ผู้เขียน หัวข้อ: "ขับรถวันล่ะ 100-200 กิโล" รบกวนปรึกษาปัญหาชีวิตการงานและการเดินทางครับ  (อ่าน 23997 ครั้ง)

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
สวัสดีครับ

ผมมีคำถาม เกี่ยวกับการใช้งานรถยนต์ระยะไกล วิ่งทางไกล กับหน้าที่การงานของผม
กรณีที่รถยนต์คันนึงต้องวิ่งวันล่ะ 200 กิโล เพราะที่ทำงานอยู่นอกเมือง
รบกวนทุกท่านในที่นี้ช่วยตอบโจทย์ผมทีนะครับ

ผมได้ Offer งานใหม่ ในตำแหน่งที่สูงกว่าเดิม และเงินเดือนเพิ่มขึ้นราวๆ 5 พันบาท
ปัจจุบันนี้ ผมเป็นนักบัญชีระดับ Staff ธรรมดาๆในสำนักงานบัญชี
ผมมีแนวโน้มว่าจะได้เป็น Senior เพราะผมทำผลงานได้ดี และลูกค้าผมส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือ
ผมเป็นคนคุยเก่ง สนิทกับคนง่าย (จีบหญิงบ่อยๆ) ทำงานง่ายๆ

เนื่องจากเป็นผู้ชาย ผมเลยออกลูกค้าได้บ่อย Admin สาวๆชอบ ผู้ใหญ่เอ็นดู รับงานได้เยอะ
เพียงแค่ บริษัทใหม่ที่เรียก มีสวัสดิการดี(สายอะไหล่รถยนต์) โบนัสเยอะมาก

คำถามคือ ที่ทำงานใหม่ ไกลจากบ้านผมมาก ไป-กลับราวๆ 120 กิโล (ไม่คิดจะอยู่หอพัก)
กับที่ทำงานเดิม นั่งรถไฟฟ้าเอา ใช้ชีวิตคนเมือง (มีรถหนึ่งคัน ไม่ได้วิ่งเลยครับ ใช้แค่เสาร์อาทิตย์)
อยากทราบว่า

1 ถ้าวันทำงานทั้งปีคือ 250 วัน รถผมต้องวิ่งทั้งหมดราวๆ 30,000 กิโลเมตรต่อปี
มันดูเป็นตัวเลขที่เยอะมั้ยครับ?

2 ส่วนตัวผมไม่เคยใช้รถต่อปีเยอะขนาดนี้มาก่อน
มีอะไรต้องดูแลเป็นพิเศษมั้ยครับ (รถไม่ติดแก๊สครับ)

3 เป็นทุกท่าน
ท่านคิดว่า การนั่งรถไฟฟ้า ต่อแอร์พอตลิ้ง ต่อมอไซต์ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
กับขับรถ 1 ชั่วโมง ทางไกลยาวๆ รถไม่ติด
แบบไหนเครียดกว่ากันครับ

ทุกวันนี้ เบื่อมากๆครับ กับชีวิตบนรถไฟฟ้า
พวกยืนพิงเสา ชอบยืนขวางประตู เกะกะไม่ให้ทางคนจะออกจากรถ
เด็กบางคนยืนพิงเสาเล่นไอโฟน บางคนยืนพิงทางเข้าเล่นมือถือ
ผมลุุกขึ้นให้นร.นั่ง มีผู้หญิงวัยทำงานแทรกตัวมานั่งเลย หลายครั้งหลายทีก็เจอแบบนี้
บางทีเจอผู้หญิงท้อง เจอคนแก่ หลายๆคนไม่สนใจ ก้มหน้าเล่นมือถือ คนสมัยนี้ทำไมเป็นอย่างงี้ไปหมด
เดินทางในเมือง เครียดไม่แพ้กันครับ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาช่วยตอบคำถามและฟังผมระบายนะครับ
ขอบคุณมากๆ

ออฟไลน์ NINENOI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,732
  • Nine & Knight
ไม่เห็นจะเครียดตรงไหนให้ร้องระบายเลยนี่นา อ่านดูแล้วอิจฉาที่สาวตรึม  ;D ;D ;D


เวลาเดินทางเท่ากันก็เลือกที่ใหม่ไปเต๊อะ คนเราต้องก้าวไปข้างหน้า นั่งในรถสบายกว่าต้องไปเบียดเสียดผู้อื่นมากมายนัก วิ่งปีละ 30,000 ก็นับว่าโขอยู่แต่ก็ไม่ได้มากเกินไปหรอกครับแค่ต้องเข้าศูนย์บ่อยหน่อยตามระยะทาง รถมีไว้ใช้งานถ้าต้องใช้ก็ใช้ไปเถอะเพียงแต่ถ้าเป็นผมใช้ขนาดนี้ติดแก๊สแน่ๆ

ส่วนเรื่องสละที่นั่งแล้วบางทีคนอื่นไม่รู้คิดว่าคุณจะลุกลงสถานีถัดไปหล่ะมั้ง แก้ได้ด้วยการเรียกคนที่คุณต้องการให้นั่ง เช่น คุณเสื้อเขียวที่ท้องอยู่ตรงนี้ว่างเชิญนั่งครับ ใครมาหน้าด้านแย่งนั่งก็ประจานกันซะตรงนั้นเลย อีกอย่างคนอื่นรอบๆที่ได้ยินเผื่อจะได้มีจิตสาธารณะดีขึ้นด้วย ประโยชน์แอบแฝงอีกอันสาวๆเห็นต้องชอบแน่ๆ  ::) ::) ::)
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น

ออฟไลน์ applebees

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 750
-ตอบไม่ถูกเลยครับ เพราะชีวิตในเมือง ใช้รถไฟฟ้า ทุกอย่างดูรวดเร็วกว่าขับรถ แต่ถ้าการใช้รถไฟฟ้าทุกวัน เช่นหมอชิตไปอ่อนนุช หรือสะพานตากสิน ไปอโศก มันก็ดูไม่มีความสุขมากมาย ใช้เวลาบนรถไฟฟ้าก็นาน เวลาทำงานคนก็เยอะครับ

-ถ้าที่ทำงานใหม่ที่เสนองานให้ การขับรถไปทำงาน 1 ชั่วโมง ไม่ถือว่านาน แต่ต้องแบบที่คุณบอกนะครับ ว่ารถไม่ติด เพราะถ้ารถติด ชีวิตจะไม่มีความสุขครับ ไปถึงพอจะเริ่มงานก็เบื่อละ เพราะขับรถ พอจะกลับก็จะหน่ายรถติด

