิ้ล
9   กะหล่ำม่วง
10)   ส้ม  ( อย่าเอาเอาส้มเคลือบแว๊กมานะ -*-  )
ทุกอย่างที่ซื้อมา ต้องนำมาล้างแช่น้ำให้สะอาดจริงๆนะครับ ตอนแช่อาจจะเลือก น้ำส้มสายชูผสมน้ำเปล่าแช่ล้างก็ได้ครับ แต่ต้องเช็ดล้างเปลือกให้สะอาดนะครับ ทำไมหนะเหรอ ก็เราจะให้ท่านปั่นกินทั้งเปลือกไงครับ

มะเขือเทศลูกท้อ หั่นให้ได้ 3-4 ชิ้น แล้วโยนลงเครื่องปั่นไว้เลยครับ
งา ใส่ลงไปสัก 1 ช้อนโต๊ะครับ
แครอท ไม่ต้องปลอกเปลีอกนะครับ หั่นเป็นแว่นๆ แล้วลงเครื่องได้เลย แครอทนั้น มีประโยชน์อยุ่ที่เปลือกของมันครับ (ตัวนี้เป็นพระรอง จากเอนไซน์กว่า 200 ชนิดที่เปลือกครับ)
บีทรูท ต้องปลอกเปลือกนะครับ ปั่นกินทีละ 1/3 ของผลครับ (ตัวนี้คือพระเอกครับ มีความสามารถต่อต้านมะเร็งครับ)
ขิง ปลอกเปลือกนะครับ หั่นลงไปสักความยาว 0.5-1 นิ้วครับ
เม็ดเก๋ากี้  ตักมา 1 ช้อนโต๊ะ แช่ไว้ในน้ำกิน 1 แก้วครับ เดี๋ยวเราจะเทใส่เครื่องปั่นทั้งน้ำทั้งเก๋ากี้ครับ ไว้ใส่สุดท้าย
แก้วมังกร ตัวนี้ ตัดกีบใบที่เป็นเงี่ยงๆทิ้งไป ตัดหัวตัดท้ายทิ้งครับ  เอาแค่สักครึ่งลูกก็พอครับ หั่นทั้งเปลือกใส่ลงโถปั่นครับ
ผลแอปเปิ้ล ก็เช่นกันครับ เอาทั้งเปลือก ทั้งเมล็ดเลยครับ ประโยชน์ของมันอยู่ที่เมล็ดครับ แอปเปิ้ลต้องสดนะครับ ไม่งั้นเม็ดมันจะเป็นรา ต้องดูให้ดีๆนะครับ
กะหล่ำม่วง หั่นใส่พอประมาณครับ อันนี้มีคุณสมบัติรักษาระบบกระเพาะและลำไส้ครับ
ส้ม ปลอกเปลือกออกครับ เอาเมล็ดทิ้งนะครับ เอาเฉพาะเนื้อส้มลงปั่นครับ

ทั้งหมดนี้ท่านต้องใช้เครื่องปั่น 3.5 HP ครับ  ปั่นความเร็วต่ำ 15 วิ ความเร็วสูง 1 นาที และปั่นด้วยความเร็วต่ำอีก 15 วิ ครับ วิธีสักเกตุว่าน้ำผลไม้โอเคแล้ว ต้องดูว่ามีอุณหภูมิอุ่นๆ กำลังดีครับ

