ผู้เขียน หัวข้อ: ภาษีรถยนต์ปี 2559 กันอีกซักรอบนะครับ เห็นว่าหลายๆ คนยังเข้าใจผิด  (อ่าน 44426 ครั้ง)

ออฟไลน์ i-din

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 458


เครดิต นสพ ประชาชาติธุรกิจ http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1356421067&grpid=00&catid=08

อันนี้มติครม ครับจากนสพ คมชัดลึก

มติครม.ปรับภาษีสรรพสามิตรถยนต์

ครม.มีมติเห็นชอบปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ เพื่อแก้ไขการบิดเบือน-สร้างความเป็นธรรม โดยจัดเก็บภาษีตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)

18 ธ.ค. 55  ครม.มีมติเห็นชอบปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาการบิดเบือนโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ และสร้างความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีรถยนต์ และเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ของโลก ซึ่งจะเปลี่ยนภาษีสรรพสามิตรถยนต์ทั้งระบบ โดยจัดเก็บภาษีตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
            
ทั้งนี้การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ โดยคิดตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะเป็นการคิดภาษีจะแบ่งตามประเภทรถยนต์ 7 ประเภท ประกอบด้วย
 
                  
1. รถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30% ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 35% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 40%

2. รถยนต์นั่งประเภทอี 85 และรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี ปล่อยก๊าซฯไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 25% ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30% และปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 35%

3. รถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี ปล่อยก๊าซฯไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 10% กรณีปล่อยก๊าซเกิน 100-150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 20% และปล่อยก๊าซเกิน 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 25% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30%

4. รถยนต์กระบะที่ไม่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 3% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 5%

5. รถยนต์กระบะที่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี ปล่อยก๊าซฯไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 5% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 7%                            

6. รถยนต์นั่งที่มีกระบะ (ดับเบิ้ลแคป) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250ซีซี ปล่อยก๊าซฯไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 12% และปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 15%

7. รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี ปล่อยก๊าซฯไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 25% และปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30%


ส่วนผลกระทบ ผมว่าเราจะได้รถ D-C-B-segment และอีโคคาร์ ใช้ e85  กันแน่ๆ เพราะสามารถทำได้เลยโดยใช้เวลาสั่งชิ้นส่วนไม่น่าจะเกินหนึ่งปีด้วยซ้ำ เผลอๆ prius-C ซึ่งตอนนี้ได้แค่ฝัน อาจจะมาประกอบในไทยก็ได้นะ ในราคาถูกกว่าแจ๊สไฮบริดในปัจจุบันก็ได้นะครับ ถึงตอนนั้นเครื่องยนต์ก็น่าจะประสิทธิภาพดีกว่านี้ ลดการปล่อย CO2 จนได้ข้อกำหนดก็ได้


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 25, 2012, 16:28:01 โดย i-din »

ออฟไลน์ Wayfarer-R

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,563
คิดเล่นๆ  สมมุติโตโยต้า แคมรี่ ไฮบริด ยัดเครื่อง 1.0 เทอร์โบ แล้วเกิดปล่อยก๊าซต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร จะเสีภาษีต่ำกว่าอีโค่คาร์อีก คือจะเสียภาษีแค่ 10% เอง

ผมเข้าใจถูกมั้ย ?

ออฟไลน์ i-din

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 458
คิดเล่นๆ  สมมุติโตโยต้า แคมรี่ ไฮบริด ยัดเครื่อง 1.0 เทอร์โบ แล้วเกิดปล่อยก๊าซต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร จะเสีภาษีต่ำกว่าอีโค่คาร์อีก คือจะเสียภาษีแค่ 10% เอง

ผมเข้าใจถูกมั้ย ?

ใช่แล้วครับผม ไม่ต้องตีความอะไรให้ยุ่งยากเลย ตรงตามกฏหมายทุกประการ

ออฟไลน์ nirvanapoint

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 421
อยากรู้จังว่า ที่ต่างประเทศ เช่น ยุโรป หรืออเมริกา เค้าจัดเก็บภาษีกันแบบไหนครับ
หรือเหมือนกับเราที่กำลังจะเปลี่ยนในปี 59 ครับ
ขอบคุณครับ  ???

