ผู้เขียน หัวข้อ: Tesla Model 3 ลดราคาในจีน..อ่านแล้วคันไม้คันมือขอชวนคุยครับ  (อ่าน 8157 ครั้ง)

ออฟไลน์ lay

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,270
http://www.headlightmag.com/news-tesla-model-3-price-cut-in-china/

ใช้เวลาก่อสร้างราว 10 เดือน  นับว่ารวดเร็วมากนะครับ  แบบนี้ถ้าขายดี กลางปีสร้างอีก1โรงทำให้ใหญ่กว่าเดิม...ปีหน้ากลางๆปีส่งมอบรถได้เป็นล้านคัน  คนไทยอาจได้ใช้ในราคา2ล้านบาท

ออฟไลน์ crspy

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 199
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าโรงงานที่จีนนี่มีไลน์การผลิตแบบขับขวาไหมครับ
แต่ผมคิดว่าทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องได้การสนับสนุนจากรัฐบาลอีกอะครับ เพราะเราจะได้ซื้อรถในโครงสร้างราคารถEV ตามที่มันควรจะเป็น
แต่ประเด็นที่หนักใจก็เรื่องสถานีนี่แหละครับ พูดเฉพาะในกรุงเทพและเขตปริมนทล การที่สถานีมันน้อยก็ถือว่าเป็นข้อจำกัดอีกแหละครับ เพราะต่างคนก็ต่างเหตุผลต่างเงื่อนไข
ถ้ายที่สุดเลยนะครับ ยังไงก็ต้องลุ้นให้ลูกพี่ Elon ขยายมาฝั่งบ้านเราให้ได้ครับ ก็ต้องย้อนกลับไปที่ฐบ.อีกนั่นแหละ
ปล.หากผมมีเงิน 5ลบ.เหลือๆ คงได้รับเชิญ Model3 มาเป็นคู่บุญล่ะครับ (ราคาเกรย์)

ออฟไลน์ TeslaX

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,765
ยากมากตราบใดที่รัฐยังไม่ส่งเสริมรถ ev เห็นข่าวเพิ่งเก็บภาษีแบตเพิ่มอีก รู้เลยใครเสียประโยชน์ถ้ารถ ev บูม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 07, 2020, 03:10:41 โดย TeslaX »

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,955
    • อีเมล์
แต่เดิมราคาจำหน่ายเริ่มต้นของ Tesla Model 3 ในจีนอยู่ที่ 355,800 หยวน (ราว 1,538,000 บาท) แต่รุ่นที่ประกอบในประเทศจะเริ่มต้นที่ 323,800 หยวน (ราว 1,399,000 บาท) ทั้งหมดนี้เป็นผลจากการได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐ รวมไปถึงการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศอีกด้วย

    ภาษีนำเข้าขากจีน 0% ใช่หรือเปล่า

ออฟไลน์ แมวดราม่า

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,573
  • แมวบ้า(ขับ)รถ
แต่เดิมราคาจำหน่ายเริ่มต้นของ Tesla Model 3 ในจีนอยู่ที่ 355,800 หยวน (ราว 1,538,000 บาท) แต่รุ่นที่ประกอบในประเทศจะเริ่มต้นที่ 323,800 หยวน (ราว 1,399,000 บาท) ทั้งหมดนี้เป็นผลจากการได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐ รวมไปถึงการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศอีกด้วย

    ภาษีนำเข้าขากจีน 0% ใช่หรือเปล่า

ภาษีบางรายการ 0% บางรายการไม่ใช่

และราคาเริ่มต้น ไม่ใช่ราคาที่ขายในจีน (รัฐอุดหนุนหลักแสนต่อคัน)

ไม่ต้องหวังว่าจะเข้าไทยได้ต่ำกว่า 2.5 ล้าน
Dare to Drama! | Original Nissan X-Trail Club Thailand: http://www.facebook.com/groups/180634121979355/

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
เห็นหมอกควัน ใน กทม วันนี้ วิกฤติ สุดๆ aqi อยู่ที่160 กว่า
เพื่อนๆที่เป็นหมอปอดก็บอกช่วงนี้ใครเป็นหอบหืด จะมีอาการกำเริบเยอะมาก
วันก่อนผมก็พึ่งเจอคนไข้เป็นมะเร็งปอด อายุไม่มาก 30-40 ก็เป็นกันแล้ว

