ผู้เขียน หัวข้อ: มีมากไหมครับ ที่มีกำลังซื้อรถ Premium car ได้สบายแต่ตัดใจซื้อไม่ได้ เพราะตัดใจไม่ได้กับค่าดูแล  (อ่าน 17043 ครั้ง)

ออฟไลน์ Red Bicycle

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 849
 :) :) :) ประมาณรถ Premium ทั่วๆไปที่ไม่สูงเกินไปนัก พวก C class , E class , Series 3, 5
คือพอมีงบประมาณที่จะออกรถกลุ่มนี้เพื่อจะได้ใช้รถยุโรปดีๆซักคัน แต่ตัดใจไม่ได้อะครับ กับค่าใช้จ่ายหลังจากที่ซื้อมาแล้ว เช่น ประกันชั้น1 ค่าบำรุงให้สวยงาม ตกแต่ง ค่าซ่อมบำรุงหลังหมดประกัน ที่คาดว่าอาจจะแพงกว่ารถญี่ปุ่นคันก่อนๆที่ใช้มา หรือ บางท่านอาจจะรับไม่ได้กับที่จังหวัดที่อยู่ไม่มีศูนย์ ต้องเสียเวลาในการเอารถเข้าศูนย์ซึ่งไม่สะดวก   
  อยากทราบคนกลุ่มนี้มีมากไหมครับ.
  ท่านใดที่มีประสพการณ์ประมาณนี้บ้างไหมครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 28, 2017, 20:51:55 โดย Red Bicycle »

ออฟไลน์ whoami

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,171
    • อีเมล์
คนที่กำลังซื้อแค่พอปริ่มๆ จะกังวลกับค่ารักษา และอาจตัดใจไม่ซื้อครับ

ถ้าคนที่งบเค้าเหลือๆ ซื้อรถแล้วยังมีเงินเก็บอีกเป็นล้าน คงไม่คิดมากเรื่องค่าบำรุงรักษาอ่ะครับ

สำหรับผมเอง ไม่มีทั้งกำลังในการซื้อ และค่าบำรุงรักษา เลยใช้รถญี่ปุ่นต่อไป

ออฟไลน์ rotaryman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,586
ปัญหามันเกิดจากรถญี่ปุ่นตัวท๊อปราคามันไปจ่อกับ Premium car ตัวล่างๆเข้าทุกทีแล้วเลยเกิดอาการลังเลครับ

ออฟไลน์ Eakkypoo

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 312
    • อีเมล์
ปัญหามันเกิดจากรถญี่ปุ่นตัวท๊อปราคามันไปจ่อกับ Premium car ตัวล่างๆเข้าทุกทีแล้วเลยเกิดอาการลังเลครับ

มันคือสิ่งที่ผมกำลังเผชิญครับ

ออฟไลน์ Fong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,992
  • Make a Choice and Don't Look Back
    • อีเมล์
ผมก็กำลังเผชิญประเด็นนี้มาแล้วครั้งนึงครับ สุดท้ายก็ออก Accord G9

อีก 4 ปีข้างหน้าก็จะเจออีกรอบครับ ไม่รู้จะก้าวข้ามไปได้ไหม

มีกำลังซื้อครับ พยายามจะคิดว่าเหมือนเช่า 5 ปี แล้วก็ขายไป สุดท้ายก็ต้องมาเจอค่าประกันภัยและค่ายาง RunFlat ที่แสนแพงอีก

ราคาที่ตกมากตอนขายอีก  สำหรับผมมันยากมากครับ
Isuzu มังกรทอง, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer MK I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 MK I, Mazda2 MK II, D-Max Space, Fortuner, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer MK II, Lander MK III, Ranger MC, XL7, Forester SK

ออฟไลน์ OXYGEN2

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,490
    • เครื่องปั่น
    • อีเมล์
เอาจริงๆ ยังไม่เคยใช้รถยุโรปยาวแบบ 5-6 ปีขึ้น หรือ ใช้มากๆ วิ่งเป็นแสนๆ ครับ ผ่อนไม่กลัว ซ่อมไม่กลัว กลัวอย่างเดียวตายกลางทาง ไม่ก็เดินทางไปทำธุระแล้วรถเสียอะไรประมาณนี้ครับ
2021 - BMW 530e
2023 - Tesla Model Y Performance
2023 - Tesla Model Y RWD