ออฟไลน์ Wayfarer-R

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,563
โอเคร เจอตารางแบบนี้ เข้าใจซะทีผม  หมดเวลา"งง"แล้ว  ;D ;D

ออฟไลน์ shando

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,850
ตอนแรกนึกว่ายังมีการอิงccอยู่ ตอนนี้หายงงแล้ว

ออฟไลน์ MystogaN

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,476
ตอนแรก ผมก็อยากทำเป็นตารางเทียบมากเลยเพราะเห้นบางคนยังเข้าใจผิดอยู่ ขอบคุณมากครับ

ตอนนี้แคมรี่ปล่อยอยู่ที่ประมาณ 120 ครับ ไม่ทราบเหมือนกันว่าโตโยต้าจะทำอย่างไร

แต่พริอุสปล่อยที่ 80 กว่าๆ หายห่วงไม่โดนอะไรเลย ;)


ที่ทำให้มันแพงขึ้นน่าจะเป็นเพราะรัฐไม่ให้ส่วนลดจาก E20 แล้วแต่ไปให้ส่วนลด 5% กับ E85 และ CNG แทน

ออฟไลน์ hutzero

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,561
    • อีเมล์
ยุคนี้แล้วทั้งทีน่าจะเอามาตรฐาน EURO4 มาใช้ประกอบเป็นตัวอย่างด้วย  เพราะไอเสียไม่ได้มีแต่ CO2
ทั้ง
CO = คาร์บอนมอนอกไซด์
HC = ไฮโดรคาร์บอน
NOx = ออกไซด์ของไนโตรเจน
PM = ฝุ่นละออง
เป็นอะไรที่ควรควบคุม  ไม่ใช่สักแต่ว่าวัดกันที่ขนาดเครื่อง, แรงม้า, CO2 เพื่อเก็บภาษีให้บานเบอะ

ที่สำคัญเค้ากำหนดให้เครื่องดีเซลปล่อย CO ได้น้อยกว่าเก๋งอีก


ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,640
เข้าใจยากแฮะเรา สมมุติครับ เอาเป็นว่ารถในปัจจุบันทุกรุ่นที่ขายอยู่ถ้าไปขายในปี 59 มีใครลดราคาหรือเพิ่มราคาบ้างครับ แล้วประมาณกี่บาท
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ i-din

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 458
ตอนแรก ผมก็อยากทำเป็นตารางเทียบมากเลยเพราะเห้นบางคนยังเข้าใจผิดอยู่ ขอบคุณมากครับ

ตอนนี้แคมรี่ปล่อยอยู่ที่ประมาณ 120 ครับ ไม่ทราบเหมือนกันว่าโตโยต้าจะทำอย่างไร

แต่พริอุสปล่อยที่ 80 กว่าๆ หายห่วงไม่โดนอะไรเลย ;)


ที่ทำให้มันแพงขึ้นน่าจะเป็นเพราะรัฐไม่ให้ส่วนลดจาก E20 แล้วแต่ไปให้ส่วนลด 5% กับ E85 และ CNG แทน

ผมว่าคัมรี่ อีก 3 ปีก็น่าจะปล่อยน้อยกว่า 100 แล้วนะครับ

ผมกำลังนึกถึงอีโคคาร์ของโตโยต้าน่ะคับ ถือว่ารถมีอายุ 5 ปี อีกประมาณ 6 - 8 เดือนจะเปิดตัว จะทำ e85 ออกมาเลยหรือเปล่า จะได้ใช้ได้นานๆ คุ้มค่าลงทุนหน่อย เพราะปี 59 ลดเหลือ 12% แล้ว

ออฟไลน์ i-din

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 458
เข้าใจยากแฮะเรา สมมุติครับ เอาเป็นว่ารถในปัจจุบันทุกรุ่นที่ขายอยู่ถ้าไปขายในปี 59 มีใครลดราคาหรือเพิ่มราคาบ้างครับ แล้วประมาณกี่บาท

หาดูได้ในกระทู้ http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,27019.0.html นี้ครับ ที่เค้าเถียงๆ กันน่ะครับ แล้วก็เข้าใจผิดกันนั่นแหละครับ

ออฟไลน์ MystogaN

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,476
เข้าใจยากแฮะเรา สมมุติครับ เอาเป็นว่ารถในปัจจุบันทุกรุ่นที่ขายอยู่ถ้าไปขายในปี 59 มีใครลดราคาหรือเพิ่มราคาบ้างครับ แล้วประมาณกี่บาท
Accord , Teana , Camry รุ่น 2.4-2.5 จะถูกลง 5% หรือราวๆ เกือบแสนบาท หากปล่อย CO2 ได้น้อยกว่า 150 ครับ ซึ่งตอนนี้เกินอยู่

ส่วนพวก ตัวเล็กทั้งหลาย Civic,Vios,Fiesta ถ้าปล่อย CO2 ได้น้อยกว่า 150 ก็จะราคาคงเดิม และถ้าเติม E85 ได้ก็จะถูกลงอีก 5%

