ก่อนจะมาเป็นคันนี้ ความคิดแปลกๆมันก็เข้ามาให้หัวหลังจากที่ซื้อ Jazz JP ตัวนำเข้าพิเศษจาก Honda Thailand มาแล้ว
ก็เกิดเหตุไม่คาดคิดกับ Honda Freed SE อีกคันนึงเพราะพี่สาวผมได้ยึดรถไปเป็นที่เรียบร้อย แบบผมเองยังงง.. ว่าเออ เขาซื้อมาใช้ด้วยกันอ่ะน่ะ
แต่เหนือสิ่งอื่นใด Jazz ที่ประจำการมันดูเล็กไปเมื่อถึงวันที่ตัวเล็ก 9 เดือนเริ่มอยากรู้เรื่องภายนอกบ้านก็ถึงเวลา หารถคันใหม่ที่พอจะหอบคนที่บ้าน
อย่างน้อยก็ 5 คน พร้อมสัมภารก อีกพอสมควรเพื่อนเดินทางไปไหนต่อไหน ทั้งใกล้ๆ (กทม.) หรือไกลๆ (เชียงใหม่ ภูเก็ต) เป็นตน
มาถึงผู้เข้ารอบแรก และรอบสุดท้าย กับงบที่ตั้งไว้ 2 ล้านไม่เกินนี้ (เงินดาว์ รวมประกันต้องไม่ถึง 1 ล้าน ที่เหลือ เข้าไฟแนนท์)
คันแรกมาแรงมากๆ Honda SpetWagon SPADA 2.0 MC (2013) ราคา 1.899 กับ 1.959 ล้านบาท
http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=3944:%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A-Honda-STEPWGN-SPADA-2-0-CVT&catid=72:midsize-mini-van&Itemid=91คันที่สอง มาแบบว่าได้ยินว่าลดมากและยังมีเหลือ Honda Odyssey 2.4 JP (2012) ราคา 2.557 ล้านบาท ส่วนลดพิเศษ เหลือ 1.9X ล้านบาท
(ลบ Link ออกให้แล้วครับ เพราะมันเป็น Link ของ Pantip เขา เรามีกฎเราอยู่ครับว่าห้ามโพสต์<--- J!MMY)จุดที่เลือก Honda Odyssey เพราะ
- นั่งได้ 5 คนโดยที่ยังมีที่ข้างหลังไว้ขนของ (กระเป๋าเสื้อผ้า รถเข่น ของที่ร้าน)
- ต้องการรถไซท์ D Seg เพราะติดกับ Teana 2.5VX J32 คันเก่าที่ขับระหว่างจังหวัดสบายกว่า B Seg (Jazz JP) เดิมที่ใช้อยู่ และ C Seg (Sylphy 1.8V) ที่มีก็ยังไม่ได้
- รถวิ่งไม่ไกลแค่ กทม. ชลบุรี แต่ ขึ้นด่านบูรพาวิธี ต่อวงแหวนบางนา-สุขสวัสดิ์ เป็นทางสูงยาวๆ รถไม่ติด แต่วิ่งได้แค่ 120 ไม่เกินนี้เด็ดขาด (เพราะมีกล่องจับ)
- ราคาที่มีส่วนลดถึง 600,000 ที่ผมได้มา เมื่อเทียบกับศูนย์อื่นก็ถือว่าเหมือนได้ประกันฟรี และจองในช่วงงานได้ Ultimate Care เพิ่มเป็น 5 ปี 140,000 กม.