5.   การขับถ่าย
การขับถ่ายที่ดีนั้น จะแตกต่างจากความรู้ที่เรามีโดยสิ้นเชิง หากเรารับประทานอาหารที่มีกากใยอาหารมาก เราจะสามารถขับถ่ายได้วันละ 3 ครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นสุขลักษณะที่ดีและถูกต้อง บางคนอาจเถียงข้อนี้ได้ แต่อุจจาระเป็นของเสียในร่างกาย ไม่ควรเก็บไว้นานเกินไป ซึ่งจะส่งผลเสียในระยะยาว และหากร่างกายขาดน้ำ ร่างกายก็จะมาดูดซึมน้ำจากส่วนนี้ไปใช้ นี่จึงเป็นเหตุให้คนดื่มน้ำน้อยมักท้องผูกครับ
-   ควรมีการทานโยเกิร์ตอย่างสม่ำเสมอ
-   ควรมีการซื้อ “จุลทรีย์ชนิดดี” คือ จุลทรย์เม็ดมีขายตามร้านขายยา มากินบ้างเป็นครั้งคราว แต่ควรสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มจุลทรีย์ชนิดดี ในลำไส้ให้มีปริมาณที่มาก ซึ่งจะส่งผลต่อความแข็งแรงของสุขภาพร่างกายเช่นกัน ครับ
 
ปล. ที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงเล็กๆน้อยๆ อาจตกหล่นเยอะพอสมควรครับ มีอะไรก็ pm มาคุยกันได้ครับ
ปล2. หวังว่าข้อความที่เขียนมาทั้งหมด คงไม่เป็นเพียงข้อความขยะนะครับ
ปล3. ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ครับ

ออฟไลน์ aRhaha

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 54
เคยดูรายการนึงเกี่ยวกับหมอรักษามะเร็ง ไม่รู้ช่วยได้ไหม หมอสมหมายน่ะครับ ลองดู

http://www.sommaithongprasert.com/

  ขอสนับสนุนอีกแรง  และก็เป็นอีก1ทางเลือกครับ  เพราะที่ได้จากรายการทีวีของช่อง 5 มีผู้ป่วยไปหากันเยอะมากๆ
และต่างก็ได้รับผลการรักษาที่ดีขึ้นครับ  เพราะใช้สมุนไพรในการรักษาควบคู่ไปกับแพทย์ปัจุบันครับ  
  ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจ  และขอให้อาการดี่ขึ้น  และหายป่วยในเร็ววันนะครับ...

ออฟไลน์ jojow

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 938
ลองหา Vilac Plus มาทานดูซิครับ

2002 BENZ W220 S280 ,2002 PEUGEOT 406 D9
2004 BMW E60 525ISE ,2011 NISSAN 370Z
2011 BMW F10 525d ,2012 BMW F10 520i
2012 MAZDA BT-50PRO DBL 2.2 ,2015 TOYOTA ALPHARD SC PACKAGE
2015 PORSCHE CAYENNE S E-HYBRID ,2017 PORSCHE 718 CAYMAN S
2017 VOLVO S90D4 POLESTAR
2020 TOYOTA CROSS
2021 TESLA MODEL3

ออฟไลน์ sidlv

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 209
    • อีเมล์
ขอให้คุณป้าของ จขกท หายป่วยไวๆนะครับ

ปล.เว็บนี้คนมีน้ำใจ มากมายจริงๆครับ.. สวดยอดเรย :D

ออฟไลน์ prai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,154
ขอบคุณคุณ Amj มากครับ คือว่าท่านก็กินผักผลไม้อยู่ครับ
ไม่ค่อยกินหรือไม่กินเนื้อสัตว์เลย แต่ว่าพวก เกลือ วัตถุปรุงแต่งอาหาร เราก็ใช้บ้างเพราะถ้าไม่ใช้
มันก็จะไม่อร่อย สงสารท่านครับ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำจริงๆ ครับ ส่วนตัวสนใจพวกวิตามินบำบัดมากกว่าครับ
และเคยสนใจคุณหมอบัญชา แดงเนียม อยู่พักนึงครับ แต่ทำไม่ได้
เพราะรสชาติมันไม่อร่อยจริงๆ