-ส่วนเรื่อง ทำงานทั้งปี 250 วัน อันนี้ผมไม่รู้ว่าเยอะมั้ย เพราะเอาจริงๆผมยังไม่เคยนับวันทำงานผมเองเลย ^^ แต่เรื่องทั้งปีจะใช้รถราวๆ 30,000 กิโลเมตร อันนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติครับ ไม่เรียกว่าใช้เยอะ แต่เรียกใช้คุ้มครับ 555+

***แต่อยากให้คิดว่า ถ้าใช้รถแล้ว ขับรถแบบที่บอกมาจริงๆ เงินเดือนเพิ่มขึ้น ผมขอเรียกว่า "แค่ 5,000 บาท" นะครับ เพราะถ้าต้องใช้รถทุกวันแบบที่บอก 5,000บาท ไม่พอครับ สำหรับค่าน้ำมัน และอย่าลืมว่ารถใช้งานตลอด อุปกรณ์บางอย่างดีที่ได้ใช้ แต่อุปกรณ์บางอย่างมันก็เสื่อมนะครับ พอถึงเวลานึงจะต้องเสียเงินเปลี่ยนอะไหล่อีก  ยกเว้นเสียแต่ที่บริษัทใหม่จะมีค่าน้ำมันให้ เบิกได้ตลอด คิดเป็นกิโลเมตร ตีเป็นเงินให้เรา แบบนั้นคุ้มมากครับ

ออฟไลน์ Lucky_suby

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 374
    • อีเมล์
ถ้่ที่บอกมาว่าเงินเดือนเพิ่มขึ้น 5,000 บาท กับการต้องขับรถที่ไม่ติดแก๊ส ไปกลับเพิ่มขึ้นขนาดนั้น ผมว่าคิดยังไงก็ไม่คุ้มในด้านตัวเงินที่เห็นนะครับ

ในด้านการงาน ความเห็นผมคือ ถ้าที่ทำงานเก่า อยู่แล้วก็ดูไม่มีปัญหาอะไร เพื่อนร่วมงานดี หัวหน้าชื่นชอบ มีโอกาสเติบโต แล้วข้อเสนอของที่ใหม่ไม่ได้ดีกว่ากันขนาด 50% ผมว่าอยู่ต่อดีกว่า เพราะไปที่ใหม่ไม่รู้สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร

เรื่องการเดินทางบนรถไฟฟ้า ใช่ครับ น่าเบื่อ แต่ผมอยากให้พิจรณาว่า
- คนลำบากกว่าเราที่ไม่สามารถขึ้นรถไฟฟ้าได้ก็ยังมี
- ขับรถเองไกลๆ รถติดๆ ค่าใช้จ่ายก็คงเพิ่มขึ้น ไม่สนุกเท่าไหร่

คหสต จากลูกจ้างมืออาชีพเช่นกันครับ

ออฟไลน์ Jazz_Jstw

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 134
ผมว่าพี่ไม่ต่างจากผมเท่าไหร่เลยนะ ผมก็ใช้รถไปเรียนมหาลัยเบื่อนั่งรถเมย์วันนึงก็ตก 100-200 โลพอๆกะพี่นี่แหละ แถมวันหยุดผมยังเอารถไปโน่นไปนี่อีก ปีนึงผมใช้รถประมาณ 4 หมื่นกว่าโล ผมใช้มาจะเข้า 3 ปีตอนนี้ จะ แสนสองละ ก็ปกติดี ไม่ต้องคิดมากคับ อันไหนเสียก็ซ่อม ซ่อมไม่ได้ก็เปลี่ยนคับ แต่ส่วนมากก็ไม่ได้ซ่อมเท่าไหร่นะคับ ผิดกับรถป้าผมอีกคันไม่ค่อยได้ใช้ ส่วนใหญ่จะจอดซะมากกว่า แต่ดันโน่นเสียนี่เสีย  นี่สิแค้น  ;D

ออฟไลน์ tew

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 547
ผมไปกลับวันละ 140 กิโลเมตร ต้องตื่นแต่เช้า ราวตีห้าครึ่ง กลับถึงบ้านสามทุ่มทุกวัน ค่าน้ำมันรถเดือนละ4800ถึง 6200

ออฟไลน์ SitdownstrikE

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 713
อย่าเอาแนวโน้มมาฟันธง ว่าเราจะได้เลื่อนตำแหน่ง 100% ครับ
(เพราะไหนจะติดเรื่องระยะเวลาโปรโมต ไหนจะต้องผ่าน KPI อีก)
การไปที่ใหม่ ด้วยตำแหน่งใหม่ จรดปากกาเซ็นสัญญา นั่นล่ะ คือ 100% ของจริง !

ส่วนทางตัดสินใจ ขึ้นอยู่กับว่า สวัสดิการดี+โบนัสเยอะมาก และเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น  รวมแล้วมันต่างจากที่เก่าเยอะแค่ไหนครับ

1. ถ้าเยอะพอที่จะเป็น ค่าเสื่อมสภาพของรถได้ และเหลือเงินอีกก้อนใหญ่ๆ ไว้หาความสุขให้ชีวิตตัวเองเพิ่ม
2. ถ้าระยะทางแต่ละเที่ยว 60 กว่ากิโลนั้น รถไม่ติด

เป็นผม จับรถดม LPG แล้วย้ายงานอย่างเร็วที่สุดเลยครับ



ปล. อย่าขับเร็ว เหยียบร้อยเดียวพอ เราไปอย่างเรื่อยๆ แปปเดียวก็ถึง
ผมเคยทำงาน ขับรถไปกลับ ฝั่งธน - บางปะกง ซิ่งบนบูรพาวิถี 120 - 160 ประจำ แล้วถึงที่ทำงานก่อนเกือบชั่วโมง
ตอนนี้ย้อนกลับมาคิดว่า ทำแบบนั้นชีวิตมันดูไม่มั่นคงเท่าไหร่เลย
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมคงจะขับแค่ 100 เดียวครับ  ชีวิตไม่ต้องเร่งรีบขนาดนั้น เกิดอะไรขึ้นมาจะไม่คุ้ม