My website~ :) ;) :D 8)

ออฟไลน์ starlight

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 488
ยังมีกลุ่มย่อยในกลุ่มนี้ ที่ไม่เคยคิดจะซื้อรถแพงๆเหล่านั้น ทั้งๆที่สถานะการเงินมั่นคงและเหลือใช้มากๆ  แต่เหตุผลที่ไม่เลือกเพราะ มองว่าไม่อยากจ่ายเงินเกินความจำเป็น

ออฟไลน์ vantipz

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 466
ผมมีกำลังซื้อพอควร แต่ยังลังเลเรื่องการบำรุงรักษา(พูดง่ายๆคือยังรวยไม่พอจะคิดว่าค่าดูแลมันเหมือนรถญี่ปุ่นได้   ;D)
อีกทั้งตอนนี้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซื้อ แค่รถยี่ปุ่นก็โดนใจแล้วครับ

ออฟไลน์ arte

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 456
ผมก้าวข้ามง่ายมากครับ ถ้าเมียบอกว่าจะเอาเพียงคำเดี่ยว เรื่องรถมีปัญหาไม่กลัวครับเพราะมี BSI รอเปลี่ยนก่อนหมด เรื่องประกันภัยไม่กลัวเพราะได้แถมมา ปีหน้าค่อยว่ากันใหม่ ยางรันแฟลตแพงก็จริงดอกหมดก็เปลี่ยนยางธรรมดา ถูกกว่า เงียบกว่า บางครั้งผมคิดว่าบางคนอาจจะกลัวมากเกินไป หรืออาจจะกลัวเพราะฟังคนอื่นเล่ามา เป็นผมขอลองเองสักครั้งหนึ่ง ต้องโดนเองถึงจะรู้ซึ้ง

ออฟไลน์ Mr.Boogie

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 392
คนที่กำลังซื้อแค่พอปริ่มๆ จะกังวลกับค่ารักษา และอาจตัดใจไม่ซื้อครับ

ถ้าคนที่งบเค้าเหลือๆ ซื้อรถแล้วยังมีเงินเก็บอีกเป็นล้าน คงไม่คิดมากเรื่องค่าบำรุงรักษาอ่ะครับ

สำหรับผมเอง ไม่มีทั้งกำลังในการซื้อ และค่าบำรุงรักษา เลยใช้รถญี่ปุ่นต่อไป

ตามนี้ครับ ถ้าสองจิตสองใจก็ไม่ต้องซื้อครับ เพราะคุณซื้อมาก็ไม่สบายใจเปล่าๆ รอให้คุณมีเงินในระดับที่ไม่ต้องกังวลก่อนแล้วค่อยซื้อทีเดียว หรือไม่เช่นนั้นก็ซื้อยุโรปมือสองสภาพใหม่ๆ แล้วเอาเงินส่วนที่เหลือไปบำรุงรักษา

ออฟไลน์ CJ.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,946
คนที่กำลังซื้อแค่พอปริ่มๆ จะกังวลกับค่ารักษา และอาจตัดใจไม่ซื้อครับ

ถ้าคนที่งบเค้าเหลือๆ ซื้อรถแล้วยังมีเงินเก็บอีกเป็นล้าน คงไม่คิดมากเรื่องค่าบำรุงรักษาอ่ะครับ

ผมคิดแบบนี้นะ เรียกว่ากำลังซื้อปริ่มๆ
ป้ายแดงราคาสูสี แต่ค่าใช้จ่ายต่างๆไม่เท่ากันนะครับ

อีกอย่างนึง ถ้ากำลังซื้อเลยคำว่าปริ่มๆแล้ว ไปเล็งระดับ E,5er หรือสูงขึ้นไป ดูแลไหวแน่นอนครับ
2005 Jaguar XJ Super V8
2005 Mercedes-Benz C230 Kom. Sports Coupe
2011 Aston Martin DBS
2013 Jaguar XJL 5.0 V8 Portfolio
2017 Lexus RX200t Premium
2019 Honda CR-V 2.4S
2019 Bentley Continental GT W12
2021 Lexus IS300h Luxury
2021 Mercedes-Benz GLE 350de 4MATIC Exclusive
2021 Porsche 911 Carrera S

