« ตอบกลับ #4 เมื่อ: สิงหาคม 25, 2017, 15:50:12 »
ผมมองว่ากลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อ รวมถึงฟลีทรถเอง ไม่ได้ติดปัญหาเรื่องเทคโนโลยีมากมาย คนรอบตัวมีทั้ง กลางคน ถึงแก่ คนที่มีรายได้ดีพอที่จะซื้อ C-E ไม่ค่อยมีใครบ่นเรื่อง hybrid ออกไปทางกังวลว่าซ่อมนานมากกว่า
หลักๆที่ panic เรื่องการซ่อมเป็นหลักน่าจะเป็นกลุ่ม entry - mid level มากกว่า ฉะนั้นเครื่องสันดาปคงไปอัดอยู่ใน A, B และ C ตัวเริ่มต้น
ยิ่งเป็น S ที่เป็นรถฟลีท รถบริษัทมากกว่ารถส่วนตัว คงไม่เอาเครื่องแรงใส่ให้เปืองน้ำมันแล้ว วิเคราะห์อื่นๆตามเม้นบนละเอียดยิบ
ปัญหาจะไปหนักคนชอบเล่นซากเบนซ์มากกว่า(ไม่ใช่กลุ่มซื้อมือสองทั่วไป) ที่คอยเก็บตอนมันตกยุคเอามาเล่นต่อลำบาก จะเอาเครื่องโตต้ามาใส่ก็รับไม่ได้เพราะไม่ได้เก่าขนาดนั้น กับคนรุ่นเก่าที่กลัวเทคโนโลยี
จริงๆมองว่า lexus เป็น pioneer ด้าน hybrid มากกว่า ที่เน้นเหลือเกิน แต่ปัญหาไม่ค่อยมีเนื่องจากรถขายน้อยมาก
gen นี้เป็นรุ่นทดลองซ่อมให้ flow อนาคตอาจจะเป็น ev ล้วนๆในรุ่นบนเลยก็ได้คงจะแยก line performance กับ entry ที่จะมีเครื่องธรรมดาอยู่
เหมือนตอนนี้ porsche เองก็ลงตลาดทำ ev performance ละด้วยนิ
ในไทยตราดาวถือเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จหรูหราโอ่อ่า ถ้าไม่ได้เน่ามากจิงๆ ยังไงก็ขายได้
หลายๆคน panic กันเองเพราะชอบมีคนบอก ใช้ยาวต้องดีเซล ใช้แปบๆขายต้องไฮบริด ฟังๆต่อๆกันมา เห็นเพื่อนใช้ prius/camryhybrid ตั้งแต่มันออกใหม่ๆก็ไม่เห็นจะบ่นซ่อมหนักกัน ก็ตามระยะตามสภาพกันไป