และที่ได้ลดเป็นพิเศษอาจจะถึงหลักล้านน่าจะเป็นรุ่นยุโรปเครื่องเล็กแต่แรงๆ ทั้งหลาย เป็นต้นครับ (Z4 35i,BMW 1M Coupe,VW Golf R,Porsche Cayman)

เพราะไม่คิดที่ 50% แล้ว แต่มาคิดแค่ 30% แทน เนื่องจากไม่มีการจำกัดแรงม้าที่ 220 แล้ว และถ้าเติม E85 ได้จะเหลือแค่ 25% เท่านั้นเอง !!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 25, 2012, 17:01:42 โดย LanCeLoT »

ออฟไลน์ อีกนิดก็แรง

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 960
เข้าใจยากแฮะเรา สมมุติครับ เอาเป็นว่ารถในปัจจุบันทุกรุ่นที่ขายอยู่ถ้าไปขายในปี 59 มีใครลดราคาหรือเพิ่มราคาบ้างครับ แล้วประมาณกี่บาท
Accord , Teana , Camry รุ่น 2.4-2.5 จะถูกลง 5% หรือราวๆ เกือบแสนบาท หากปล่อย CO2 ได้น้อยกว่า 150 ครับ ซึ่งตอนนี้เกินอยู่

ส่วนพวก ตัวเล็กทั้งหลาย Civic,Vios,Fiesta ถ้าปล่อย CO2 ได้น้อยกว่า 150 ก็จะราคาคงเดิม และถ้าเติม E85 ได้ก็จะถูกลงอีก 5%

และที่ได้ลดเป็นพิเศษอาจจะถึงหลักล้านน่าจะเป็นรุ่นยุโรปเครื่องเล็กแต่แรงๆ ทั้งหลาย เป็นต้นครับ (Z4 35i,BMW 1M Coupe,VW Golf R,Porsche Cayman)

เพราะไม่คิดที่ 50% แล้ว แต่มาคิดแค่ 30% แทน เนื่องจากไม่มีการจำกัดแรงม้าที่ 220 แล้ว และถ้าเติม E85 ได้จะเหลือแค่ 25% เท่านั้นเอง !!


อันนี้หมายถึงรถประกอบในประเทศรึปล่าวครับ ส่วนรถนำเข้านี่น่าจะยังคงความโหดเหมือนเดิม หรือมีแต่จะเพิ่มขึ้น T_T

ออฟไลน์ YIM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,015
  • ไม่น่ารัก เราไม่มอง!!
    • อีเมล์
เข้าใจยากแฮะเรา สมมุติครับ เอาเป็นว่ารถในปัจจุบันทุกรุ่นที่ขายอยู่ถ้าไปขายในปี 59 มีใครลดราคาหรือเพิ่มราคาบ้างครับ แล้วประมาณกี่บาท
Accord , Teana , Camry รุ่น 2.4-2.5 จะถูกลง 5% หรือราวๆ เกือบแสนบาท หากปล่อย CO2 ได้น้อยกว่า 150 ครับ ซึ่งตอนนี้เกินอยู่

ส่วนพวก ตัวเล็กทั้งหลาย Civic,Vios,Fiesta ถ้าปล่อย CO2 ได้น้อยกว่า 150 ก็จะราคาคงเดิม และถ้าเติม E85 ได้ก็จะถูกลงอีก 5%

และที่ได้ลดเป็นพิเศษอาจจะถึงหลักล้านน่าจะเป็นรุ่นยุโรปเครื่องเล็กแต่แรงๆ ทั้งหลาย เป็นต้นครับ (Z4 35i,BMW 1M Coupe,VW Golf R,Porsche Cayman)

เพราะไม่คิดที่ 50% แล้ว แต่มาคิดแค่ 30% แทน เนื่องจากไม่มีการจำกัดแรงม้าที่ 220 แล้ว และถ้าเติม E85 ได้จะเหลือแค่ 25% เท่านั้นเอง !!



อันนี้หมายถึงรถประกอบในประเทศรึปล่าวครับ ส่วนรถนำเข้านี่น่าจะยังคงความโหดเหมือนเดิม หรือมีแต่จะเพิ่มขึ้น T_T

รถนำเข้ามันมีส่วนอากรขาเข้า หรืออะไรทำนองนี้แยกต่างหากอีกหรือเปล่าครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 25, 2012, 17:17:54 โดย YIM »
JDM เท่านั้น จะครองโลก!

ออฟไลน์ MystogaN

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,476
นำเข้าด้วยครับ เพราะนำเข้าเองก็จะเสีย อากรขาเข้าก่อนแล้วนำราคาที่ได้มาเสีย สรรพสามิต อีกต่อนึง !!