ออฟไลน์ meeuwarn

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 938
ตามวินัยทางการเงินครับ ค่าซื้อรถ 10%ของเงินเก็บ 10ปีเปลื่ยน 1คัน           
วิ่งปีนึงแค่ หมื่นห้า ;D

ปี 19 คงได้ขับ camry ใหม่ หรือ crv

premium ต้องมีเงินเก็บ 30ล้านก่อนครับ คาดว่าคงใกล้เกษียรแล้ว  อาจจะไม่ซื้อ 8)

ออฟไลน์ ariazero

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 621
ส่วนตัวผมนะ

ผมเรียกว่ารายได้มันเกือบจะสัมพันธ์กับสิ่งที่คุณพอใจที่จะจ่ายแล้วครับ  แนะนำว่าให้รอก่อน

รถยิ่งซื้อช้ายิ่งได้กำไรครับ ยกเว้นต้อง "ตอนนี้" อย่างงั้นอะไรก็ขวางคุณไม่ได้แล้วแหละ  8) 

รถแพงขึ้น ค่าดูแลมันก็ต้องแพงขึ้นเป็นธรรมดา ต้องบอกว่าเรายินดีจะจ่ายเพื่อให้ได้ขับคันที่เราชอบ แพงแค่ไหนรับได้น่า เหมือนกับที่คุณตั้งเป้าหมายเก็บเงินเพื่อให้ได้ซื้อมันซักคันหน่ะครับ

'8X Familia, '91 TFR ,
'94 Sunny B13, '98 520i (E28), '99 Sunny B14,
'08 Vios, '08 C200, '08 Vitara
'15 Vios, '17Accord G9 MC, '17 X1 18i

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,935
    • อีเมล์
Re: มีมากไหมครับ ที่มีกำลังซื้อรถ
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: มกราคม 28, 2017, 22:09:03 »
:) :) :) ประมาณรถ Premium ทั่วๆไปที่ไม่สูงเกินไปนัก พวก C class , E class , Series 3, 5
คือพอมีงบประมาณที่จะออกรถกลุ่มนี้เพื่อจะได้ใช้รถยุโรปดีๆซักคัน แต่ตัดใจไม่ได้อะครับ กับค่าใช้จ่ายหลังจากที่ซื้อมาแล้ว เช่น ประกันชั้น1 ค่าบำรุงให้สวยงาม ตกแต่ง ค่าซ่อมบำรุงหลังหมดประกัน ที่คาดว่าอาจจะแพงกว่ารถญี่ปุ่นคันก่อนๆที่ใช้มา หรือ บางท่านอาจจะรับไม่ได้กับที่จังหวัดที่อยู่ไม่มีศูนย์ ต้องเสียเวลาในการเอารถเข้าศูนย์ซึ่งไม่สะดวก   
  อยากทราบคนกลุ่มนี้มีมากไหมครับ.
  ท่านใดที่มีประสพการณ์ประมาณนี้บ้างไหมครับ
   รถพวกนี้ 5 ปีแรกค่าบำรุงรักษายังไม่มีอะไร แค่ตรวจเช็กตามระยะทาง ค่าตกแต่งไม่มีเพราะแต่งแล้วคงไม่สวยไปกว่าเดิม  หลัง 5 ปีไปแล้วค่าซ่อมเริ่มมา  แต่คนที่ใช้รถพวกนี้น่าจะเกือบครึ่งขายรถหลังจากใช้ไปแล้ว 5-7 ปีจึงไม่ค่อยเจอเรื่องค่าซ่อม  ส่วนคนที่ซื้อมือสองก็ต้องทำใจกับค่าซ่อมแต่ก็ถือว่าซื้อมาราคาถูก

ออฟไลน์ axister

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,173
ตอนจะซื้อก็คิดแบบนี้ครับ แต่จากที่ใช้มา 3ปีกว่าๆ ยังไม่มีซ่อมหนักหรือจุกจิกนะ มันก็มีบำรางตามระยะมี bsi ด้วยมั้งยิ่งเฉยๆเลย

คือแพงกว่าตอนใช้รถ swift แน่ๆครับ แต่ก็ไม่ได้กระทบขนาดอดอยาก เงินไม่ได้ขนาดมีเป็น 20ล้าน

