ผู้เขียน หัวข้อ: คิดว่าอีกกี่ปีบ้านเราจะมีเครื่องยนต์ดีเซลในรถเก๋งเป็นมาตรฐานครับ  (อ่าน 6626 ครั้ง)

ออฟไลน์ ซิ่งเข้าส้วม

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,150
ผมเห็นรถยุโรปหลายยี่ห้อนำเอาเครื่องดีเซลมาใส่รถเก๋งทำให้ประหยัดน้ำมันขึ้นมากและเครื่องก็แรงด้วย

อย่าง Mazda 2 ตัวใหม่ผมชอบมากเวลาเร่งแซงไม่ต้องลุ้นเลย แซงได้ง่ายๆ แถมประหยัดน้ำมันกว่า Eco car อีกต่างหาก

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมืองไทยจะมีรถแบบนี้เพิ่มมากขึ้นครับ เพื่อนๆ คิดว่าอีกกี่ปีประเทศไทยถึงจะเอาเทคโนโลยีแบบนี้เข้ามาไทยจนเป็นมาตรฐานครับ

ออฟไลน์ O_o"

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,328
ตอนนี้กระแสเริ่มจะเปลี่ยนจากเก๋งเครื่องดีเซล มาเป็น เบนซินความจุ 1.0-1.5 ลิตร ฉีดตรง + เทอร์โบ  ให้ความประหยัดต่างกัน 10-20 % แต่ขับสนุกต่างกันเยอะ

เอาเครื่องดีเซลมาขาย ในรถนั่งก็มีให้เห็นมาหลายรุ่นแล้วครับ ยอดขายก็อย่างที่เห็นๆกัน มีทั้งเสียงชม เสียงบ่น ถึงเอามาขายได้ แต่จะขายได้รึเปล่า มาในตัวท็อปทั้งนั้น

คงต้องอยู่ที่ยี่ห้อเจ้าตลาดจะเดินเกม เอาเครื่องดีเซลลงมาเมื่อไหร แต่เท่าที่เห็นยอดขายเครื่องเบนซินในบัจจุบันนี้ คงต้องบอกว่ายังไม่จำเป็นในตอนนี้ ที่จะเอาดีเซลมาขาย

ตอนนี้เห็นมีแต่มวยรองทั้งนั้นที่เอาเครื่องดีเซลมาขายในรถนั่ง ยังทำอะไรยอดขายไม่ได้ตรงเป้ามากนัก  ตลาดรถในเมืองไทย แปลกกว่าที่อื่นๆมากครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 22, 2015, 12:46:57 โดย O_o" »

ออฟไลน์ leenawat_sri

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 189
อ้าว..แล้วจะให่ ขายเบนซินใครล่ะคับ
ผมคิดว่า   ไม่มีวันนั้นหรอกคับ

เคยถามตัวเองแบบ จขกท. เมื่อ10กว่าปีที่แล้ว

ทุดวันนี้ d segment ญี่ปุ่น ยังไม่มีจ้าวไหนทำเลย

......มีแต่หันไปทำไฮบริด...กำไรคงเยอะกว่า..ที่จะมาทางดีเซลเทอโบมั้งคับ

ออฟไลน์ localgame

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,592
เครื่องดีเซลต้นทุนมันแพงครับ แค่ค่าเครื่องยนตร์เปล่าๆก็แพงกว่ากันแล้ว ไหนจะเทอโบอีก แถมมีคนที่ไม่ชอบดีเซลเลยก็มี หาว่าดังแบบรถกระบะมั่ง ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ดังอะไร

ขนาดนั้น อยู่ภายในรถนี่เงียบไม่ได้ยินเสียงเครื่องเลย  :D ยังไงความคุ้มค่าต่อเงินที่เสียไปแล้ว เบนซิลก็คุ้มกว่าอยู่แล้ว กินน้ำมันมากกว่านิดหน่อย 10-20%

