เดือนที่แล้วได้ ย้อนวันวาน ในเรื่องชีวิตส่วนตัว
เดือนนี้ขอย้อนวันวานในเรื่องรถ ตั้งแต่ ม.2 ขึ้นมา โดย คัดเฉพาะ ที่ผมประทับใจ
สมัยก่อนผมชอบแต่งรถมากกกกกก และผมเชื่อว่าหลายคนในที่นี้ ต้องเคยเปลี่ยนท่อ, เปลี่ยนล้อ, แต่งเครื่อง และอื่นๆ อาจจะเพื่อความสวยงาม หรือเพื่อความแรง ก็ตามแต่..
จาก "ปสก.ตรง" เมื่อครั้งยัง "ละอ่อน"
ที่ไหน เขาว่า แรง เขาว่าดี ผมก็ "เฮ" ไปกับเขาด้วย
ไอ้ "เขาว่า" มันมาในหลายรูปแบบ เช่น หนังสือรถ, เพื่อน, เพื่อนของเพื่อน, ลอยมาตามลม หรือแม้แต่ "สูตรผีบอก" ก็ตาม
รถที่ผมประทับใจ จากจำนวน สิบกว่าคัน ที่เป็นเจ้าของและรวมถึงใช้อยู่ตอนนี้
ตอนนั้น สมัยนั้น รถคันแรกที่ได้มาเลย คือ
Subaru 1800 GFT-5 Coupe คันนี้เป็นรถส่วนตัวของผม เป็นรถคันแรกเลยที่ผมได้มา เป็นรถใหม่ป้ายแดงต่อจาก คุณพ่อ
ซึ่งพ่อผมได้ใช้ไปแล้ว สองหมื่นกว่าโล
ยังเด็กอยู่เลย ใบขับขี่ก็ไม่มี แต่ขับ "Coupe" 2 ประตูแล้วนะ...
รถแรง ขับมัน ภายในล้ำกว่าเพื่อนร่วมรุ่นในยุคนั้นเลยนะ ในยุคนั้น ในรถ Class เดียวกันหรือใหญ่กว่าหน่อย ผมยังไม่เคยเจอคันไหน มาสวนคันนี้ได้เลยนะ!!
การขับในตอนนั้น น่าจะอารมณ์เดียวกับ "กระบะบ้าพลัง" ในตอนนี้
ยังเด็กมาก ยังไม่รู้ว่าอะไร คือ "อันตราย"
ยางติดรถ ขอบ13" ทนความเร็วได้เท่าไรก็ไม่รู้ เรือนไมล์สูงสุด 180 ตามกฎหมายญี่ปุ่น เพราะคันนี้ "Made in Japan" แท้ๆ
แต่ลากสุด 4 ส่ง 5 ก็ "ร้อยแปด" แล้วนะ
คันนี้วิ่งได้ทะลุไมล์ วิ่งจริงๆ
อ่อ คันนี้ เกียร์เดินหน้า 5 Speed ถือว่าเป็น "ตัวจี๊ด" และทันสมัยของยุคนั้นๆ เลยนะ!!
ข้อเสีย ของคันนี้ คือ ล้อแต่งหายากกว่าใครเขาเพื่อน เพราะ รูพิศดาร มัน 4รู 120 หรือไงนี่แหละ แต่ถึงมีเปลี่ยน ก็ใช่ว่าจะมีตังค์เปลี่ยนนะ!!
คันนี้เดิมๆ ทั้งคัน ยกเว้นเครื่องเสียง กว่าจะเก็บ ค่าขนม ใส่ได้ ก็นานพอดู
Front Pioneer รุ่นเล็ก + 6X9 ของ Pioneer อีก 1 คู่ จบ
ท่อเดิมมันเงียบ แต่เสียง Boxer มันเร้าใจมาก แต่ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่า มัน คือ ลักษณะของเสียงเครื่อง นึกแต่ว่ามันสะดุด
แต่เร่ง ติดตีน ชะมัด ตอนนั้นผมอยากให้ท่อมันดังอีกหน่อย แต่ตังค์ก็ไม่มี บังเอิญไปเล่นที่ร้าน คนเคยเป็นเพื่อน ที่เป็นร้านท่อไอเสีย
และ เหลือบ ไปเห็น ปลายท่อของรถบัสที่เขาทิ้ง มันเหลืออยู่ เลยให้ช่างที่ร้านมัน แปลง ใส่ให้
ก่อนใส่ มีแต่คนห้าม ว่า "มันใหญ่ไป" เดี๋ยวมันจะตลก เดี๋ยวมันจะทุเรศ เดี๋ยวมันจะเสียรถนะ เพราะปลายท่อเดิมติดรถ น่าจะแค่ 1 ½ แค่นั้น
แต่ปลายท่อรถบัส น่าจะ 3 ไม่ขาด แต่อาจจะเกินนิดหน่อย!!
