DAY7-วันสุดท้ายจะตื่นเช้าไม่ไหวเลยขอสายๆ ละกัน ตื่นมาเมียก็จูงมือไปตามหากระเป๋าม้าน้อย เดินไปถึงที่ร้านตอนเก้าโมงเช้า คิวยาวไม่ใช่เล่น
-สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว ตัดคิวตรงหน้าพอดี เสียใจ แนะนำใครอยากได้ต้องมาต่อคิวเช้ากว่าเก้าโมง!!!
-ตรงข้ามร้านม้ามีร้านชา ขบวนผู้คนก็ข้ามถนนไปที่ร้านชาโดยอัตโนมัติ
-วันนี้เลยว่างๆ ไปเก็บตกตามสถานที่ยังไม่ได้ไป เริ่มด้วยนั่งรถเมย์ไป
วิหารซาเคร-เกอร์ (Sacré-Cœur พิกัด : 48.886359, 2.343110)ตั้งอยู่ในย่านมงมาทร์ อยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดของกรุงปารีส
-ตัวโบสต์ก่อจากหินปูนประเภททราเวอร์ทีน โดยคุณสมบัติพิเศษของหินชนิดนี้จะมีการคายแคลเซียมออกมาเป็นระยะ
ทำให้คงความขาวของสิ่งปลูกสร้างได้ยาวนาน ในสภาวะภูมิอากาศต่างๆ ได้
-ภายในจะออกสีขาวตัดกับสีทอง สวยงามไม่ธรรมดาจริง
-ย่านมงมาทร์ เป็นย่านที่เลื่องชื่อเรื่องความไม่ปลอดภัย อย่าพยายาม*อย่า*ไปช่วงเย็นหรือคนน้อย ผมไปเกือบเที่ยงยังโดนพี่มืดเป็นกลุ่มกระชากมือ ผมกระชากกลับแล้ววิ่งเลยเลยรอดไป
เดินขึ้นวิหารต้องเดินขึ้นเนิน ถ้าใครไม่อยากฝ่าฝูงคนก็ลองนั่งรถรางขึ้นไปแทนได้ ถึงหน้าวิหารเลย
-เดินมุดๆ ข้างวิหาร งงๆ หลงทางอยู่ดีๆ ก็ไปเจอ
"ผนัง ฉันรักคุณ" (le mur des je t'aime พิกัด : 48.884834, 2.338551) โดยบังเอิญคนเยอะทีเดียว
ย่านนี้เป็นย่านศิลปะ เลยจะมีงานปั้น งานเพนท์ตามพนัง และร้านขายของอาร์ทเต็มไปหมด ไม่พลาดขอสักรูปก่อนไปต่อ
-ต่อมาก็มาถึง
โรงละครมูแลงรูจ (Moulin Rouge พิกัด : 48.884148, 2.332249) อาคารโรงละครเป็นรูปกังหันลมสีแดงขนาดใหญ่ สักรูป!
-จากนั้นก็นั่งรถเมย์ต่อมาลง Opéra แวะเยี่ยมชม
โรงอุปรากรปาแลการ์นีเย (Palais Garnier; Opéra de Paris พิกัด : 48.871929, 2.331787)- เป็นโรงอุปรากรตั้งอยู่ในกรุงปารีส ที่สร้างโดย ชาร์ล การ์นีเย ริเริ่มโดยจักรพรรดิ์นโปเลียนที่ 3 เป็นสถาปัตยกรรมแบบฟื้นฟูบาโรก โรงอุปรากรปาแลการ์นีเยถือกันว่าเป็นงานสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของยุค
และยังเปิดใช้ในการแสดงถึงทุกวันนี้ วันที่ไปก็มีการแสดงบัลเล่ต์ เลยไม่สามารถเข้าไปชมด้านใน ได้เดินชมรอบๆ เท่านั้น ><
-ชมรอบๆ จนไปถึงห้องโถงใหญ่สุดอลังการ ดูไป ดูมาสวยกว่าห้องกระจกของพระราชวังแวร์ซายส์ ซะอีก
ดูจนครบก็เย็นแล้ว ถึงเวลา ดินเนอร์ มือสุดท้ายก่อนกลับไทย ขอล่องเรือชมแม่น้ำเซนดีกว่า
-ร้านชื่อ Le Calife เป็นเรือล่องไปตามแม่น้ำเซนชมกรุงปารีสพร้อมกับดินเนอร์ใต้แสงเทียน แต่....ต้องจอง (
http://www.calife.com/english/index.html)
ไม่ได้จองล่วงหน้าไว้หน้าเว็บไม่ให้จองแล้วเลยเลยโทรไปถาม สรุปยังว่าง ส่งเมลยืนยันการจองกันอีกรอบเสร็จแล้วถึงเวลาก็ไปเลย
-เดินไปขึ้น
ท่าเรื่อ Le Calife (พิกัด : 48.857978, 2.336838) แจ้งชื่อกับแล้วพนักงานพาไปที่โต๊ะ ขนมคลายชูครีมทอดสอดใส่ชีส ทานคู่กับแชมเปญ
มอมกันตั้งแต่เรือยังไม่ออก พอสองทุ่มครึ่งกัปตันก็บอกพร้อมเดินทาง.....