แต่ซื้อแล้วจบ ไม่งั้นก็จะมาคิดแบบ โอยอยากได้คันนี้ๆๆๆ

เพื่อนร่วมงานหลายคนกังวลเรื่องนี้ไม่ได้ซื้อกันเลยซักคน ผมเชื่อว่าคนกลุ่มนี้เยอะมากกกกก
ถือเป็นคนคิดเป็นที่เตรียมตัวเผื่ออนาคตนะ

อยู่ที่การจัดรายได้รายจ่ายของเราเองมากกว่าว่าจะรับมันไหวรึเปล่า

ออฟไลน์ boyyyy

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 383
ใช้รถเป็นพาหนะ ตามกำลังทรัพย์ อย่าเป็นทาสรถ ครับ

ส่วนตัวผมว่า รถเก๋งราคาไม่เกิน 1 ล้าน หรือ กระบะ 4 ประตูยกสูง คุ้มสุดๆครับ

ออฟไลน์ Sit: )

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,453
    • อีเมล์
ญาติผมคนนึงเงินเหลือซื้อ
แต่ไม่ซื้อรถยุโรปเลย ใช้แต่ d segment ญี่ปุ่น
แต่ใช้แบบ 6ปีปุ๊บเปลี่ยนทันที ไม่สนสภาพและราคาขายต่อ โดยที่ 6ปีนั้นแทบไม่ได้ซ่อมอะไรเลย เขา happy มากที่ซื้อมาใช้อย่างเดียว ขับไปทำงานเป็นหลัก

ทุกอย่างมันสบายตัว ไม่มีอะไรให้กลัวว่าต้องจ่ายค่าซ่อมแพง
และเขาก็มองว่ามันเพียงพอแล้วที่ใช้จ่ายกับรถแค่นี้
ภาพลักษณ์เขาไม่สน มีครอบครัว มีกลุ่มเพื่อนบ้าง
ไปไหนไม่แคร์ใครมอง เอาเงินไปจ่ายค่าเทอมลูกดีกว่า

ก็เป็นคนอีดแบบที่ผมว่าดีน๊ะ แกมีความสุข ยิ้มแย้ม
รวยแต่พอเพียงดีครับ

ออฟไลน์ kreaninw

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 254
    • อีเมล์
ญาติผมคนนึงเงินเหลือซื้อ
แต่ไม่ซื้อรถยุโรปเลย ใช้แต่ d segment ญี่ปุ่น
แต่ใช้แบบ 6ปีปุ๊บเปลี่ยนทันที ไม่สนสภาพและราคาขายต่อ โดยที่ 6ปีนั้นแทบไม่ได้ซ่อมอะไรเลย เขา happy มากที่ซื้อมาใช้อย่างเดียว ขับไปทำงานเป็นหลัก

ทุกอย่างมันสบายตัว ไม่มีอะไรให้กลัวว่าต้องจ่ายค่าซ่อมแพง
และเขาก็มองว่ามันเพียงพอแล้วที่ใช้จ่ายกับรถแค่นี้
ภาพลักษณ์เขาไม่สน มีครอบครัว มีกลุ่มเพื่อนบ้าง
ไปไหนไม่แคร์ใครมอง เอาเงินไปจ่ายค่าเทอมลูกดีกว่า

ก็เป็นคนอีดแบบที่ผมว่าดีน๊ะ แกมีความสุข ยิ้มแย้ม
รวยแต่พอเพียงดีครับ

สุดท้ายผ่อนหมด ขายรถทิ้ง ได้เงินมาก้อนนึง จะถูกกว่าไปเช่ารถใช้ เรื่องซ่อม 6 ปี แรก ยังไม่ต้องคุยกันเยอะ แถมได้ใช้รุ่นใหม่ๆ ตลอด สบายใจดีครับ ถ้าคิดว่ายังไงก็ต้องเสียค่าเช่ารถใช้อยู่แล้ว วิธีนี้ก็จัดว่าใช้ได้ครับ อิอิ

ออฟไลน์ TRcdi

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 670
เข้าใจความรู้สึกนั้นดี

ผมอยากได้ Porshe แต่ก็ไม่ได้ซื้อได้แบบสบายมาก
ก็เลยกังวลเรื่องการดูแล  ยิ่งถ้าเกิดได้ซื้อจริงๆ
ก็คงต้องรถเกรย์  เลยยิ่งไม่มั่นใจไปใหญ่