ออฟไลน์ oreo_san

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 80
    • อีเมล์
หากคิดในด้านรายรับที่เพิ่มขึ้น 5,000 บาท ส่วนรายจ่าย เฉพาะค่าน้ำมัน น่าจะเป็นหมื่นขึ้นไป  ค่าซ่อมตามการสึกหรอ อย่างน้อยน้ำมันเครื่องต้องเปลี่ยนบ่อยกว่าเดิม ยางที่สึกลง  ผ้าเบรก จานเบรก ที่ต้องใช้มากกว่าเดิม เม็ดหินที่กระเด็นมาโดนรถอยู่บ่อยๆ ............. หากวันใดรถมีปัญหา ท่าจะแย่ในการเดินทางไปทำงาน ( ถ้าไม่มีรถสำรอง ) ....... ความปลอดภัยในชีวิตที่ต้องขับทางไกลทุกวัน งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกดึก......... ฯลฯ
             ผมคิดว่าคุณควรเปลี่ยนงานเพื่ออนาคตที่น่าจะดีกว่า หลีกหนีความจำเจ พบสิ่งใหม่ที่ท้าทาย แต่ น่าจะไปหาเช่าอพาร์ทเม้นท์ ที่อยู่ใกล้ๆ ที่ทำงาน แต่อย่าใกล้จนเกินไปนัก  ;D ;D  เอาเป็นว่าหาเช่าอยู่ให้ห่างจากที่ทำงานสัก 10 - 20 กม. ก็พอ ตื่นเช้าได้ขับรถรับอากาศเย็นสดชื่นแบบไม่ต้องเร่งรีบ  ตกเย็นขับรถกลับ แวะกินข้าวเย็นร้านโน่น ร้านนี้ ก่อนเข้าอพาร์ทเม้นท์อันเป็นที่ส่วนตัว มีเวลาดูหนัง ฟังเพลง มากขึ้น  ชีวิตน่าจะมีความสุขมากขึ้น

ออฟไลน์ hutzero

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,561
    • อีเมล์
ว่าไปแล้วน่าจะเปลี่ยนมาใช้ชีวิตใกล้เคียงกับผมเลย   ผมทำงานไป-กลับ กรุงเทพ-อยุธยา  วันละ 190 โลครับ
ใช้ระยะเวลาเดินทางจากบ้าน(อยุธยา)ถึงที่ทำงาน(แถวงามวงศ์วาน)ประมาณ 1 ชั่วโมง  
ค่าน้ำมันไม่ต้องพูดถึงครับ หนักแน่นอน  เพราะผมไม่ชอบการใช้แก๊สเป็นการส่วนตัว  
และรถประหยัดน้ำมันก็ตอบโจทย์เรื่องการขับขี่ผมไม่ได้
เข้าประเด็นเลยดีกว่า
 
1 ถ้าวันทำงานทั้งปีคือ 250 วัน รถผมต้องวิ่งทั้งหมดราวๆ 30,000 กิโลเมตรต่อปี
มันดูเป็นตัวเลขที่เยอะมั้ยครับ?

- เป็นตัวเลขที่เยอะครับ  หนักๆก็จะต้องจ่ายค่าน้ำมันเครื่องกับค่ายางซะเยอะ
แต่ถ้าคิดว่ามีคนใช้รถเยอะกว่าเราเค้ายังทำได้สบาย เช่นพวกรถตู้โดยสาร   ของเราก็ไม่หนักเท่าไหร่
สิ่งที่ต้องระวังคือ  ยิ่งวิ่งเยอะ โอกาสเกิดอุบัติเหตุยิ่งเยอะ   ดังนั้นขับอย่าให้เกิน 100 ไว้จะปลอดภัยกว่า(อย่าวิ่งแช่ขวาล่ะ)
2 ส่วนตัวผมไม่เคยใช้รถต่อปีเยอะขนาดนี้มาก่อน
มีอะไรต้องดูแลเป็นพิเศษมั้ยครับ (รถไม่ติดแก๊สครับ)

- การบำรุงรักษาต้องเป๊ะ  อย่าให้ขาด  คอยเช็คทุกอย่างเสมอ  อย่าหวังว่าศูนย์จะเช็คให้เราตลอด
แต่มีข้อดีคือแบตจะอึดกว่ารถวิ่งน้อยนะ   การใช้เบรคก็น้อยกว่าวิ่งแต่ในเมือง
3 เป็นทุกท่าน  ท่านคิดว่า การนั่งรถไฟฟ้า ต่อแอร์พอตลิ้ง ต่อมอไซต์ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
กับขับรถ 1 ชั่วโมง ทางไกลยาวๆ รถไม่ติด
แบบไหนเครียดกว่ากันครับ

- มันเครียดคนละแบบ  เมื่อก่อนผมก็ทำงานขึ้นรถไฟฟ้าเหมือนกัน   เบื่อที่ต้องเบียดเสียดกับผู้คน
แต่ขับรถก็จะเครียดกับการระแวดระวังเพื่อนร่วมทางที่ขับไม่ดี  ต้องใช้สมาธิตลอดทาง
แต่ถ้าได้รถที่ขับสนุก  เครื่องเสียงโอเค  มันก็เพลิดเพลินเจริญใจกับการเดินทางได้

ออฟไลน์ Eddy5659

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,619
ตอบรวมๆ โดยอิงประสบการณ์นะครับ
ผมว่าการใช้ระบบขนส่งในกรุงเทพเป็นอะไรที่เสียสุขภาพจิตครับ โดยเฉพาะวัยทำงานที่มีภาระรับผิดชอบ เหมือนจะสะดวก แต่เราก็ยังต้องรีบ ต้องแย่งอยู่ดี
เหมือนมีโอกาศได้พบผู้คนเยอะแยะ แต่มันเหงากว่าการขับรถแล้วมีคนรู้จักซักคนนั่งไปด้วยหลายหมื่นเท่า
เหมือนจะประหยัด แต่วิ่งเปลี่ยนรถจากรถเมย์ เป็น Subway แล้วก็เดี๋ยวต่อไฟฟ้า มันก็แอบต้องมีการจับจ่ายระหว่างทาง เอาไปเอามาแพงกว่าอีก
ผมมีชีวิตแบบนี้อยู่หลายปี ถึงช่วงสองปีให้หลังก่อนจะเรียนจบจะซื้อ vios แต่ก็ยังต้องใช้ระบบขนส่งสาธารณะอยู่บ่อยครั้ง

พอเรียนจบมาสอนที่บางแสน ผมมีความสุขมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สองปีผมวิ่งรถไปปีละสามหมื่นกว่าโล ต้องเดินทางไปทำแลบกับ advisor ที่กรุงเทพอาทิตละ 3 - 4 รอบ เจอสภาพการจราจรแถวอนุสาวรีย์ชัย ทองหล่อ และ ที่อื่นๆประจำ เสาร์อาทิตย์ไปบ้านแฟน วันหยุดยาววิ่งกลับบ้านที่อุบล แต่กลับพบว่านี่แหละคือส่งที่ผมควรจะได้
เพราะเมื่อเราอยู่ในพาหนะส่วนตัว คุณไม่ต้องไปแย่งใคร ไม่ต้องระมัดระวังตัวตลอดเวลาว่าดูดีมั๊ย ไม่ต้องรีบร้อนให้ทันรอบนั้นๆ เหนื่อยคุณก็พัก อารมณ์เสียก็ฟังเพลงดังๆ
เกิดนึกสนุกก็กดคันเร่งไปตามที่ใจต้องการ และที่สำคัญมีอีกคนนั่งข้างๆไปตลอด ก็ไม่ต้องการอะไรมากกว่านี้แล้วในการเดินทาง
2007 Toyota Vios
2009 Toyota Hilux Vigo
2010 Toyota Camry
2011 Ford Ranger
2011 Isuzu Dmax
2011 Toyota Hilux Vigo
2015 Ford Ranger
2015 Ford Everest 2.2 Titanium
2015 Ford Everest 3.2 Titanium+
2016 Toyota Hilux Revo 2.4 J m/t (5 คันจะที่รัก)
2017 BMW 320d iconic