สำหรับคันนี้ ถือว่าเป็น Odyssey MC แล้วเพราะรหัสตัวถังคือ RB3 ซึ่งเป็นตัวถัง ขับเครื่อน 2 ล้อ ถ้าเป็น 4 ล้อจะเป็น RB4
และตัวที่คุณจิมมี่รีวิวไว้ก็คือตัวถัง RB1 ครับ ดูแล้วอายุตัวถังนี้นานทีเดียวกว่าจะปลดประจำการโดยในรุ่น MC เท่าที่จำได้ ออกมาช่วงปลายปี 2009 - ปลายปี 2014
และถ้าจำไม่ผิด RB1,2 ออกมาช่วงกลางปี 2004 เพราะ Honda Thailand เอาเข้ามาปลายปีนั้นโดยตั้งราคาไว้ที่ 2.79 ล้านบาท ซึ่งไม่รู้ส่วนลดตอนนั้นเท่าไหร่
มาดูที่รถกันดีกว่า ประตูฝั่งคนขับเปิดได้กว้าง ตัวรถสูงกว่า Accord นิดหน่อย คือ สูงเท่า Jazz เลยล่ะครับ ฉะนั้นสำหรับผมมันคือ Jazz ที่ยาวขึ้น เมตรหน่อย
และกว้างขึ้น 10 ซม. เป็นไงจำง่ายดีเนอะ Odyssey (ย 4800 x ก 1800 x ส 1545 x ฐ 2830) Jazz ( 3915 x 1695 x 1525 x 2500 ) เห็นไหมว่าเหมือนขนาดไหน
ถ้าเอาไปเทียบกับ Accord G9 ( 4870 x 1850 x 1465 x 2775 ) จะเห็นว่ามันเล็กกว่าด้วย แต่สูง และมีฐานล้อที่ยาวกว่าเท่านั้น
เบาะคนขับปรับระดับสูงต่ำได้ด้วยก้านโยก ซึ่งตัวเก่าให้ปรับไฟฟ้ามา ส่วนตัวเบาะก็เป็นผ้า แต่ตัวเก่าเป็นหนัง มันช่างลดต้นทุนอะไรขนาดนี้ แต่ไม่เป็นไร
เบาะผ้าที่ให้มาเป็นแบบหน้านุ่ม ไม่อมฝุ่นเท่าไหร่ สามารถถอดซักได้เลยเบาในได้หน่อยสำหรับแถว 2 , 3 ที่น่าจะเลอะบ่อยสุด
และเปลี่ยนที่พิงศรีษะใหม่ดูแล้วบางลงกว่าก่อน MC และเอนมาข้างหน้าแต่ใช้แล้วไม่ดันหัวเท่าไหร่และใหญ่รับดี ความสูงปรับได้ 4 ระดับ
สำหรับที่ประตูก็มีจุดให้ชมน่ะครับอย่างน้อยก็ให้ไฟส่องพื้นมาให้ และที่ท้าวแขนบุผ้าไว้วางแขนพอดีๆ
และที่ดูเหมือน Jazz ยังเข้าไปอีก็คือ นี้ครับ กุญแจรถ แบบ Im พร้อมกันขโมย หน้าตามัน เหมือนของ Jazz เลย (เอาไปอวดใครได้นี้รถราคา 2 ล้านกุญแจแบบ..)
ส่วนฝั่งคนนั่งข้างเบาะปรับได้แค่เอนครับ ไม่มีไฟฟ้าให้ใช้ ซึ่งเหมือนกันตัวก่อน MC
ระหว่างเบาะมีที่ท้าวแขนแนบข้างเบาะให้ปรับระดับได้ 4 ระดับตามต้องการ ถือว่าช่วยคลายความเมื่อยในการเดินทางได้ดี (นึกถึง Civic ES )
สำหรับแถว 2 ประตูเปิดได้กว้างเกือบ 90' เบาะแถว 2 เป็นแบบ 60:40 โดยเลือนเข้าออกได้เป็นชุดๆ ปรับเอาหลังได้ หรือพับราบมาด้านหน้าก็ได้
พร้อมที่วางแขนตรงกลางพับมาจะพบกับที่วางแก้วน้ำ กับวางของเล็กๆน้อยๆ ได้อีกหน่อย และไม่หล่นแผละมาแบบตัวก่อน MC น่ะครับ