อยากเห็นรถไฟฟ้ามาไทยเร็วๆครับ เผื่อจะช่วยเรื่องพวกนี้ได้บ้าง

ออฟไลน์ XMSL

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 831
ถ้ามาประกอบพวงมาลัยขวาในไทยนี่เหมาะเลย Tesla จับกลุ่มพรีเมี่ยมถึงกลางๆ ส่วนพี่ยุ่นก็เก็บแมสไปตามถนัด...วินวิน

ออฟไลน์ CookiE

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 875
ประเทศไทย ผมมองว่ารถ EV มันก็ยังไม่สมควรแก่เวลาจริงๆ ตามที่พวกบริษัทรถยนต์อ้าง

ขนาดตัวผมใช้ Benz E350e จะได้มีโอกาสจอดช่องชาร์จเนี้ย นับครั้งได้เลย

ซื้อมา 2 ปีนิดๆ วิ่งไป 7 หมื่นกิโลเมตร ชาร์จไม่ถึง 10 ครั้ง

ยิ่งบางครั้งเจอค่ายคู่แข่งใบพัด พี่แกเอาที่ชาร์จไปไว้ด้านข้างแก้มหน้า เวลาจอดบางสถานที่ชาร์จ ก็เข้าได้แค่คันเดียว จุดชาร์จก็น้อย

ที่ชาร์จ EA แบบเสียเงิน นับตามชั่วโมง ผมมองว่าแพงมาก

3ชั่วโมง บางสถานที่ 150 บางสถานที่ 120 บาท

ชาร์จเต็มวิ่งได้ 22 กิโลเมตร ตกกิโลเมตรละ 6 บาท

สุดท้ายก็ใช้โหมดชาร์จของรถ วิ่งแล้วชาร์จเองยังถูกกว่า

หากเทสล่าส่งมาขายไทย ก็คงมีแค่ลูกค้าบางส่วนที่พร้อมใช้งาน

แต่ที่แน่ๆ มีโอกาสได้กินข้าวข้างทางสูงมากเพราะแบตหมด  :-X

อยากให้ภาครัฐสนับสนุนรถไฟฟ้ามากๆ ครับ อากาศจะได้สดชื่อหน่อย

เริ่มจากรถเมล์ก่อนเลยจะดีมาก

งบประมาณหลายหมื่นล้านที่เสียไป น่าจะเอามาซื้อรถเมล์ไฟฟ้า ติดตั้งแท่นชาร์จไฟฟ้ามากกว่า
เสียดายโอกาสของคนไทย

ออฟไลน์ akewizard

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,618
ขอยกตัวอย่างแถวบ้านผมชานเมือง กทม.เห็น MG ZS ev วิ่งเยอะขึ้นพอสมควรคับ อย่างน้อยได้เจอวันละครั้ง (ไม่รู้คันเดิมรึเปล่า)

ใช้งานจริงเดินทางไกล หรือไปที่นั้นที่นี่อาจจะยังไม่ค่อย work เท่าไหร่
แต่ถ้าเป็นการขับไป-กลับบ้าน ถึงบ้านก็ชาร์ตทิ้งไว้ หรือการขับประจำวัน ผมมองว่าใช้งานได้สบายมาก

บางบ้านแก้ปัญหาโดยการมีไว้ 2 คัน อีกคันเป็นน้ำมันเอาไว้ใช้งานเดินทางไกล

ผมเลยมองกลับกัน....ว่าโอกาสของคนไทยเริ่มมาถึงประตูหน้าบ้านแล้ว อยู่ที่ทัศนคติแต่ละคนว่าจะเปิดรับแค่ไหน

ที่จะทำให้เสียโอกาสจริงๆ ก็คือราคาขายตั้งต้นนี่ล่ะ......
แอบแปลกใจเหมือนกันว่ารถไฟฟ้าที่ใช้โครงสร้างแบบเดิมกับรถเครื่องน้ำมัน แถมชิ้นส่วนน้อยลง มลพิษก็แทบจะเป็น 0
แต่ทำไมราคาขายแพงกว่า ECO Car ซะอีก จะบอกว่าแบตเตอรี่แพงผลิตยาก แต่ก็คุยกันแบบนี้มาจะสิบปีแล้วเทคโนโลยีมันไม่พัฒนาไปบ้างเลยหรืออย่างไร

รอดู Tesla กับประเทศไทยต่อครับว่าจะเป็นยังไง

ออฟไลน์ sukhontha

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,479
ถ้า 3 มาไทยต่ำกว่าสองล้าน  ผมเอาคันหนึ่ง..