แต่ผมจะใส่!! ทำไปผมจะใส่!!
พอใส่เสร็จ ส่ายหัว กันเป็นแถว แต่ผมชอบ!!!
เสียงมันแตกและห้าวมากกว่าเดิมเยอะ แต่ในเก๋งยังเงียบเหมือนเดิม
ก็แหง๋ล่ะ มันเปลี่ยนแค่ปลายท่อนี่หน่า!!
ใส่แล้ว รถไม่ได้วิ่งมากกว่าเดิม แต่ใจรู้สึกเองว่า มันเจ๋ง
ไม่รู้ว่า HKS แอบมาเห็นรถผมแล้ว นำเอาไปเป็นต้นแบบ Super Drager หรือเปล่านะ!!!
คันที่สอง คือ Isuzu มังกรทอง 90HP ปี1990 หรือ 91 โดยประมาณ คันนี้แต่งเยอะมากกกกกก
ล้อติดรถมาเป็น ยางหนาขอบ 14 ยางบรรทุก ก็อย่างว่ามันเป็นรถกระบะ มันก็ต้องเป็นแบบนั้น
คันนี้ออกจากศูนย์ปุ๊ป ก็วิ่งไปหาร้านแม็กร้านยางทันที
เลือกลายเอง หกก้านยี่ห้ออะไรจำไม่ได้ ขอบ15x8.5 Offลึกๆ ยาง 205/50-15 Pirelli P7 มันก็จะดึงแก้มยางป่องๆ แบบโดนัท
ต้องเติมลมยางแข็งๆ ไม่งั้นเดี๋ยวมัน "ซึม" ปัจจุบันนี้ เขาเรียกว่า "Flush Style" ใช่หรือเปล่า ไม่แน่ใจ
ล้อยื่นออกนอกตัวถังประมาณ 2 เห็นจะได้ จับโหลดทันที!! ด้านหน้า 4 หลัง 6 ในวันแรกและครั้งแรก
กลับถึงบ้าน โดน สวด ยับ แถม "คนรถ" ที่ๆ บ้านให้ไปออกรถด้วยก็โดนไม่เหลือ!!!
จากนั้นมาคันนี้ก็ค่อยๆ สาละวันเตี้ยลง
เตี้ยจนมันเตี้ยไม่ได้ แต่ด้วย ใจเกินร้อย
มันเลยต้อง เว้าแชสซีย์ ตัดเข้าไปครึ่งของความหนาแชสซีย์เลย แล้ว ดาม เพิ่ม ให้แข็งแรง
โหลดจนไม่รู้เลยว่า กดไปกี่นิ้ว!! รู้แต่เพียงว่า หูแหนบห่างจากพื้นแค่กล่องฟิลม์แนวนอน
เตี้ยขนาดที่ว่า ตกหลุมนิดหน่อย หัวเพลาหลังมากระแทกกับพื้นกระบะหลังเลยทีเดียว!!
วิธีแก้ เสียงดัง "แคร้ง" ที่มันกระแทก รองเท้าแตะสีเหลือง ต้อง "สีเหลือง" ด้วยนะ มันแนวดี
ถอดหูออก แล้วทากาวยางปิดบนหัวเพลาซะ แค่นี้ก็เงียบ!!
แต่ถึงยังไงมันก็กระแทกจนพื้นกระบะมัน "ดุ้ง" ขึ้นมาอยู่ดีนะ
มีครั้งนึง "ยางรั่ว" จะเอายางอะไหล่จากท้ายกระบะออกมาเปลี่ยน
เออ... เอายางลงได้ แต่ดึงออกจากด้านท้ายไม่ได้ เพราะมันเตี้ยไป
สมัยนั้นยังไม่มี ถุง นะ สดอย่างเดียว จะมีทันสมัยหน่อยก็ Hydrolic แต่แพงเหลือเกิน...