ออฟไลน์ Thor.1

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 557
 
  ของแบบนี้คงได้แต่ให้ความเห็นเพิ่มเติมกันแค่นั้นครับ คงเรียกว่าให้คำแนะนำไม่ได้
 ชีวิตของแต่ละคนเงื่อนไขไม่เหมือนกัน ถึงสภาพเเวดล้อมเหมือน แต่นิสัยก็ไม่เหมือนกันอีก

 ตอนเด็กๆเรียนมัธยม กินขนม+ซื้อของเล่นเพลินไปหน่อย ตังค์เหลือติดตัว5บาท
 เดินกลับจากประตูน้ำมาสะพานพุทธ-ท่าดินแดง เพื่อมาขึ้นรถเมล์สาย20ต่อสุดท้าย(3.50บาท)
 กลับบ้านยังไม่รู้สึกเหนื่อย ขึ้นรถเมล์ไปเที่ยวไหนไม่เคยเหนื่อยไม่เคยเบื่อ

 การใช้รถยนต์ไม่ว่าใหม่-เก่า ติดแก๊ส-ไม่ติดแก๊ส ย่อมจะมีค่าใช้จ่ายที่มากกว่าใช้รถสาธารณะแทบทั้งนั้น
 ค่าตัวรถ-ผ่อนรถ-ภาษี-ค่าน้ำมัน-ค่าซ่อม-ค่าบำรุงรักษา-ค่าทางด่วน-ค่าจอดรถฯลฯ
 หรือการไปไหนมาไหนก็เอารถไปแบบเคยตัว ทั้งที่ตอนไม่มีรถก็ไม่อยากไป

 ตอนนี้ถ้าไม่มีรถ รู้สึกเหมือนโลกนี้มันช่างกว้างใหญ่เกินจะออกไปพบเจอจริงๆ..........
:P

ออฟไลน์ Nyquist

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,031
ผมคิดว่าไม่คุ้ม ขึ้นแค่ 5000 ค่าเดินทางก็ไม่คุ้มละ
อย่างผมเคยมีเหมือนกันอย่างคุณนี่แหละขึ้นให้ 8000 ผมคิดแล้วคิดอีก สรุปไม่คุ้มเลยไม่เอา

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
1.  เรื่องขับรถไปทำงานวันละสองร้อยกิโล ผมมีประสบการณ์ตรงนะครับ
ผมเป็นคนชอบขับรถนะ ขับทางไกลก็ย่ิงชอบ ใหม่ ๆ สนุกดีครับ
แต่พอนาน ๆ ไป เหนื่อยครับ ไม่สนุกแลย แล้วเคยเกิดอุบัติเหตุ สี่ครั้ง มีคนตาย มีคนบาดเจ็บ และตัวเองก็เคยหลับใน เกือบประสบอุบัติเหตุหลายครั้ง
ตอนเราทำงานมันเหนื่อยครับ บางทีเหนื่อยแบบไม่รู้ตัวนะ การใช้สมองทั้งวัน ถึงจะเครียดหรือไม่ก็ตาม ทำให้สมองล้าครับ
  ทีนี้พอมาขับรถสภาพร่างกายและสมองเราไม่พร้อมเต็มที่
 เลยต้องตัดสินใจ เช่าบ้านอยู่ใกล้ที่ทำงานซะเลย
 ชีวิตมีความสุขขึ้นทันตาเห็นครับ....
  ถ้าคุณตัดสินใจเปลี่ยนที่ทำงาน ก็ลองพิจารณาหาที่อยู่ใหม่ดูด้วยนะครับ

 2.  เงินเดือนที่เพิ่มขึ้น รวมกับโบนัส จะต้องมาคิดดูให้ละเอียดก่อนว่ามันคุ้มกับค่าน้ำมันและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ หรือเปล่านะครับ มันมีแฝงมาเยอะนะครับ
      ทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่เป็นตัวเงิน

3. รถวิ่งปีละสามหมื่นโล ถ้าบำรุงรักษาตามคู่มือและไม่ได้ดัดแปลงอะไร ไม่มีปัญหาครับ แต่ควรใช้น้ำมันเครื่องเกรดสูงซักหน่อย
ควรเช็ครถด้วยตัวเองให้เป็นด้วยนะครับ ก่อนเดินทางไปทำงานทุกครั้งจะต้องเช็คก่อน
     สิ่งที่ต้องดูเป็นพิเศษคือยางรถนะผมว่า เพราะมันสึกหรอเร็วกว่าเดิมแน่ ๆ ซึ่งนี่ก็เป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และจำเป็นอย่างยิ่งครับ
     ที่ผมประสบอุบัติเหตุ ยางที่เสื่อมสภาพก็เป็นสาเหตุหนึ่งด่้วยครับ ขนาดใช้ bmw นะ แต่ผมไม่ได้สนใจสภาพยาง ปรากฎว่ามันแฉลบ หมุมคว้างกลางถนน   หลายรอบและตกไปข้างทาง ยังดีที่รถตามหลังมาเค้าเบรคทัน

แนะนำว่าควรคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจเปลี่ยนงานนะครับ ดูข้อดีข้อเสียให้ละเอียดครับ
ถ้าจะเปลี่ยน รายได้ต้องเยอะขึ้นอย่างคุ้มค่า และคุณภาพชีวิตต้องดีกว่าเดิมครับ

ออฟไลน์ patzahut

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,091
เหนื่อยหรือไม่
ขอบอก ไป-กลับ วันละ 120 โล เหนื่อยมากครับ ถ้าต้องผ่านในตัวเมือง ของผมวิ่ง ลาดกระบัง-แจ้งวัฒนะ ประมาณ 50 โล ใช้เวลาประมาณ 1.30-2.00 ชม ครับ ไป-กลับ วันละ 100 โล 3-4 ชม. เหนื่อยมาก เสียเวลา  แต่ถ้าเส้นทางของ จขกท เดินทางใช้เวลาแค่ ชม.เดียวก็อีกเรื่องนึงครับ อยากให้ทดลองวิ่งดูเส้นทางเส้นนี้ก่อนครับ ในวันทำงาน เพราะวันเสาร์-อาทิตย์ประเมินเวลาไม่ได้ รถมันน้อยกว่า