แต่ราคาเริ่มต้นถูกกว่าเป็นแสนไม่มีความจำเป็นต้องเอาดีเซลมาขายเลยครับ คนที่จะซื้อดีเซลนี่ต้องอารมณ์เหนือเหตุผลล้วนๆ

ออฟไลน์ U9WS

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,180
  • slower is better
ภาษี co2 หน้าโรงงานที่จะใช้ปีหน้ามันยังไม่พอ ต้องเก็บภาษีประจำปีตาม co2 แบบอังกฤษครับ
แล้วคนใช้รถเค้าจะหาซื้อคันที่ทำให้เค้าจ่ายภาษีถูกเอง

เก๋งดีเซลและเบนซินเทอร์โบฉีดตรงถึงเป็นที่นิยมครับ


ออฟไลน์ g_abac

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 315
    • อีเมล์
ถ้าราคาน้ำมันกลับไปเป็นแบบเมื่อก่อน ที่ตรึงราคาดีเซล อาจจะมีสิทธิ์ แต่ ณ ราคาปัจจุบัน คงยากครับ
2008  Lexus IS250 Premium
2014  E300 Bluetec Hybrid AMG (W212)
2015  ActiveHybrid 5 M Sport (F10 LCI)
2020  E220d Sport (W213)
2020  X5 xDrive 30d M Sport (G05)

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,620
เป็นเรื่องฝันเอาครับ  ถ้าคิดจะเห็นแบบนั้น      ไม่ทราบว่าจขกท  อยากเห็นเก๋งดีเซลเป็มาตรฐานไปทำไม    เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้  
ประเทศที่นิยมเก๋งดีเซล  ส่วนมากก็จะมีเฉพาะโซนยุโรปเท่านั้น     และส่วนใหญ่เป็นรถเกียร์ธรรมดา
ถ้าขายโซนทวีปอื่น ๆ  จะเป็นเครื่องเบนซินเป็นหลัก   ไม่ใช่ดีเซลโดยเฉพาะทางฝั่งเอเชียแทบจะไม่มีเก๋งดีเซลเลยยกเว้นรถนำเข้า
ราคาน้ำมันส่วนใหญ่ในโลกนี้เบนซินกับดีเซลจะใกล้เคียงกัน   บางประเทศดีเซลแพงกว่า  ยกเว้นประเทศไทยที่เคยมีการอุ้มจนทำให้เบนซินกับดีเซลต่างกันลิตรล่ะ 10 บาท  อันนั้นที่เดียวในโลกแต่คาดว่าไม่น่ามีอีกแล้ว  
การจะขายรถที่มีราคาน้ำมันพอพอกัน  ในปัจจุบัน  รถดีเซลแพงกว่าเบนซินต้นทุนต่างกันตั้งแต่ 1 แสนขึ้นไป จนถึง 5 แสนกว่าบาท
 ถ้าจะซื้อเพื่อประหยัดค่าน้ำมันแล้วเอาความคุ้มค่า มันคงไม่ใช่คำตอบในการซื้อ
ถามว่ากำไรบริษัทรถน่ะมี ไม่ใช่ไม่มี   แต่เอามาจริงแล้วคนจะซื้อหรือเปล่า    ขนาด MAZDA 2  มีแต่คนบอกว่าแพง  คนในนี้ก็วิจารณ์ว่าแพง
ถ้ามาสด้า 2 ขายไม่ออก  อนาคตรถประกอบในประเทศจะไม่มีการทำเครื่องดีเซลในเก๋งเล็กออกมาอีก
 บทเรียนที่ฟอร์ดเคยได้รับในการผลิตโฟกัสดีเซล  ขายในไทย อะไหล่บางชี้นรอ 6-8 เดือน  รถขายไม่คุ้ม
ราคาขึ้นไปชนคัมรี่ตัวล่างๆ  ได้หรือ PPV  ตัวล่างได้     คนบ้านเราไม่เล่นและยิ่งได้เกียร์ธรรมดาด้วย ขายยากมาก
  