ส่วนของคุณหมอสมหมาย ผมไปที่สิงห์บุรีไม่ไหว
เพราะมันไกลและคนเยอะ ที่บ้านไม่ชอบที่คนเยอะและรอนานครับ
รอไปขอตัวยาที่องค์การเภัสรมาทานได้พักนึงแล้วครับ
อันนี้จะเป็นแคปชูลครับ ผมก็แกะดึงออกมามันจะเป็นผงดำๆ กินคล้ายกาแฟนิดๆ
แล้วก็เลยลองเอานิวเตะตัวยามาที่ลิ้น รสมันก็ขมนิดๆ
แล้วผมก็ลองกินเองเม็ดนึง ผลปรากฎว่า มันร้อนท้องไปทั้งคืนเลยครับ
แต่คนไข้กินแล้วไม่รู้สึกอะไรนะครับ
ขอบคุณคุณ praman, aRhaha มากครับ

ส่วน Vilac Plus นั้นผมไม่มั่นใจเลยครับ
ยังไงก็ชอลองศึกษาดูนะครับ ขอบคุณมากจริงๆ ครับ

ใช่ครับคุณ sidlv ที่นี่มีแต่คนมีน้ำใจครับ
ขอบคุณจิมมี่มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

ถ้าผมไม่ได้ที่นี่ก็คงไม่รู้ว่า ยาตัวนี้มันจะทำให้เกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกอีก
ซึ่งคุณหมอไม่เคยบอก บอกแค่ว่าให้ตรวจภายในเอาไว้

ออฟไลน์ boykung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,174
  • ตอนเด็กๆ โคตรอยากเป็นจีบันเลย
ขอโทษทีครับ ไม่ได้เปิดคอมเลยหลังจากตอบไปคราวนั้น

ผมว่าควรรักษาที่เดิมต่อไปนะครับ เพราะไม่งั้นก็เหมือนเริ่มใหม่

ส่วนถ้าเป็นตัวยาฉีดถ้าบังเอิญเป็นชนิดเดียวกัน จะแนะนำแหล่งให้ได้ครับ ซื้อที่ประเทศไต้หวัน ค่าตั๋วไม่กี่พันเอง
Hyundai Grand Starex 2012
Kia Rio 2013
Volvo XC60 D4 Hybrid with Engine Oil 2013
Mercedes Benz S300Hybrid AMG 2014
BMW 420D Coupe M Sport 2016

ออฟไลน์ Akeem-CLII

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 499
  • ทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวาน
การที่หมอ ไม่บอกคนไข้ ว่า การทานยา tamoxifen มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
อาจเป็นเพราะ กลัวคนไข้จะไม่กล้ารักษา

ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมส่วนมาก ได้รับยาตัวนี้ ให้กินประจำเป็นเวลา 5 ปี บางรายก็ไม่มีผลอะไรครับ
แต่ผู้ป่วยบางรายก็เคยตัดมดลูกไปแล้ว เลยไม่มีปัญหาด้านนี้

ยาตัวอื่น ๆ ยังเป็นยาที่ค่อนข้างใหม่ และราคาแพง (หากต้องกินทุกวัน คิดราคาต่อเดือน ถือว่าสูงครับ)
บางโรงพยาบาล อาจไม่ได้ stock ไว้

ที่สำคัญตอนนี้คือ กำลังใจครับ คุณป้าของคุณต้องไม่ท้อแท้กับมันครับ

หากคุณป้า ไปตรวจภายในเป็นประจำ ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร เพราะทางหมอสูติที่รับผิดชอบ
ย่อมเห็นประวัติการรักษา และรู้อยู่แล้วว่าต้องตรวจดู หรือเน้นที่จุดไหนเป็นพิเศษครับ ถ้าหากมีก้อน
หรือ สิ่งแปลกปลอม คงสามารถตัดไปดูได้ และวินิจฉัย รักษาในส่วนของมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้เร็ว


สำหรับการปรับตัวที่คนส่วนใหญ่แนะนำสำหรับคนไข้มะเร็งมีหลาย ๆ แบบมาก แล้วก็น่าศึกษามากครับ
การปรับตัวที่ทำได้ตั้งแต่แรกเริ่มเลยคือเรื่องอาหารการกินครับ

