ผู้เขียน หัวข้อ: [เล่าสู่กันฟัง] จากสายซิ่งสู่สายประหยัดไปกับ ECO CAR 1.2L  (อ่าน 10195 ครั้ง)

ออฟไลน์ Fong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,018
  • Make a Choice and Don't Look Back
    • อีเมล์
เล่าสู่กันฟังครับ จากเมื่อก่อนที่ขับ Fortuner 3.0 5A/T กดกระจาย แซงได้ทุกที่ ขึ้นได้ทุกเนิน
คิดได้ที ก็ขับประหยัดที ขับได้วันเดียว มีคนมาปาด มาดัน ก็กลับมากกดเหมือนเดิม
แก้ไม่หาย จนภรรเมียยังเพลียจิต ขับโดยรวมเฉลี่ยได้ 10km/l

พอเปลี่ยนมาเป็น Yaris H/B ก็ยังแอบติดนิสัยเดิม คือพยายามจะเหยียบ เร่ง เค้น ให้ความเร็วมันขึ้นแบบเร็วๆ แบบที่เคยขับ
สิ่งที่ได้คือเร่งไปได้ช้ากว่าความเคยชินสมัย Fortuner 3.0 มากมายอย่างหาที่สุดไม่ได้
ถังแรกวิ่งในตัวเมืองตจว. เติมกลับไป 30ลิตร วิ่งไปได้ 375กม ตก 12.5km/l -> ช่างห่างไกลจาก 20km/l
ถังต่อมาวิ่งมอเตอร์เวย์ + วงแหวน 120km/hr ยาวๆ  เติมประมาณ 33ลิตร วิ่งได้ 500กม. ตก 15.15km/l -> ใจชื้นมาหน่อยว่ารถน่าจะปกติ

ทีนี่เลยลองต่อ ODB II เพื่อดูอัตราการบริโภคน้ำมัน (รุ่น J Eco หน้าจอไม่มีการแสดงข้อมูลการขับขี่) และลองปรับวิธีการขับ
จากเหยียบมิดตอนออกตัวเป็นการเหยียบประมาณ 2-3000 รอบ โดยเริ่มจาก 2000 ก่อน ถ้าออกไม่ค่อยดี ก็เร่งเพิ่มไปอีกนิด
เมื่อรถเริ่มขยับออกไป ก็เลี้ยงรอบเครื่องให้คงที่ แล้วปล่อยให้ความเร็วค่อยๆไหลขึ้นไป
ผลก็คือขับในเมืองได้อัตราสิ้นเปลืองเท่าวิ่งนอกเมืองละที่ประมาณ 15km/l  กำลังหาจังหวะขับข้ามจังหวัดแบบยาวๆ น่าจะดีกว่า 15km/l แน่นอน

จากนั้นก็มาคิดต่อว่าถ้าต้องขับอย่างนั้น จะเป็นภาระของรถที่มาต่อท้ายเรา เพราะเราจะออกตัวได้ช้ามาก
จึงต้องคอยวิ่งเลนกลางหรือเลนซ้าย โดยเฉพาะตอนติดไฟแดง เพื่อไม่ขวางทางรถที่ต้องการทำความเร็วในเลนขวา

ทำให้ขับช้าลง ขับเลนขวาน้อยลง แตรก็ไม่เปลี่ยน ให้มันเบาอย่างนั้นคนฟังก็จะคิดว่าแตรเสียงตลก เสียงน่ารัก ให้เป็นเรื่องขำขันไปจะได้ไม่โมโหกัน
และทำให้เราเข้าใจคนขับรถ Eco Car มากขึ้นว่าเขาเร่งได้แค่นี้จริงๆ

ถ้าถังไหนได้วิ่งได้ถึง 660กม.นี่ (20km/l) คงจะโดดจนตัวลอย 5555

Isuzu มังกรทอง, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer MK I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 MK I, Mazda2 MK II, D-Max Space, Fortuner, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer MK II, Lander MK III, Ranger MC, XL7, Forester SK

ออฟไลน์ Civic_FD

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 116
    • อีเมล์
โม้ด้วยคนครับ

ผมขับ Brio แล้วใจเย็นขึ้น  เรื่อยๆ  มีความสุข  พยายามเลี้ยงให้ไฟ Eco  ขึ้น

เดินทางไกลใช้ BRZ นานๆ กดที แต่ก็ไม่ได้ขับเร็วอะไร 90-110 ไม่ค่อยแข่งกะใคร เพราะกลัวกล้อง เสียดายเงิน  :-X