ออฟไลน์ panjap

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,259
เป็นเรื่องฝันเอาครับ  ถ้าคิดจะเห็นแบบนั้น      ไม่ทราบว่าจขกท  อยากเห็นเก๋งดีเซลเป็มาตรฐานไปทำไม    เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้  
ประเทศที่นิยมเก๋งดีเซล  ส่วนมากก็จะมีเฉพาะโซนยุโรปเท่านั้น     และส่วนใหญ่เป็นรถเกียร์ธรรมดา
ถ้าขายโซนทวีปอื่น ๆ  จะเป็นเครื่องเบนซินเป็นหลัก   ไม่ใช่ดีเซลโดยเฉพาะทางฝั่งเอเชียแทบจะไม่มีเก๋งดีเซลเลยยกเว้นรถนำเข้า
ราคาน้ำมันส่วนใหญ่ในโลกนี้เบนซินกับดีเซลจะใกล้เคียงกัน   บางประเทศดีเซลแพงกว่า  ยกเว้นประเทศไทยที่เคยมีการอุ้มจนทำให้เบนซินกับดีเซลต่างกันลิตรล่ะ 10 บาท  อันนั้นที่เดียวในโลกแต่คาดว่าไม่น่ามีอีกแล้ว  
การจะขายรถที่มีราคาน้ำมันพอพอกัน  ในปัจจุบัน  รถดีเซลแพงกว่าเบนซินต้นทุนต่างกันตั้งแต่ 1 แสนขึ้นไป จนถึง 5 แสนกว่าบาท
 ถ้าจะซื้อเพื่อประหยัดค่าน้ำมันแล้วเอาความคุ้มค่า มันคงไม่ใช่คำตอบในการซื้อ
ถามว่ากำไรบริษัทรถน่ะมี ไม่ใช่ไม่มี   แต่เอามาจริงแล้วคนจะซื้อหรือเปล่า    ขนาด MAZDA 2  มีแต่คนบอกว่าแพง  คนในนี้ก็วิจารณ์ว่าแพง
ถ้ามาสด้า 2 ขายไม่ออก  อนาคตรถประกอบในประเทศจะไม่มีการทำเครื่องดีเซลในเก๋งเล็กออกมาอีก
 บทเรียนที่ฟอร์ดเคยได้รับในการผลิตโฟกัสดีเซล  ขายในไทย อะไหล่บางชี้นรอ 6-8 เดือน  รถขายไม่คุ้ม
ราคาขึ้นไปชนคัมรี่ตัวล่างๆ  ได้หรือ PPV  ตัวล่างได้     คนบ้านเราไม่เล่นและยิ่งได้เกียร์ธรรมดาด้วย ขายยากมาก
  

คิดเหมือนกันเลยครับ

ออฟไลน์ H3T

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,721
    • อีเมล์
 ถ้าไม่นับเรื่องค่านิยมของคนส่วนใหญ่ ต้นทุนทางวิศวกรรมที่สูงกว่าเบนซิน ก็คือ ภาษีสรรพสามิต ยังเสียเปรียบเบนซินครับ
  สรรพสามิตปัจจุบัน
     ดีเซล = 30%
     เบนซิน E85 = 22%

  สรรพสามิตใหม่
     ดีเซล = 30%
     เบนซิน E85 = 22%

 ยังไม่นับรวม Eco car 2 ที่เบนซินก็ยังมีส่วนลด E85 อีก 2%

  ถ้าอยากให้มีผู้ผลิตทำรถดีเซลออกมามากกว่านี้ ลองลดพิกัดสรรพสามิตลงมาเพื่อชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้นของเครื่องดีเซล
   ดูจาก Pick up ก็ได้ ซึ่งส่วนใหญ่คือ เครื่องดีเซล สรรพสามิต 3% - 12% แบ่งตราประเภท

