เห็นสาวกเค้าขิงคู่แข่งว่ามีไปก็เท่านั้น ตลกดี
แสดงว่าเขายังไม่เคยใช้หรือเคยมีครับ และอีกข้อที่สันนิฐานคือยังแยกแยะระบบCruise Control, Adaptive Cruise Control และ Adaptive Cruise Control with stop & go ไม่ได้
ไม่เข้าใจเมืองไทยรถติดมาก ทุกวันนี้เราทนขับรถที่ไม่มีระบบACC with stop&goได้อย่างไร เหยียบเบรกสลับเหยียบคันเร่ง ถามคนที่บอกว่า ไม่จำเป็นหน่อย ว่าคุณไม่เมื่อยขาบ้างหรอ หรือว่าพอรถติดคุณก็ขับปาดไม่ต่อคิว
ผมยังเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเองอยู่ครับ ไม่ต้องให้ระบบของรถมาคิดให้ รถที่บ้านผม MB E220d ก็มีระบบช่วยเบรก แต่ปัจจุบัน "ปิด" ระบบนี้ไว้ครับ (ถ้าตอนซื้อถอดระบบนี้โยนทิ้งไปได้แล้วราคาลดลงคงให้ศูนย์เขาทำไปแล้ว) ขับรถในกรุงเทพ ไม่ได้มีแค่รถยนต์อย่างเดียว ยังมีทั้งมอเตอร์ไซค์ที่ไม่รู้จะปาดหน้าเราเมื่อไหร่ พอเจอปาดแบบกระทันรถมันเบรกกึก คันหลังเบรกไม่ทัน ชนโครมม!
ไม่เถียงครับว่ามีไว้ก็ดี แต่ถ้าไม่มี ผมก็ไม่ได้เดือดร้อนครับ อย่างรถที่ผมขับประจำ (Civic FC RS ก่อน MC) ไม่มีระบบอะไรทั้งนั้น มีแค่ Brake Hold มาให้ เวลาเจอรถติด ไม่อยากเมื่อย ก็แค่กด Brake Hold ให้มันทำงาน แค่นั้นครับ ขนาด Cruise Control แบบธรรมดามีมาให้ ผมยังใช้แทบนับครั้งได้ และส่วนใหญ่จะใช้เวลาวิ่งทางไกล ที่เป็นทางปิด แบบมอเตอร์เวย์ แล้วเกิดอาการ "คันเท้า" แล้วจะยกเท้าขึ้นมาเกาเท่านั้นครับ ผมยังยึดถือว่า ตราบใดที่รถเคลื่อนที่ เท้าขวาต้องพร้อมที่จะเร่งและเบรกตลอดเวลา ดังนั้น Cruise Control ก็ไม่มีประโยชน์สำหรับผมครับ ผมยังชอบฟีลลิ่งที่เท้าเราติดแป้นคันเร่งแล้วเร่งหรือผ่อนเองมากกว่า ผมจึงไม่มีปัญหากับการที่รถไม่มีฟังก์ชั่น ACC with Stop & Go ครับ เพราะถึงมี ผมก็ "ปิดระบบ" อยู่ดี (ขนาดเคยลองเปิด Cruise Control เท้าผมยังลงไปเติมคันเร่งตลอดเลยครับนั่น)
ที่สำคัญ แนวคิดเวลาขับรถของผมคือ เวลาผมขึ้นนั่งหลังพวงมาลัยเมื่อไหร่ "ผมควบคุมรถ" ครับ ไม่ใช่ให้ "รถควบคุมผม" จะออกตัว จะเร่ง จะเบรก จะจอด ผมต้องเป็นคนควบคุมครับ ไม่ใช้ให้รถมาคิดแทนเรา ถ้าจะให้ "รถคิดแทนเรา" ทั้งหมด อย่างนั้นจะฝึกหัดขับรถไปทำไมกันหว่า
ที่ตอบมาทั้งหมด เป็นความเห็นส่วนตัวของคน Gen Y ที่ขับรถมาประมาณ 10 ปีนะครับ ท่านอื่นอาจจะเห็นไม่ตรงกัน ไม่ว่ากันนะครับผม