แล้วเสียภาษี 10% ของภาษีสรรพสามิตเข้ามหาดไทยอีก ต่อนึง ผมว่าหายไปเยอะเลยครับ ผมเอาตัวเลขไปคิดมา หายไปเป็นล้านครับ

ถ้าผู้ประกอบการมาโวยว่าขึ้นราคาเพราะภาษีนั่นไม่จริงทั้งเพครับ ...  ;)

ออฟไลน์ Wayfarer-R

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,563
พวกรถนำเข้าทั้งคันจากยุโรป เมื่อไหร่มันจะเก็บภาษีแบบประเทศที่เจริญแล้ว ? เห็นเก็บกันมหาโหด อ้างว่าจะเอาไปพัฒนาประเทศ ก็เห็นแย่เหมือนเดิม หรือยิ่งกว่าเดิม

หลักฐานก็คือ เวลาขับรถจากกรุงเทพไปหัวหิน ทางนรกมาก โดยเฉพาะช่วงจังหวัดเพชรบุรี ช่วงตรงท่ายางขาไปและขากลับ เพิ่งลาดยางเสร็จ พังอีกแล้วครับท่าน ไปดูได้  เพิ่งจะลาดยางใหม่ ปะกันอีกแล้ว ที่ราดใหม่ก็แสนห่วย เรียบก็ไม่เรียบ เก็บเยอะแล้วได้อะไร เงินได้มาเยอะแล้วไปไหน ถนนหนทางแย่ลง ห่วยลง แต่พวกที่บริหารรวยเอาๆ หมายความว่าไง ?

ปัจจุบันรถนำเข้า ราคา 5 ล้าน พอเข้าไทย โดนไป 3 เท่า กลายเป็น 15 ล้านซะงั้น เก็บสัก 2 เท่าก็พอมั้ง 2 เท่าก็เยอะแล้ว รถราคา 5 ล้าน พอเข้าไทยขายสิบล้าน นี่ก็เยอะแล้วนะ เพราะได้เงินมาก็ไม่ได้เอาไปพัฒนาทั้งหมด ไปตกหล่นในกระเป๋าใครก็ไม่รู้ กินกันเพลินเลยทีเดียว

ออฟไลน์ MystogaN

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,476
พวกรถนำเข้าทั้งคันจากยุโรป เมื่อไหร่มันจะเก็บภาษีแบบประเทศที่เจริญแล้ว ? เห็นเก็บกันมหาโหด อ้างว่าจะเอาไปพัฒนาประเทศ ก็เห็นแย่เหมือนเดิม หรือยิ่งกว่าเดิม

หลักฐานก็คือ เวลาขับรถจากกรุงเทพไปหัวหิน ทางนรกมาก โดยเฉพาะช่วงจังหวัดเพชรบุรี ช่วงตรงท่ายางขาไปและขากลับ เพิ่งลาดยางเสร็จ พังอีกแล้วครับท่าน ไปดูได้  เพิ่งจะลาดยางใหม่ ปะกันอีกแล้ว ที่ราดใหม่ก็แสนห่วย เรียบก็ไม่เรียบ เก็บเยอะแล้วได้อะไร เงินได้มาเยอะแล้วไปไหน ถนนหนทางแย่ลง ห่วยลง แต่พวกที่บริหารรวยเอาๆ หมายความว่าไง ?

ปัจจุบันรถนำเข้า ราคา 5 ล้าน พอเข้าไทย โดนไป 3 เท่า กลายเป็น 15 ล้านซะงั้น เก็บสัก 2 เท่าก็พอมั้ง 2 เท่าก็เยอะแล้ว รถราคา 5 ล้าน พอเข้าไทยขายสิบล้าน นี่ก็เยอะแล้วนะ เพราะได้เงินมาก็ไม่ได้เอาไปพัฒนาทั้งหมด ไปตกหล่นในกระเป๋าใครก็ไม่รู้ กินกันเพลินเลยทีเดียว
ก็เค้าก็ลดแล้วนี่งายคร๊าบบบบบ อย่าเพิ่งโวยจิคร๊าฟฟฟฟ แต่ถ้าพวกเกรย์มาอ้างว่าขึ้นราคาเพราะภาษี นี่ตบกระบาลแยกได้เรยคร๊าบ เพราะภาษีเค้าลดให้แล้ว

อีกอย่างคือ ผมฟังในสัมภาษพี่จิมมี่เค้าบอกว่ามี FTA อะไรไม่ทราบ ที่อากรขาเข้าจะไม่คิด อันนี้ต้องติดตามกันต่อไป

ออฟไลน์ Wayfarer-R

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,563
พวกรถนำเข้าทั้งคันจากยุโรป เมื่อไหร่มันจะเก็บภาษีแบบประเทศที่เจริญแล้ว ? เห็นเก็บกันมหาโหด อ้างว่าจะเอาไปพัฒนาประเทศ ก็เห็นแย่เหมือนเดิม หรือยิ่งกว่าเดิม