   ลองเก็บสรรพสามิตรถนั่งเครื่องดีเซลที่ 12% เท่ารถ Pick up 4 ประตู ป้ายดำก็ได้ ราคาขายก็จะต่ำลงได้บ้าง แต่คงไม่มากนัก เพราะขนาด Mazda 2 ดีเซล ยื่น Eco car แท้ๆ สรรพสามิตแค่ 14% ยังราคาเริ่มต้น 6 แสนปลาย - 7 แสนปลาย

  รถในบ้านเราถ้าไม่นับกระบะ จากเครื่องเบนซินธรรมดาๆ ในตอนนี้ ในอนาคตก็ไป Hybrid เลยครับ อย่างน้อย ภาษีสรรพสามิตก็ต่ำแค่ 10% เท่านั้น

ออฟไลน์ pingkopink

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 8
ชอบอัตราเร่ง และความประหยัดเช่นกัน

พอดีเคยใช้ s80 ช่วงสั้นๆๆ ช่วงนั้นตกใจว่า ภายในห้องโดยสาร ทั้งสั่น ทั้งเสียงดัง มากกกกกกก  เมื่อเที่ยบกับเบนซินน (รถวิ่ง สี่หมื่น ไม่น่ามีปัญหาอะไรครับ )

ก็เลย คิดว่าถ้าจะซื้อใช้คันให่ม่่ก็ยังเอา เบนซิล หละ ได้ comfort มากกว่ามากๆๆ   ดีเซลคงเหมาะกับบางกลุ่มมั๊งครับ ไม่น่าจะเป็นมาตรฐาน ที่รองรับคนส่วนใหญ๋


MacH1

  • บุคคลทั่วไป
ผมไม่อยากขับรถแทรคเตอร์นะ

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
ผมเรียนตามตรงนะครับ

ผมอยากให้รถดีเซลเป็นรถกระบะตอนเดียว รถแคป รถตู้และรถบรรทุก

อยากให้เป็นรถใช้งานเพื่อการพาณิชย์จริงๆ มากกว่า

เพราะรัฐบาลจะได้กำหนดหรือควบคุมราคาน้ำมันไม่ให้กระทบต่อค่าขนส่งครับ

 :)

รถเก๋ง รถกระบะสี่ประตู รถ PPV SUV ผมอยากให้ใช้เบนซินมากกว่า

นี้คือผมมองส่วนตัวนะ

แต่มันแก้อะไรไม่ได้แล้วเพราะรถกระบะสี่ประตู รถ PPV ตอนนี้ ก็ใช้ดีเซล

ถ้าแก้กฎหมายรับรอง ยอดขายลดลงแน่ๆ

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,422
    • อีเมล์
ผมเรียนตามตรงนะครับ

ผมอยากให้รถดีเซลเป็นรถกระบะตอนเดียว รถแคป รถตู้และรถบรรทุก

อยากให้เป็นรถใช้งานเพื่อการพาณิชย์จริงๆ มากกว่า

เพราะรัฐบาลจะได้กำหนดหรือควบคุมราคาน้ำมันไม่ให้กระทบต่อค่าขนส่งครับ

 :)

รถเก๋ง รถกระบะสี่ประตู รถ PPV SUV ผมอยากให้ใช้เบนซินมากกว่า

นี้คือผมมองส่วนตัวนะ

แต่มันแก้อะไรไม่ได้แล้วเพราะรถกระบะสี่ประตู รถ PPV ตอนนี้ ก็ใช้ดีเซล

ถ้าแก้กฎหมายรับรอง ยอดขายลดลงแน่ๆ
ผมขอ ให้ยังคง PPV เป็นดีเซลครับ เพราะมัน คือ off-rode หากเอาเครือง เบนซินมาต้องเครื่องใหญ่ 3.0 ขึ้น  Co2 ไม่ผ่านแน่ๆ