เครื่องปั่นผลไม้แยกกาก เป็นสิ่งสำคัญของคนไข้เลยครับ ทำให้ได้คุณค่าทางสารอาหารพวกวิตามิน จากผลไม้
จำนวนเยอะ ๆ ในน้ำเพียงน้อยนิด (แต่ต้องปั่นแล้วกินทันทีนะครับ) บางทีน่าจะดีกว่าพวกวิตามินสังเคราะห์ที่ทานเสริม
เป็นเม็ด ๆ ครับเพราะมันสดกว่าเนี่ยหล่ะ แต่ต้องขยันไปซื้อผลไม้เยอะ ๆ

อาหารเพื่อสุขภาพ บางคนแทบไม่กินเนื้อสัตว์ มีหลายความคิดที่ต่างกันมากมายสำหรับคนไข้มะเร็งที่พักฟื้นครับ บ้างก็ว่า
ให้ทานอาหารแบบปกติ บ้างก็บอกว่าให้งดเนื้อสัตว์ไปเลยครับ ร่างกายคนเราต้องการสารอาหารจำพวกโปรตีนเพื่อไปซ่อม
แซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย แต่โปรตีนนั้นก็เป็นปัจจัยที่เป็นแหล่งที่ทำให้เซลล์มะเร็งโตได้ (คือเซลล์ดี ๆ ของร่างกายก็โต
แต่เซลล์มะเร็งก็โตด้วยได้) คนไข้ที่อยู่ในช่วงได้รังสีรักษา หรือหลังรังสีรักษา จึงควรทานอาหารแบบปกติ(กินเนื้อสัตว์บ้าง)
เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเองครับ เพราะเซลล์มะเร็งส่วนมากน่าจะถูกทำลายเกือบหมดแล้ว
ถ้าหากคุณป้า ไม่ได้อยู่ในช่วงรักษาด้วยการให้ยาเคมีบำบัด หรือ รังสีรักษา ก็ควรทานเนื้อสัตว์ให้น้อยลง เน้นทานพืช ผัก ผลไม้
ธัญพืช ให้มากขึ้น ครับ

ห้ามกินของไหม้ ๆ เด็ดขาด พวก หมูปิ่ง บาร์บีคิว นี่งดเลย สารก่อมะเร็งทั้งนั้นเลยครับ แล้วก็ควรงดของหมักดอง ดองเค็ม ด้วยก็ดีครับ
ปลาเค็ม ๆ ก็ควรทานให้น้อยลงครับ

ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ (ไม่ใช่ไปวิ่ง ๆ ๆ ออกแรงเยอะ ๆ นะครับ) คนไข้บางคนก็ ไปลองออกกำลังกาย แบบ ชี่กง เต้าเต๋อซิ่นซี หรือ
แบบอื่น ๆ ก็พบว่าช่วยให้จิตใจสงบ และคลายเครียดได้
บางคนก็ลองไป วิปัสสนา ศึกษาธรรมะ ฟังธรรมะ ก็ช่วยให้จิตใจดีขึ้น และบางทีร่างกายได้รับการพักฟื้นมากขึ้น เซลล์มะเร็งยุบลงไปก็มี
(มันเหนือกว่าการที่วิทยาศาสตร์จะพิสูจน์ได้อะครับ)

ตอนนี้ หากคนไข้ ยังทำงานหนัก มีความเครียด ก็ขอให้ลดจำนวนงานลง พักผ่อนให้ จิตใจแจ่มใสขึ้น ลองหาเวลามาศึกษา
วิธีการรักษาโรคมะเร็งแบบแนวทางอื่น ๆ (การแพทย์ทางเลือก) และศึกษาธรรมะดูครับ เพราะบางรายก็ช่วยได้เหมือนกันครับ

แต่ก็อย่าไปเชื่อโฆษณาชวนเชื่อมาก ระวังเสียเงินโดยใช่เหตุ

และที่สำคัญคือ ถึงแม้จะลองทำตามการแพทย์ทางเลือก แต่การรักษากับแพทย์แผนปัจจุบัน ถือว่าสำคัญมาก และต้องทำอยู่ครับ

ยังมีสิ่งต่าง ๆ ที่ยังไม่รู้อีกเยอะครับ แล้วก็ ไม่มีอะไร 100% ใน medicine ครับ
I will buy Volvo some day.