เพิ่งซื้อ Brio มา 1 เดือน  เห่อกว่า BRZ มันเล็กๆ 5 ประตู  ประหยัดน้ำมัน ขึ้นลงง่าย  ไปที่ไหนก็ได้ ฮ่าๆ
Wave Z

ออฟไลน์ Alcatraz

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,604
    • อีเมล์
ใช่เลย ใครขับรถเร็วละมาใช้ eco car น่าจะเป็นกันหมด คือเกรงใจเลนขวา ผมเองก็เป็นเวลาขับเครื่อง 1.2 แค่นี้ คือมันเร่งไม่ทันใจเลย ไม่อยากออกไปเกะกะเลนขวาด้วย แต่คนอื่นก็ทำกันไม่รู้ทำไมต่อมเกรงใจไม่มีเลย เพราะอย่างนั้นเวลาขับรถที่แรงกว่าผมเองก็ไม่เกรงใจที่จะปาดเหมือนกันถ้ามาเกะกะเลนขวา

ออฟไลน์ NoBiReacto

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 762
    • อีเมล์
เหมือนกันครับ พอเปลี่ยนมามช้ Mazda2 1.3 ช่วงแรกอึดอัดมาก ขับถ้าจะให้ออกตัวเร็วเหมือนปกติ กดกัน3000รอบเลย แถมขับในเมืองกว่าจะเร่งทันคันข้างหน้าก็ต้องกดลึกหน่อย ตก12Km/lก็มีครับบางวัน

ออฟไลน์ lorenzo

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 622
20 โลลิตร วิ่งไม่เกิน 80- 90 ทางไกลกลางคืน ลมยางแน่นนิดๆ มีหวังครับ

ของผม Mazda 2 เลี้ยงไว้ที่ 100 110 กินอยู่ 15 + โลลิตร วิ่งตจว.ไมล์แข็งกว่าวีออส 10 km e20 นั้นคือดีสุด

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
ECO Car M/T ขับเร็วไม่เกิน100นึงได้20กม/ลิตรแทบทุกยี่ห้อครับ แต่ยาริสไม่มีเกียร์  M/T

ECO car ผมใช้มาจะครบแล้วเหลือ Swift M/T ยังไม่ลอง

อัตราเร่งเกียร์CVT ขึ้นทางชัน ลุ้นทุกรุ่นครับ

ออฟไลน์ Staples

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,665
ถังนึง ได้แค่ 660 เองเหรอครับ HRV ผมแระหยัดสุดก็ประมาณนั้น เหยียบ 90-120 ตลอด

ออฟไลน์ No Trespassing

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,609
    • อีเมล์
ตอนซี้อมาร์ชขับใหม่ๆเมื่อห้าปีก่อน บ่นกับตัวเองว่าตรูคิดผิดหรือเปล่า เวลาแซงแทบยืนบนคันเร่ง เหยียบมิดแต่รถก็ไม่พุ่ง
อัตราสี้นเปลือง 20 กม/ลิตร .... หึ หึ .... ไม่เคยเห็น 13-14 ก็ถือว่าหรูแล้ว 

สุดท้ายพอทำใจได้ก็ค่อยๆขับไป วิ่งมอเตอร์เวย์ไปสนามบินกดยาวๆ 110 กม/ชม รักษารอบเครื่องไว้ประมาณ 2100-2200 รอบ ไม่บ้าจี้ดันท้ายใคร
เออ ... 18-19 กม/ลิตร มันก็ได้ เลยมาเรียนรู้การขับใหม่ เร่งแซงยังไงไม่ให้ตัวเองเครียดและไม่เกะกะคนอื่น
และก็มองเห็นข้อดีคือ มันคล่องตัวมาก จอดตรงไหนก็ได้ ค่าดูแลต่ำ ต่อทะเบียนถูก ประกันชั้นไม่แพง (ต่อชั้นหนึ่งซ่อมห้างตลอดยันขายรถ)

แต่ข้อเสียอย่างนึงคือ พวกรถอื่นๆไม่ค่อยมีความเกรงใจเท่าไร คิดจะตัดหน้าก็ตัด ไม่สนว่าเราจะเป็นยังไง
พวกเห็นเป็นรถเล็ก คิดว่าต้องยอมให้ตลอด ทำให้ขับแล้วชอบหัวร้อนเสมอ (แปลก พอเปลื่ยนมาใช้อัลติส วีออส ไม่ก็แอคคอร์ท กลับไม่เจอปัญหานี้แฮะ)

