ผู้เขียน หัวข้อ: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง  (อ่าน 11484 ครั้ง)

ออฟไลน์ Whisky

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 48
Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: มีนาคม 07, 2013, 11:07:32 »
รวบรัดตัดความเลยนะครับ

เรื่องแบบนี้นานาจิตตังครับ
ถ้าคุณเลือกรถพื้นฐานดีจริงๆ การต่อยอดย่อมทำได้ง่ายกว่า ดีกว่า และประหยัดงบกว่า

จะให้ง่ายเลยควรตอบตัวเองให้ได้ว่าชอบแบบไหน เดิม หรือ ชอบแต่ง
การเลือกรถพื้นฐานไม่ดีมา แต่งให้ตายยังงัยบางทีก็ดีสู้รถเดิมๆ ไม่ได้ เพราะรถมันมีขีดจำกัดของมัน และอาจใช้เงินมากกว่าที่คิด

รถในปัจจุบันที่ค่อนข้างเป็น mass จะผลิตโดยอาศัย market-driven ศึกษา target แล้วผลิตรถแต่ละรุ่นมาเจาะตลาดนั้นๆ
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่ารถตลาดอย่าง c-segment หลายคัน ถึง set ช่วงล่างมาไม่เหมือนกัน เพราะเค้าเอาใจตลาดกลุ่มไหนมากกว่างัยครับ
จะมาบอกว่า toyota เค้าช่วงล่างห่วยกว่า เจ้าอื่นก็คงไม่ยุติธรรมนัก พวกนี้กำหนดโดยตลาดทั้งนั้น

คนที่บอกว่ารถตัวนั้นห่วย ตัวนี้ไม่ดี โดยเฉพาะที่ไม่เกี่ยวกับ defect จากการผลิตชิ้นส่วน ผมว่าคนๆนั้นไม่เข้าใจเรื่องการตลาดซักเท่าไหร่ และคิดว่าโลกหมุนรอบตัวเอง รุ่นไหนยี่ห้อไหน ขับแล้วคุณไม่ถูกใจ ก็ไม่ต้องซื้อ เพราะคุณก็แค่ไม่ได้อยู่ใน target group ก็เท่านั้น
และปัจจัยที่ทำให้คนซื้อรถ ก็ไม่ดีไม่แค่การขับขี่หรือลักษณะทางกายภาพของรถเพียงอย่างเดียว ไหนจะภาพลักษณ์ของแบรนด์ คุณภาพในการผลิต การบริการหลังการขาย ฯลฯ

เราเองเป็นผู้บริโภคที่ไม่ได้อยู่ในยุคอุตสาหกรรม เราอยู่ยุคแห่งข่าวสารข้อมูล เป็นยุคที่เทคโนโลยีค่อนข้างทัดเทียมกัน คุณไม่ต้องทนใช้ของอะไรก็ได้ที่ผลิต
ออกมาแล้วต้องทนใช้แบบคนโบราณ ที่ผลิตออกมายังงัยก็ขายได้

สมัยนี้ผู้ผลิตลองไม่ศึกษาตลาดสิครับ ของผลิตมาขายไม่ออกแน่นอน

ปล. แย้งหรือเสริมได้นะครับ ผมน้อมรับ ;D

ออฟไลน์ HYDE--

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,643
    • อีเมล์
Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: มีนาคม 07, 2013, 11:29:48 »
ถ้าเป็นผม ผมคงเอา f30 ป้ายแดง ถ้าคิดว่า ไม่ได้ไว้แข่งกับใคร

หรือไม่ก้ ซื้อรถยุโรป หรือ รถสปอร์ตญี่ปุ่น หรือ รถญี่ปุ่นแรงๆ มือสอง ราคาล้านกลางๆ
เงินที่เหลือก้เอามาเป็นงบไว้แต่ง เท่าไหนก้เท่านั้น

ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,755
Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: มีนาคม 07, 2013, 12:32:51 »
งั้นขอรบกวนถามต่อเลยนะครับ เห็นว่ารถที่มีน้ำหนักเบากว่าจะดีกว่าเวลาแล่นในแบบ circuit หากเทียบกับรถที่มีน้ำหนักมากกว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นครับ?  :)