สำหรับการเปลี่ยนแปลงคือ ที่พับเบาะ จากอยู่ด้านบนข้างเบาะย้ายลงมาใกล้ๆกับที่ปรับเอนเบาะแล้ว ช่วยให้แถว 2 พับเบาะได้ง่ายขึ้นก่อนก่อน
ส่วนแผงประตูก็มีการเปลี่ยนแปลงแบบยกแผงใหม่ โดยทำที่จับใหม่ในสะดวกขึ้น เพิ่มที่เก็บของตรงกลาง และปรับที่เก็บด้านล่างให้ใหญ่ขึ้น
ตัวเบาะแถว 2 ก็เปลี่ยนไปพอสมควรทั้งรูปแบบเบาะนั่ง และพนักพิง และพนักพิงศรีษะที่ออกแบบมาเต็มใบดี
สำหรับการเข้าสู่แถว 3 ก็ต้องปรับเลื่อนแถว 2 ไปด้านหน้า และพับลงก็จะมีทางเข้าแถว 3 ได้แบบพอดีๆ
แถวที่ 3 เป็นแบบ 2 ที่นั่ง ตัวเบาะและพนักพิง ขนาดพอๆกันเพราะต้องเอาไว้พับเก็บที่หลังรถได้ เลยมีหน้าตาเหมือนจะบางๆ แต่จริงๆแล้ว
ฟองน้ำแน่นกำลังดี นั่งแล้วไม่เมื่อยแน่ๆ เพียงแค่มันแบนราบไปหน่อยเท่านั้นเองสำหรับผมที่สูง 171 เข้าไปนั่งได้สบายๆ
สำหรับที่วางเท้าถ้าเป็นปกติที่แถว 2 ถอยมาสุดๆ ก็จะได้ประมาณนี้คือ วางเท่าได้ เขาไม่ติดเบาะ เอาเท้าสอดได้
แต่ถ้าแถว 2 มีความเมตตาซัก 10 ซม. ก็จะได้ประมาณนี้ คือจะบอกว่ามันรู้สึกเหมือนนั่งอยู่เบาะหลัง Jazz คันเก่าประมาณนั่นน่ะครับ
และพื้นที่เหนือศรีษะเหมือนจะพอๆกัน ความโปรงจากกระจกบานใหญ่ด้านข้างก็ช่วยให้ไม่อึดอัด โดยด้านขวาจะมีเสาอากาศฝั่งอยู่ด้วย
และที่วางแขนก็มีช่องวางแก้วกับวางของได้นิดหน่อย สำหรับความเย็นก็ไม่ต้องกลัว ทุกตำแหน่งมีแอร์เดินกลางหลังคามาให้ครบทุกที่นั่ง โดยปรับ
อุณหภูมิ และพัดลมได้จากแถว 2 หรือจากคอนโทลแอร์ด้านหน้าก็ทำได้
แถว 2 ถือเป็นที่เประจำของลูกคนโตสำหรับรับส่งเรียนหนังสือ หรือเข้ากรุงเทพฯ เพราะเบาะเป็นแบบ 3 ที่นั่งเต็มก้นผ้านุ่มพองน้ำไม่แน่นมาก
นั่งสบายก้นปรับเอนได้ตามที่ต้องการ กับก้านปรับระดับด้านข้างทั้งสอง เพิ่มความสบายในการเดินทางเป็นพิเศษ และยังสามารถปรับเลื่อนขึ้นหน้า
หรือถอยหลังก็ได้ตามต้องการ
มาที่ด้านหลังเริ่มจากด้านบนไฟเบรคดวงที่ 3 แบบ LED (กำลังรอสปอยเลอร์หลังของ Modulo ที่สั่งไปอยู่) ด้านซ้ายมีหัวฉีดน้ำ
ลงมาเป็นแถบโครมเมียมยาวโดยที่ด้านล่าง จะมีปุ่มเปิดฝากระโปรงหลังแบบไฟฟ้า ขนาบด้วยไฟส่องสหกรณ์ของฮอนด้า
ด้านข้างซ้ายจะพบเจอกับกล่องส่องด้านหลังซึ่งเหมือนติดในไทย ไม่ค่อยเนียรดูไม่เหมือนติดมาจากญี่ปุ่นเลย
ถัดลงมาเป็นที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนขนาดปกติ แต่ออกจะกว้างเพื่อรองรับป้ายแบบยาวได้ ส่วนไฟท้ายจะเป็นแบบใส แดง