ค่าใช้จ่าย
สมมุติให้บริษัทเดิมเดินทางเงิน ไป-กลับ วันละ 200 บาท แต่บริษัทใหม่ 120 โล x3บาท/กม. ตกวันละ 360 บาท เบ็ดเสร็จจ่ายแพงขึ้น 160 บาท/วัน เดือนนึงทำงาน 22 วัน ก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 3500 บาท  ได้เงินมาเพิ่ม 5000 บาท เหลือนิดหน่อยไว้ซ่อมรถ  ก็ยังถือว่าไม่ค่อยคุ้ม เว้นแต่มีวัตถุประสงค์อยากเปลี่ยนงาน ดูแล้วมีโอกาสเติบโต ปัจจัยพวกนี้ไม่ได้คำนึงมาก ก็อีกเรื่องนึง

ออฟไลน์ Newhang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,338
1. ไม่เยอะครับ น้อยกว่าผมอีก
2. ไม่ต้องบำรุงอะไรเป็นพิเศษ เช็คตามระยะปกติครับ อะไรหมดอายุก็เปลี่ยน
3. ผมว่านั่งรถไฟฟ้าเครียดน้อยที่สุดครับ

ออฟไลน์ Action

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,667
1 ถ้าวันทำงานทั้งปีคือ 250 วัน รถผมต้องวิ่งทั้งหมดราวๆ 30,000 กิโลเมตรต่อปี
มันดูเป็นตัวเลขที่เยอะมั้ยครับ?
ตอบ ถ้าพูดถึังปีละ 30,000 โล ผมว่ามันยังไม่เยอะเท่ากับพี่สาวผมนะ ;D แต่จากประสบการณ์ผม อย่างมากที่สุดของผมก็ปีละ 20,000 กว่าโลเท่านั้นอ่ะ การวิ่งรถเยอะหรือน้อย ผมเองมองว่าไม่สำคัญเท่าไหร่ แต่มันจะมีภาระเรื่องค่าน้ำมันเข้ามาเป็นปัจจัยหลัก ตรงนี้ต้องดูให้ดี ๆ นะครับ

2 ส่วนตัวผมไม่เคยใช้รถต่อปีเยอะขนาดนี้มาก่อน
มีอะไรต้องดูแลเป็นพิเศษมั้ยครับ (รถไม่ติดแก๊สครับ)
ตอบ ต้องถามว่ารถอะไร ส่วนมากถ้ารถเบนซินไม่ได้ลงแก๊ส ต้องดูเรื่องน้ำมันเครื่อง ระบบระบายความร้อน และสำคัญคือ ตัวของคุณเอง ต้องแบกรับภาระในการเดินทางแต่ละวันที่ค่อนข้างจะเยอะพอสมควร "คุณขับรถไหวไหม แล้วถ้าขับทุกวันแบบนี้ ค่าใช้จ่ายรับภาระไหวไหม และอย่าืลืมดูแลสุขภาพด้วยนะครับ มันจะมีความอ่อนเพลียสะสมอยู่ ผมกลัวตรงนี้แหละ อุบัติเหตุจากการเดินทาง ;D

3 เป็นทุกท่าน
ท่านคิดว่า การนั่งรถไฟฟ้า ต่อแอร์พอตลิ้ง ต่อมอไซต์ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
กับขับรถ 1 ชั่วโมง ทางไกลยาวๆ รถไม่ติด
แบบไหนเครียดกว่ากันครับ
ตอบ ถ้าเป็นผมนะ ผมเองไม่ค่อยศรัทธาเรื่องขนส่งมวลชนของประเทศไทยเท่าไหร่ เนื่องจากยังไม่มีเพียงพอต่อความต้องการของประชาการ รวมทั้งแต่ละวันยังคาดเดาไม่ได้ว่าจะเจอเหตุการณ์ดีร้ายแค่ไหน ยังไงผมก็ขอขับรถเองดีกว่า ไปเสี่ยงด้วยมือเราเองสบายใจกว่า ขนาดที่ทำงานผมมีรถบริการ ผมยังไม่เอาเลย ประสาอะไรกับนั่งรถเมล์ รถไฟฟ้า ^^ อ่ออีกอย่าง ถ้าขับรถเองกรณีถนนว่าง เราสามารถทำเวลาได้ดีกว่าต้องไปนั่งรอ ต้องไปเปลี่ยนสายรถไฟฟ้า ต้องนั่นนู้นนี่อีกเยอะ ;D

อันนี้ความคิดเห็นของผมนะครับ คนรอบนอกอย่างผม ทุกวันนี้ขับรถไปไหนมาไหนเอง สบายใจกว่าเยอะ ;D
ถึงรถผมจะไม่แรง แต่ก็ยังแซงทุกคันไม่เว้น...
Honda Civic 3dr. '96
Chrysler Neo '98
BMW 320i '01
Honda Civic FD 2.0 '06 > Sold
Mazda BT-50 Pro '12

ออฟไลน์ eamesBot

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 224
    • อีเมล์
มีคำว่า ที่ทำงานอยู่นอกเมือง ดังนั้นผม เลยคิดว่า ท่านน่าจะวิ่งสวนกับชาวบ้าน คือเช้าวิ่งออก เย็นวิ่งเข้า ซึ่งรถน่าจะโล่งอยู่นะครับ
เมื่อก่อนผมเคยอยู่ในเมือง ซื้อรถมาก็ไม่ได้ใช้ครับ นั่งรถไฟฟ้าเหมือนกัน

แต่ทุกวันนี้ก็ตอบตัวเองได้ว่าชอบรถ และชอบขับรถ รถติดก็บ่นไป คนอื่นก็บ่นเหมือนกันหล่ะ :)
มาอยู่นอกเมือง วิ่งไปกลับ วันละ 130 km ก็ชินไปแล้วครับ บางวันได้มีโอกาสนั่งรถไฟฟ้าบ้าง รู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้วอ่ะ คนเยอะ ไม่มีความเป็นส่วนตัว

คุ้นๆ ว่าท่านใช้ prius อยู่หรือป่าวครับ (ผิดพลาดขออภัย) ถ้าใช่ ผมว่า ได้วิ่งยาวๆ และปีละ 30,000 ไม่เยอะไม่น้อย และได้ใช้รถเต็มประสิทธิภาพ แน่ๆ ครับ
แต่ต้องยอมรับว่า รถมันก็จะโทรมกว่า ปกติ หน่อย หมั่นตรวจเช็ค มากขึ้นแค่นั้นครับ



ออฟไลน์ sidlv

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 209
    • อีเมล์
ผมจะแชร์เรื่องของผมให้เปรียบเทียบแล้วกันนะครับ