ว่ากันในแง่ของการเข้าโค้งน่ะครับ ไม่รวมถึงอัตราเร่งและระบบช่วยเหลือต่างๆและการทำเวลาต่อรอบ หากว่ายกตัวเปรียบเทียบเป็นซีวิค มาสด้า3 ฟอร์ดโฟกัส3คันนี้ เท่าที่ผมรู้มาคือคู่แฝดร่วมแพลทฟอร์มมาสด้ากับโฟกัสนั้นมีน้ำหนักตัวที่มากกว่าซีวิค50-60กิโลได้มั้งถ้าจำไม่ผิด เนื่องจากมีชิ้นส่วนช่วงล่างที่มีขนาดใหญ่กว่ารองรับแรงเหวี่ยงในโค้งได้มากกว่าจากชิ้นส่วนต่างๆเช่นซับเฟรมที่มีขนาดใหญ่กว่า เหล็กกันโคลงที่ใหญ่กว่า มีสันกลางรถ จำนวนมัลติลิงค์ที่มากกว่า(ในฟอร์ดเสริม control blade เข้ามาเพิ่ม) ความต่างด้านช่วงล่างทั้งหลายเหล่านี้จัดอยู่ในขอบข่ายที่ว่ารถเบากว่าการเข้าโค้งทำได้ดีกว่าไหมครับ?  :)

ผมเคยอ่านจากบททดสอบของฝรั่งบนอินเตอร์เน็ตเว็บนึงจำไม่ได้แล้วว่าชื่ออะไรเสียดายชะมัดที่ไม่ได้เก็บลิงค์เอาไว้ ในนั้นเค้าเปรียบเทียบระหว่างซีวิคFD มาสด้า3กับโฟกัสรุ่นที่แล้ว ในการทดสอบ slalom นั้นฟอร์ดจะทำความเร็วได้สูงกว่ามาสด้าประมาณ10-15(จำหน่วยไม่ได้ว่าเป็นกิโลเมตรหรือไมล์)ทั้งสองผ่านการทดสอบโดยผู้ทดสอบให้ความเห็นว่าอยู่ในเกณท์ที่ดี ในขณะที่ซีวิคนั้นผมจำตัวเลขที่เค้าทำไม่ได้แล้วแต่จำได้ว่าท้ายซีวิคนั้นมีอาการย้วยปัดกรวยล้มไป2-3อันได้ซึ่งก็มีภาพให้ดูว่าปัดกรวยล้มระหว่างแล่น ถ้าเอาทั้งสามคันไปแล่นในแบบ circiut นั้นผลที่ได้จะแตกต่างจากการใช้งานแบบทั่วๆไปไหมครับ? อยากขอถามความเห็นเรื่องนี้จากผู้รู้ลึกหน่อยครับ  :-*   

หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com


ออฟไลน์ kvlegendstar

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 204
Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: มีนาคม 07, 2013, 14:07:48 »
BMW โลดครับ เหตุผลพื้นฐานหากเป็นคนโสด สาวมองเพียบฮะ ห้าๆๆๆ

ถ้าเรื่องสมรรถนะ ผมก็ยังเชียร์ บีเอ็ม ก่อนจะเอา ซีวิคไปแต่ง ยกเว้นคุณใจรัก มีเวลาเอารถไปอู่เป็นวันๆ จูนนู้นๆนี่ๆ หาของเล่นมาใส่เพิ่มนู้นนี่เอง :-*

ออฟไลน์ udis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,674
Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: มีนาคม 07, 2013, 14:36:25 »
BMW โลดครับ เหตุผลพื้นฐานหากเป็นคนโสด สาวมองเพียบฮะ ห้าๆๆๆ

ถ้าเรื่องสมรรถนะ ผมก็ยังเชียร์ บีเอ็ม ก่อนจะเอา ซีวิคไปแต่ง ยกเว้นคุณใจรัก มีเวลาเอารถไปอู่เป็นวันๆ จูนนู้นๆนี่ๆ หาของเล่นมาใส่เพิ่มนู้นนี่เอง :-*

เอาจริงๆไม่รู้ว่า BMW กับ Civic ใครจะอยู่อู่เป็นวันๆมากกว่ากันครับ
 ;D ;D ;D

ออฟไลน์ redsun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,101
Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: มีนาคม 07, 2013, 15:29:42 »
ลองขับคันที่แต่งแล้ว เทียบกับ BMW อาจจะได้คำตอบ
 ;D

ออฟไลน์ Whisky

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 48
Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: มีนาคม 07, 2013, 22:55:15 »
งั้นขอรบกวนถามต่อเลยนะครับ เห็นว่ารถที่มีน้ำหนักเบากว่าจะดีกว่าเวลาแล่นในแบบ circuit หากเทียบกับรถที่มีน้ำหนักมากกว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นครับ?  :)