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
ผมเรียนตามตรงนะครับ

ผมอยากให้รถดีเซลเป็นรถกระบะตอนเดียว รถแคป รถตู้และรถบรรทุก

อยากให้เป็นรถใช้งานเพื่อการพาณิชย์จริงๆ มากกว่า

เพราะรัฐบาลจะได้กำหนดหรือควบคุมราคาน้ำมันไม่ให้กระทบต่อค่าขนส่งครับ

 :)

รถเก๋ง รถกระบะสี่ประตู รถ PPV SUV ผมอยากให้ใช้เบนซินมากกว่า

นี้คือผมมองส่วนตัวนะ

แต่มันแก้อะไรไม่ได้แล้วเพราะรถกระบะสี่ประตู รถ PPV ตอนนี้ ก็ใช้ดีเซล

ถ้าแก้กฎหมายรับรอง ยอดขายลดลงแน่ๆ
ผมขอ ให้ยังคง PPV เป็นดีเซลครับ เพราะมัน คือ off-rode หากเอาเครือง เบนซินมาต้องเครื่องใหญ่ 3.0 ขึ้น  Co2 ไม่ผ่านแน่ๆ
ครับ ผมคิดว่ายังไงภาครัฐคงไม่ทำแบบที่ผมบอกหรอกครับ

ไม่งั้นตลาด PPV และกระบะ 4 ประตูเละแน่ๆ

คนจะหนีไปออก C-seg D-seg และ B / C-SUV หมด

เพราะราคามันคงแพงจนซื้อไม่ไหวครับ ;D

ออฟไลน์ Darkart

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,191
    • อีเมล์
คงยากอยู่นะครับ
รถเก๋งบ้านเรา นิยมตัวเบนซินมากกว่าตัวดีเซล แต่คนไม่น้อยที่ชอบตัวดีเซลครับ
ผู้ไม่มีแผลเป็น คือ ผู้ไม่มีประสบการณ์

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
เครื่องดีเซลต้นทุนมันแพงครับ แค่ค่าเครื่องยนตร์เปล่าๆก็แพงกว่ากันแล้ว ไหนจะเทอโบอีก แถมมีคนที่ไม่ชอบดีเซลเลยก็มี หาว่าดังแบบรถกระบะมั่ง ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ดังอะไร

ขนาดนั้น อยู่ภายในรถนี่เงียบไม่ได้ยินเสียงเครื่องเลย  :D ยังไงความคุ้มค่าต่อเงินที่เสียไปแล้ว เบนซิลก็คุ้มกว่าอยู่แล้ว กินน้ำมันมากกว่านิดหน่อย 10-20%

แต่ราคาเริ่มต้นถูกกว่าเป็นแสนไม่มีความจำเป็นต้องเอาดีเซลมาขายเลยครับ คนที่จะซื้อดีเซลนี่ต้องอารมณ์เหนือเหตุผลล้วนๆ

ถึงห้องโดยสารอาจไม่ได้ยินเสียงเครื่องรถแทรคเตอร์ แต่ด้านนอกไปถึงไหนแล้ว   

อีกอย่างเสียงเครื่อง มันยังสู้ พวก rice burner ยังไม่ได้เลย ไม่ต้องไปเทียบกับ slant six และ V8 

ออฟไลน์ h22a

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 705
    • อีเมล์
ต่อให้รถในรุ่นเดียวกันยี่ห้อเดียวกัน มีเบนซินกับดีเซลให้เลือก ที่ราคาเท่ากัน ผมเลือกเบนซินครับ  :)

ออฟไลน์ seamonkey

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 521
เก็บดีเซลไว้ใช้ในงานที่เหมาะสมดีกว่าครับ เอามาเป็นรถส่วนบุคคลนี้ผมว่าสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ

jomyoot

  • บุคคลทั่วไป
ผมไม่อยากขับรถแทรคเตอร์นะ

งั้น BMW320d 520d คือรถแทรคเตอร์ ว่างั้น  :P :P :P

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
ผมไม่อยากขับรถแทรคเตอร์นะ

งั้น BMW320d 520d คือรถแทรคเตอร์ ว่างั้น  :P :P :P

ประมาณว่าครับ

ออฟไลน์ earthchanut

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 10
ผมไม่อยากขับรถแทรคเตอร์นะ