ผมจบป.ตรี เมื่อ 17 ปีที่แล้ว โหนรถเมล์จากรังสิตไปทำงานแถวรัชดาสุทธิสาร 5 ปี เงินเดือนหมื่นกว่าบาท รู้สึกเบื่อรอรถเมล์มาก

โดยสองปีสุดท้ายเรียนโทไปด้วย จบป.โท เงินเดือนสามหมื่นก็ยังโหนรถเมล์ มาต่อรถไฟฟ้า จากรังสิต มาสาธร อีกเกือบ 5 ปี

ช่วงสองปีสุดท้ายออกรถเพราะอยากสบายบ้าง ขับจากบ้านมาจอดหมอชิตเพื่อต่อรถไฟฟ้า ต่อมาได้ย้ายที่ทำงานมาย่านเพลินจิต เงินเดือนขึ้น 25% ยังใช้วิธีเดินทางแบบเดิมได้ 2ปี ก็เปลี่ยนเป็นขับยาวจากรังสิตมาถึงออฟฟิศเลย เพราะทนจอดรถตากแดด บวกเสียดายรถและค่าทางด่วนโทลเวย์มหาโหดไม่ไหว เลยซื้อคอนโด แล้วเอาค่าน้ำมันค่าทางด่วนมาผ่อนคอนโดดีกว่า

การเดินทางจากคอนโดมาที่ทำงานสามสี่ปี สบายมากเพราะขึ้นจากพระโขนงมาเพลินจิต คนน้อยดี กะเวลาได้ ตื่นสายได้ จนกระทั่งมีส่วนขยายไปแบริ่ง คนเริ่มเยอะมาก รอหลายขบวน จนเบื่อการขึ้่นรถไฟฟ้าไปเลย คิดว่าลำบากกว่าขึ้นรถเมล์ซะอีก

อยู่ที่ทำงานนี้มาได้ 7 ปีกว่า ได้โปรโมทสองครั้ง ได้เงินเดือนเพิ่มมาตลอด รวมเงินเดือน ค่าสวัสดิการต่างๆ หักภาษีแล้วประมาณแสนบาท ปีนี้เลยตัดสินใจย้ายจากคอนโด ไปอยู่บ้านที่ซื้อไว้ย่านเกษตรนวมินทร์ เสียค่าทางด่วนวันละสองร้อย ค่าจอดรถเดือนละสามพัน ขับรถวันละ 50 กิโล แต่จับรถดมแก้สมาปีนึงแล้ว ใช้ค่าแก้สเดือนละพันห้าพันกว่าบาท ไม่เกินสองพัน รวมๆแล้วเดือนละประมาณหมื่นนึง สิ่งที่ได้ สบายใจมาก เหนื่อยหน่อยตอนเจอรถติดๆ หรือวันฝนถล่มกรุงเทพ

สรุปว่า ถ้ามันสนองความสะดวกสบายกับชีวิตคุณ และดูแล้วมีแนวโน้มว่างานใหม่ จะทำให้ชีวิตคุณดีขึ้น เอาเลยครับ หาเงินมาได้ก็เอามาซื้อความสบายให้ชีวิตเรา ส่วนเงินห้าพันที่ได้เพิ่มขึ้น มันไม่ได้หมายความว่าคุณจะได้แค่นั้นตลอดไปครับ การตัดสินใจผิดหรือถูก เป็นผม ผมว่าน่าเสี่ยง เป็นประสบการณ์ชีวิตด้วยครับ

ออฟไลน์ Joe NG

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 316

ถ้างานใหม่ ตำแหน่งหน้าที่การงานมันดีขึ้น  มันก็ดีกว่าอยู่ที่เิดิมครับ 

ขับรถแค่นี้ไม่มากหรอก ยิ่งวิ่งทางโล่งๆ ด้วยสบายมาก  ดีกว่าเครียดกับชีวิตในเมืองเป็นไหนๆ 

แล้วจากที่น้องเล่ามาว่าเครียดที่ต้องใช้รถไฟฟ้า  แสดงว่าธรรมชาติของน้องไม่ใช่คนแบบนี้  พี่ว่าย้ายเถอะ

ออฟไลน์ madboy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
    • อีเมล์
ถ้าเป็นผม ที่ทำงานเก่าก็เฉยๆ ไม่ได้รักที่นี่ ไม่ได้ผูกพันธ์มากมาย ก็ย้ายครับ  ;D

ออฟไลน์ scotch_fillet

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,520
    • อีเมล์
ท่านอื่นมาตอบเรื่องรถไปแล้ว ผมขอแว้บเข้ามาเรื่องงานล่ะกันครับ

ถ้ายังรู้สึกดี มีความสุขกับที่ทำงานที่ปัจจุบัน มีแค่เรื่องเงินและตำแหน่งที่อยากได้ดีขึ้น
ถ้าเป็นงั้น ก็เอา offer ของที่ใหม่ไปคุยกับหัวหน้าคุณเลยครับ
คุณได้เพิ่มเท่านี้ ได้โบนัสอีกเท่านั้น บวกนู้นนี้นั้น
ดูซิเขาจะ match ให้คุณได้หรือเปล่า ...

ถ้าได้ก็ลองคิดดูอีกรอบ

ส่วนตัวผมว่าขับรถวันละ120โลทุกวัน นี้ไม่สนุกเท่าไหร่เลยน่ะ แรกๆคงไหวน่ะครับ ผ่านไปซักหกเดือน ปีนึงน่าจะเริ่มล้า
ลืมของทีกลับรถมาบ้านนี้..อ้วกแตก
เจองานoverload เลิกดึกๆ ขับแทบไม่ไหว
ประชุมเครียดทั้งวัน มาขับรถกลับต่ออีก ... โอ้ว  ขับแทบไม่เป็น

ออฟไลน์ NineKlao

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,907
  • ชีวิตไม่ได้เป็นดังที่คิด ก็มันคือชีวิตนี่
อันนี้ไม่รู้นานแล้ว ถ้าเป็นผม ถ้างานใหม่ท้าทาย ผมไป แค่นั้น

ส่วนไปแล้วลำบาก นั้นเป็นชีวิตที่เราต้องต่อสู้

ถ้าชีวิตเราไม่สู้ นั้นคือเราเป็นคนตายครับ ;D

ปัจจุบัน ผมทำธุรกิจส่วนตัว ไม่มีลูกน้อง ทำมันคนเดียว เหนื่อยก็พัก

มีอุปสักก็ฟันมันครับ ชีวิตผม ไม่มีรูทีน  ;D

ออฟไลน์ vuthtichai

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 907
    • อีเมล์
เพิ่มเงินให้ 5000 แต่ ต้องใช้รถปีละ 30000 ผมว่าไม่คุ้มแฮะ พอครบ หมื่นโลเปลี่ยนถ่ายของเหลวที คุณปีนึงเปลี่ยน 3 ครั้ง ยังไม่รวมค่าเสื่อม