ดูมือสอง ราคาน่าสนก็ดันเป็น Hybrid
ส่วนมากวิ่งทางไกล กทม. - ตจว.  เสียขึ้นมาคงจบเห่
เลยต้องตัดใจไปก่อน 

ออฟไลน์ oryor

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 653
ถ้าตัดใจซื้อไม่ได้เพราะว่าค่าดูแล แสดงว่ายังไม่มีกำลังซื้อเพียงพอครับ
ถ้ามีกำลังซื้อต้องมีกำลังดูแลด้วย

เปรียบเทียบง่ายๆให้เห็นภาพ ก็เหมือนกับมีกำลังซื้อบ้านแพงๆในหมู่บ้าน Premium แต่ตัดใจกับค่าส่วนกลางแล้วก็ค่าดูแลบ้านไม่ได้นั่นหล่ะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 28, 2017, 23:42:54 โดย oryor »

ออฟไลน์ CookiE

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 872
ถ้าคนที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะซื้อหารถหรูมาใช้จริงๆ จะไม่สนใจกับค่าดูแลมากหรอกครับ

(แต่เอาจริงๆ ตัวผมเองก็เสียดายค่าดูแลรักษาเหมือนกัน ฮ่าาาาา)

ออฟไลน์ caton

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 498
    • อีเมล์
เข้าใจความรู้สึกนั้นดี

ผมอยากได้ Porshe แต่ก็ไม่ได้ซื้อได้แบบสบายมาก
ก็เลยกังวลเรื่องการดูแล  ยิ่งถ้าเกิดได้ซื้อจริงๆ
ก็คงต้องรถเกรย์  เลยยิ่งไม่มั่นใจไปใหญ่

ดูมือสอง ราคาน่าสนก็ดันเป็น Hybrid
ส่วนมากวิ่งทางไกล กทม. - ตจว.  เสียขึ้นมาคงจบเห่
เลยต้องตัดใจไปก่อน

เหมือนผมเลย อยากไปลอง Porshe เหมือนกัน แต่ก็ยังไม่กล้าอยู่ดี

ตอนแรกที่ผมขยับมาใช้ Premium โดดมาจาก B-seg ด้วยซ้ำไป
ซึ่งนับถอยไปก็ใช้แต่ D-seg Mazda มาตลอด พอมาดู D-seg ยุ่นในช่วงเปลี่ยนรถ
ก็ไม่มีคันไหนที่มันตอบโจทย์เหมือนคันก่อนทั้งที่เทคโนโลยีและเวลาต่างกันนับ 10 ปี
เลยเป็นจุดให้กระโดดดึ๋งมาไกลเลย จากรถราคา หกแสนกว่าเกือบเจ็ดแสน ที่ใช้ประจำก่อน
มาเป็น รถ 2.899 ล้านบาท แบบไม่คาดคิด ซึ่งก่อนซื้อก็ศึกษาค่าใช้จ่ายต่างๆมาก่อน
แล้วพอไหวก็พุ่งใส่เลย...555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 28, 2017, 23:50:03 โดย caton »
TESLA Model Y Performance
BMW X1 F48 20D M sport
BMW 320D F30 M sport HIFI Stage 1

ออฟไลน์ Impulse

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 938
คือแล้วแต่แวดวงครับ ผมเจอผู้บริหารหลายคนใช้ Toyota Camry , Fortuner  (และไม่ใช่รถบริษัท) เพราะมันซ่อมเร็ว อะไหล่หาง่าย ขับได้เหมือนกัน และเวลาไปคุยกับลูกค้าดูไม่ไปฟันเขา

ถามว่าพวกนี้มีเงินมั๊ย .. ก็ระดับซื้อ Camry เดือนละคันยังไหวเลย

คนเราความอยากไม่เท่ากันครับ บางคนเขาไม่ได้ชอบรถ ออกเบนซ์มาขี้เกียจเอามารักษาเอามาจอดตากแดด ซื้อ รถบ้านๆมาใช้ๆให้มันพังไป ตกรุ่นไป แล้วก็เปลี่ยน เอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่า

เดี๋ยวหาว่าอวย Toyota เจอ ได้ทั้ง Accord , Teana , Ranger และอีกหลายรุ่น ตกรุ่นบ้างใหม่บ้าง แต่คนพวกนี้คงมีไม่มากหรอก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 28, 2017, 23:59:00 โดย Impulse »