-เรือล่องไปอย่างช้าๆ แสงอาทิตย์ก็ค่อยๆ เลือนหายไปจากท้องฟ้าเช่นกัน
-เรือล่องผ่านวิหารมหาวิหารน็อทร์-ดาม จากนั้นก็กลับลำและล่องต่อไปอย่างช้าๆ ให้ได้เก็บรูปสวยๆ
-จากนั้นบริกรก็เริ่มเสิร์ฟอาหาร ในเรือเป็นกระจกรอบ ข้างในอุ่นดีแต่ข้างนอกหนาวมากกกก
-ชุดเมนูที่เลือกเราเลือกชุดถูกสุด มี 3 จาน ใน STARTERS มีให้เลือก 3 อย่าง แฟนผมเลือก แซลมอนทาทา รสเบาๆ เปรี้ยวนิดๆ เรียกน้ำย่อย
-จาน STARTERS ของผมเลือก สลัดฟัวกราส์ น้ำสลัดรสเปรี้ยวตัดความมันของฟัวกราส์ กับผักสด สดชื่น...
-ทานเสร็จเรือก็ลอยมาถึง จุดที่สวยที่สุดก็ว่าได้ คือหอไอเฟล ฟ้ามืดพอดีและหอไอเฟลเปิดไฟได้สวยงาม
-ออกไปถ่ายรูปเก็บบรรยากาศได้ไม่นาน ทนหนาวไม่ค่อยไหว รีบลงกลับมาที่โต๊ะ MAIN COURSES ก็มาพอดี ของแฟนเลือกสเต็กปล้ากระพงเสิร์ฟพร้อมข้าว
อร่อยแบบเบาๆ รู้สึกสุขภาพดี
-จานของผม สเต็กเนื้อสะโพก แบบมีเดียม หันแล้วเลือดอาบ ฉ่ำๆ ท่านกับซอสพริกไทย อิ่มกำลังดี
-เรือล่องไปจนสุดกำลังวนกลับ ไปถึงเทพีเสรีภาพอันน้อยได้มา 1 รูป ประทับใจทีเดียว
-ของหวานเลือกเหมือนกัน อยากได้อะไรเปรี้ยวๆ เลยสั่ง แป้งทอดสอดไส้แอบเปิล มาคู่กับไอสครีมรสวนิลา เป็นจานปิดท้ายได้ลงตัว
-เรือกลับถึงท่า เป็นการปิดทริปที่ดี การล่องเรือที่โรแมนติกจริงๆ แต่อาหารไม่ได้ว้าวมาก หรืออาจจะเพราะเริ่มเบื่ออาหารฝรั่งแล้ว
แนะนำให้ไปแต่วันแรกๆ ของทริป คิดว่าจะฟินทั้งอาหารและบรรยายกาศแน่นอน ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
-เป็นทริปเที่ยวยุโรปครั้งแรกที่ไปกันเอง ถือว่าประทับใจทีเดียว ได้เที่ยวครบที่อยากไปในราคาที่รับได้ หมดท้ังทริปค่ากิน-ค่าเที่ยว-ค่าเดินทางทุกอย่างไม่รวมช็อปหมดไปประมาณ7x,xxx-
-แต่ที่ทำให้หมดสนุกอยู่บ้างก็คงเป็นการระวังตัวจากพวกโจรขโมย แต่โชคดีช่วงที่ไปเป็นช่วงใกล้วันเลือกตั้ง ทำให้มีตำรวจและทหารเดินวนเวียนแถวสถานที่สำคัญ และรถไฟใต้ดินในบางสถานี
รู้สึกอุ่นใจขึ้นนิดนึง แต่ก็ยังต้องระวังตัวโดยเฉพาะรถไฟใต้ดิน
-เคยได้ยินก่อนที่จะไปว่าคนฝรั่งเศสไม่ค่อยมีน้ำใจ แต่พอไปสัมผัสเองก็ต้องยอมรับว่ามีบ้างแต่ก็มีคนน่ารักๆ อีกเยอะ คุณลุงที่เจอบนรถเมล์ช่วยบอกวิธีการใช้ตั๋วรถ ชาวเยอรมันที่เข้ามาช่วยเหลือตอนขับรถลุยหิมะ
พนักงานที่ช่วยบอกว่าทำไมต้องถอดชุดนอกทุกครั้งเวลาเข้าในร้านหรือสถานที่อุ่นกว่าสภาพอากาสภายนอก การต้อนรับการบริการของพนักงานมีทั้งดีบ้างแย่บ้าง
-ทริปหน้าถ้ามีโอกาสได้ไปอีกก็คงจะเป็นยุโรปเป็นตัวเลือกแน่นอน ส่วนจะตะลุยประเทศไหน....ค่อยว่ากัน!!!
-ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม ไว้มีโอกาสจะมา Review ทริปเที่ยวเรื่อยๆ นะครับ