ว่ากันในแง่ของการเข้าโค้งน่ะครับ ไม่รวมถึงอัตราเร่งและระบบช่วยเหลือต่างๆและการทำเวลาต่อรอบ หากว่ายกตัวเปรียบเทียบเป็นซีวิค มาสด้า3 ฟอร์ดโฟกัส3คันนี้ เท่าที่ผมรู้มาคือคู่แฝดร่วมแพลทฟอร์มมาสด้ากับโฟกัสนั้นมีน้ำหนักตัวที่มากกว่าซีวิค50-60กิโลได้มั้งถ้าจำไม่ผิด เนื่องจากมีชิ้นส่วนช่วงล่างที่มีขนาดใหญ่กว่ารองรับแรงเหวี่ยงในโค้งได้มากกว่าจากชิ้นส่วนต่างๆเช่นซับเฟรมที่มีขนาดใหญ่กว่า เหล็กกันโคลงที่ใหญ่กว่า มีสันกลางรถ จำนวนมัลติลิงค์ที่มากกว่า(ในฟอร์ดเสริม control blade เข้ามาเพิ่ม) ความต่างด้านช่วงล่างทั้งหลายเหล่านี้จัดอยู่ในขอบข่ายที่ว่ารถเบากว่าการเข้าโค้งทำได้ดีกว่าไหมครับ?  :)

ผมเคยอ่านจากบททดสอบของฝรั่งบนอินเตอร์เน็ตเว็บนึงจำไม่ได้แล้วว่าชื่ออะไรเสียดายชะมัดที่ไม่ได้เก็บลิงค์เอาไว้ ในนั้นเค้าเปรียบเทียบระหว่างซีวิคFD มาสด้า3กับโฟกัสรุ่นที่แล้ว ในการทดสอบ slalom นั้นฟอร์ดจะทำความเร็วได้สูงกว่ามาสด้าประมาณ10-15(จำหน่วยไม่ได้ว่าเป็นกิโลเมตรหรือไมล์)ทั้งสองผ่านการทดสอบโดยผู้ทดสอบให้ความเห็นว่าอยู่ในเกณท์ที่ดี ในขณะที่ซีวิคนั้นผมจำตัวเลขที่เค้าทำไม่ได้แล้วแต่จำได้ว่าท้ายซีวิคนั้นมีอาการย้วยปัดกรวยล้มไป2-3อันได้ซึ่งก็มีภาพให้ดูว่าปัดกรวยล้มระหว่างแล่น ถ้าเอาทั้งสามคันไปแล่นในแบบ circiut นั้นผลที่ได้จะแตกต่างจากการใช้งานแบบทั่วๆไปไหมครับ? อยากขอถามความเห็นเรื่องนี้จากผู้รู้ลึกหน่อยครับ  :-*   



1. circuit เป็นลักษณะการแข่งที่มีการใช้เบรค และการเร่งเพื่อออกตัวบ่อยครั้ง รถที่เบากว่าทำให้ไม่ต้องรีบเบรคก่อนถึงจังหวะ turn in ภาระเบรคก็น้อย และสามารถจะส่งคันเร่งได้เร็วกว่า ในจังหวะ exit หลัง hit apex แล้ว "เข้าเร็ว ออกเร็ว" รถที่มีแรงบิดต้นดีก็ได้เปรียบนะครับ ต้องว่ากันเป็นสนามไป ถ้าสนามไหนทางตรงเยอะ รถที่ทำ top speed ได้สูงกว่าก็มีโอกาส เว้นแต่จะไปเสียเวลาในโค้งแบบนี้ก็ถือว่า set รถไม่ดีสำหรับสนามนั้นๆ

2. สามตัวที่ว่านั้นมีสองตัวที่ share platform ร่วมกันเพื่อเหตุผลในการลดต้นทุนในการพัฒนา ซึ่งหลายค่ายใช้วิธีนี้ จริงๆ คุณมีคำตอบในคำถามอยู่แล้ว แต่ผมจะเสริมในส่วนของการ share platform ว่าถึงแม้จะใช้ platform เดียวกันแต่ไม่ได้หมายความว่าทุกยี่ห้อจะต้องใช้เหล็กคุณภาพเดียวกันในแต่ละ portion ดังนั้นความแข็งแรงของ body ก็มีส่วนช่วยให้ช่วงล่างทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น (ตัวถังบิดตัวน้อยลง) ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม focus ถึงสามารถรับแรงเหวี่ยงในโค้งได้ดีกว่า เพราะเรื่องของ weight transfer จากการลด chassis flex นั่นเอง ยังไม่นับรวมถึง setting ของช่วงล่างที่แน่นอนว่าแต่ละค่ายย่อม set มาแตกต่างกัน เพื่อให้บุคลิกลักษณะของรถตัวเองออกมาในแนวทางที่ตลาดต้องการหรือสะท้อน DNA ของตัวเองออกมา ดังนั้นคำถามที่ว่าอยู่ในข่ายหรือไม่ ผมขอตอบว่าไม่ เพราะทุกคันอยู่ในสภาพ stock ทั้งสิ้น เอาแค่ว่าแค่ค่าความแข็งของ bushing ที่ใช้ก็ทำให้รถต่างกันพอสมควร อย่างผมเปลี่ยน ยางแท่นเครื่องให้แข็งกว่าเดิม อาการรถในโค้งดีกว่าเดิมโขครับ