เตรียมตัวเกิบเงินก่อน  ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าโรงงานที่จีนนี่มีไลน์การผลิตแบบขับขวาไหมครับ
แต่ผมคิดว่าทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องได้การสนับสนุนจากรัฐบาลอีกอะครับ เพราะเราจะได้ซื้อรถในโครงสร้างราคารถEV ตามที่มันควรจะเป็น
แต่ประเด็นที่หนักใจก็เรื่องสถานีนี่แหละครับ พูดเฉพาะในกรุงเทพและเขตปริมนทล การที่สถานีมันน้อยก็ถือว่าเป็นข้อจำกัดอีกแหละครับ เพราะต่างคนก็ต่างเหตุผลต่างเงื่อนไข
ถ้ายที่สุดเลยนะครับ ยังไงก็ต้องลุ้นให้ลูกพี่ Elon ขยายมาฝั่งบ้านเราให้ได้ครับ ก็ต้องย้อนกลับไปที่ฐบ.อีกนั่นแหละ
ปล.หากผมมีเงิน 5ลบ.เหลือๆ คงได้รับเชิญ Model3 มาเป็นคู่บุญล่ะครับ (ราคาเกรย์)

เดี่ยวมีทำไลน์ผลิตขับขวาส่งไปอินเดียคับ ส่วนล็อตส่งมาบ้านเรารอคิวไปก่อน

ไม่มีการขยายฐานมาบ้านเราหรอกคับ เลิกคิดไปได้เลย ผลิตไทย ต้นทุนแพงกว่า เอื้อประโยชน์น้อยกว่า ทรัพยากรมนุษย์ไม่มี  ตลาดในประเทศเหี่ยวแห้ง ขนาดเล็ก ไม่มีอะไรน่าสนใจมาลงทุนเลยสักอย่าง ผมว่า เราปูเสื่อรอรถผลิตจากจีน และอาเซียนประเทศอื่นกันได้แล้ว ตอนนี้พลางๆก้อทำเครือข่ายที่ชาร์ต DC กว้างๆก่อน

FTA 0% คือดีย์  8)

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
จะรอเมื่อไหร่ ฝุ่นเยอะทีก็มานึกถึงกันที แต่พอฝุ่นลดก็กลับไม่สนใจ ก็ใช้หน้ากากไปละกัน ต่อไปคงต้องซื้ออากาศ สะพายถังแก๊สไปทำงาน

ออฟไลน์ lay

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,270
ผมยังมีความหวังอยู่ในใจ  ว่าประเทศไทยต้องได้ใช้รถ อีวี กันอย่างแพร่หลายในเวลาไม่นานนัก  เพราะ MG EV  คงลุยต่อ อีกอย่างน้อย2 โมเดล   ในราคาพอเอื้มถึง    ส่วนเทสล่าก็มาเป็นทางเลือกสำหรับ กลุ่มรถหรู และคิดว่าคนที่พร้อมสนับสนุน  คงมีมากอยู่

ออฟไลน์ delete

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,963
    • อีเมล์
ขอรีรันความเห้นเดิมของผมละกัน เพิ่งเขียนไปอาทิตย์ก่อน