ถึงปัจจุบันขายมาร์ชไปแล้ว แต่ก็ไม่วายซี้อโน้ตกลับมาใช้อีกรอบ เอาไว้เป็นรถสำรองครับ ติดใจความประหยัด+คล่องตัวของรถ
เรื่องสมรรถนะไม่เครียด เพราะช่วงนี้แถวบ้านสร้างรถไฟฟ้า (บางกะปิ) เจอแต่รถติดเสมอครับ

ส่วนเรื่องขึ้นเขา หลายท่านบอกมันอืด เร่งแซงยาก แต่ผมกลับชอบเครื่อง 1.2 นะ มุดคล่องดี
ผมมีเทคนิคในการเหยียบ ขนาดเขาชันๆเช่น ทางขึ้นวัดพระธาตุดอยตุงก็ไปมาแล้ว ใส่แค่ D ก็พอ เกียร์ก็ไม่ไหม้ด้วย

ออฟไลน์ bullyboy

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 297
ปกติผมขับ b-segment 1.5 เครื่องผมก็ว่าแรงดีนะ (ใช้ในเมือง) สมมติเปลี่ยนรถไปเป็น ecocar ผมสองจิตสองใจว่ามันจะทำให้ผมซิ่งหนีไม่ทัน หรือผมจะเปลี่ยนพฤกติกรรมไปในทางไม่ซิ่งไปเลย 55

ออฟไลน์ Altima

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,149

ออฟไลน์ kabutoro

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 901
ยืนยันbrioครับ หาที่จอดง่ายมากที่แคบๆนี่เสร็จหมด 8)

ออฟไลน์ Neshz

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 270
แต่ก่อนก็สายซิ่งสายมุดเหมือนกันครับ ไม่ต่ำกว่า 140 เดี๋ยวนี้พอมีภาระ มีครอบครัวแล้ว มันเบาลงเองโดยอัตโนมัติ
เดี๋ยวนี้วิ่งกลางอย่างเดียว ไม่เกิน 100 ครับ ขับช้าจนรู้สึกเสียดายที่แต่งรถ ทำรถไปเลยครับ 555

ลองวิ่งสัก 90-100 ดูครับ จะเห็นความต่าง

ผม Civic FB 1.8AT เติม E20
วิ่งยาว ไม่เกิน 100 km/h
รวมระยะที่วิ่งได้ทั้งสิ้น 750 km เติมกลับ 44 Litre ครับ
คำนวนตอนเติมน้ำมันกลับได้ 16-17 km/l ครับ
(ถ้า i-mid จะโชว์ 17.5 km/l ครับ)

ปล.ผม re-map ECU ใหม่ เพื่อ E20 โดยเฉพาะ
ก่อน re-map E20 ได้ไม่เกิน 15-16 km/l ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 12, 2018, 08:37:50 โดย Neshz »

ออฟไลน์ palma

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,128
    • อีเมล์
อื่มใจเล็กๆเมื่อได้อ่านกระทู้นี้ครับ

อันที่จริงรถคันไหนก็ได้นะครับ ถ้าคนขับปรับตัวและขับแบบประหยัด ก็จะได้ตัวเลขที่ดีขึ้นผิดหูผิดตาเลยครับ

ช่วงกินน้ำมันคือ ช่วงออกตัว เร่งแซง และ ตอนเบรค ครับ(ไม่นับรถติดนิ่งๆ)  ถ้าสามช่วงนี้คุมให้ประหยัดได้ ตัวเลขรวมจะดีขึ้นทันที

ไม่ต้อง Eco car ครับ รถเบนซิน 2500 cc. ขับแบบ eco car ทางไกลๆ ก็กินไม่ต่างจาก Eco car ครับ เผลอๆ ถ้า eco car ขับเร็วนิด กินมากกว่า รถใหญ่อีก

รถ 2500 cc วิ่งยาวๆ 100 กม/ชม ก็มีเกิน 16-17 กม./ลิตรครับ ถ้าใจเย็นขึ้นอีกวิ่ง 95 กม/ชม จะได้ถึง 18-19 กม/ลิตร สบายๆ

ขับประหยัดๆ ช้ากว่าขับเร็วๆ ราวๆ 10 นาทีต่อ ระยะทาง 100 กม.ครับ

ไม่มีอะไรครับ มาเชียร์ให้ขับประหยัดครับ 555

ในรูปเติมกลับแล้วหาร ได้น้อยกว่า 1 กม/ลิตร ทุกครั้งไปครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 12, 2018, 13:13:52 โดย palma »
2023 : SK9 FB20 ES4.0 SAWD
2017 : NSP170R-2NR-FE+CVT
2015 : B17-MR16DDT+CVT-M6
2014 : L33-QR25DE+CVT-8
1995 : SXV10-3S-FE (sold)
1994 : AE101-4AFE+MT (sold)