เป็นไรมากเปล่า เห็นต้องตอบกระทู้ที่มีเครื่องดีเซลแบบนี้ตลอด ไม่ชอบมาต้องเข้ามาอ่าน เขียนๆไปแบบนี้ มันขว้างโลกนะ ค...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 24, 2015, 16:11:22 โดย earthchanut »

ออฟไลน์ localgame

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,592
เครื่องดีเซลต้นทุนมันแพงครับ แค่ค่าเครื่องยนตร์เปล่าๆก็แพงกว่ากันแล้ว ไหนจะเทอโบอีก แถมมีคนที่ไม่ชอบดีเซลเลยก็มี หาว่าดังแบบรถกระบะมั่ง ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ดังอะไร

ขนาดนั้น อยู่ภายในรถนี่เงียบไม่ได้ยินเสียงเครื่องเลย  :D ยังไงความคุ้มค่าต่อเงินที่เสียไปแล้ว เบนซิลก็คุ้มกว่าอยู่แล้ว กินน้ำมันมากกว่านิดหน่อย 10-20%

แต่ราคาเริ่มต้นถูกกว่าเป็นแสนไม่มีความจำเป็นต้องเอาดีเซลมาขายเลยครับ คนที่จะซื้อดีเซลนี่ต้องอารมณ์เหนือเหตุผลล้วนๆ

ถึงห้องโดยสารอาจไม่ได้ยินเสียงเครื่องรถแทรคเตอร์ แต่ด้านนอกไปถึงไหนแล้ว   

อีกอย่างเสียงเครื่อง มันยังสู้ พวก rice burner ยังไม่ได้เลย ไม่ต้องไปเทียบกับ slant six และ V8 
เสียงเครื่องมันไม่ได้ดังกว่าเบนซินเท่าไหร่เลย ไม่เชื่อไปเอาเครื่องวัดมาวัดเลยครับ วัดมาเลยดังกว่ากี่% เทียบCCที่ปริมาณเท่ากันนะครับ  เสียงเครื่องมันยังไงก็ไม่เพราะเหมือน6สูบ 8สูบอยู่แล้ว ถึงแม้ภายนอกเสียงมันจะดังกว่าเบนซินนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้น่ารำคาญเหมือนรถญี่ปุ่นท่อดังแปะติ๊กเกอTRD Ralliart หรือเด็กแว๊นแน่ๆ และที่สำคัญไม่มันเหมือนสียงรถแทร๊คเตอร์ครับ

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
เครื่องดีเซลต้นทุนมันแพงครับ แค่ค่าเครื่องยนตร์เปล่าๆก็แพงกว่ากันแล้ว ไหนจะเทอโบอีก แถมมีคนที่ไม่ชอบดีเซลเลยก็มี หาว่าดังแบบรถกระบะมั่ง ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ดังอะไร

ขนาดนั้น อยู่ภายในรถนี่เงียบไม่ได้ยินเสียงเครื่องเลย  :D ยังไงความคุ้มค่าต่อเงินที่เสียไปแล้ว เบนซิลก็คุ้มกว่าอยู่แล้ว กินน้ำมันมากกว่านิดหน่อย 10-20%

แต่ราคาเริ่มต้นถูกกว่าเป็นแสนไม่มีความจำเป็นต้องเอาดีเซลมาขายเลยครับ คนที่จะซื้อดีเซลนี่ต้องอารมณ์เหนือเหตุผลล้วนๆ