http://community.headlightmag.com/index.php?topic=73751.msg1296410#msg1296410
ดูเหมือนว่า gigafac ที่จีน จะเป็นของตลาดจีนอย่างเดียวเลยนะครับ ไม่มีการส่งสัญญาณ คำพูด หรืออะไรใดๆเกี่ยวกับตลาดเอเชียอื่นๆเลย แม้แต่คำว่า พวงมาลัยขวา ก็ไม่มีหลุดมาเลย แถมโรงงานเพิ่งเริ่มเดินเครื่อง คงอีกนาน(เป็นปี)กว่าจะถึงจุดสูงสุดของกำลังการผลิต
ดังนั้น ยังมีความเป็นไปได้ว่า อาจจะมี gigafac อีกโรงนึงในจีน สำหรับพวงมาลัยขวา สำหรับตลาดเอเชีย (ที่สามารถใช้จีนเป็นฐาน หรือสามารถใช้สิทธิทางภาษีจากftaได้)
หรือก็ยังมีความเป็นไปได้อีกว่า เทสล่าอาจจะตั้งโรงงานในประเทศเอเชียอื่นนอกจากจีนก็ได้ แต่จะยังไม่ใช่เร็วๆนี้
ไหนจะเรื่องการสร้างecosystem ในประเทศที่จะไปขายอีก โชว์รูมอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่หลังการขาย สถานีชาร์จ เทสล่าต้องลงทุนเป็นของตัวเอง หรืออาจจะร่วมมือกับบ.อื่น ทำecosystem แทนเทสล่า (ดูแลหลังการขาย ตั้งfast charge station ที่แรงพอๆกับของเทล่าเอง)
ยิ่งพอมาดูแบบนี้แล้ว ก็คงไม่ต่างจากที่แอปเปิ้ล ที่กว่าจะมาบุกตลาดบ้านเราเต็มตัว กี่ปี หรือแม้แต่กูเกิล ที่ต้องปล่อยให้บ.อื่นทำตลาดแทน (เช่นบ.มือถือจีน ทำecosystemแทน) ของไทยคงต้องระดับเจ้าสัวล่ะ ที่ควรจะหาทางจับมือกับเทสล่าเสนอตัวทำแทนในประเทศเรา ถึงพอจะมีความเป็นไปได้ที่จะดึงเทสล่ามาบ้านเราได้
ถ้ารอเทสล่ามาเอง คงต้องมองเป็นภูมิภาคอาเซียนมากกว่า (ซึ่งต้องดูว่าจะเลือกใช้จีน นำรถเข้ามาผ่าน FTAได้แค่ไหน) หรือมองไปยังการตั้งโรงงานระดับ gigafactory ผลิตรถพวงมาลัยขวาเป็นหลักส่งไปยังประเทศในภูมิภาคอาเซียนและใกลเคียงทั้งหมด ซึ่งอินโดดูจะมีภาษีดีกว่าไทยอยู่เยอะ ทั้งกำลังซื้อ ทั้งวัตถุดิบ
ผมว่า ปี 2025 ก็ยังไม่น่าจะเห็นเทสล่ามาขายในไทยในราคาที่ควรจะเป็นได้

มองแบบความเป้นจริง
1.เทสล่าจะมาไทยแบบอย่างเป็นทางการ ถ้าตามปกติ บ.แม่ต้องมาเอง (แบบค่ายมือถือ ซัมซุง แอปเปิล) หรืออย่างน้อย ต้องมีการตั้งดีลเลอร์ที่ดูแลเทสล่าในประเทศแทนได้ (เหมือนตลาดรถหรู)
2.สถานีชาร์จจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานเทสล่า ซึ่งตอนนี้เป็นแบบ DC fast charge 150kw (กลางปี 2020นี้ จะไปถึง 250kw) โดยเทสล่าต้องมาลงทุนตั้งสถานีชาร์จเอง หรือมีบริษัทร่วมที่ทำหน้าที่นี้แทน ในไทน ณ ตอนนี้ ยังไม่มีแม้แต่เจ้าเดียวที่ทำได้ (ล่าสุดเป็นของ pea มั้ง ได้ราวๆ 90kw)
และยังมีปัญหาการจัดเก็บค่าไฟฟ้าจากการไฟฟ้า เพราะตอนนี้ การไฟฟ้าใช้วิ๊การกำหนดราคาเหมาเป็นรายเดือน เดือนละ 3หมื่นบาทต่อตู้(สำหรับ dc) เลยไม่มีเอกชนรายไหนกล้าที่จะเปิดตู้dc มีแต่ของภาครัฐที่เปิดเป็นการทดลอง ให้ใช้ฟรีแต่ความเร็วไม่ได้ตามมาตรฐาน(ไม่ได้ลงทุนแก้ระบบไฟหลักของตัวเองให้รองรับ) และเปิดเฉพาะในเวลาที่กำหนด มีจนท.คุม
3.ถ้าเทสล่าจะมา ต้องมาใน 2 ทาง คือนำเข้ามาจากจีน ผ่าน FTA แต่ก็ต้องไปดูว่า โรงงานที่จีน ทำเผื่อส่งออกประเทศอื่นไหม ทำพวงมาลัยขวาไหม
กับทางที่สอง คือ ตั้งโรงงานในไทย อันนี้น่าจะเลิกคิดไปเลยเพราะต้องแข่งกับอีกหลายประเทศที่พร้อมจะแย่งเทสล่าให้มาตั้งโรงงาน ไทยไม่ได้มีศักยภาพพอที่จะแข่งกับเขาได้เลย
4.ตอนนี้รัฐบาลเอื้อเฟื้อให้กับกลุ่มบริษัทที่ลงทุนทำโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศมาก่อนเป็นอันดับต้นๆ และยังมีรายได้หลักมาจากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิง (ตกปีละ 2แสนล้านบาท หรือราวๆ20% ของภาษีที่จัดเก็บได้ทั้งประเทศ) ถ้าสมมตินะว่ารถน้ำมันหายไปในถนนเลยสัก 10% ของทั้งหมด เท่ากับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลดลงทันที 10% ก็จะจัดเก็บภาษีได้ลดลงทันที 2 หมื่นล้านบาท รัฐจะต้องหาแหล่งรายได้มาทดแทน ที่ขาดหายไป นี่แค่10%นะ ถ้ารถไฟฟ้ามี50% หรือ100% รัฐจะจัดเก็บภาษีจากส่วนไหนมาทดแทน ถึง2แสนล้านบาทต่อปี