ออฟไลน์ Mr.P_Lawman

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 49
  • Go go go
เป็นเหมือนกันครับ เวลาผมขับมิราจของภรรยาจะชอบทำสถิติการประหยัดน้ำมัน ในเมืองได้ประมาณ 9-10 L / 100 KM แต่นอกเมืองเคยทำได้ดีสุด 6 L / 100 KM (รถภรรยาผมเปลี่ยนแม็กใส่ยางหน้ากว้างนิดหน่อยเพื่อเพิ่มความปลอดภัยเลยกินน้ำมันเพิ่มนิดนึงครับหากเทียบกับที่ไม่ได้เปลี่ยน))

ออฟไลน์ mongolias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,364
ผมก็พยายามขับให้ประหยัดอยู่เหมือนกันครับ
ตั้งแต่ใช้ SUV มาตัวเลขดีสุดที่ทำได้คือ 13.5 (วัดจากเติมน้ำมันกลับ)
ตอนนี้พยายามคุมรอบกับเหยียบไม่ให้เกิน 110 ส่วนมากพยายามคุมแถว 90-100 รอดูว่าจะทำได้สัก 13 ก.ม./ลิตรไหม แต่ผมมีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้คือรถติด

Eco ไม่เคยใช้ยาวๆ เคยแต่ขับใกล้ๆ เลยไม่ได้จับอัตราสิ้นเปลือง รู้แต่ว่าอัดอัดกับอัตราเร่งมาก

B-segment เคยขับกินลมชมวิว Jazz GD ได้สูงสุด 18 ก.ม./ลิตร แต่ก็เกือบหลับใน(วิ่ง 80 ยาวๆ) 555
 

ออฟไลน์ The Mechanics of Emotions

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,683
Mazda2 1.5 Diesel ของญาติขับแบบปกติในเมืองของต่างจังหวัดได้ 18km/l ครับ ประหยัดมากมาย ส่วน CX-5 2.0 ขับยังไงก็ไม่ประหยัด ต่างกันไม่ถึง 1 km/l ต่างแค่เลขทศนิยมเอง พยายามแล้วก็ล้มเลิกไปเพราะมันไม่ประหยัดแบบรู้สึกได้อ่ะครับ ได้ประมาณ 11.2 km/l ครับ
2010 BMW 325i M Sport
2016 Mazda CX-5 2.0S

ออฟไลน์ ภูมิใจไหม?

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,147
  • SNK vs Playmore
ผมชอบกระทู้นี้นะ

กลับกัน ถ้าขับรถเล็กมาก่อน แล้วมาเจอ ppv ที่โคตรกินน้ำมัน

ใหญ่เทอะทะ เวลาขับคนเดียวจะรู้สึกผิดนิด ๆ ว่าขับคนเดียวแล้วทำไมรถจะต้องใหญ่ขนาดนี้

และกินน้ำมันระดับเลขตัวเดียวตลอด ทำให้รู้สึกว่าการขับรถที่ซดน้ำมันกว่า เป็นสิ่งที่ไม่ฉลาดเลย


ผมมาค้นพบว่า จุดสำคัญในการขับประหยัดน้ำมันคือการออกตัวครับ

ต้องออกตัวอย่างนิ่มนวล ค่อย ๆ ไต่ความเร็ว จะประหยัดมาก เวลาติดไฟแดงก็ต่อท้ายชาวบ้านเขาไปดี ๆ

ไม่จำเป็นต้องแทรกเลนไปอยู่หน้าสุด ซึ่งต้องทำให้กดคันเร่งลึก เพื่อหนีคันอื่น

กลายเป็นว่าพอขับประหยัดน้ำมันก็จะถูกกฏจราจรไปด้วย พยายามวิ่งชิดซ้าย จะแซงก็เปิดไฟเลี้ยวล่วงหน้า