ออฟไลน์ prai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,154
ขอบคุณคุณ AKEEMVV944 จริงๆ ครับ
คนไข้ไม่เครียดเลยครับ มีแต่ผมนี่แหล่ะเครียด เครียดมากครับ
ของหมักดองห้าม แล้วพวก ทูน่ากระป๋อง ของหวานแย่แข็งแบบต้องเวฟก่อนกิน อะไรแบบนี้ล่ะครับ
พอกินได้มั้ย ขนมปังประมาณนี้ครับ เพราะคนไข้ชอบครับ
ที่บ้านผมไม่ค่อยได้ทำงานอะไรกันอยู่แล้วครับผม แต่ว่านอนค่อนข้างดึกกัน
ประมาณเที่ยงคืนครับ


ขอบคุณครับ คุณ boykung คนไข้ไม่ได้ฉีดแล้ว
เหลือแต่เป็นแบบกินทุกวันครับ
แล้วคุณพ่อของคุณ มีกินยาแบบประมาณสมุนไพร หรืออาหารเสริมอื่นบ้างมั้ยครับ


ขอบคุณทุกๆ คนมากจริงๆ ครับ

ออฟไลน์ prai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,154
คุณว่าที่คุณหมอครับ
ขอสอบถามเรื่องยา 3 กลุ่มนั้น นิดนึงครับ
คือยากลุ่มที่ 2-3 มีประสิทธิภาพมากกว่าหรือเท่ากับยากลุ่มแรกครับ
พอดีผมเพิ่งนึกออกว่า ป้าผมตัดมดลูกทิ้งไปแล้วครับ
แล้วใช้ฮอโมนมา และคุณหมอคาดว่า ป้าผมเป็นมะเร็งเต้านมเพราะฮอโมนครับ
คือถ้าประสิทธิเหมือนกันก็จะใช้ตัวเดิมไปก็ได้ครับ
แต่ถ้าประสิทธิภาพของตัวยาดีกว่า ก็จะเปลี่ยนไปใช้ครับ
ขอบคุณมากครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 20:49:16 โดย prai »

ออฟไลน์ NineKlao

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,907
  • ชีวิตไม่ได้เป็นดังที่คิด ก็มันคือชีวิตนี่
เพิ่มเติม นิดน่ะครับ พอดีแฟนผม เคยเป็นผู้แทนขายยามะเร็งมาก่อน

จะบอกว่า ยากลุ่มมะเร็งมีหลายตัว ครับ หมอที่รักษาก็มีอยู่ 2 ประเภท พวกแรก จะชอบผ่า อีกพวกชอบรักษา

ซึ่งสำหรับผม หมอที่ชอบรักษา (ไม่ค่อยชอบฝ่าทิ้ง) จะชอบเรียนรู้ ยาตัวใหม่ๆ  วิธีการรักษาใหม่ๆ

การผสมยา  แต่ล่ะประเภท  อย่างตัวยาที่ แฟนผมขาย มันแพงมาก แต่มีผลข้างเคียงน้อย

โรงบาลรัฐฯ ส่วนใหญ่ ไม่อยู่ในบัญชียา ที่สามารถเบิกได้ (ตั่งแต่บัตรทอง จะสิทธิสูงกว่าประกันสังคม แต่สิทธิข้าราชการสูงสุด)

โดยคุณหมอจะใช้ยา ที่โรงพยาบาล สามารถซื้อได้ ให้กับคนไข้แทน ซึ่งเป็นยาที่กระทรวง สาธารณสุขกำหนดไว้ (มีไม่กี่ตัว รวมทั้งตัวที่พูดถึง)