โดยไฟเบรคเป็น LED ที่ดูทันสมัย แต่ไฟเลี้ยวและไฟถ่อยเป็นหลอดไฟปกติธรรมดา
ด้านซ้ายจะมีป้ายบอกชื่อรุ่น Odyssey ให้คนที่สงสัยว่าฮอนด้านอะไรไม่เคยเห็นรู้ (จริงน่ะ ถามหลายคนแล้วว่ารุ่นอะไร)
ส่วนกันชนหลังขนาดใหญ่มาก ไปถึงด้านข้างมีไฟระวัง ทับทิมแดงให้ผู้ตามหลังทราบ ส่วนที่ดูสปอร์ทมากคือท่อไอเสียออกคู่
เปิดฝาหลังขึ้นมาด้วยปุ้มเปิดด้านบนป้ายทะเบียน แค่คริกโช้คฝากระโปรงก็ทำหน้าที่ค่อยๆเปิดประตูท้ายอย่างนุ่มนวล
ให้พบที่เก็นสัมภาระหน้าตาเป็นหลุมขนาดค่อนข้างใหญ่พอสมควร ข้างขวามีที่เก็นของแบบมีผาปิดอยู่ด้านล่าง ส่วนด้านบนมีที่เก็บให้อีกหน่อย
เลยขึ้นมาจะพบกับไฟส่องห้องเก็บของขนาดย่อมๆ และขึ้นมาอีกนิดจะพบปุ่มพับ และกางเบาะแถว 3 แบบไฟฟ้าซึ่งถือเป็นจุดขายของรุ่นนี้กันเลยที่เดียว
ส่วนข้างขวามีที่เก็บของอีกหน่อย และถัดลงมามีช่องอากาศสำหรับระบายออกสู่ภายนอก
ด้านล่างเป็นที่เก็บยางอะไหล่ ที่มีขนาดใหญ่พอสมควรพร้อมเครื่องมือสำหรับทำกิจแบบครบๆ
สำหรับการพับเบาะแถว 3 ลงที่เก็บนั้นก็ไม่มีอะไรมาก แค่ทำตามวิธีที่ทางญี่ปุ่นบอกมาก 2 ขั้นตอนเอง ง่ายไหม
เริ่มจากดึงตัวพับเบาะทั้งซ้าย และขวา ตัวพนักก็จะทำการพับลงไปกับเบาะนั่งอย่างรวดเร็วพอเสร็จจากขั้นตอนแรก
ก็กดสวิทต์รูปพับเบาะค้างไว้ (เกียร์ต้องอยู่ในตำแหน่ง P เท่านั้น) ตัวชุดเบาะแถว 3 ก็จะทำการเงยพับลงอย่างนุ่มนวลพร้อมปลายปิดอย่างเรียบร้อย
ก็จะได้พื้นที่เก็บของที่สูงขึ้นหน่อย (เท่าขอบทางเข้าประตูหลัง) แต่ความยาวสะใจในการขนของ ไม่ว่าจะวางถุงกอล์ฟ หรือกล่องใบใหญ่ๆ สบายๆครับ
หรือไม่พอจะพับเบาะแถว 2 ลงแบนราบอีกหน่อยก็ได้ ถึงแม้มันจะไม่ราบแบบระดับเดียวกันก็เถอะ แต่ใสเรือพายได้ทั้งลำเลยน่ะครับ (พอดีมีเรือแต่ไม่มีแรงยก)
มาดูด้านหน้ากันดีกว่าการจัดวางคอลโซนหน้าผมอยากบอกเลยว่ามันดูอวกาศดี แต่อารมณ์มันก็คล้ายๆ Jazz เหมือนกันน่ะครับ (หรือว่ามันจะเป็นพี่น้องกัน)
รูปแบบตัววี ไม่มีคอลโซลกลางคั้นกลางเลื่อนคันเกียร์ไปไว้ด้านบนเพื่อเปิดพื้นที่ในการเชื่อมถึงกันระหว่างคนนั่งหน้า
ส่วนทางเชื่อมด้านหลังก็มีที่เก็บของแบบ CRV รุ่นก่อน แบบพับเก็บได้มาให้พอเก็บของได้บ้าง อย่างที่วางแก้วน้ำให้ 2 ใบแต่ถ้าให้ดี เอาแบบ Jazz ที่อยู่ตรงช่องแอร์ดีกว่าไหม
คอลโซลออกแบบเป็นระดับ ด้านบนสุดจัดสีดำเพื่อไม่ให้สะท้อนแสงเข้าตาเวลาขับกลางแดด ซึ่งพื้นที่ด้านบนนั้นมันขนาดใหญ่มาก