เป็นการขับรถในอุดมคติ แบบคนมีความรับผิดชอบครับ ขับแล้วมีความสุข

แต่ต้องเปิดเพลงฟังไปด้วยครับ เพราะลึก ๆ แล้วผมเป็นคนใจร้อนครับ

ออฟไลน์ bluecef169

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 56
เดิมใช้ เซฟิโร่ เครื่อง RB25Det A/T ชอบเพราะขับเร็วได้ดังใจ เร่งแซงหายห่วง แต่ไปทางไกลที โดนค่าน้ำมันอ่วม เพราะวิ่งยังไงก็ไม่เคยได้เกิน 9กิโล/ลิตร ส่วนในเมืองสลับนอกเมืองอยู่ที่ 7โล/ลิตร พอเปลี่ยนมาใช้ ฮอนด้า ซิตี้ ปี 2011 เลยปรับเปลี่ยนนิสัยการขับขี่ลงเล็กน้อย (เดิมผมเป็นคนขับแบบประหยัดอยู่แล้วไม่ว่ารถขนาดใดๆ) ขับช้าลง แซงน้อยลง วิ่งชิลๆ 80-90-100 ประมาณนั้น เคยทำได้ 21 โล/ลิตร (แบบเติมกลับ) น้ำมัน เบนซิน91เชลล์ ถ้า อี20 ทางไกล เฉลี่ยจะประมาณ 17-18 โล/ลิตรตลอด (วิ่ง90-100)
ส่วน เทียน่า L33 เคยทำได้ 17.5โล/ลิตร ที่ความเร็ซ 110 แบบขับเอง ไม่ได้ใช้ครูยส์คอนโทรล
กับนิสสัน ซํนนี่นีโอ เครื่อง1.6ตัวท๊อปปี 2000  วิ่ง กทม-เชียงใหม่ ก็เคยทำไว้ 16โล/ลิตร วิ่ง 90-100

หลักๆ รถจะประหยัดอยู่ที่เท้าเราแหละครับว่าจะเดินคันเร่งได้เบาและนุ่มนวลแค่ไหน กับเครื่องระบบหัวฉีดด้วยแล้ว ยิ่งเราเท้าเบา กับถอนคันเร่งบ่อยๆปล่อยให้รถไหลไปเองเรื่อยๆเป็นระยะ ก่อนแตะเบรค ยิ่งจะประหยัดขึ้นครับ (ความเห็นส่วนตัวจากการใช้งาน)
NISSAN Sunny B310  MT '1975 สีไข่ไก่
NISSAN Cefiro A31  RB25DET MT '1994 สีฟ้า
HONDA City VAT Society '2011  สีขาวมุก

ออฟไลน์ Fong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,018
  • Make a Choice and Don't Look Back
    • อีเมล์
ขอขอบคุณทุกความเห็นนะครับ ดีใจที่ทุกท่านก็ขับช้าลงเพื่อประหยัดน้ำมันครับ   ;) ;) ;)

ล่าสุดขับเข้ากรุงไปกลับ 337 กม วิ่งยาว 120km/hr อีก 200 กม ขับในตัวเมือง ตจว.
เติมน้ำมันไป 33.35ลิตร คิดเป็น 16.1km/l -> เริ่มมาถูกทางละครับ ถ้าขับ 120km/hr ยาวๆทั้งถังอาจจะมี 17-18km/hr ให้เห็น
น้ำมัน 1 ถัง ขับจนไฟโชว์ น่าจะได้สัก 500กม ในเมือง  และเป้าหมายถัดไป  600กม ขับทางไกลยาวๆ

ปล1. ส่วนตัวถ้าขับรถที่มีแรงบิดมาก แรงม้าเยอะ ก็มักจะอดไม่ได้ที่จะเหยียบครับ โดยเฉพาะหากเจอแหย่จากรถรอบข้าง  :( :(
แต่ถ้ารถไม่มีแรง เหยียบก็ไม่ขึ้น ผมก็จะปล่อยวางไปเพราะเล่นด้วยไม่ไหว แล้วก็มาขับชิลๆต่อไป  ;D ;D ;D ;D

ปล2. ตอนขับบน มอเตอร์เวย์ จะขับแซงสลับกับถูกแซงกับรถหลายคัน ประมาณว่าผมขับมาคงที่ และเลื้อยเปลี่ยนเลนตามช่องว่างใหญ่ๆ(ไม่ปาด)ไปเรื่อยๆโดยแทบไม่เบรค
จะเจอรถที่เร่งแซงเราไป และไปติดคันช้าแช่ขวา แล้วผมก็แซงไปตามเลนกลางของผม จากนั้นเขาก็แซงขวาไปอีก แล้วก็วนไปครับ
เจอกันตลอดเส้นทาง ด่านเก็บเงินผมก็ใช้ Easy Pass ผ่านเร็วกว่า เดี๋ยวพี่แกก็แซงขึ้นมาอีก  สนุกดีครับผมว่า  :D :D :D
Isuzu มังกรทอง, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer MK I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 MK I, Mazda2 MK II, D-Max Space, Fortuner, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer MK II, Lander MK III, Ranger MC, XL7, Forester SK