ล้อคันนี้ เปลี่ยนไปมาหลายแบบหลายแนว เกิน 10 ชุด!!
ชุดสุดท้าย ก่อนขายคันนี้ไปเป็น Lorinser RSK II แท้ + Yokohama AVS 215/45-17
โคตรแพงในสมัยนั้น
สมัยนั้นภายใน เขานิยม ครีม เขาว่าหรูแบบ เบนซ์
แต่ผมนั่งรถเพื่อนแล้วรู้สึกว่ามัน สะท้อนแดดแล้วแยงตา เลยไม่เอา
พวงมาลัย Benetton 4 สี หัวเกียร์ ลูกสนุ๊ก กระจกมองหลังยาวเต็มกระจกหน้า 5 ช่องหรือ 7 ช่องนี่แหละ
ถ้าไฟหน้าคันหลังสูงหน่อย รถเราสว่าง แ_งทั้งคัน!!
เครื่องเสียงพอควร Front Alpine 7611 คู่หน้า MB Quart 6 แยกชิ้น + Sub Boston 10 1คู่
Amp อะไรจำไม่ได้ 2 ตัว ส่วน CD changer ไม่ได้ใส่ เพราะ โคตรแพง และทนสะเทือนไม่ค่อยได้
อ่านหนังสือรถมา อยากแรงต้อง "ยัดหอย"
เรื่องร้านก็ "เดา" เอา จากหน้าโฆษณา เลือกที่มันไม่ไกล จากบ้านที่กรุงเทพนัก เพราะ "กลัวหลง"
จิ้มเลย เอาร้านนี้แหละ!!!
ความแรงของเครื่องเดิม จับยัด Turbo Nissan Z18 boost แค่ 7psi + แต่งปั้มช่วย
เกจ์วัดบูสถ์ดีๆ ที่ร้านมีขาย แต่ผม "งบหมด"
ก็เลยต้อง "ดัดแปลง" เอาเกจ์วัดลมของถังแก๊สเชื่อม เลือกเอาแบบที่ "PSI" น้อยสุดมาใช้
ถ้าจำไม่ผิด มัน 30 หรือ 50 psi นี่แหละ
แต่รถผม บูสถ์สูงสุดแค่ 7psi มันเลย "กระดิก" นิดๆ ให้จิตใจกระชุ่มกระชวย ก็ดีใจแล้ว
ตอนติด Turbo ทางร้านถามว่าใส่ พักกลาง ด้วยไหม?
ด้วยความที่กลัวมันดังมาก เลยขอพักกลาง+ท่อออกท้าย
พอติดตั้งเสร็จ เอาออกมาลองวิ่ง รู้สึกได้ว่ามันวิ่งดีกว่าเดิม แต่เงียบไป ไม่ถูกใจวัยรุ่น เลยต้องแก้ใหม่
แต่ร้านบอกว่า ถ้าจะเดินท่อใหม่ต้องคิดเงินเพิ่ม!!
เลยถามกลับว่า มีแบบไหนที่ไม่ต้องจ่ายเพิ่มไหม? ตังค์หมดแล้ว!!
ร้านบอกว่า ตัดตั้งแต่พักกลางทิ้งเลย ไม่มีค่าใช้จ่าย!! เอาไหม??
เอาซิ จัดไป อย่า! ไปรอ ตอนนั้นไม่สนแล้วว่ามันจะดังอะไร ยังไง
ขอให้มันดังอีก จะถูกใจมาก!!
สมใจอยาก!! แค่ start เสียงหอย ก็ร้อง "ครวญคราง" เร่งเบาๆ แ_ง ดังยังกับรถ GMC ทหาร
แต่ยอมรับเลยวิ่งมาก วิ่งมากๆ ลืมบอกไปว่า ราคา Turbo ทั้งชุดรวมติดตั้ง รวมท่อ 10,000 บาทถ้วน ในสมัยนั้น
ขนาดท่อไอเสีย 2 1/2 เหล็กล้วน ตัดสั้นแล้ว ออกหน้าเพลา กดลงพื้น
เวลาวิ่งทางฝุ่น ยังกับ ยานอวกาศ Landing พื้นโลก!!