ถ้าจะเปรียบให้ง่ายเอารถยี่ห้อเดียวกันรุ่นเดียวกันมาเทียบกัน แต่ให้ทำการลดน้ำหนักคันใดคันหนึ่งให้เบากว่าจะเห็นภาพได้ชัดกว่าในภาพของการเข้าโค้ง
เพราะถ้าจะเอาตัวอย่างแบบ civic แล้วจะ tune ให้ได้ขนาด series 3 คงต้องเอารถมา test แล้ว tuneจนกว่าจะได้ระดับที่ต้องการ แต่รถที่เบากว่าจะมีลิมิตในโค้งที่สูงกว่า ถ้าไม่นับรวมการออกแบบทางวิศวกรรมอื่นๆ ที่ผมได้กล่าวมาแล้วในคำตอบก่อนหน้า

3. ส่วนเรื่องของการ test รถทั้่ง 3 คันผมบอกได้ว่ามันมีปัจจัยเยอะเกินที่จะตัดสินได้ อย่าง focus ตอนนี้ที่เป็นเลิศในการเข้าโค้งเพราะได้ technology อย่าง torque vectoring control มาช่วยลดแรงบิดล้อที่อยู่ด้านในโค้ง ส่วน mazda กับ honda ผมไม่ทราบว่าเฟืองท้าย(ขับหน้าก็มีเฟืองท้ายนะครับเพียงแต่อยู่ด้านหน้า)เองเป็นแบบไหน แต่ถ้ารถที่เน้นการเข้าโค้งจะมีของแต่งมาขายเป็น limited slip ส่วนจะจับมากน้อยอัตราส่วนเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตที่ได้ทำการทดสอบมาแล้ว

เอาเป็นว่าผมไม่สามารถสรุปได้ชัดเจน แต่คิดว่าคุณคงจะเข้าใจความหมายที่ผมสื่อ เพราะผมคิดว่าประเด็นคุณอยู่ที่่ว่าทำไม focus ที่มีน้ำหนักมากกว่าจึงเข้าโค้งได้แรงกว่า คำตอบคุณมีแล้วส่วนนึง ผมเสริมส่วนนึง รายละเอียดทาง technical คุณอาจจะต้องกางเทียบกันเลยทีเดียวถ้าต้องการแบบละเอียด suspension turning ในระดับ motorsport เป็นอะไรที่มากกว่า ล้อ(rim) ยาง(tire) สปริง(spring) โช๊ค(damper) แต่มันรวมไปถึง body ระบบขับเคลื่อน(drivetrain) ประเภทของช่วงล่าง มุมล้อต่างๆ(wheel alignment) ความยาวระยะฐานล้อ(wheelbase length) ความกว้างของล้อหน้า-หลัง (track/tread width) การกระจายน้ำหนัก(weight distribution) sprung weight/unsprung weight และ aerodynamics

ถ้าผมตอบไม่ตรงคำถามก็ขออภัยด้วยครับ

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,051
Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: มีนาคม 07, 2013, 22:57:30 »
Civic ครับ เพราะยังไงก็คือ Acura CSX คู่แข่งระดับเดียวกับ Bee-Em 3 อยู่แล้ว เติมนิดหน่อย แซงเลย

ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,755
Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: มีนาคม 07, 2013, 23:06:24 »
ตรงคำถามครับ ขอบคุณมากๆ  :)
หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com


ออฟไลน์ chat120912

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 190
Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: มีนาคม 08, 2013, 22:17:07 »
งั้นขอรบกวนถามต่อเลยนะครับ เห็นว่ารถที่มีน้ำหนักเบากว่าจะดีกว่าเวลาแล่นในแบบ circuit หากเทียบกับรถที่มีน้ำหนักมากกว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นครับ?  :)