หลักฐานก็คือ เวลาขับรถจากกรุงเทพไปหัวหิน ทางนรกมาก โดยเฉพาะช่วงจังหวัดเพชรบุรี ช่วงตรงท่ายางขาไปและขากลับ เพิ่งลาดยางเสร็จ พังอีกแล้วครับท่าน ไปดูได้  เพิ่งจะลาดยางใหม่ ปะกันอีกแล้ว ที่ราดใหม่ก็แสนห่วย เรียบก็ไม่เรียบ เก็บเยอะแล้วได้อะไร เงินได้มาเยอะแล้วไปไหน ถนนหนทางแย่ลง ห่วยลง แต่พวกที่บริหารรวยเอาๆ หมายความว่าไง ?

ปัจจุบันรถนำเข้า ราคา 5 ล้าน พอเข้าไทย โดนไป 3 เท่า กลายเป็น 15 ล้านซะงั้น เก็บสัก 2 เท่าก็พอมั้ง 2 เท่าก็เยอะแล้ว รถราคา 5 ล้าน พอเข้าไทยขายสิบล้าน นี่ก็เยอะแล้วนะ เพราะได้เงินมาก็ไม่ได้เอาไปพัฒนาทั้งหมด ไปตกหล่นในกระเป๋าใครก็ไม่รู้ กินกันเพลินเลยทีเดียว
ก็เค้าก็ลดแล้วนี่งายคร๊าบบบบบ อย่าเพิ่งโวยจิคร๊าฟฟฟฟ แต่ถ้าพวกเกรย์มาอ้างว่าขึ้นราคาเพราะภาษี นี่ตบกระบาลแยกได้เรยคร๊าบ เพราะภาษีเค้าลดให้แล้ว

อีกอย่างคือ ผมฟังในสัมภาษพี่จิมมี่เค้าบอกว่ามี FTA อะไรไม่ทราบ ที่อากรขาเข้าจะไม่คิด อันนี้ต้องติดตามกันต่อไป

ผมหมายถึง อากรขาเข้านั่นแหละครับ ที่แพงหูฉี่ สงสัยว่ามันจะเก็บให้แพงทำไม

ออฟไลน์ MystogaN

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,476
http://www.excise.go.th/index.php?id=137

งั้นเอานี่ไปลองคำนวนดูครับ ;)

รถ 600000 อากรขาเข้า 480000 สรรพสามิต 1200000 นะคร๊าบ ;D

ออฟไลน์ Moddum

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 35
พวกรถนำเข้าทั้งคันจากยุโรป เมื่อไหร่มันจะเก็บภาษีแบบประเทศที่เจริญแล้ว ? เห็นเก็บกันมหาโหด อ้างว่าจะเอาไปพัฒนาประเทศ ก็เห็นแย่เหมือนเดิม หรือยิ่งกว่าเดิม

หลักฐานก็คือ เวลาขับรถจากกรุงเทพไปหัวหิน ทางนรกมาก โดยเฉพาะช่วงจังหวัดเพชรบุรี ช่วงตรงท่ายางขาไปและขากลับ เพิ่งลาดยางเสร็จ พังอีกแล้วครับท่าน ไปดูได้  เพิ่งจะลาดยางใหม่ ปะกันอีกแล้ว ที่ราดใหม่ก็แสนห่วย เรียบก็ไม่เรียบ เก็บเยอะแล้วได้อะไร เงินได้มาเยอะแล้วไปไหน ถนนหนทางแย่ลง ห่วยลง แต่พวกที่บริหารรวยเอาๆ หมายความว่าไง ?

ปัจจุบันรถนำเข้า ราคา 5 ล้าน พอเข้าไทย โดนไป 3 เท่า กลายเป็น 15 ล้านซะงั้น เก็บสัก 2 เท่าก็พอมั้ง 2 เท่าก็เยอะแล้ว รถราคา 5 ล้าน พอเข้าไทยขายสิบล้าน นี่ก็เยอะแล้วนะ เพราะได้เงินมาก็ไม่ได้เอาไปพัฒนาทั้งหมด ไปตกหล่นในกระเป๋าใครก็ไม่รู้ กินกันเพลินเลยทีเดียว
ก็เค้าก็ลดแล้วนี่งายคร๊าบบบบบ อย่าเพิ่งโวยจิคร๊าฟฟฟฟ แต่ถ้าพวกเกรย์มาอ้างว่าขึ้นราคาเพราะภาษี นี่ตบกระบาลแยกได้เรยคร๊าบ เพราะภาษีเค้าลดให้แล้ว