เรื่องขับรถเยอะแล้วแต่คน ผมวิ่งในเมืองรถติดลูกเดียว เช้า ขับ 1.30 ชม เย็น ขับ 1.30 - 2.0 ชม. ถามว่าเบื่อ เครียด และเมี่อยไหม สำหรับผมเฉย ทำมานาน และก็ยังทำต่อไป

ส่วนเรื่องการงาน อันนี้ผมไม่ออกความเห็นมันเป็นเรื่องอนาคต


ออฟไลน์ mongolias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,369
เรื่องรถ ขับวันลพ 100 - 200 ก.ม. ตัวรถน่ะไม่มีปัญหาหรอกครับ หมั่นเช็คสภาพตามรอบก็พอแล้ว
แต่ที่จะเหนื่อยคือคนครับ ขับรถทุกวัน ความล้าสะสม มันมีอยู่
ผมขับรถมาทำงานวันละ 100 ก.ม. ขนาดชอบขับรถนะ ยังรู้สึกเหนื่อยเลยครับ

ส่วนเรื่องงาน ผมคิดง่ายๆว่า ถ้าคุณเริ่มเบื่องานที่เก่าแล้ว อยากจะไปหาอะไรท้าทายใหม่ๆ จะไปเริ่มต้นใหม่ก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ ถือซะว่าไปหาประสบการณ์
เรื่องเงินเดือนขึ้น อย่าลืมเอามาคำนวณค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นด้วยนะครับ



ออฟไลน์ BestHuafoo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,120
  • เอี๊ยดแอ๊ด
เรื่องแบบนี้ตอบยากจริงๆ

ชีวิตคนทำงาน ที่หลายคนเบื่อสุดก็คงการเดินทางนี่แหล่ะครับ

ไป-กลับรวม 120 โล ถ้าตลอดทาง ไม่มีแยกไฟแดงมหากาพย์ติด 5 นาที 10 นาที
ไม่มีจุดเบี่ยงตามถนนใหญ่ที่รถชลอตัวแล้วเต็มไปด้วยคนจ้องแซงคิวตอนใกล้ถึง
มันก็น่าขับขึ้นมาบ้าง

และอีกอย่างนึงที่น่าเบื่อของกรุงเทพคือ จะไปไหน ไม่เคยได้ไปในม้วนเดียวจบ
เพราะระบบขนส่งมวลชนห่วยแตก
ขึ้นตรงนั้น ลงตรงนี้ รอต่อรถตรงนู้น ตามด้วยเดินเท้าอีก

จากจุด A ไปจุด B ต้องมีอย่างต่ำ 2 ขยักขึ้นไป เลยเป็นเหตุที่ผมยอมขับรถมาทำงาน

อนาคตถ้ามีอะไรที่ทำให้ไปทำงานได้โดยไม่ต้องต่อรถหลายเที่ยว
จะเลิกขับรถเข้าเมืองทันที เก็บไว้ใช้วันหยุด

ออฟไลน์ novic

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 112
    • อีเมล์
ย้ายงานเลย ;D

ออฟไลน์ maxillofacial surgeon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 998
    • อีเมล์

1 ถ้าวันทำงานทั้งปีคือ 250 วัน รถผมต้องวิ่งทั้งหมดราวๆ 30,000 กิโลเมตรต่อปี
มันดูเป็นตัวเลขที่เยอะมั้ยครับ
   
     ก็ถือวาเยอะครับ แตก็ไม่ได้เยอะมากเทาขับ taxi

2 ส่วนตัวผมไม่เคยใช้รถต่อปีเยอะขนาดนี้มาก่อน
มีอะไรต้องดูแลเป็นพิเศษมั้ยครับ (รถไม่ติดแก๊สครับ)

    อันนี้บอกยาก แล้วแต่ยี่ห้อ แต่โดยทั่วไป ก็คงดูแลปรกติครับ  ส่วนตัวผมใช้รถทุกวัน วันหยุดก็ยังต้องขับไปเที่ยว  ของผมตกปีละ50,000 โล แต่ใช้ฮอนด้า มันไมค่อยงอแงครับ

3 เป็นทุกท่าน
ท่านคิดว่า การนั่งรถไฟฟ้า ต่อแอร์พอตลิ้ง ต่อมอไซต์ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
กับขับรถ 1 ชั่วโมง ทางไกลยาวๆ รถไม่ติด
แบบไหนเครียดกว่ากันครับ

ส่วนตัวผมเลิกนั่งมอเตอไซดเ์นานแล้วครับ อันตราย สมัยเรียนนั่งบอยมาก เพราะไปเรียนสาย  อันนี้แล้วแต่ความชอบ   เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยมากกวาครับ ยังไงพักผ่อนให้เพียงพอนะครับ ถ้าง่วงผมจะงีบก่อนเลย เกิดอุบัติเหตุจะไมคุ้มครับผม


ออฟไลน์ osment

  • Internship
  • Sr. Member
  • *
  • กระทู้: 791
1 ถ้าวันทำงานทั้งปีคือ 250 วัน รถผมต้องวิ่งทั้งหมดราวๆ 30,000 กิโลเมตรต่อปี
มันดูเป็นตัวเลขที่เยอะมั้ยครับ?

- แล้วแต่มุมมองครับ บางคนบอกว่าเยอะ บางคนบอกไม่เยอะ สำหรับผมธรรมดาคับ รถผมสามปีวิ่งเฉียดแสน รถพ่อหกปีวิงแสนเก้ากว่าๆ ถือว่าสมเหตุสมผลครับ
ไม่มากไปไม่น้อยไป ผมห่วงเรื่องค่าน้ำมันมากกว่าเกรงว่าเดือนนึงอาจจะถึง เจ็ดพันบาท เพราะวิ่ง 100-200 กิโล ค่าน้ำมันเฉลี่ยแล้ว อาจจะสองถึงสามร้อยบาทต่อวันเลย 

2 ส่วนตัวผมไม่เคยใช้รถต่อปีเยอะขนาดนี้มาก่อน
มีอะไรต้องดูแลเป็นพิเศษมั้ยครับ (รถไม่ติดแก๊สครับ)

- ดูแลปรกติครับ ตามระยะเลย อะไรควรเปลี่ยนเปลี่ยนเลย แต่เดินทางไกลบ่อย เน้นยาง เบรค น้ำหม้อน้ำ น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ครับ

3 เป็นทุกท่าน
ท่านคิดว่า การนั่งรถไฟฟ้า ต่อแอร์พอตลิ้ง ต่อมอไซต์ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
กับขับรถ 1 ชั่วโมง ทางไกลยาวๆ รถไม่ติด
แบบไหนเครียดกว่ากันครับ