หมอที่ชอบหาความรู้ใหม่ วิธ๊การใหม่ ได้ ข่าวยาใหม่ๆ ก็ไม่สามารถจัดซื้อ คนไข้โรคมะเร็ง แต่ล่ะคนก็ต้องการตัวยาที่ไม่เหมือนกัน

บางคนแค่ยา ปกติก็หาย แต่บางคนก็ไม่ ต้องใช้วิธีใหม่ ๆ และยาตัวใหม่ๆ 

ผมเลยอยากบอกว่า ที่รามา นั้น มียาครับ ทุกตัว เลยครับ แต่ขึ้นอยู่กับว่าสิทธิในการเบิก และความชำนาญของแพทย์ที่รักษา
ลึก ซึ่งค่าใช้จ่ายก็แพงกว่าตรวจสุขภาพปกติไม่น้อย 

ว่าท่านนิยมยาค่ายไหน ถนัดกลุ่มไหน และผมอยากบอกได้เลยว่าหาก เจอระเร็งในขั้น 3 แล้วก็ควรทำใจ

และจำไว้ว่า การตรวจสุขภาพของเราๆ ทุกๆปี นั้นมันแต่เบื่องต้น ไม่เจอมะเร็งกันง่ายอย่างขั้น 1,2 ต้องตรวจแบบเจาะ

ออฟไลน์ prai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,154
ขอบคุณ คุณ NineKlao มากครับ

ออฟไลน์ Quadrifoglio Verde

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 553
  • Remember Life is Hanging in the Balance !
    • อีเมล์
  มีคนเชื่อหมอสมหมายมากจริงๆด้วย  :-\

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการโฆษณา บอกกันปากต่อปาก หรืออะไร

รู้แต่ว่า การจะไปรักษาที่ไหนอย่างไร ก็ควรมีเหตุผลประกอบ ว่าเค้ารักษายังไงใช้ยาอะไร ขืนเชื่อต่อๆกันมา มีปัญหาแล้วจะยุ่ง

ส่วนตัวไม่ขอเล่าว่าเคยเจออะไรกับพวกนี้  :P

ส่วนในความคิดเห็น ผมคิดว่าควรจะไปคุยกับหมอที่รักษา ณ.ปัจจุบันเป็นอันดับแรก หมอบางคนเป็นคนพูดน้อย หรือพูดเท่าที่จำเป็น หากรู้สึกอึดอัดในการรักษา โดยเฉพาะคนไข้ ก็เปลี่ยน รพ.ตามสะดวก เถอะครับ เพราะการไปหาหมอ ก็ควรจะมีความรู้สึกอยากจะไปหา ไปรักษา
 
ถ้าอยากไปที่ๆมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ก็ต้องไป รร.แพทย์ น่ะครับ แน่นอนว่า ยุ่งยากในกระบวนการและรอนาน ไม่เหมือนกับที่ๆคุณ ไปอยู่ปัจจุบันนี้แน่นอน

หรือถ้ามีเงินถุงเงินถัง อยากได้สิ่งที่ดีที่สุด ขออะไรก็ได้ ก็ไป รพ.วัฒโนสถ หรือ บำรุงราษฎร์ ก็ได้ครับ แต่ก็จะโดน Charge หนักหน่อย และไม่แน่ใจว่าอาจจะรักษาคล้ายๆ กัน

tamoxifen ที่เค้าให้คุณ ผมว่าก็ Proper ดีแล้วนะครับ โดยเฉพาะคนที่ตัดมดลูกไป ทาน Replacement therapy แล้วมี Complication แต่รายละเอียดลึกๆ ผมคงไม่ทราบ

ส่วนยากลุ่มอื่นที่ยกตัวอย่างข้อความมา ผมแปลดูแล้ว ไม่พบว่าเค้าบอกว่ามันดีกว่า Tamoxifen นะครับ ลองกลับไปอ่านใหม่ดีๆ ความรู้ทางการแพทย์ และยา ไม่มี Cut point หรือการ "ฟันธง" ว่าตัวนั้นดีกว่าตัวนี้ ให้เจอกันบ่อยๆ หรอกครับ