แถว 2 จะเป็นส่วนที่แสดงผลและ ระบบควบคุมการทำงานต่าง ทั้งแอร์ หน้าปัดวิทยุ และหน้าปัดวัดรอบต่าง
แถว 3 จะใช้สีครีมเพื่อทำให้ดูสว่างตาขึ้นเป็นที่อยู่ของที่เก็บของต่างๆ
ย้ายมาดูตำแหน่งคนขับดีกว่า อย่างแรกเลยเบาะนั่งที่ทำจากผ้าไม่ว่าแดดจะร้อนหรืออากาศจะเย็นแค่ไหนมันก็มอบความสบายให้คนนั่งได้ทุกสภาวะอากาศ
ถึงแม้ข้างนอกจะ 16' หรือ 38' เบาะผ้าก็ไม่ทำให้คุณหนาวต. หรือต. พองครับ ถึงแม้มันจะปรับได้แค่สูงต่ำเท่านั้นก็เถอะ
พวงมาลัยแบบ 3 ก้านขนาดเท่าๆ Accord หุ้มหนังให้ขนาดพอเหมาะ แต่ผมว่าห้าอวบกว่านี้หน่อยจะแจ้วเลย และตรงที่จับถ้าเป็นหนังรูเหมือน Jazz JP ก็จะดี
สำหรับผมที่มีเหงื่อออกมือค้อนข้างเยอะ พวงมาลัยมีสวิทย์ Criuse Control ให้อยู่ทางด้านขวา แต่ทางด้านซ้ายที่หายไปคือสวิทย์ควบคุมเครื่องเสียง
ที่คงต้องหามาติดตั้งเพิ่มเพราะเครื่องเสียงที่ให้มาแบบสัมพัสต้องเอื้อมมือไปไกลพอสมควรในการจะทำอะไรกะมันซักกะอย่าง
ยังดีที่พวงมาลัยชุดนี้ปรับสูงต่ำ ใกล้ไกลได้เหมือนฮอนด้านทั่วๆ แต่ที่พิเศษคือด้านหลังตรงคอมีการหุ้มหนังบังส่วนที่อยู่ข้างในให้ด้วย ซึ่งถือว่าเก็บงานเนียบมาก
หน้าปัดเป็นแบบวงกลมตรงกลางบอกความเร็วตั้งแต่ 0 ถึง 220 กม. ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นชุดสำหรับส่งขายออสเตเลีย
ด้านซ้าย ไฟบอกตำแหน่งเกียร์แบบระดับทุกตำแหน่ง วงนอกสุดเป็นวัดรอบโดยขีดแดงเริ่มที่ 6,700 รอบ/ นาที
ด้านขวาบนเป็นมาตรวัดความร้อนที่มีอยู่ในรุ่นใหญ่ๆ (แต่ใน New Odyssey ไม่มีให้แล้วน่ะ) ด้านล่างเป็นระดับน้ำมันโดยความจุถังที่ 60 ลิตร
ส่วนหน้าจอตรงกลางวัดความเร็วเป็นตัวบอกค่าต่างในการใช้ง่าย เช่น Trip A, B อัตราสิ้นเปลือง ระยะทางที่จะไปถึง อุณหภูมิภายนอก เป็นต้น
ตรงคอพวงมาลัยด้านขวาจะเป็นก้านไฟต่างๆ (ไฟหน้าไม่ออโต้) รุ่นนี้ไม่มีสวิทย์ไฟตัดหมอกให้ตามสเป็กที่ถูกตัดทิ้ง เพราะได้กันชนหน้าแบบนี้ไงเลยไม่มีติดให้
ด้านซ้ายเป็นที่ปัดน้ำฝน แบบตั้งหน่วงได้ (ไม่ Auto) ที่ปัดกระจกหลังก็อยู่ตรงนี้ด้วย
ถังจากหน้าปัดลงมาด้านขวา มีปุ่มรักโลก (สีเขียว) ECON ให้กดเล่นเพื่อลดกำลังและทำให้เครื่องอืดขึ้นหน่อย ส่วนว่างๆด้านขวา ถ้าเป็นที่อื่นจะเป็นปุ่มปิด
ระบบ VSC และที่ฉีดล้างโคมไฟหน้า (ที่อื่นนี้ ทั้ง สิงค์โปร์ ออสเตเลียมีหมด)