- นั่งรถ ไม่เครียดครับ แต่เหนื่อยกว่า เพราะต้องเบียดคน วิ่งหารถ เดิน ร้อนบ้าง เย็นบ้าง ฝนตกบ้าง
ขับรถ นั่งขับอย่างเดียว แล้วก็ขับอย่าให้คนอื่นชน อย่าชนคนอื่น อย่าขับให้คนอื่นด่า นั่งในห้องแอร์เย็นๆ เบาะนุ่มๆ สบายกว่าครับ
แต่ถ้าเป็นผม มีทางเลือกอย่างนี้ ผมจะทำทั้งสองอย่างผสมกันครับ ขับซักสามวัน นั่งรถซักสองวัน แนวๆนี้ครับ

ออฟไลน์ Pasakorndvm

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,310

เรื่องงานถ้าอยู่ในช่วง 5-10 ปีแรกผมมองว่าผมจะเรียนรู้อะไรจากงานนั้น ๆ มากกว่ารายได้
ยกตัวอย่าง ผมเริ่มต้นการทำงานเมื่อ 7 ปีที่แล้ว รายได้รวมน้อยมาก ๆ สำหรับคนที่เรียนป.ตรีมา 6 ปี
คือ 18,000 รถประจำตำแหน่ง และค่าน้ำมันตามจริง
ตอนนี้รายได้รวมประมาณหนึ่งแสน เพิ่งเข้าช่วงกลางของการทำงาน และเริ่มเก็บเกี่ยว


1 ถ้าวันทำงานทั้งปีคือ 250 วัน รถผมต้องวิ่งทั้งหมดราวๆ 30,000 กิโลเมตรต่อปี
มันดูเป็นตัวเลขที่เยอะมั้ยครับ?
สำหรับผมไม่เยอะครับ อย่างผมฝ่ายขายและการตลาด เฉลี่ย 5,000 กม./เดือน กรุงเทพฯเชียงใหม่-เชียงรายทุกเดือน
บินไปเวียดนาม ฟิลิปปินส์ ทุกเดือนเหมือนกัน


2 ส่วนตัวผมไม่เคยใช้รถต่อปีเยอะขนาดนี้มาก่อน
มีอะไรต้องดูแลเป็นพิเศษมั้ยครับ (รถไม่ติดแก๊สครับ)
ไม่ครับ เข้าศูนย์ตามปกติ แต่ต้องเช็คลมยางบ่อย ๆ เดินดูรอบ ๆ รถว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เพราะใช้วิ่งทางไกล

3 เป็นทุกท่านท่านคิดว่า การนั่งรถไฟฟ้า ต่อแอร์พอตลิ้ง ต่อมอไซต์ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
กับขับรถ 1 ชั่วโมง ทางไกลยาวๆ รถไม่ติด
แบบไหนเครียดกว่ากันครับ
สำหรับผมชอบวิ่งทางไกล ยาว ๆ มากกว่า นั่งรถไฟฟ้าต้องรีบ และคนก็เยอะ จอแจผมชอบสงบ ๆ ครับ

ทุกวันนี้ เบื่อมากๆครับ กับชีวิตบนรถไฟฟ้า
พวกยืนพิงเสา ชอบยืนขวางประตู เกะกะไม่ให้ทางคนจะออกจากรถ
เด็กบางคนยืนพิงเสาเล่นไอโฟน บางคนยืนพิงทางเข้าเล่นมือถือ
ผมลุุกขึ้นให้นร.นั่ง มีผู้หญิงวัยทำงานแทรกตัวมานั่งเลย หลายครั้งหลายทีก็เจอแบบนี้
บางทีเจอผู้หญิงท้อง เจอคนแก่ หลายๆคนไม่สนใจ ก้มหน้าเล่นมือถือ คนสมัยนี้ทำไมเป็นอย่างงี้ไปหมด
เดินทางในเมือง เครียดไม่แพ้กันครับ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาช่วยตอบคำถามและฟังผมระบายนะครับ
ขอบคุณมากๆ
'19 Honda Civic EL

ออฟไลน์ Index

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 41
ถ้าถามว่าวิ่งเยอะไหมถือว่าเยอะพอสมควรครับ แต่รถรับได้อยู่แล้วครับ อีกอย่าง คุณ จขกท ก็เป็นคนรู้เรื่องงรถ น่าจะดูแลรักษา จับอาการของรถได้
เรื่องรถผมคิดว่าไม่มีปัญหาอะไรสำหรับคุณ จขกท ครับ. แต่ผมขออนุญาติแชร์ประสบการณ์คนรอบข้างเกี่ยวกับการเปลี่ยนงานนะครับ ;)

คนแรก เป็นเพื่อนผมได้งานใหม่เป็น consult เงินเดือนเพิ่มจากที่เดิม 15000 บาท แต่ทำงานเลิกดึกเกือบทุกวัน บางที 4-5 ทุ่ม ไหนจะเดินทางอีก รถติดหนึบ เหนื่อยมากๆ แรกๆก็ไหว แต่พอนานไปบ่นว่าอยากกลับไปที่เดิม เงินเพิ่มไม่คุ้มเหนื่อย เงินดีแต่งานหนักตามเงินครับ

อีกคนเงินเดือนไม่มาก พออยู่ได้ แต่มีความสุขมากๆ เพราะงานเลิกเร็ว เลิกปุ๊บกลับปั๊บ มีเวลาให้ครอบครัว

จากเหตุข้างต้น นอกเหนือที่ จขกท เป็นห่วงเรื่องรถ ผมอยากให่มอง "ความพอใจส่วนตัว" เป็นหลักครับ เพราะแต่ละคนคำตอบไม่เหมือนกัน รายได้เพิ่มขึ้นจริงแต่คุ้มไหมกับสิ่งที่เสียไป ค่าน้ำมัน ค่าดูแลรักษา ค่าเสียโอกาศต่างๆ ไหนจะรถติดอีก เผลอๆขับรถเองอาจจะหงุดหงิดกว่านั่งรถไฟฟ้าก็ได้ครับ ถ้าโบนัสคำนวนแล้วได้เยอะกว่าแบบคุ้มๆ หน้าที่การงานดีขึ้นชัดเจน + จขกท มีไฟแรงอยู่ ชีวิตนี้สู้ตาย ลุยเลยครับไม่ต้องคิดมาก เพราะต่อให้เหนื่อยจึง ผมเชื่อว่าต่อให้ไม่มีรถ ก็สามารถหาวิธีไปได้อยู่ดี

 แต่ถ้าคำตอบคือชีวิตนี้ไม่ต้องอะไรมาก ขอมีความสุขแบบชิลๆ อยากมีเวลาหรือไม่อยากเครียดมาก อันนี้ต้องคิดดีๆครับ

ขออภัยนะครับไม่ได้ตอบเรื่องรถเลย  ;)