ว่ากันในแง่ของการเข้าโค้งน่ะครับ ไม่รวมถึงอัตราเร่งและระบบช่วยเหลือต่างๆและการทำเวลาต่อรอบ หากว่ายกตัวเปรียบเทียบเป็นซีวิค มาสด้า3 ฟอร์ดโฟกัส3คันนี้ เท่าที่ผมรู้มาคือคู่แฝดร่วมแพลทฟอร์มมาสด้ากับโฟกัสนั้นมีน้ำหนักตัวที่มากกว่าซีวิค50-60กิโลได้มั้งถ้าจำไม่ผิด เนื่องจากมีชิ้นส่วนช่วงล่างที่มีขนาดใหญ่กว่ารองรับแรงเหวี่ยงในโค้งได้มากกว่าจากชิ้นส่วนต่างๆเช่นซับเฟรมที่มีขนาดใหญ่กว่า เหล็กกันโคลงที่ใหญ่กว่า มีสันกลางรถ จำนวนมัลติลิงค์ที่มากกว่า(ในฟอร์ดเสริม control blade เข้ามาเพิ่ม) ความต่างด้านช่วงล่างทั้งหลายเหล่านี้จัดอยู่ในขอบข่ายที่ว่ารถเบากว่าการเข้าโค้งทำได้ดีกว่าไหมครับ?  :)

ผมเคยอ่านจากบททดสอบของฝรั่งบนอินเตอร์เน็ตเว็บนึงจำไม่ได้แล้วว่าชื่ออะไรเสียดายชะมัดที่ไม่ได้เก็บลิงค์เอาไว้ ในนั้นเค้าเปรียบเทียบระหว่างซีวิคFD มาสด้า3กับโฟกัสรุ่นที่แล้ว ในการทดสอบ slalom นั้นฟอร์ดจะทำความเร็วได้สูงกว่ามาสด้าประมาณ10-15(จำหน่วยไม่ได้ว่าเป็นกิโลเมตรหรือไมล์)ทั้งสองผ่านการทดสอบโดยผู้ทดสอบให้ความเห็นว่าอยู่ในเกณท์ที่ดี ในขณะที่ซีวิคนั้นผมจำตัวเลขที่เค้าทำไม่ได้แล้วแต่จำได้ว่าท้ายซีวิคนั้นมีอาการย้วยปัดกรวยล้มไป2-3อันได้ซึ่งก็มีภาพให้ดูว่าปัดกรวยล้มระหว่างแล่น ถ้าเอาทั้งสามคันไปแล่นในแบบ circiut นั้นผลที่ได้จะแตกต่างจากการใช้งานแบบทั่วๆไปไหมครับ? อยากขอถามความเห็นเรื่องนี้จากผู้รู้ลึกหน่อยครับ  :-*   



1. circuit เป็นลักษณะการแข่งที่มีการใช้เบรค และการเร่งเพื่อออกตัวบ่อยครั้ง รถที่เบากว่าทำให้ไม่ต้องรีบเบรคก่อนถึงจังหวะ turn in ภาระเบรคก็น้อย และสามารถจะส่งคันเร่งได้เร็วกว่า ในจังหวะ exit หลัง hit apex แล้ว "เข้าเร็ว ออกเร็ว" รถที่มีแรงบิดต้นดีก็ได้เปรียบนะครับ ต้องว่ากันเป็นสนามไป ถ้าสนามไหนทางตรงเยอะ รถที่ทำ top speed ได้สูงกว่าก็มีโอกาส เว้นแต่จะไปเสียเวลาในโค้งแบบนี้ก็ถือว่า set รถไม่ดีสำหรับสนามนั้นๆ

2. สามตัวที่ว่านั้นมีสองตัวที่ share platform ร่วมกันเพื่อเหตุผลในการลดต้นทุนในการพัฒนา ซึ่งหลายค่ายใช้วิธีนี้ จริงๆ คุณมีคำตอบในคำถามอยู่แล้ว แต่ผมจะเสริมในส่วนของการ share platform ว่าถึงแม้จะใช้ platform เดียวกันแต่ไม่ได้หมายความว่าทุกยี่ห้อจะต้องใช้เหล็กคุณภาพเดียวกันในแต่ละ portion ดังนั้นความแข็งแรงของ body ก็มีส่วนช่วยให้ช่วงล่างทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น (ตัวถังบิดตัวน้อยลง) ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม focus ถึงสามารถรับแรงเหวี่ยงในโค้งได้ดีกว่า เพราะเรื่องของ weight transfer จากการลด chassis flex นั่นเอง ยังไม่นับรวมถึง setting ของช่วงล่างที่แน่นอนว่าแต่ละค่ายย่อม set มาแตกต่างกัน เพื่อให้บุคลิกลักษณะของรถตัวเองออกมาในแนวทางที่ตลาดต้องการหรือสะท้อน DNA ของตัวเองออกมา ดังนั้นคำถามที่ว่าอยู่ในข่ายหรือไม่ ผมขอตอบว่าไม่ เพราะทุกคันอยู่ในสภาพ stock ทั้งสิ้น เอาแค่ว่าแค่ค่าความแข็งของ bushing ที่ใช้ก็ทำให้รถต่างกันพอสมควร อย่างผมเปลี่ยน ยางแท่นเครื่องให้แข็งกว่าเดิม อาการรถในโค้งดีกว่าเดิมโขครับ

