อ่านดูแล้ว จขกท. ไม่ได้ติดขัดเรื่องสมรรถนะเครื่องเบนซิน 1.3 อะไร (ในระยะที่ลอง)
แนะนำเบนซิน 1.3 ครับ
ไม่ใช่ดีเซล 1.5D รถไม่ดีครับ รถดีมาก อัตราเร่งตามใจเท้า (คันเร่งหน่วงหน่อยตามที่ได้ลองขับเนื่องจากเทอร์โบแงะการ setting เอง แต่พอติดแล้วก็ปรู๊ดมา) ประหยัดน้ำมันในหลายสภาวะการจราจร
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นของดีเซล 1.5D มันไม่มีทางแก้ไขอะไรได้เลยจากบริษัทผู้ผลิตเอง แถมบริษัทก็ไม่ได้มีความตั้งใจและใส่ใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้นนี้แม้แต่น้อยเลยครับ ปัญหามันเลยยังเกิดขึ้นวนๆ ไม่จบสิ้น ตอนนี้รถปี 2017 ก็เริ่มมีเจอบ้างประปรายแล้ว หนทางที่จะแก้ไขได้คงมีแต่การตัดตอน DPF EGR ซึ่งก็ไม่มีใครรับประกันการแก้ปัญหาครั้งนี้ได้และส่งผลต่อไอเสียที่ปล่อยออกมาโดยตรง เหมือนใช้รถต้องมีความเสี่ยง ผมไม่แนะนำให้ใครเอาเงินที่มีค่ามากของเรามาเสี่ยงกับบริษัทที่ขาดความรับผิดชอบ เงินเรามีค่ามากกว่าที่จะจ่ายให้กับพวกเค้าครับ
ส่วนเบนซิน 1.3 ก็ใช่ว่าจะวางใจได้นัก ตอนนี้ก็เริ่มมีปัญหาเกียร์พังมาบ้างแล้ว เพียงแต่สัดส่วนปัญหาที่พบกับยอดขายที่ขายออกไปได้ยังไม่มากเท่าฝั่งเครื่องสั่น 1.5D เค้า อย่างน้อยถ้าใจรักชอบใน Mazda 2 จริงๆ การเลือกเบนซิน 1.3 ก็ถือเป็นทางเลือกที่เซฟความเสี่ยงไว้น้อยสุดครับถ้าพูดกันตามตรง ไม่มีทางที่เซฟสุดไม่เจอปัญหาอะไร เลือกมาแล้วก็คงต้องบำรุงรักษากันตามสมควรและตัวเราเองทำได้โดยไม่เดือดร้อนนัก อาจจะต้องเพิ่มเรื่องน้ำมันเกียร์ที่ควรเปลี่ยนถ่ายก่อนกำหนดเข้ามาเพื่อลดความเสี่ยงลงบ้าง (แต่ก็ใช่ว่าจะแก้ไขได้)
ผมคงแนะนำได้ตามนี้ครับในฐานะคนใช้ 1.5D จริงเจอปัญหาจริง รถทุกรุ่นมีปัญหาได้ครับ แต่ Mazda ยังสอบตกในด้านบริการหลังการขาย โดยเฉพาะการดูแลแก้ไขปัญหาหากเกิดขึ้นมาแล้ว ถ้าเลือกแล้วคงต้องศึกษาและหา 0 ที่ไว้ใจได้จริงๆ ในการใช้บริการครับ
ใช้ 1.5 D 2015 อยู่ครับ วิ่ง กทม. สระบุรีประจำ รถเดิมๆ ยังไม่ได้ทำอะไร และยังไม่มีปัญหา และยังไม่อยากจะมีปัญหา
ตามนี้ทุกประการ
ถ้าไม่โหลด 4 คน ขับไปขอนแก่น เบนซินไม่ได้แย่เลยนะครับ(ยกเว้นจะขับตัดไปเส้นเขาใหญ่ 555)
เหลือพอครับ ผมยังเคยเจอคนขับเบนซินซิ่งๆ บนเส้นมิตรภาพเลยครับ
ตอนนี้ มาสด้าส่งจดหมายมาให้ไปอัพระบบ DPF อยู่นะ มารอดูกันว่าชีวิตจะดีขึ้น(หรือแย่ลง) รึเปล่านะครับ....