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,591
    • อีเมล์
ชอบกระทู้นี้
ผมอยากให้รณรงค์ขับช้าครับ
นอกจากประหยักแล้วรถไม่โทรมด้วย ตกหลุมก็ไม่พัง
เคยมีบทความในไทยdriverเมื่อหลายปีก่อน ขับำปพัทยาความเร็วต่างกัน20 กม ชม
ถึงช้าลงแค่5นาทีเอง

ออฟไลน์ Odrecranon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 401
    • อีเมล์
เห็นด้วยกับคุณเลยครับ
ผมว่าอาจเป็นเพราะอายุด้วยหรือเปล่าไม่รู้

ตอนผมเรียน ขับรถค่อนข้างเร็ว ขับมุด ๆ บ้าง
เคยเจอรุ่นพี่เตือนด้วย ให้ระวังการขับ

ตอนนี้ทำงาน อายุ 30 แล้ว
เริ่มเห็นอะไรมากขึ้น ผมขับรถช้าลง
ห่วงตัวเอง ครอบครัว เพื่อนร่วมทาง
มีวินัยมากขึ้น แล้วให้ทางมากขึ้น

ส่วนหนึ่งอยู่กับรถด้วย
ถ้าผมใช้ Focus 1.8 2.0 ผมขับแค่ 90 บน Motorway อยู่เลนกลาง ใครจะแซงก็หลบ คอยกดดูอัตราสิ้นเปลือง ซึ่งรถมันก็ไม่ได้ประหยัดอะไร แค่ตัวเลขดีขึ้นนิดหน่อย ผมก็ดีใจแล้ว เหมือนตัวเองเป็น OCD หมุนดูทุก 2-3 นาที

ถ้าใช้พวก Camry 2.5HV, V40, Focus GDi ผมจะขับเร็วขึ้นหน่อย 100-120 ไม่ค่อยแซง ไม่ปาด นอกจากผมมีธุระด่วนจริง ๆ เช่นต้องขึ้นเครื่อง
แต่ผมรู้ตัวว่า ขับไม่แย่เท่าสมัยเรียน

หลัง ๆ ผมมักเป็นคนดูว่ากว่า คนที่ขับปาดซ้าย ปาดขวา ปาดข้าม 2 เลน จี้ ๆ เบรค สุดท้ายเจอกันที่เก็บค่าทางด่วน หรือไฟแดง
มันไม่ได้ทำให้เวลาลดลงมาก ถ้าเกิดอุบัติเหตุมาก จะเสียเวลามากกว่าเดิมอีก

รูปแบบรถที่อยากได้ผมก็เปลี่ยนไปด้วย ตอนจบใหม่ ๆ อยากได้รถแรง ๆ แข็ง ๆ จิกโค้งมาก ๆ
ตอนนี้พอมีรายได้สูงขึ้น ผมอยากได้รถแนวผ่อนคลายมากกว่า เงียบ ๆ นิ่ง ๆ ช่วงล่างซับแรงสะเทียบดี ๆ
อยากขับไปเรื่อย ๆ แบบไม่เครียด

ผมมอง Swift ไว้เหมือนกันครับ เอาที่บ้านไปดูแล้ว แต่ไม่ค่อย OK กับวัสดุในรถ
แต่ยังไงผมก็อยากได้อยู่ ขอรออีกสักระยะ
เพราะตอนนี้ผมแค่ขับไปทำงาน แล้วขับกลับ ไม่ได้ออกต่างจังหวัดเลย
อยากได้รถประหยัดน้ำมัน คันเล็ก ๆ สักคันครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 12, 2018, 12:10:34 โดย Odrecranon »

ออฟไลน์ Noncyclopedia

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,197
ที่ขับช้า เพราะอะไรรุ้มั้ยครับ.  น่าจะ”. เกิดจากรถมันหวิวครับ

ลองขับรถดีๆ แรงๆ เงียบๆ. นิ่งๆ พวกBmw Ford ชิครับ

มันจะเหยียบกันเอง

ผมก้อมีamazeจ่ายกับข้าว.  ขับคนเดียว ก้อไม่อืดครับ. ขึ้นอยุ่กับความชำนาญ
พฤตกรรมการขับ มันขึ้นกับรถ. ด้วย”“ส่วนหนึ่ง

ออฟไลน์ raygun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,050
.
.
ผมก็แก่แล้วนะ แต่ไม่เห็นขับช้าลงเลย 555
เอาจริงๆทุกวันนี้ถ้าจะซื้อรถมองหาแต่แบบ 200 แรงม้าขึ้นตลอด