ถ้าจะเปรียบให้ง่ายเอารถยี่ห้อเดียวกันรุ่นเดียวกันมาเทียบกัน แต่ให้ทำการลดน้ำหนักคันใดคันหนึ่งให้เบากว่าจะเห็นภาพได้ชัดกว่าในภาพของการเข้าโค้ง
เพราะถ้าจะเอาตัวอย่างแบบ civic แล้วจะ tune ให้ได้ขนาด series 3 คงต้องเอารถมา test แล้ว tuneจนกว่าจะได้ระดับที่ต้องการ แต่รถที่เบากว่าจะมีลิมิตในโค้งที่สูงกว่า ถ้าไม่นับรวมการออกแบบทางวิศวกรรมอื่นๆ ที่ผมได้กล่าวมาแล้วในคำตอบก่อนหน้า

3. ส่วนเรื่องของการ test รถทั้่ง 3 คันผมบอกได้ว่ามันมีปัจจัยเยอะเกินที่จะตัดสินได้ อย่าง focus ตอนนี้ที่เป็นเลิศในการเข้าโค้งเพราะได้ technology อย่าง torque vectoring control มาช่วยลดแรงบิดล้อที่อยู่ด้านในโค้ง ส่วน mazda กับ honda ผมไม่ทราบว่าเฟืองท้าย(ขับหน้าก็มีเฟืองท้ายนะครับเพียงแต่อยู่ด้านหน้า)เองเป็นแบบไหน แต่ถ้ารถที่เน้นการเข้าโค้งจะมีของแต่งมาขายเป็น limited slip ส่วนจะจับมากน้อยอัตราส่วนเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตที่ได้ทำการทดสอบมาแล้ว

เอาเป็นว่าผมไม่สามารถสรุปได้ชัดเจน แต่คิดว่าคุณคงจะเข้าใจความหมายที่ผมสื่อ เพราะผมคิดว่าประเด็นคุณอยู่ที่่ว่าทำไม focus ที่มีน้ำหนักมากกว่าจึงเข้าโค้งได้แรงกว่า คำตอบคุณมีแล้วส่วนนึง ผมเสริมส่วนนึง รายละเอียดทาง technical คุณอาจจะต้องกางเทียบกันเลยทีเดียวถ้าต้องการแบบละเอียด suspension turning ในระดับ motorsport เป็นอะไรที่มากกว่า ล้อ(rim) ยาง(tire) สปริง(spring) โช๊ค(damper) แต่มันรวมไปถึง body ระบบขับเคลื่อน(drivetrain) ประเภทของช่วงล่าง มุมล้อต่างๆ(wheel alignment) ความยาวระยะฐานล้อ(wheelbase length) ความกว้างของล้อหน้า-หลัง (track/tread width) การกระจายน้ำหนัก(weight distribution) sprung weight/unsprung weight และ aerodynamics

ถ้าผมตอบไม่ตรงคำถามก็ขออภัยด้วยครับ

ผมถามต่อเป็นความรู้นะพี่  ;D
ถ้าแบบนี้ รถที่เปลี่ยนยางหน้ากว้างขึ้น ล้อใหญ่ขึ้น เช่น 205/55/16 ไปเป็น 215/45/17 และค่ามุมต่างของรถยังเหมือนเดิมจากโรงงาน
นี่มันปลอดภัยไหมคับ หรือต้องไปปรับแก้ไขตามขนาดล้อด้วย
โช็คอัฟนี่แค่หนืดขึ้นก็ดีแล้วใช่ไหมคับ

ขอบคุณคับ  ;D
" My strength is you. "

ออฟไลน์ Whisky

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 48
Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
« ตอบกลับ #40 เมื่อ: มีนาคม 09, 2013, 09:12:56 »
ผมถามต่อเป็นความรู้นะพี่  ;D
ถ้าแบบนี้ รถที่เปลี่ยนยางหน้ากว้างขึ้น ล้อใหญ่ขึ้น เช่น 205/55/16 ไปเป็น 215/45/17 และค่ามุมต่างของรถยังเหมือนเดิมจากโรงงาน
นี่มันปลอดภัยไหมคับ หรือต้องไปปรับแก้ไขตามขนาดล้อด้วย
โช็คอัฟนี่แค่หนืดขึ้นก็ดีแล้วใช่ไหมคับ

ขอบคุณคับ  ;D

ปลอดภัยในแง่ไหนครับ?