เหมือนอย่างที่เราจะบอกว่า Paracetamol ให้การรักษาอาการปวดได้ดีกว่า Diclofenac แต่ในทางของหมอแล้ว มันใช้รักษากันคนละ Mechanism ครับ  :o เพราะฉะนั้น การให้ยาในแต่ละคนก็ต้องต่างกัน ฉะนั้นจะบอกได้ว่ายาตัวนั้นตัวนี้ดีกว่า pure ๆ ไม่ได้หรอกครับ  ยาหลายๆ ตัวยังอยู่ในการทดลอง Trial นะครับ นั่นหมายถึง มีคนทดลอง 1 ครั้ง แล้วได้ผลว่ามันดีกว่าตัวเก่า แต่เราก็ต้องไปดู In detail อีกที ว่าเค้าทดสอบใช้ Criteria อะไร ตัวแปรมีอะไรบ้าง ของแบบนี้มันดัดแปลง กลับผิดเป็นถูกได้สบายๆ ครับ ถ้าคนทำรู้ Technic

อย่าไปให้ใจมากกับความรู้ทางกการแพทย์จาก Internet มาก ครับ เพราะส่วนใหญ่จะคล้าย Forward mail
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 22:08:36 โดย Quadrifoglio Verde »
FIAT 131 SuperBrava 1600 T/C 1981
VOLVO 850 GLT 1997
Mercedes W204 C250 CDI AVANTGARDE 2011

ออฟไลน์ Akeem-CLII

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 499
  • ทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวาน
Re: "ขอนอกเรื่องนะครับ รบกวนขอความช่วยเหล
« ตอบกลับ #48 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 22:31:04 »
คุณป้าตัดมดลูกไปแล้ว และต้องรักษาด้วย hormone แสดงว่าน่าจะตัดรังไข่ไปแล้วใช่มั้ยครับ

หากคนไข้ตัดมดลูกไปแล้ว การให้ยา Tamoxifen ถือว่าเหมาะสมแล้วครับ เพราะไม่มีความเสี่ยงที่จะเป็น มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

ยา Tamoxifen เปรียบเหมือนทั้ง estrogen แท้ และ estrogen เทียม ในแต่ละอวัยวะที่ต่าง ๆ กัน

โดยยามันจะจับ receptor ที่เซลล์มะเร็งเต้านม แล้วหยุดกระบวนการพัฒนาของเซลล์มะเร็ง

ยาจะจับ receptor ที่กระดูกเสมือน estrogen ปกติ ทำให้ผู้ป่วยไม่มีปัญหาโรคกระดูกพรุน

การที่กินยา Tamoxifen ก็ทำให้ไม่ต้องกิน estrogen เสริมแล้วครับ ตัวกระตุ้นเซลล์มะเร็งคงหมดไป
(ถ้าจะมี estrogen จากร่างกายบ้าง ก็น่าจะมาจากต่อมหมวกไต ซึ่งมีปริมาณน้อยมากครับ
ช่วงก่อนหน้านั้นหมอเลยต้องให้ทานเสริม)

และยา Tamoxifen เป็นยาที่ราคาประหยัดที่สุด และมีประสิทธิภาพที่ดีเพียงพอครับ
ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนไปใช้ยาที่แพงขึ้น ยกเว้นว่าคนไข้ต้องการเองครับ


ในส่วนของอาหาร  คืออาหารพวกของหมักดอง ปลาเค็ม จะมีสาร nitrosamine
ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ส่วนมากจะทำให้เป็นมะเร็งโพรงจมูก และมะเร็งกระเพาะอาหารครับ
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยมะเร็งโดยรวมก็ให้หลีกเลี่ยงจะดีกว่าครับ