ส่วนแผงควบคุมตรงกลาง จากด้านบนจะพบกับวิทยุ DVD พร้อมระบบ NAV ที่เห็นได้ใน Honda หลายๆรุ่นครับ เชื่อมต่อ BT ได้ มีช่อง SD Card ให้ด้วย
ถัดลงมามีสวิทย์ไฟฉุกเฉินสีแดงตรงกลางขนาดใหญ่เอาไว้แย้งกันกด และถือว่าว่างตำแหน่งได้ดี
ถังลงมาจะเจอชุดควบคุมระบบแอร์ที่ควบคุมได้ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง แต่ไม่มีแยกซ้าย ขวาให้น่ะครับ แต่ในญุ่ปุ่นมีรุ่นที่ปรับได้ด้วยไม่รู้ว่าจะเอามาเปลี่ยนได้ไหม
ถัดลงมาอีกเป็นที่เก็บของขนาดย่อมๆ เอาไว้วางมือถือหรือกระเป๋าเงินก็ได้ ทางด้านขวาจะเป็นที่อยู่ของคันเกียร์ออโต้แบบรางซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของพี่ฮอนเขาล่ะ
โดยเป็นแบบ Automatic 5 speed พร้อมปุ่ม OD โดยมีตำแหน่งเกียร์ P R N D 2 1 ซึ่งดูแล้วก็น่ะ ไม่มี S ที่จะสามารถเปลี่ยนต่ำแหน่งเกียร์ได้ที่ Pad ship หลังพวงมาลัย
สำหรับความบันเทิงที่มีให้เป็นจอ 5.8" ระบบสัมผัส รองรับ CD MP3 DVD และมีระบบ Navigator ใช้ระบบนำทางของ Garmin ที่ใช้งานได้ง่ายพอสมควร
แต่ปกติผมจะเชื่อมต่อผ่าน USB ให้เครื่อง iPhone เป็นตัวเล่นเพลง ส่วนเสียงที่ออกมาจากลำโพง 6 ตัวถือว่าดีในระดับนึง เพราะทวีเตอร์ยกขึ้นมาติดที่เสา A
ส่วนลำโพงเสียงเบสอยู่ที่ประตูในตำแหน่งปกติ เสียงเบสค่อนข้างจะลงต่ำดีแต่เสียงต่ำยังออกบวมๆอยู่บ้าง ถ้าให้ดีคงต้องเปลี่ยนคู่หน้าให้ดีขึ้นน่าจะเพียงพอ
บนเพดานมีไฟส่อง และไมล์รับเสียงสำหรับระบบโทรศัพท์ (แต่ไม่มีปุ่มรับ และวางสายให้ที่พวงมาลัยซักนิด) อ่อตรงกลางมีไฟ LED สีฟ้าส่องลงมาตอนกลางคืนให้ด้วย
และกระจกมองหลังเป็นแบบธรรมดา และปรับตัดแสงโดยใช้มือ ไม่มีระบบตัดแสงออโตให้ใช้ และไม่มีให้สั่งติดด้วย คงต้องไปหยิบของ Accord มาใส่แทนแล้วล่ะ
สำหรับแผงบังแสงทั้ง 2 อันด้านบนทำจากวัสดุอย่างดีเหมือนผ้า เปิดมามีกระจกส่งหน้าให้พร้อมกับไฟส่องแต่งหน้าครบทั้ง 2 อัน
ส่วนที่เก็บของด้านคนนั่งข้างขนาดดูเหมือนว่าจะใหญ่แต่เปิดมาทำให้อึ้งนิดนึงว่ามันต่างจากของ Jazz ตรงไหนหว่า ขนาดเป็นสมุดคู่มือที่เป็นหนังของ Accord
ให้ไม่ได้ก็แล้วกัน ต้องไปหยิบแบบที่เป็นผ้าของ Jazz มาใส่แทนถึงจะดูดีขึ้นมาหน่อย ส่วนสมุดหนัง คงเอาไปให้ Jazz แทน
มาดูที่พื้นบ้าง เบรคมือย้ายเป็นเบรคเท้าเหมือนรถ D Seg รุ่นอื่น คันเร่งและคันเบรคอยู่ในตำแหน่งที่สูงไปนิด แต่ได้พรมที่หนาและนุ่มมากมาให้ทั้งคัน
กระทู้เต็มต่อด้านล่างน่ะครับ Part2