การปรับแต่งรถจริงๆ ควรปรับแต่งเพื่อแก้บุคลิกลักษณะของรถเดิมๆ(stock) เพื่อให้เข้ากับตัวคนขับ ว่าขับแบบไหน?

การเปลี่ยนหน้ายางให้กว้างขึ้นมีทั้งข้อดี-ข้อเสีย
ข้อดีคือ
1. รถมี mechanical grip สูงขึ้น เกาะถนนแห้งดีขึ้น ถนนเปียกด้อยลง(ว่ากันไปตามสภาพของวัสดุที่ผลิต และการออกแบบร่องรีดน้ำ) เพราะเกิด hydroplaning (การเหินน้ำ)ได้ง่ายกว่าเดิม
2. การตอบสนองของพวงมาลัยไวขึ้น (อันนี้เป็นได้ทั้งดีและเสียขึ้นอยู่กับว่ารถเดิมๆ เป็นยังงัย)
3. อย่างกรณีขนาดล้อที่คุณยกตัวอย่าง คือเปลี่ยนจาก 205/55/16 ไปเป็น 215/45/17 แบบนี้ทางเทคนิคเราเรียกว่า inch up คือการเพิ่มสมรรถนะโดยการลดการให้ตัวของแก้มยางลงโดยเพิ่มขนาดของล้อและความกว้างของหน้ายาง สังเกตจาก profile แก้มยางลดลงจาก 55 เหลือ 45 การเข้าโค้งจะดีขึ้นจากเหตุผลสองประการคือ grip มากกว่าเดิม และรถให้ตัวน้อยลง
ข้อเสียคือ
1. น้ำหนักเพิ่มขึ้น แรงเสียดทานเพิ่มขึ้น กินน้ำมันมากขึ้น พวงมาลัยหนักขึ้น(บางกรณีเป็นข้อดีสำหรับคนชอบพวงมาลัยหนัก) รถซับแรงสะเทือนน้อยลง ภาระช่วงล่างมากกว่าเดิม(อายุการใช้งานสั้นลง)
2. ลำบากในการควบคุมกรณีพวงมาลัยระยะฟรีน้อย อัตราทดต่ำ เพราะมันจะไวกว่าเดิม ถ้าไม่มีการชดเชยเรื่องของมุมล้อ เช่น toe caster camber
3. เกิดการเหินน้ำง่ายขึ้นจากที่ได้กล่าวไปแล้ว
4. top speed ลดลง

จะเห็นได้ว่าการใช้ยางหน้ากว้างมีผลดี ผลเสีย จริงๆ มีอีกแต่ขี้เกียจพิมสงสัยตรงไหนให้ถามเพิ่มหรือสามารถค้นหาเองเพิ่มเติมได้
การชดเชยมุมล้อจากการเปลี่ยนหน้ายาง เช่น มุม toe มีผลต่อการกินยาง และ under/over steer ของรถ, มุม caster ถ้าบวกมากรถวิ่งทางตรงเร็วๆ นิ่งขึ้น พวงมาลัยหนักขึ้น under steer มากกว่าเดิม, มุม camber กรณีเปลี่ยนหน้ายางให้กว้างไม่ค่อยชดเชยด้วยมุมนี้ แต่ถ้า - มากๆ จะขับยากในทางตรง

รถที่เป็น FF FR โดยธรรมชาติจะ under steer ในจังหวะ turn-in อยู่แล้วยิ่งมาเร็วๆ ไม่ต้องพูด แหกโค้งแน่นอน เพราะเครื่องยนต์วางหน้า
ส่วนจังหวะ exit (ส่งคันเร่ง) จะต่างกันเพราะระบบขับเคลื่อน ถ้าเข้าโค้งตามหลักเลย FF จะมีโอกาสเกิด under ช่วงออกโค้ง ส่วน FR จะ over ช่วงออกโค้ง

อีกเรื่องคือแรงดันลมยางต้องเหมาะสม สำคัญมากกกกกกกก อ่อ แล้วขนาดล้อที่คุณยกตัวอย่างมา มันทำให้ไมล์เพี้ยนนะครับ (อ่อนลง)

ออฟไลน์ Whisky

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 48
Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
« ตอบกลับ #41 เมื่อ: มีนาคม 09, 2013, 09:30:25 »
อ่อ เรื่องมุมล้อ ลืมบอกไปว่า รถบ้านๆ ส่วนใหญ่จะปรับได้แค่ toe น้อยมากที่จะปรับ camber ได้ ส่วน caster จะfix
ถ้าจะปรับได้ต้องซื้อชุดปรับจากพวก aftermarket ทั้งหลาย