ถึงห้องโดยสารอาจไม่ได้ยินเสียงเครื่องรถแทรคเตอร์ แต่ด้านนอกไปถึงไหนแล้ว   

อีกอย่างเสียงเครื่อง มันยังสู้ พวก rice burner ยังไม่ได้เลย ไม่ต้องไปเทียบกับ slant six และ V8 
เสียงเครื่องมันไม่ได้ดังกว่าเบนซินเท่าไหร่เลย ไม่เชื่อไปเอาเครื่องวัดมาวัดเลยครับ วัดมาเลยดังกว่ากี่% เทียบCCที่ปริมาณเท่ากันนะครับ  เสียงเครื่องมันยังไงก็ไม่เพราะเหมือน6สูบ 8สูบอยู่แล้ว ถึงแม้ภายนอกเสียงมันจะดังกว่าเบนซินนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้น่ารำคาญเหมือนรถญี่ปุ่นท่อดังแปะติ๊กเกอTRD Ralliart หรือเด็กแว๊นแน่ๆ และที่สำคัญไม่มันเหมือนสียงรถแทร๊คเตอร์ครับ

คุณ localgame ก็ตอบเองแล้วว่า เสียงมันดังกว่าและไม่เพราะได้ฟิลเท่ากับ เบนซิน  ในสายตาของหลายคนแค่นี้ก็สอบตกละครับ

ไม่ต้องถึงขั้นไปหาเครื่องมาวัด เอาง่ายๆ คุณหา เครื่องดีเซล แทรคเตอร์ ที่เงียบ นิ่ง เสียงได้ฟิล ใกล้เคียงกับบล็อกเบนซินเก่าๆ 2000 2500 3000 สามตัวนี้หน่อยแล้วค่อยมาว่ากัน

1G-GTE
1JZ-GTE
2JZ-GTE 

ส่วนที่เรียกพวกดีเซลว่า แทรคเตอร์ มันเป็นคำแซวล้อเลียน เหมือน ที่เรียก พวกสี่สูบวิ่งเต่า แต่ wannabe แต่งโลโก้ trd, ralliart ว่า rice-burner/ricer  ตุณลองอ่านเว็บ blog ต่างชาติดูแล้วจะรู้

ออฟไลน์ localgame

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,592
ผมยอมรับนะครับว่าเสียงเครื่องดีเซลมันไม่ได้ฟิล แต่ถ้าเอาเครื่องJZมาเทียบเนี่ยเสียงมันก็ไม่ได้เพราะมากกว่ากันซักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าคุณจะบอกว่าได้ฟิลก็ตาม ถ้าเอาดีเซลยุคใหม่อย่างE250CDI หรือ 520D มาเทียบเสียงเครื่องมันเงียบกว่าเครื่องJZแน่ๆ แล้วรถพวกดีเซลในรถหรูเค้าไม่ได้ขายเพื่อให้คุณเอาไปซิ่งแข่งกับใคร เอาง่ายๆให้คนมีอายุหน่อย หรือ สาวๆเลือก คงไม่มีใครอยากขึ้นเบนซ์ หรือ บีเอ็มเครื่องเจท่อโตนั่งแล้วไม่ได้ยินเสียงวิทยุหรอกนะครับ  เข้าใจนะครับว่าแทรคเตอร์เป็นคำแซว แต่ถ้าแซวทุกกระทู้นี่ใครไม่รู้เข้ามาอ่านจะหงุดหงิดเอาได้

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
ผมยอมรับนะครับว่าเสียงเครื่องดีเซลมันไม่ได้ฟิล แต่ถ้าเอาเครื่องJZมาเทียบเนี่ยเสียงมันก็ไม่ได้เพราะมากกว่ากันซักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าคุณจะบอกว่าได้ฟิลก็ตาม ถ้าเอาดีเซลยุคใหม่อย่างE250CDI หรือ 520D มาเทียบเสียงเครื่องมันเงียบกว่าเครื่องJZแน่ๆ แล้วรถพวกดีเซลในรถหรูเค้าไม่ได้ขายเพื่อให้คุณเอาไปซิ่งแข่งกับใคร เอาง่ายๆให้คนมีอายุหน่อย หรือ สาวๆเลือก คงไม่มีใครอยากขึ้นเบนซ์ หรือ บีเอ็มเครื่องเจท่อโตนั่งแล้วไม่ได้ยินเสียงวิทยุหรอกนะครับ  เข้าใจนะครับว่าแทรคเตอร์เป็นคำแซว แต่ถ้าแซวทุกกระทู้นี่ใครไม่รู้เข้ามาอ่านจะหงุดหงิดเอาได้