ดังนั้น ยากเลยที่จะเห็นเทสล่ามาขายในไทยแบบเป็นทางการ ในราคาที่พอๆกับประเทศอื่นๆ

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
ขอรีรันความเห้นเดิมของผมละกัน เพิ่งเขียนไปอาทิตย์ก่อน

http://community.headlightmag.com/index.php?topic=73751.msg1296410#msg1296410
ดูเหมือนว่า gigafac ที่จีน จะเป็นของตลาดจีนอย่างเดียวเลยนะครับ ไม่มีการส่งสัญญาณ คำพูด หรืออะไรใดๆเกี่ยวกับตลาดเอเชียอื่นๆเลย แม้แต่คำว่า พวงมาลัยขวา ก็ไม่มีหลุดมาเลย แถมโรงงานเพิ่งเริ่มเดินเครื่อง คงอีกนาน(เป็นปี)กว่าจะถึงจุดสูงสุดของกำลังการผลิต
ดังนั้น ยังมีความเป็นไปได้ว่า อาจจะมี gigafac อีกโรงนึงในจีน สำหรับพวงมาลัยขวา สำหรับตลาดเอเชีย (ที่สามารถใช้จีนเป็นฐาน หรือสามารถใช้สิทธิทางภาษีจากftaได้)
หรือก็ยังมีความเป็นไปได้อีกว่า เทสล่าอาจจะตั้งโรงงานในประเทศเอเชียอื่นนอกจากจีนก็ได้ แต่จะยังไม่ใช่เร็วๆนี้
ไหนจะเรื่องการสร้างecosystem ในประเทศที่จะไปขายอีก โชว์รูมอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่หลังการขาย สถานีชาร์จ เทสล่าต้องลงทุนเป็นของตัวเอง หรืออาจจะร่วมมือกับบ.อื่น ทำecosystem แทนเทสล่า (ดูแลหลังการขาย ตั้งfast charge station ที่แรงพอๆกับของเทล่าเอง)
ยิ่งพอมาดูแบบนี้แล้ว ก็คงไม่ต่างจากที่แอปเปิ้ล ที่กว่าจะมาบุกตลาดบ้านเราเต็มตัว กี่ปี หรือแม้แต่กูเกิล ที่ต้องปล่อยให้บ.อื่นทำตลาดแทน (เช่นบ.มือถือจีน ทำecosystemแทน) ของไทยคงต้องระดับเจ้าสัวล่ะ ที่ควรจะหาทางจับมือกับเทสล่าเสนอตัวทำแทนในประเทศเรา ถึงพอจะมีความเป็นไปได้ที่จะดึงเทสล่ามาบ้านเราได้
ถ้ารอเทสล่ามาเอง คงต้องมองเป็นภูมิภาคอาเซียนมากกว่า (ซึ่งต้องดูว่าจะเลือกใช้จีน นำรถเข้ามาผ่าน FTAได้แค่ไหน) หรือมองไปยังการตั้งโรงงานระดับ gigafactory ผลิตรถพวงมาลัยขวาเป็นหลักส่งไปยังประเทศในภูมิภาคอาเซียนและใกลเคียงทั้งหมด ซึ่งอินโดดูจะมีภาษีดีกว่าไทยอยู่เยอะ ทั้งกำลังซื้อ ทั้งวัตถุดิบ
ผมว่า ปี 2025 ก็ยังไม่น่าจะเห็นเทสล่ามาขายในไทยในราคาที่ควรจะเป็นได้