ไม่ใช่เพราะจะเอาไปแข่งกับใคร แต่เพื่อความปลอดภัยล้วนๆ
เวลาเร่งแซง หรือเร่งออกจากสภาวะฉุกเฉิน มีตุนไว้ใต้ฝ่าเท้าอุ่นใจกว่าไม่มี

ออฟไลน์ HHHsung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,377
ปกติขับซีวิคจะขับค่อนข้างไว ถ้าคันหน้าช้า จะหงุดหงิดและต้องแซงไป แต่พอมีเหตุให้ต้องขับแอสทราจประมาณ 2 เดือน การขับก็เปลี่ยนไป

มีอยู่วัน ติดรถคันหน้าวิ่งช้า หงุดหงิดเลยหักขวาจะแซง กดคิ๊กดาวน์รอบเครื่องขึ้นไป 4 พัน เสียงเครื่องดังกระหึม..........แต่เข็มความเร็วเพิ่มนิดเดียว

ผมต้องยกคันเร่ง แล้วตบซ้ายกลับเข้าที่เดิม นับแต่นั้นถ้าต้องขับแอสทราจ จะขับได้เรียบร้อยมากครับ ใครใคร่แซงๆ ไป ผมไม่รีบเลบ 555

 

ออฟไลน์ Fong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,018
  • Make a Choice and Don't Look Back
    • อีเมล์
ปกติขับซีวิคจะขับค่อนข้างไว ถ้าคันหน้าช้า จะหงุดหงิดและต้องแซงไป แต่พอมีเหตุให้ต้องขับแอสทราจประมาณ 2 เดือน การขับก็เปลี่ยนไป

มีอยู่วัน ติดรถคันหน้าวิ่งช้า หงุดหงิดเลยหักขวาจะแซง กดคิ๊กดาวน์รอบเครื่องขึ้นไป 4 พัน เสียงเครื่องดังกระหึม..........แต่เข็มความเร็วเพิ่มนิดเดียว

ผมต้องยกคันเร่ง แล้วตบซ้ายกลับเข้าที่เดิม นับแต่นั้นถ้าต้องขับแอสทราจ จะขับได้เรียบร้อยมากครับ ใครใคร่แซงๆ ไป ผมไม่รีบเลบ 555
อารมณ์นี้เลยครับ  ;D ;D ;D ;D

ที่ขับช้า เพราะอะไรรุ้มั้ยครับ.  น่าจะ”. เกิดจากรถมันหวิวครับ

ลองขับรถดีๆ แรงๆ เงียบๆ. นิ่งๆ พวกBmw Ford ชิครับ

มันจะเหยียบกันเอง

ผมก้อมีamazeจ่ายกับข้าว.  ขับคนเดียว ก้อไม่อืดครับ. ขึ้นอยุ่กับความชำนาญ
พฤตกรรมการขับ มันขึ้นกับรถ. ด้วย”“ส่วนหนึ่ง
จะว่าหวิว มันก็หวิวจริงๆนั่นละครับ โดยเฉพาะบนทางด่วนบูรพาวิถี ส่ายอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ยังเอาอยู่  ;) ;)
เรื่องอืดนี่ก็จริงเลยครับ ถ้าเรารู้จังหวะนี่ก็เร่งได้ไม่แย่อย่าที่คิด แต่จะกินน้ำมันมากมายเลยครับ  ;D ;D
Isuzu มังกรทอง, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer MK I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 MK I, Mazda2 MK II, D-Max Space, Fortuner, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer MK II, Lander MK III, Ranger MC, XL7, Forester SK

ออฟไลน์ Volta

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,715
    • อีเมล์
เมื่อก่อนทำงานบริษัท ได้เป็นฟรีดการด์ ตอนนั้นเหยียบกระจายครับ ขึ้นทางด่วนนี่ 120 ตลอด เพราะไม่ต้องจ่ายค่าน้ำมันเอง

แต่พอออกมาเปิดบริษัทเอง ค่าน้ำมันออกเอง ทุกวันนี้ขับช้าลงเยอะมากครับ ออกตัวเรื่อยๆ ขับสบายๆ เร็วสุดก็ไม่เกิน 100

อัตราสิ้นเปลืองต่างกันชัดเจนทีเดียวครับ จากเฉลี่ย 8-9 โลลิตร ขยับมาเป็น 11-13 โลลิตร

ผลจากการขับแบบเรื่อยๆก็พบว่า เออมันก็ขับแล้วสบายใจ ไม่เหนื่อยเหมือนตอนขับเร็วๆที่ต้องใช้สมาธิสูง
สวัสดีทุกๆคนครับ