ส่วนเรื่องความหนืดลืมตอบ จะให้ตอบก็อีกยาวเลย เพราะต้องอธิบายเรื่อง bump/rebound stroke อีก ขึ้นกับว่าคุณไปทำให้มันหนืดแบบไหนมา(เปลี่ยนน้ำมัน ปรับแรงดันแก๊ส หรือ revalve?) เรื่องโช๊คนี่มันละเอียดอ่อนมาก เอาเป็นว่ามันมีเรื่องของการได้อย่างเสียอย่าง(trade-off) จากการที่โช๊คหนืดขึ้นครับ เอาเป็นว่าไม่สามารถสรุปได้ละกันนะครับ ว่าหนืดขึ้นแล้วดี ต้องว่าเป็นกรณีไปครับ แต่ควรสัมพันธ์กับ spring rate ที่ใช้ด้วย

ออฟไลน์ chat120912

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 190
Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
« ตอบกลับ #42 เมื่อ: มีนาคม 09, 2013, 11:21:37 »
ขอบคุณมากๆเลยคับพี่วิสกี้ คำตอบชัดเจนมาก

ผมรู้ว่าทุกอย่างมีได้มาแล้วมันก้อต้องมีเสียไปมันเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ผมไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นคืออะไร

ตอนนี่ผมรู้แล้วว่าควรศึกษามันอย่างไร

ขอบคุณคับพี่ที่ให้ทานความรู้  :D
" My strength is you. "

ออฟไลน์ YF-19

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 974
Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
« ตอบกลับ #43 เมื่อ: มีนาคม 09, 2013, 11:31:47 »
ถ้าคุณหาที่แต่งแล้วจบได้ ก็เป็นทางเลือกที่ดี และจ่ายน้อยกว่าครับ

แต่...... การหาที่แต่งแล้วจบง่ายๆ แค่จ่ายเงิน มันยากครับ แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปทำหนสองหนแล้วไม่ต้องแก้งาน

นอกจากนั้นสิ่งที่ตามมาคือ สมดุลครับ เป็นสิ่งทีคุณหาได้ยาก จากรถแต่งครับ ของดีแต่ไม่เข้ากันมีเยอะแยะครับ

สุดท้ายคือ ความทนทานครับ สู้รถเดิมๆโรงงานไม่ได้ครับ

เงินถึง เล่นรถที่ดีจากโรงงานดีกว่าครับ ปรับแต่งอีกเล็กน้อย ได้อย่างใจกว่ามากครับ "พื้นฐานดี มีชััยไปกว่าครึ่งครับ"

"จ่ายน้อย ได้มาก ทนทาน ประหยัด" เป็นสิ่งที่ไม่มีจริง ในวงการรถยนต์ครับ ;D ;D ;D
รีวิว "VW scirocco" กำลังจะมาครับ ขอเวลาอีกนิด

รีวิว "Hyundai coupe" ของผมเอง ติชมได้ตลอดครับ
http://www.headlightmag.com/webboard/index.php?topic=3731.0

ออฟไลน์ Whisky

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 48
Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
« ตอบกลับ #44 เมื่อ: มีนาคม 09, 2013, 12:33:29 »
ถ้าคุณหาที่แต่งแล้วจบได้ ก็เป็นทางเลือกที่ดี และจ่ายน้อยกว่าครับ

แต่...... การหาที่แต่งแล้วจบง่ายๆ แค่จ่ายเงิน มันยากครับ แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปทำหนสองหนแล้วไม่ต้องแก้งาน

นอกจากนั้นสิ่งที่ตามมาคือ สมดุลครับ เป็นสิ่งทีคุณหาได้ยาก จากรถแต่งครับ ของดีแต่ไม่เข้ากันมีเยอะแยะครับ

สุดท้ายคือ ความทนทานครับ สู้รถเดิมๆโรงงานไม่ได้ครับ

เงินถึง เล่นรถที่ดีจากโรงงานดีกว่าครับ ปรับแต่งอีกเล็กน้อย ได้อย่างใจกว่ามากครับ "พื้นฐานดี มีชััยไปกว่าครึ่งครับ"

"จ่ายน้อย ได้มาก ทนทาน ประหยัด" เป็นสิ่งที่ไม่มีจริง ในวงการรถยนต์ครับ ;D ;D ;D

ผมเห็นด้วยกับคุณ YF-19 แต่แนวโน้มการ tuning หรือ modified ในบ้านเราดีขึ้นเรื่อยๆครับ ซึ่งผมมองว่าเป็นเรื่องดี