อีกอย่างคือ ผมฟังในสัมภาษพี่จิมมี่เค้าบอกว่ามี FTA อะไรไม่ทราบ ที่อากรขาเข้าจะไม่คิด อันนี้ต้องติดตามกันต่อไป

FTA ใช้กับประเทศที่มี FTA ร่วมกัน แล้วต้องไปดูรายการอีกว่า ใน FTA คลุมสินค้าอะไรบ้างครับ ตัวรถ 3000 cc ที่ไม่ต้องเสียอากรขาเข้า นี่สำหรับ FTA ในกลุ่มอาเซียนเท่านั้น ซึ่งเท่ากับไม่ได้ประโยชน์เลย เพราะยังไงชิ้นส่วนนำเข้าแต่ละประเทศก็ค่อนข้างสูงอยู่แล้วครับ

ออฟไลน์ H3T

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,721
    • อีเมล์
 ชัดเจนเข้าใจง่ายมาก ขอบคุณ จขกท ด้วยครับ
  คราวนี้มาลองคิดต่อว่า ถ้าอยากจะเสียภาษีต่ำๆต้องทำอย่างไร
   
    รถเครื่องเบนซิน
          + ต้องปล่อย CO2 ต่ำกว่า 100 g/km
          + ต้องเป็นระบบ hybrid ความจุไม่เกิน 3000
       ตอนนี้เอาใกล้ตัวที่สุดคือ Prius ซึ่งเสียเท่าเดิม 10%
       เคสที่น่าสนใจคือ Camry Hybrid ปล่อย CO2 137 g/km จะเสียอัตราใหม่ 20% จากเดิมเสียที่ 35% ผลที่ได้ราคาน่าจะถูกลงหลักแสนเลยทีเดียว
  แต่ถ้าอีก 3 ปี Toyota ปรับตัวให้ได้ประโยชน์จากอัตราใหม่ เรียงจากง่ายไปยาก
          1. ใช้ E85 ได้ โดยปล่อย CO2 137 g/km เท่าเดิม ลดลงได้เหลือ 15%
          2. ใช้ E85 ไม่ได้เหมือนเดิม แต่ปล่อย CO2 ต่ำกว่า 100 g/km ลดลงได้เหลือ 10%
          3. ปรับให้สามารถใช้ E85 ได้ โดยปล่อย CO2 ต่ำกว่า 100 g/km ลดลงได้เหลือ 5%

    รถเครื่องดีเซล
        รถกระบะ เดิม ทั้งตอนเดียวและแค็ป ( ป้ายเขียว ) เสียที่ 3% ถ้าเป็น 4 ประตู 12%
                     อัตราใหม่ ตอนเดียว ถ้าจะเสียเท่าเดิม 3% ต้องปล่อย CO2 ต่ำกว่า 200 g/km
                                   แค็ป ถ้าปล่อย CO2 ต่ำกว่า 200 g/km ได้ ยังไงก็ขึ้นเป็น 7% ( เดิมเสีย 5% )
                                   4 ประตู ถ้าจะเสียเท่าเดิม 12% ต้องปล่อย CO2 ต่ำกว่า 200 g/km
                     ซึ่ง ณ วันนี้ Toyota Hilux Vigo ที่ส่งไปขายในยุโรป ปล่อย CO2 193 g/km นะครับ
               รถกระบะ สรุปว่ายังไงผู้ผลิตทำให้ปล่อย CO2 ต่ำกว่า 200 g/km ได้แน่นอน

        รถ PPV เดิม 20% อัตราใหม่ ยังไงก็ทำให้ปล่อย CO2 ต่ำกว่า 200 g/km ตามกระบะได้แน่นอน แต่ยังไงก็ต้องเสียอัตราเพิ่มขึ้นเป็น 25% ( เพิ่มขึ้น 5% )

ออฟไลน์ KAKASHII

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,638
  • งามปะละ
ว้าว D-Segment แบบเดิมเสียที่ 35  สมมุติปล่อยก๊าซต่ำกว่า 150 และเติม E85 ได้ จะถูกลงกว่าเดิม 10%   ;D อาจจะราคาแค่ 1.5 ล้านตัวท็อปนะ อิอิ ฝันกลางวัน

ออฟไลน์ Yeahyeahs

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 856
เห็นอัตราภาษีของ Eco ในปี 59 จะลดลงจาก 17% เป็น 14% สำหรับรถที่ปล่อย CO2 น้อยกว่า 100g/km และ 12% สำหรับรถที่เติม E85ได้(และปล่อยน้อยกว่า 100km/g)