คันนี้ "ต้องตา" แมวมองจากหนังสือรถเลยได้ "ฉายรูป" ลงเล่มกับเขาด้วยเหมือนกัน..
คันที่สาม ที่ประทับใจในตอนนั้น
ช่วงนี้หาเงินเองได้แล้ว และ บ้าแต่งรถ มากกกกกกก
Honda Civic ตาโต 1.6 VTEC เกียร์ธรรมดา
คันนี้ก็เช่นกัน ออกจากศูนย์เสร็จ ก็วิ่งหาร้านแม็ก
เริ่มต้นด้วย ALPINA "ก็อป" เลยจ้า 205/40-17 "โยโกะ ทาคาโน่" 510
ด้วย ประสบการณ์ โหลดมากพอควร แต่กำลังด้าน ทุนทรัพย์ ยังไม่มากพอ
เลยนำช็อคอัพเดิม นำมาทำเป็นสตรัทปรับเกลียว โดยให้ คนเคยเป็นเพื่อน ที่เป็นลูกร้านท่อไอเสีย
ช่วยทำให้ โดยที่ผมเป็น คนคุมงาน
ช็อคอัพ ไม่มีการตัด มาอัดน้ำมันใหม่โดยเด็ดขาด เพราะ ลองโง่ มาแล้ว
ที่ไหนว่าแน่ ลองมาหมด ไม่ทนซักราย
สปริงก็เช่นกัน ไม่มีการตัด แล้วมาขดใหม่โดยเด็ดขาด แข็งและไม่ทน ค่า K เสียไปตั้งแต่โดนความร้อนแล้ว
ช็อคอัพของรุ่นนี้ดี ผมสามารถเลื่อนถาดมาได้ต่ำมาก จึงสามารถทำให้รถเตี้ย แต่ยังคงนิ่ม
ต้องขอยืมสโลแกนของร้านโหลดประจำของผม เตี้ย นิ่ม สวย
ล้อคันนี้ก็เปลี่ยนไปมาเป็น สิบกว่าชุด เช่นกัน
ชุดสุดท้าย ก่อนขายไป คือ BBS RS ก็อป ขอบสองชั้น ล้อหลังโหลดถึงขอบแม็ก ด้านหน้าโหลดอมยางหน่อยๆ
ด้วยขอบมันลึก ทำให้ ยัดไม่เข้า ถ้าใส่ก็โหลดไม่ได้
บ้าไม่บ้า คิดดู ตัดขายึดปีกนกบนให้สั้น เชื่อมแล้วดามเพิ่ม เพื่อให้มัน แบะ เพื่อยัดล้อชุดนี้เข้าไปได้!!
เครื่องเสียงคันนี้ จัดเต็มมาก ชุดใหญ่พอควรเลย Front Pioneer รุ่นใหญ่ ตระกูล 8
ลำโพงหน้า-หลัง MB Quart 6 ½ ผ่าน Power Amp Denon
ซับ 12 JBL 1000GTi ขับด้วย Kenwood 1023
ปรุงแต่งรสด้วย Pre Zapco SXSL กระหึ่มสุดติ่ง
สมัยนั้น อู่ทำฮอนด้าดังๆ มีเยอะนะ ไม่ว่าจะแถวลาดพร้าวร้อยกว่า หรือหลัง ABAC ราม
ผมเคยคิดจะ ติดหอย แต่รู้สึกว่า มัน หลายอัฐ มากไปหน่อย แถมยังต้องทำอีกเยอะพอควร มันจึงจะวิ่งได้ดีและวิ่งได้ทน
และผมยังต้องเดินทาง ไป-กลับ "บ้านนอก" ค่อนข้างบ่อย ผมจึงล้มเลิกความคิดนี้ไป
ผมจึงให้ร้านดัง ย่านพัฒนาการ ทำขัดลื่น ขัดพอร์ต เจียแคม สูตรของทางร้าน
ใส่ Header ของ Spoon ท่อใหม่ใหญ่กว่าเดิมอีกนิดๆ พร้อมพักปลาย HKS Super Drager
วิ่งขึ้น ลื่นขึ้น แต่รอบต้นๆ เหมือนแรงไม่ค่อยมี แต่ถ้ารอบสูงแล้ว จี๊ด กว่าเดิมเยอะ
TEC เปิด โลกเปลี่ยน
Civic นี้ก็ "ต้องตา" แมวมองอีกคัน ได้ลงหนังสือแต่งรถชื่อดังในตอนนั้น และเขาขอให้ไปจอดโชว์ที่หน้าสถานบันเทิงแถวรัชดา
ให้ "หนึ่งเมา" สำหรับสี่คน แถมได้ "Black" มาอีกขวด!!
