^
ขอบคุณครับ
ช่วงล่างหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท ข้างหลังแบบคานบิด ทอร์ชั่นบีม H-Shape
การสะเทือนยังคงติดเด๋งๆ ดึ๋งๆ พอสมควร แต่ยังพอรับได้
การเปลี่ยนเลนไวๆ ในช่วง 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนถนนวิภาวดี
มายังคงมีการหวาดเสียวจากการโยนของท้ายรถอยู่บ้าง
การขับขี่ทางไกลที่ความเร็วพื้นฐาน 100-120 กำลังดี
ไม่น่ากลัว ยังพอเทโค้งกว้างๆที่ความเร็วระดับนี้ได้อยู่
แต่ถ้าเป็นรถเดิม ยางเดิม Goodyear NCT5 และขับเกิน 150 ขึ้นไป
Downforce ใต้ท้องรถ จะพาคุณให้ได้ใกล้ชิดยมบาลมากขึ้น
ต้องใช้สมาธิในการจับพวงมาลัยเอาเรื่องอยู่ การเปลี่ยนไปใช้ยาง
Performance ขนาด 195/50 หรือ 195/55 พอช่วยให้มั่นใจได้บ้าง
ประสบการณ์ส่วนตัวกับยางที่เปลี่ยนมาทั้ง 2 ชุด
อันแรก ยางติดรถ Goodyear NCT5 185/55 R15 ประสิทธิภาพกลางๆ
แรงเสียดทานมีน้อย ไม่มีความยึดเกาะใดๆ ใช้ระยะในการเบรกมากกว่าปกติ
ทนใช้จนถึง 5 หมื่นกิโลเมตร ราคาต่อเส้น 1800-2000 บาท แต่แลกกับชีวิตคนแล้ว ไม่คุ้ม
เส้นแรกที่เปลี่ยนเลย TOYO Proxes T1R 195/50 R15 ยางแนวแอบซิ่ง
เกาะและจิกพื้นบนถนนแห้งเอาเรื่องเลยทีเดียว เสียงหอนดังเล็กน้อย
ตามสไตล์ยางประเภทนี้ มี Rimgaurd เพิ่มความสวยงามเมื่อจับกับ
ล้อแม็กซ์หน้ากว้างๆ ราคาค่าตัว 2800-3200 ต่อเส้น ไม่แรงมาก
แต่ผมได้มาที่ 2600 เผอิญเจอร้านยางดีๆย่านรังสิตจัดโปรส่งเสริมการขายพอดี สบายกระเป๋ากันไป
เส้นที่ 2 Hancook Enfren 195/55 R15 ยางเกาหลีนุ่มเงียบ รีดน้ำใช้ได้
การเสียดทานของตัวยางไม่น่ากลัวแบบพวกยางประหยัดน้ำมันหลายๆเจ้า
ราคาถูก 2300-2400 ต่อเส้น แต่ใช้ได้ไม่นานก็ต้องขายรถทิ้งเสียก่อน
พวงมาลัยพาวเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า EPS มีการตอบสนองที่ไวดี
แต่ก็เบาโหวงเกินไปแม้อย่ความเร็วสูง เบาจนบางทีรู้สึกไม่อยากขับรถคันนี้
จริงอยู่ว่า พวงมาลัยเบา เอาใจผู้หญิง แต่แหม หนืดกว่านี้นิดนึงก็ไม่ได้
ทำให้เหล่าคุณเธอหงุดหงิดขึ้นมาหรอกครับว่าพวงมาลัยหนักไปไม่มีแรงหมุนอ่ะ
เพราะยังไงมันก็เป็นเพาเวอร์ ไม่ใช่พวงมาลัยจากรถยุค 80
การเก็บเสียง ที่ความเร็วต่ำ พอใช้ได้กับรถระดับนี้
แต่เมื่อขึ้นไประดับความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อย่าได้หวังอะไรมาก เพราะทั้งลมและยางที่ดังเข้ามา
เสียงหอนในระบบเกียร์ ทำลายห้องโดยสารจนเสียความรู้สึกกันไป