ทำให้ผมสงสัยครับว่า ถึงตอนนั้นจะมี Eco Car รุ่นใหม่ได้ไหมครับ เพราะเห็นว่าจะเข้าโครงการ Eco Car ได้ต้องยื่นเรื่องเข้าโครงการ Eco Carด้วย
ไม่ใช่แค่ทำตามเกณฑ์ที่กำหนด แล้วถ้าตอนนั้นรถอย่าง March อาจจะตกรุ่นต้องเปลี่ยน Generation แล้ว March Generation ใหม่ จะถือว่าเป็น Eco Car โดยอัตโนมัติเลยหรือเปล่าครับ?
หรือว่าต้องรอให้เปิดยื่นเรื่องได้อีกรอบถึงจะได้(หรือว่าตอนนี้ก็ยังยื่นเรื่องได้เรื่อยๆครับ? แต่ผมจำได้ว่ามันหมดเขตไปแล้ว)
แล้วถ้ามี ยี่ห้อใหม่ๆจะเข้าร่วมโครงการได้ไหม เช่น Ford อาจจะผลิตรถรุ่นใหม่ที่ตรงตามเกณฑ์Eco Car แล้วใส่เครื่อง 1.0 Ecoboost เพื่อใช้ภาษีในเรต Eco Car ได้ไหมครับ?

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,640
งั้นแบบนี้ 1.2 TFSi , 1.6 ของ A180  , 1.6 ecoboost วอลโว่   ราคาลงกระจาย ว้าวๆๆๆๆๆๆ
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ Nut_K

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,226
โอเค หายงงแล้วครับ

ออฟไลน์ i-din

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 458
เห็นอัตราภาษีของ Eco ในปี 59 จะลดลงจาก 17% เป็น 14% สำหรับรถที่ปล่อย CO2 น้อยกว่า 100g/km และ 12% สำหรับรถที่เติม E85ได้(และปล่อยน้อยกว่า 100km/g)

ทำให้ผมสงสัยครับว่า ถึงตอนนั้นจะมี Eco Car รุ่นใหม่ได้ไหมครับ เพราะเห็นว่าจะเข้าโครงการ Eco Car ได้ต้องยื่นเรื่องเข้าโครงการ Eco Carด้วย
ไม่ใช่แค่ทำตามเกณฑ์ที่กำหนด แล้วถ้าตอนนั้นรถอย่าง March อาจจะตกรุ่นต้องเปลี่ยน Generation แล้ว March Generation ใหม่ จะถือว่าเป็น Eco Car โดยอัตโนมัติเลยหรือเปล่าครับ?
หรือว่าต้องรอให้เปิดยื่นเรื่องได้อีกรอบถึงจะได้(หรือว่าตอนนี้ก็ยังยื่นเรื่องได้เรื่อยๆครับ? แต่ผมจำได้ว่ามันหมดเขตไปแล้ว)
แล้วถ้ามี ยี่ห้อใหม่ๆจะเข้าร่วมโครงการได้ไหม เช่น Ford อาจจะผลิตรถรุ่นใหม่ที่ตรงตามเกณฑ์Eco Car แล้วใส่เครื่อง 1.0 Ecoboost เพื่อใช้ภาษีในเรต Eco Car ได้ไหมครับ?
 

เท่าที่อ่านข้อกำหนดอีโคคาร์มา คือกำหนดที่บริษัทครับ ไม่ได้กำหนดที่รุ่นรถ ดังนั้น ถ้ามาสด้า เอามาสด้า 2 ลงเครื่อง 1.2 ลิตร สกายแอคทิฟ ก็ไม่ถือว่าเป็นอีโคคาร์นะครับ ดังนั้น พอปี 59 ก็จะไปเสียภาษีตามข้อ 1 ก็คือ 30% อยู่ดี ถ้าใช้ e85 ก็เหลือ 25% เท่ากับปัจจุบันนี้ที่ใช้เครื่อง 1.5 ลิตร  เห็นว่าทางผู้ผลิตอื่นๆ ที่ไม่ได้เข้าโครงการจะรวมตัวไปคุยกับกระทรวงอุตฯ เพื่อหารือข้อกำหนดอันนี้ว่าจะเปิดกว้าง หรือ จำกัด 5 บริษัทที่ขอไว้แล้ว คือ นิสสัน ฮอนด้า โตโยต้า มิตซูบิชิ ซูซุกิ เท่านั้น นี่เป็นเหตุผลว่าเครื่องสกายแอคทิฟหรือไม่มาบ้านเราไงครับ ภาษีแพงมาก ทั้งๆ ที่ปล่อย CO2 เท่ากับอีโคคาร์ปัจจุบัน