ช่วงที่อยู่ กรุงเทพ
ขับแต่รถยนต์ มันเบื่อ จะซื้อมอไซค์ ที่บ้านก็ห้าม ถ้ารู้ โดนด่า แน่นอน
แต่มันอยากได้ ทำไง?? แอบซื้อซิคร้าบ
VFR400RR NC30 เป็นรถมือสองจากญี่ปุ่น เป็นมือหนึ่งในไทย จำได้ว่า ซื้อมา แปดหมื่น พร้อมทะเบียน
เอามาไว้ขี่เล่นตอนค่ำคืน คิดว่าตัวเองเป็น อาหลาง
คันนี้แต่งไปนิดหน่อย แค่เปลี่ยนปลายท่อเป็นของ Moriwaki Mark II
ขี่สนุก รอบจี๊ แต่ถ้าติดไฟแดงก็ โคตรร้อน และถ้าขี่นาน เมื่อยข้อมือ เมื่อยคอ ปวดหลังพอควร
ขนาดตอนนั้นยังหนุ่มๆ นะเนี่ย ถ้าเป็นตอนนี้คงขี่ได้ ไม่กี่สิบโล ลงมาอาจจะเดินไม่ได้!!
คันสุดท้ายที่ประทับใจ
หาเงินได้ ช่องทางดี กำไรเยอะ
ขุนแผนเยอรมัน คือ คำตอบที่ดีที่สุด ในตอนนั้น
MB C220 Elegance สี Silver ประกอบนอก ป้ายแดง สั่ง Option เอง
ตอนไปจอง ได้เจอกับ นางเอกดัง ที่เคยแสดง รองต๊ะ แล่ปแปล๊บ เธอสวยจริงๆ
ไอ้เราก็ จะหรู แล้ว
มี Rolex "สองกษัตริย์" Boysize ใส่,
เสื้อ Ralph Lauren POLO + Armani Jean + Salvatore Ferragamo Shoes แล้วนะ
เหลือแต่ MB ที่สั่งยังไม่มา แต่สนใจจะนั่ง C220 กับผมไหมน้อ?
แต่พอเหลือบไปเห็น แฟนเธอที่เป็น ญ ข้ามเพศ ขับ W140 S500 Coupe เท่านั้น
ความหวัง หมาน้อย เป็นอัน จบข่าว!!
คันนี้ก็เช่นกัน ออกมาปุ๊ป วิ่งเข้าหาร้านแต่งปั๊ป
แต่ผิดกันกับคันอื่นตรงที่ ไม่ได้วิ่งเข้าร้านแม็กก่อน
แต่วิ่งเข้าร้านเครื่องเสียงก่อน เพราะ รถรุ่นนี้ไม่มี เครื่องเล่นมาให้จากโรงงาน!! มีแต่ฝาดำๆ ปิดไว้ เพื่อลดภาษีนำเข้า!!
ไม่มีเครื่องเล่นมาให้ แต่มีลำโพงมาให้!! แปลกดีไหม? ลำโพง "ตราดาว"
เจ้าของร้านเครื่องเสียงชื่อดัง ย่านรัชดานี่ ผมอุดหนุนเขา ตั้งแต่ร้านเขายังเป็น สวนมะม่วง อยู่เลยนะ
และก็เหลือเชื่อมาก เขาจำผมได้ทุกวันนี้ ขนาดไปเจอที่มอเตอร์โชว์ล่าสุดนี่ เขายังมาทักทายและ คุยวันวาน กันอยู่เลย
คนเราจะจำกันได้ดี มีอยู่ 2 เรื่องหลักๆ
ดีได้ใจ กับ ชั่วได้ใจ!!