ส่วนทูน่ากระป๋อง กับ ของหวานแช่แข็ง นี่ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ
แต่กระบวนการผลิตทูน่ากระป๋องย่อมมีการควบคุมให้มีปริมาณ nitrosamine ที่น้อย เหมาะสม และ ไม่น่ามากพอที่จะก่อโรค
ซึ่งต้องเป็นมาตรฐานของโรงงานผลิตครับ

คนไข้ และญาติ คงต้องชั่งใจเอาเองล่ะครับ จริง ๆ มันก็ไม่ค่อยเกี่ยวกับมะเร็งเต้านมนะครับ แต่มักจะเป็นความเชื่อของคนไข้ครับ
ทางที่ดี เน้นกินของสด ๆ ใหม่ ๆ จะดีกว่าอะครับ

ถ้าขนมปังปื้งก็อย่าให้ไหม้ครับ นึ่ง หรือ ไมโครเวฟ น่าจะดีกว่า

ตัวญาติคนไข้ ไม่ควรเครียดมากนักครับ มีอะไรก็ลองถามหมอไปเลยน่าจะดีกว่าครับ

ตัวผมก็เป็นแค่ นศพ. รู้แค่ทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติจริง ๆ การรักษาคนไข้ ย่อมมี guideline ที่แน่นอนครับ เพื่อไม่ให้แพทย์
ตกหล่นในด้านการรักษา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 22:34:26 โดย AKEEMVV944 »
I will buy Volvo some day.

ออฟไลน์ prai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,154
ขอบคุณครับ คุณ Quadrifoglio Verde แต่ผมอยากรู้ครับว่าเจออะไรมา
ยังไงก็ PM มาบอกก็ได้ครับ ขอบคุณมากครับ


ขอบคุณคุณว่าที่คุณหมอมากจริงๆ ครับ
แต่เท่าอ่านดู เหมือนว่า ยาตัวที่ 2 ยับยั้งการสร้างเอสโตรเจนเลยเหมือนจะดีกว่าใช่มั้ยครับ
เพราะถ้าไม่มีฮอโมนเพศหญิงมะเร็งก็จะไม่กลับ
ผมเข้าใจถูกแล้วใช่มั้ยครับ
มีอะไรอยากแนะนำผมก็หลังไมค์ได้เลยนะครับ ยินดีรับฟังครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ

ออฟไลน์ Akeem-CLII

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 499
  • ทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวาน
ถ้าตัดรังไข่ ตัดมดลูกแล้ว ก็ใช้ tamoxifen แหละครับ เพราะจะลดปัญหาเรื่องกระดูกพรุนครับ (ไม่แน่ใจว่าตัดรังไข่รึยัง?)

ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ยากลุ่มอื่น ๆ ครับ เพราะทั้งเรื่องของราคาที่สูงกว่า และยังเสี่ยงต่อ
โรคกระดูกพรุนมากกว่าครับ

ตอนนี้ยาบางตัวในกลุ่ม aromatase inhibitor น่าจะสามารถเบิกได้ และใช้รักษาร่วมกับ tamoxifen ก็มีครับ(ทานยา 2 ตัวเลย)

มะเร็งเกิดขึ้นได้จากสาเหตุหลายแบบครับ แต่มะเร็งเต้านมส่วนมากจะเกิดจาก estrogen น่ะครับ
แนวทางการรักษาจึงเริ่มที่ tamoxifen เกือบหมดครับ

หากตัดรังไข่ไปแล้ว ร่างกายก็ไม่ได้สร้าง estrogen มาซักเท่าไรครับ ถ้าให้ยากลุ่ม aromatase inhibitor ไป เป็นสิ่งที่เปลือง และ
ไม่จำเป็นได้ครับ ยกเว้นว่าคนไข้มีความผิดปกติที่ ต่อมหมวกไต ผลิต estrogen ได้มากเกินครับ
I will buy Volvo some day.

ออฟไลน์ prai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,154
ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ ผมก็มั่นใจเหมือนกันว่าตัดรังใข่ไปแล้วหรอยัง แต่ตัดมดลูกไปแล้วครับ
ขอบคุณอีกครั้งนะครับ