ถ้ารถใหม่เทียบกัน คุณ localgame ลองไปเทียบ C300 Bluetec tractor กับ C300 4-matic (241 ponies) ดู ปรากฏว่า C300 4-matic เบนซินทั้งเงียบกว่าโดยรวมและแรงกว่า   

ยังไม่เข้าใจว่า AD ไทยจะขาย C300 รถดีเซล ค่าตัวมากถึงสามล้านเพื่อ? ในเมื่อปีหน้าภาษีงี่เง่า 220 ม้าก็ไม่มีแล้ว  C300 ตัวเบนซินดูเจ๋งกว่าเยอะครับ

ออฟไลน์ localgame

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,592
ผมยอมรับนะครับว่าเสียงเครื่องดีเซลมันไม่ได้ฟิล แต่ถ้าเอาเครื่องJZมาเทียบเนี่ยเสียงมันก็ไม่ได้เพราะมากกว่ากันซักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าคุณจะบอกว่าได้ฟิลก็ตาม ถ้าเอาดีเซลยุคใหม่อย่างE250CDI หรือ 520D มาเทียบเสียงเครื่องมันเงียบกว่าเครื่องJZแน่ๆ แล้วรถพวกดีเซลในรถหรูเค้าไม่ได้ขายเพื่อให้คุณเอาไปซิ่งแข่งกับใคร เอาง่ายๆให้คนมีอายุหน่อย หรือ สาวๆเลือก คงไม่มีใครอยากขึ้นเบนซ์ หรือ บีเอ็มเครื่องเจท่อโตนั่งแล้วไม่ได้ยินเสียงวิทยุหรอกนะครับ  เข้าใจนะครับว่าแทรคเตอร์เป็นคำแซว แต่ถ้าแซวทุกกระทู้นี่ใครไม่รู้เข้ามาอ่านจะหงุดหงิดเอาได้

ถ้ารถใหม่เทียบกัน คุณ localgame ลองไปเทียบ C300 Bluetec tractor กับ C300 4-matic (241 ponies) ดู ปรากฏว่า C300 4-matic เบนซินทั้งเงียบกว่าโดยรวมและแรงกว่า   

ยังไม่เข้าใจว่า AD ไทยจะขาย C300 รถดีเซล ค่าตัวมากถึงสามล้านเพื่อ? ในเมื่อปีหน้าภาษีงี่เง่า 220 ม้าก็ไม่มีแล้ว  C300 ตัวเบนซินดูเจ๋งกว่าเยอะครับ
อย่างที่ผมบอกไปแล้วครับ รถดีเซลเสียงมันดังกว่าเบนซินถ้าเทียบรถในปีเดียวกัน แต่ปัจจุบันยังมีภาษีที่วัดจากแรงม้าอยู่ และ รถไฮบริดภาษีมันต่ำกว่ารถที่ไม่มี การที่คุณจะทำราคามาแข่งกับเกรย์ได้

ถ้าไม่ใช้ตรงนี้ช่วยจะให้ไปลดcostส่วนอื่น หรือเอากำไรน้อยลง ดูไปก็จะไม่คุ้ม แถมยังชูความประหยัดมาแข่งกับเจ้าอื่นๆได้อีกด้วย ยังไงตอนนี้diesel hybridอาจจะเป็นคำตอบมากที่สุดในเรื่องการทำราคา

รอดูปีหน้าหรือปีต่อๆไปอาจจะมีเครื่องใหม่ๆน่าสนใจกว่านี้มาทำตลาดมากขึ้น