คันนี้เริ่มเบาๆ แค่ใส่ Front เป็น Pioneer M850 กับ Amp ง่ายๆ หนึ่งตัว แต่ยังลำโพงเดิมติดรถอยู่ ตู้ CD ก็ยังไม่ใส่
เพราะยังเผื่อเอาเงินไปเปลี่ยนล้อใหม่ แทน กระทะล้อ ที่ปิดด้วยฝาครอบพลาสติกตราดาวจากเยอรมัน
เจ้าของร้านเครื่องเสียงนี้ ก็เพิ่งออกรถมาเป็น C220 โฉมเดียวกันกับผม แต่ของแกเป็นรุ่น Sport แอร์หมุน เบาะผ้า
ส่วนของผม หนังแท้ตัวดีที่สุดเท่าที่มีให้เลือกในตาราง แอร์ดิจิตอล
มี เบนซ์ ถ้าจะเปลี่ยนล้อ จะนึกถึงล้ออะไรเป็นลำดับแรก?
ใช่ ต้อง AMG เลือกเลย 5ก้านหนาๆ ชื่อรุ่นอะไรไม่แน่ใจ เอาแค่ ขอบ 17 หน้า-หลังต่างขนาด
เพราะ กลัวกระด้าง เสียเบนซ์
ยาง 225/45-17 หน้า และ 245/40-17 ในด้านหลัง + สปริงโหลด Eibach รุ่นที่เตี้ยลงมานิดหน่อย
ใช้ไปได้ไม่กี่เดือน รู้เลยมัน ติ๋ม มาก เสียดายเงินที่เปลี่ยนมาก็เสียดาย แต่ต้องไปต่อ...
Carlsson ขอบ18 ก็มา ลายซี่ๆ น่าจะรุ่น 1/16 ยางมิชลิน 225/40-18 ตัว Top
โหลดเพิ่มด้วยสปริง Eibach รุ่นที่มันเตี้ยสุด เปลี่ยนยางรองสปริง ใส่แค่ หนึ่งติ่ง หน้า-หลัง + ช็อคอัพยอดนิยมในยุคนั้น
KONI เหลือง ตัวสั้น ด้านหลังเกือบถึงขอบแม็ก ด้านหน้า ปริ่ม หัวยาง
จบไประยะหนึ่ง...
กลับมาเครื่องเสียงต่อ คราวนี้ เล่นใหญ่
ไปที่ร้านเดิม รถเจ้าของร้านตอนนี้ มาครบ แล้ว
ล้อ Lorinser RSK II + Aeropart รอบคันจาก AMG + สปริงโหลด Eibach ในด้านหน้า แต่ในด้านหลังสปริงเดิมติดรถ!!
คงคิดแล้วใช่ไหมว่า มันคง ดูไม่ได้ ตลกแน่นอน ท้ายโด่ง
แต่เปล่าเลย ท้ายมันเตี้ย สมส่วน เพราะมันหนักเครื่องเสียง ที่จัดเต็ม รวมถึง รูปแบบการติดตั้งที่ใช้แผ่น Stainless มาขึ้นรูป
รถผมเองก็เปลี่ยนใหม่หมด
Front Clarion 9170 + CD Changer 12 แผ่น โมเพิ่มเพื่อดู VCD
จะดูได้ไงถ้าไม่มีจอ!! ก็ใส่ Clarion TVX4151 จอสีแบบ Slide โคตรทันสมัยเลยกู ราคาถ้าจำไม่ผิด ณ ตอนนั้น 3-4 หมื่น!!
สำหรับ TV ตัวเดียวนะ
แม่เจ้า กูกล้าใส่ไปได้ไงว่ะเนี่ย!!!
ตอนนั้น Sony Kirara basso 29" ที่ห้อง ราคาอยู่ "หกหมื่น" แต่นี่แค่ 4" ยัง 3-4 หมื่น!!
หน้า-หลัง AURA 6 ½ ซับ 12 จาก AURA เช่นกัน ขับด้วย PowerAmp MMAT 3 ตัว
สายลำโพง+สายสัญญาณ+สายไฟ อย่างดี ทั้งหมดนี้ หลายแสน
แต่เสียงที่ได้ ผมชอบมากนะ เบสนุ้มลึก เสียงนักร้องลอย รายละเอียดดี ชุดนี้ไม่จำเป็นต้องมี Pre-Amp เลยนะ
เครื่องเสียงจบ แต่ล้อยังไม่จบ ยังไปต่อที่
Carlsson 1/6, MAE, Brabus Block IV 1ชิ้น, Block IV 3ชิ้น ทั้งหมดเป็น ขอบ 18
ชุดสุดท้าย ก่อนเลิกแต่ง Brabus Block III 3 ชิ้น หน้าตื้น-หลังลึก 225/40-18 กับ 265/35-18 ตามลำดับ
ความเตี้ยยัง ลากดิน คงเดิม
หลายๆ คนในรุ่นผมที่อ่านอยู่นี่ อาจจะเคยเห็นคันนี้ ในที่จอด VIP ด้านหน้าทางเข้าของ Taurus, Narcissus หรือ Future เจ้าพระยามาบ้าง
เพราะ ผม "สถิตย์" แทบทุก ศุกร์ เสาร์!!
