ที่ผู้บริหาร Hyundai บ้านเรา ตอนนี้ คือคนญี่ปุ่น
เพราะ Hyundai คุยกับ Sojitsu ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ และเป็น Trading Company ไปด้วย จากญี่ปุ่น
ให้มาช่วย ปูพื้นฐาน Hyundai กลับมาเกิดในเมืองไทยกันใหม่เสียที นั่นเอง
แต่พูดตรงๆนะครับ
ถ้าตราบใด ที่ยอดขาย Hyundai บ้านเรา ยังไม่แตะระดับ 3,000 คันต่อปี ให้ได้ในสิ้นปีนี้
ด้วยจำนวนรุ่นรถยนต์ ที่มีขายอยู่ บริษัทแม่ในต่างประเทศ ก็มักจะมองว่า
ขนาดมีรถขายแค่นี้ ยังทำยอดได้แค่นี้เลย แล้วถ้ามีรถเพิ่มมามากกว่านี้
มันจะเป็น ช่องทางใหม่ หรือมาเพิ่มภาระ ให้หนักขึ้น กันแน่?
ดังนั้น สำหรับบริษัทรถยนต์แล้ว พวกผู้บริหารต่างประเทศมักมองแค่ว่า
เอารุ่นรถที่มีอยู่แล้ว ให้รอด ให้ขายดี เสียก่อน ให้มันเห็นอัตราการเจริญเติบโตอย่างชัดเจนเสียก่อน
จึงค่อยเอารถรุ่นใหม่ ไปขาย ต่อยอดทำกำไรกันขึ้นไป...
ถ้าเร่งเอารุ่นนั้นรุ่นนี้เข้ามาขาย แล้ว เตรียมการบรการหลังการขายไม่ดีพอ ลูกค้าด่าไหม?
ลงทุน 1 โชว์รูม รวม ศูนย์บริการ สัก 3-5 ช่องซ่อม ขี้หมูขี้หมา ปาเข้าไป 20 ล้านบาท ขึ้น แล้ว
ถ้าจะต้องเปิดขยายดีลเลอร์ ให้ครอบคลุมกันเยอะๆ เอาสัก 76 แห่ง ทั่วประเทศ ตีเสียว่า
กรุงเทพ 6 แห่ง ต่างจังหวัด 70 แห่ง เอา 20 ล้าน คูนเข้าไปเล่นๆดู ก็อย่าตกใจครับ มันมหาศาลขนาดนั้นเลยจริงๆ
ต่อให้ใครจะมีเงินถุงเงินถังแบบ จอร์จ โซรอส ก็ยังคิดแล้วคิดอีก ว่าจะเอาเงินลงทุนทั้งหมด มาจมขนาดนี้ รอเก็บเกี่ยวกันเมื่อไหร่ดี
เพราะในเมื่อ กว่าจะคืนทุน บอกได้เลยว่า ต่อให้บริหารเก่งแค่ไหน มี 5 ปี ถึงจะค่อยคืนทุน แล้วถ้าเกิดสถานการณ์รอบด้านขึ้นมา
เป็นปัจจัย ทำให้การซื้อรถ ชะลอตัวอีกละ? เจ๊งไหมนั่น?
แต่อย่างว่า เรื่องขยายศูนย์บริการ ยังไม่เท่าไหร่
แต่การเพิ่มยอดขาย เพิ่มรุ่นรถยนต์ เข้ามา อีกสัก 1-2 รุ่น ในปีนี้ และปีหน้า คือสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งแล้ว
และ ลำพัง แค่รถเล็ก i10 นะ ไม่พอหรอกครับ ลูกค้าเขาไม่ได้สนใจเจ้านี่ กันมากเท่า Sonata หรือ New Elantra
แต่จนถึงป่านนี้ ขนาด Sonata หนะ ยังยากเลย เพราะ ไน์ พวงมาลัยขวา ยังไม่เปิดซะที
เอาแต่กอบโกยที่อเมริกาเหนือ กันให้ฉ่ำก่อนละมั้ง ดังนั้น Elantra ในปีหน้า หนะ อย่าหวังเลยครับ "ไม่มีทาง จะเห็น
ในปี 2011 อย่างแน่นอน"
เฮ้อ.ก็มองกันอย่างนี้ นั่นแหละ ฐานลูกค้าถึงยังไม่โตไปกว่านี้เสียที