ออฟไลน์ ไทบ้าน

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,665
อัตราเร่งนี่สุดจะทำใจเลยล่ะครับ  อิอิ
1990 Yamaha Mate-100
1992 Yamaha Bell-100
2000 Yamaha Tiara-R
2017 Yamaha MT-03

ออฟไลน์ coolcarrera

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 517
fortuner นี่แปลกอย่าง จะกดเบากดแรงยังไงมันก็กินอยู่ราวๆ 10 โลลิตรนั่นล่ะครับ มรดกนี้ถ่ายถอดมาถึงรุ่นใหม่ด้วยคนเลยตะบี้ตะบันขับกันแบบนั้นมั้ง
สังเกตว่า ขาคันเร่งมีช่วงที่เหยียบแล้วตอบสนองก็แค่ 30% แรก ที่เหลือกดไปก็ไม่มีอะไรแล้ว งั้นจะทำขาคันเร่งหลอกคนทั้งโลกไปทำไมแบบนั้น สู้เหลือระยะเหยียบแค่ที่เป็นจริงดีกว่ามั้ย (แซว) ซึ่งถ้าทำแบบนั้นจริงคงเป็นรถที่เหลือระยะเหยียบคันเร่งสั้นสุดๆเลยมั้ง

เคยเป็นแบบ จขกท เหมือนกันครับ ต้องไปคันแรกตลอด มันฟิน มันใช่ ใครมาดันเดี๋ยวจะทิ้งให้ดู
แต่หลังๆเครียดเหมือนกันเลยลองปรับตัวเองใหม่ ใครจะไปก่อนเชิญ ขับไหลไปตามสภาพจราจรเลนกลาง ฟังเพลง ฟังไรไปเรื่อย
สบายใจขึ้นเยอะครับ

E3, D15 Carb, 2E
F22B VTEC, J30A VTEC
1TR, 1NZ
D4CB
1GD, R18

ออฟไลน์ +@ Krishna @+

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,290
  • *_* รถที่ดี คือ รถที่ใช้แล้วมีความสุข ^_^
ผมก็ขาซิ่งนะ คือ ซิ่งตามรถ
ถ้ารถแรงก็ขับเร็ว รถช้าก็เนิบ ๆ และดูทางด้วยว่าซิ่งได้ป่าว

เวลาขับ honda freed ออกตจว. ช่วงจะแซง 100 - 130 นี่ แทบจะวัดดวงเลย   ;D

ออฟไลน์ coolpix99

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 238
ชอบกระทู้นี้ครับ :) ได้เห็นว่านิสัยการขับ+สภาพการจราจรกับเครื่องเบนซินมีผลอย่างมากกับอัตราการกินน้ำมัน
-พัลซ่าโบเติมเชื้อเพลิง E20 ผมขับเนียนๆสุดๆในเมืองยังไงก็ได้ไม่เคยเกิน 5.5 กิโลลิตร (น่าจะเพราะนิสสันโปรแกรมเกียร์แย่ด้วยเพราะ TQ lock-up ช้ามาก) แต่พอออกต่างจังหวัด ตั้งครูสใช้ความเร็วเฉลี่ย 110 km/h ได้ 14.5 กิโลลิตร
-Accord 2.0 ใช้เชื้อเพลิง E10 G95 ในเมืองได้เฉลี่ย 7-8 กิโลลิตร. นอกเมืองครูส 110 km/h ได้ 16 กิโลลิตร
-F32 430i ในเมืองยังไม่มีโอกาสได้จับอัตราสิ้นเปลือง แต่นอกเมืองครูส 110km/h นี่ได้ 18 กิโลลิตร. แต่ตัวนี้เติม E10 G95

สำหรับดีเซลนี่แตกต่างกันเหลือเกิน. จะขับในเมือง นอกเมือง เท้าหนัก หรือ เท้าเบา ค่าอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันไม่ต่างกันมาก
- Mazda 2.2D 4WD ในเมืองประมาน 10 กิโลลิตร นอกเมืองครูส 110km/h ได้ 15 กิโลลิตร
- Mazda 2 diesel รถเพื่อน ผมถามดูเค้าบอกว่าเฉลี่ย 15 กิโลลิตรในเมือง นอกเมืองขับชิวๆนี่ได้ 20 กิโลลิตรอัพ
2014 Mazda CX-5 2.2D
2017 BMW 430i
2020 Nissan Kicks
2021 Mazda CX-8 2.5