Nonlamer

  • บุคคลทั่วไป
เดาว่าไม่เยอะนะครับ อย่าง BSI 6 ปีนี่ก็ช่วยไปเยอะแล้วเรื่องค่าดูแล

ผมว่าคนที่มีกำลังซื้อแต่ไม่ซื้อมีเหตุผลอื่นๆด้วยมากกว่า

ออฟไลน์ TABO9

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 334
    • อีเมล์
ผมไม่กลัวค่าดูแล แต่ผมกลัวที่จะดูแลรถ  เพราะ

1. ที่จอดตากแดด ไม่มีหลังคา

2. นิสัยไม่ชอบล้างรถบ่อย

3. ขับไปจอดไหน ต้องระวัง

4. กลัวพี่ๆน้องๆ จะอิจฉาเรา


ออฟไลน์ oatekung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,002
    • อีเมล์
ถ้าผ่อนไหวก็ซ่อมไหว เพราะค่าซ่อมถูกกว่าค่าผ่อนทั้งปีแน่นอนครับ
ถ้ายังเก็บเงินเพื่อเกษียณพอแล้ว ก็ให้รางวัลตัวเองบ้างก็ดีครับ
คนเราชีวิตไม่แน่นอน ขับรถที่ความปลอดภัยสูงไว้ก็ดีครับ
อย่างพวกที่หาเงินเป็นแล้ว เสียตังค์ไม่กลัว กลัวตายครับ
ยิ่งในประเทศไทย ขับรถกันโคตรน่ากลัว  ตายเยอะกว่าซีเลียอีกมั้งครับ

ออฟไลน์ Xtrail

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 139
ตัดใจไม่ลงซักทีกับค่ายรถอังกฤษ...ไปเยอรมันตลอด  แต่ใจเสียดายมาก   มีแต่เสียงร่ำลืออันโหดร้ายย

ออฟไลน์ Nikle_pk

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,678
เชื่อผมเถอะ
มีหลายคนมากๆ รวมทั้งผมด้วย
ที่เสียเงินซื้อ premium car มาแล้ว
แต่รู้สึกถึงการใช้งานที่มันด้อยกว่า
D-segment ญี่ปุ่นบางรุ่นซะอีก

Premium car ถ้าไม่ขับเร็วๆ
หรือ ถ้าไม่เกิดการชนหนัก ส่วนตัว
ผมว่า D-segment บางรุ่นทำได้ดีกว่าอีก

ถ้ายังไม่ทันซื้อ และไม่ได้เน้นเรื่องภาพลักษณ์
เชื่อผมเถอะ D-segment ตัว Top ดีกว่า
Premium car ตัวล่าง เผลอๆ ดีกว่าตัวบนๆอีกครับ
(ในบางรุ่นนะครับ)

เรื่องค่าบำรุงรักษา ไม่เจ็บหนัก เท่าราคาขายต่อหรอกครับ
เชื่อผม ปีเดียวหายไปเป็นล้านครับ ถ้าขายต่อ
My Review !!! New Vellfire 2.5ZG Edition !!!
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=44242.0

ออฟไลน์ Pegasus7700

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,815
การตัดใจไม่ซื้อสิ่งที่คุณจะไม่ได้คือ
คุณจะผิดหวัง และรุ้สึกคาใจครับ. การที่กังวลค่าซ่อมบำรุง
แปลว่าคุณไม่ได้อยากได้มันมากพอ

อยากได้ต้องซื้อครับ. หากประมาณว่าไหวแล้ว
แต่หากบอกว่ากังวลค่าซ่อม.  แปลว่าไม่ไหวนะ
...ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป...

MERCEDES BENZ W212 '12
FORD FOCUS 2.0 Gdi '13
HONDA Civic RS '20
VOLVO XC60 Hybrid Inscription '19
FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo '22

ออฟไลน์ GoatGoat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 895
ชอบแล้วพอไหวก็ซื้อไปเถอะครับ ขับตอนนี้กับเก็บเงินไปขับตอนอายุมากๆมันสนุกไม่เท่ากันหรอกครับ บริบทในชีวิตมันไม่เหมือนกัน
เรื่องค่าซ่อม ถ้าคุณมีเงินพอซื้อรถระดับนี้ได้ ค่าซ่อมก็ไม่เกินความสามารถในการหาเงินคุณหรอกครับ