ในความเห็นส่วนตัว น่าจะเปิดกว้างแล้วนะ ไหนๆ ก็เป็นโปรดักแชมเปี้ยนตัวใหม่แล้ว พวกที่ขอไว้แล้ว ก็ค้าขายกันจนคุ้มแล้ว น่าจะเปิดให้เจ้าอื่น แต่ให้คงข้อกำหนด 100,000 คันในปีที่ 5 ที่ตอนแรกๆ บริษัทรถโวยวายกันใหญ่ ตอนนี้เงียบกันเป็นเป่าสาก มีแต่โดนลูกค้าโวยว่าเมื่อไหร่จะได้รถกันซะที อย่างสวิฟท์ รอกันปีเต็มๆ ด้วยซ้ำ ยอดส่งออกไม่ต้องพูดถึงเลย ตัดยอดมาขายในประเทศจนแทบจะส่งออกไม่ได้ด้วยซ้ำ

ยังไงก็ทำได้ครับ เชื่อเถอะว่า บริษัทรถยนต์เค้ามีเทคโนโลยีหมดแล้ว ขึ้นอยู่กับว่า คุ้มทุนที่เอามาผลิตหรือยัง ภาษีใหม่มา ก็คิดว่าคุ้มแล้วล่ะครับ

ออฟไลน์ YoungJet

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 107
ผมกำลังรอ mazda cx-5 เครื่องดีเซล 2.2 L
ซึ่งมีค่าไอเสียอยู่ที่ 119 - 144 g/km
ถ้ามาปีหน้าก็จะเสียภาษี 35%
แต่ถ้ารอปี 59 ก็จะเสียภาษีแค่ 30%
ผมเข้าใจถูกหรือเปล่า?
2010 Honda Jazz
2009 Toyota Corolla Altis 1.6G
2001 Nissan Cefiro (sold)
1996 Peugeot 306 SR (sold)
1994 Honda Civic 3D (sold)
1993 Mitsubishi Lancer GLX (sold)
1984 Mitsubishi Colt Mirage (sold)

ออฟไลน์ Yeahyeahs

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 856
มาตรการนี้ยังมีช่องโหว่อยู่นะผมว่า

เพราะสมมติมีค่ายรถที่เทคโนโลยีดี สนับสนุนการรักษ์โลก

เลยทำเครื่องที่ปล่อยมลพิษน้อยมากๆอยู่แล้ว ถ้าเข้าปี 59 ปุ๊ป ราคาจะลดลงแน่นอน

ถามว่าตอนปี 58 ทั้งปี ใครจะซื้อรุ่นนี้ล่ะครับ?

ออฟไลน์ bungy

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 304
    • อีเมล์
FTA กับญี่ปุ่น ครับ ตอนนี้ อากรขาเข้า 60% กำลังคุยกันอยู่ แต่สงสัยคืบยากมาก

http://www.visitsurin.com/index.php?mo=3&art=208662

มาตรการนี้ยังมีช่องโหว่อยู่นะผมว่า

เพราะสมมติมีค่ายรถที่เทคโนโลยีดี สนับสนุนการรักษ์โลก

เลยทำเครื่องที่ปล่อยมลพิษน้อยมากๆอยู่แล้ว ถ้าเข้าปี 59 ปุ๊ป ราคาจะลดลงแน่นอน

ถามว่าตอนปี 58 ทั้งปี ใครจะซื้อรุ่นนี้ล่ะครับ?

ผมว่าช่วงนี้ภาษีรถคันแรก คนจะผ่อนไหว กันหรือเปล่า กลัวว่าจะเป็นหนี้เสีย หรือ ปี 2556 ปลายปี ถึง ปี 2557 กลางปีก็พอรู้แล้วจะรอดหรือไม่รอด

เศรษฐกิจโลก ยังไม่แน่นอน เลยครับ ยิ่งเราตลาดส่งออก ด้วย

ปี 2558 AEC สินค้านำเข้าจากเพื่อนบ้าน จะเข้ามาอีก

ปลายปี 2558 รถยนต์ใหม่ ต้องเปิดตัวแล้วครับ ตอนนั้น camry ตัวใหม่ ก็เปิดตัวพอดี accord teana ใหม่ ซวย คาบเกี่ยวพอดี รถแพงขึ้น

ผมว่า ดีไม่ดี ซื้อรถตอนนั้น อาจจะได้ส่วนลดมากขึ้น ก่อนปรับภาษีอีกนะครับ  เพราะ ถ้าขึ้นแล้ว สินค้าขายไม่ออก บริษัทรถยนต์ อาจจะซวยได้

ผมสงสัย ก่อนมีภาษีรถคันแรก คนไทยซื้อรถกันเยอะ แค่ไหนครับ

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
ชัดเจนมากๆครับ ขอเซฟภาพเก็บไว้เลย >_<