ส่วนแถว "เหม๋งจ๊าย" มีไปจอดเล่นบ้าง แค่คุยโทรศัพท์ แถวหน้าร้าน "ไม่ใช้มือ" ประมาณนั้น
คันนี้ไม่ได้แต่งเครื่อง ท่อไอเสียเปลี่ยนแค่ปลายท่อเป็นของ BRABUS กลมคู่ ไม่เฉียง
เพราะ รถมัน อืดมาก จะเอาไป วิ่งไล่ กับใครเขาคงไม่ไหว
ตอนนั้นจริงๆ มันก็มี "ชุดเพิ่มความแรง" จากนอกตรงรุ่นขายนะ แต่ราคาก็ "ตามดาว"
ส่วนในไทย ก็มีร้านรับ "ติดหอย" นะ ใช้ "หอยเล็ก" อัดแรงดันต่ำๆ จำไม่ผิด ไม่เกิน 5 psi แต่ราคาก็ไม่ได้ตาม "บูสถ์" นะ
"ดาวก็ยังคงเป็นดาว" อยู่เสมอ!!
และจริงๆ ที่ผมไม่เอา เพราะ คิดว่ายังไงมันก็แรงกว่านี้คงไม่เท่าไร และที่สำคัญ คือ กลัวว่ามัน "ไม่ทน"
ความ จุกจิก ก็ตามเรื่องตามราวรถยุโรป ผมใช้ไป เกือบสามแสนโล จึงยกให้น้องสาวไปดูแลต่อ..
ตอนนี้คันนี้ยังอยู่นะ เพียงแต่ยกขึ้นกลับสู่สภาพเดิมๆ ยกเว้นเครื่องเสียง ที่เปลี่ยนแปลงซ่อมแซม ตามเหมาะสม..
หลังจากรถที่ประทับใจที่ว่ามา
ผมก็แทบ "ไม่แต่งรถ แล้ว อาจจะมีนิดๆ หน่อย
เปลี่ยนล้อ+ยาง, เครื่องเสียงอีกนิดหน่อย ความแรงเครื่องยนต์แทบไม่แตะ
ยกเว้นคัน DMAX ที่ Remap ได้มารีวิวให้ฟังนี่แหละ
เป็นเพราะ มีครอบครัว เงินที่แต่งรถก็เริ่มจะเสียดาย
ศรีภริยาผม ไม่เคย ห้ามนะ จะแต่งรถหรือทำอะไรก็ตาม
เพียงแต่เธอว่า เอาไปซื้อนาฬิกาหรืออะไรอย่างอื่น ที่มันเบื่อแล้วขายต่อ อาจจะขาดทุนนิดหน่อย หรืออาจจะกำไร น่าจะดีกว่า...
หลายๆ อย่าง ในมุมของเธอ มันทำให้เรามอง ทำให้เราได้คิดในอีกมุม
แต่งรถไปเยอะแค่ไหน เวลาขายต่อ ไม่เคยเห็นมันจะบวกรวมไปในตัวรถ แถม "โดนกด" มากกว่ารถ STD อีกต่างหาก
แต่ก็ไม่ได้ จะไปต่อว่า คนที่นิยม "แต่งรถ" นะ
มันเป็นไปตามช่วงอายุ มันเป็นไปตามวัย
ตอนนี้คิดอีกแบบ ต่อไปอาจจะคิดอีกแบบ ในเรื่องๆเดียวกัน ก็เป็นได้
คนที่ชอบแต่งรถ ก็จงแต่งต่อไป..
ผมมีคำคมและกำลังใจมามอบให้...
"ตราบใดที่อำเภอยังไม่ปิด ผมก็ยังมีสิทธิ์แจ้งเกิดได้เสมอ..."