มองแบบความเป้นจริง
1.เทสล่าจะมาไทยแบบอย่างเป็นทางการ ถ้าตามปกติ บ.แม่ต้องมาเอง (แบบค่ายมือถือ ซัมซุง แอปเปิล) หรืออย่างน้อย ต้องมีการตั้งดีลเลอร์ที่ดูแลเทสล่าในประเทศแทนได้ (เหมือนตลาดรถหรู)
2.สถานีชาร์จจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานเทสล่า ซึ่งตอนนี้เป็นแบบ DC fast charge 150kw (กลางปี 2020นี้ จะไปถึง 250kw) โดยเทสล่าต้องมาลงทุนตั้งสถานีชาร์จเอง หรือมีบริษัทร่วมที่ทำหน้าที่นี้แทน ในไทน ณ ตอนนี้ ยังไม่มีแม้แต่เจ้าเดียวที่ทำได้ (ล่าสุดเป็นของ pea มั้ง ได้ราวๆ 90kw)
และยังมีปัญหาการจัดเก็บค่าไฟฟ้าจากการไฟฟ้า เพราะตอนนี้ การไฟฟ้าใช้วิ๊การกำหนดราคาเหมาเป็นรายเดือน เดือนละ 3หมื่นบาทต่อตู้(สำหรับ dc) เลยไม่มีเอกชนรายไหนกล้าที่จะเปิดตู้dc มีแต่ของภาครัฐที่เปิดเป็นการทดลอง ให้ใช้ฟรีแต่ความเร็วไม่ได้ตามมาตรฐาน(ไม่ได้ลงทุนแก้ระบบไฟหลักของตัวเองให้รองรับ) และเปิดเฉพาะในเวลาที่กำหนด มีจนท.คุม
3.ถ้าเทสล่าจะมา ต้องมาใน 2 ทาง คือนำเข้ามาจากจีน ผ่าน FTA แต่ก็ต้องไปดูว่า โรงงานที่จีน ทำเผื่อส่งออกประเทศอื่นไหม ทำพวงมาลัยขวาไหม
กับทางที่สอง คือ ตั้งโรงงานในไทย อันนี้น่าจะเลิกคิดไปเลยเพราะต้องแข่งกับอีกหลายประเทศที่พร้อมจะแย่งเทสล่าให้มาตั้งโรงงาน ไทยไม่ได้มีศักยภาพพอที่จะแข่งกับเขาได้เลย
4.ตอนนี้รัฐบาลเอื้อเฟื้อให้กับกลุ่มบริษัทที่ลงทุนทำโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศมาก่อนเป็นอันดับต้นๆ และยังมีรายได้หลักมาจากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิง (ตกปีละ 2แสนล้านบาท หรือราวๆ20% ของภาษีที่จัดเก็บได้ทั้งประเทศ) ถ้าสมมตินะว่ารถน้ำมันหายไปในถนนเลยสัก 10% ของทั้งหมด เท่ากับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลดลงทันที 10% ก็จะจัดเก็บภาษีได้ลดลงทันที 2 หมื่นล้านบาท รัฐจะต้องหาแหล่งรายได้มาทดแทน ที่ขาดหายไป นี่แค่10%นะ ถ้ารถไฟฟ้ามี50% หรือ100% รัฐจะจัดเก็บภาษีจากส่วนไหนมาทดแทน ถึง2แสนล้านบาทต่อปี

ดังนั้น ยากเลยที่จะเห็นเทสล่ามาขายในไทยแบบเป็นทางการ ในราคาที่พอๆกับประเทศอื่นๆ

ตามนั้นคับ สำหรับ เทสล่าเข้าไทยนี่ เป็นระยะยาวเลย พวก Volvo, BYD, MG, Nio ขายนำร่องไปก่อนพักใหญ่ แต่ เทสล่ามาเมื่อรัย มีกระเจิงกันได้

ส่วนเรื่องประกอบไทย.... เลิกคิดไปได้เลยคับ  ไทยไม่มีอะไรน่าสนใจให้มาลงทุนผลิตในยุคอีวีสักอย่าง  แต่เรายังพยายามหลอกตัวเองไปวันๆว่าเป็นฐานผลิตรถ (ICE + เทคโนเก่าๆ โละมา HEV)

ออฟไลน์ Sleepy Boy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,419
    • อีเมล์
ตลาดไทยเล็กกระจิ๊ด เขาไม่มองหรอกครับ สู้ส่งขายเวียตนาม ยังจะง่ายซะกว่า เพราะไม่ต้องแปลงพวงมาลัย อีกอย่าง ผลประโยชน์มันทับซ้อนกันกับขาใหญ่ โอกาสที่จะวิ่งกันแพร่หลาย คงอีกนาน ยังไงก็ตามจะช้าจะเร็วก็ต้องเปลี่ยนไปตามโลก เปลี่ยนก่อนก้าวก่อน เปลี่ยนหลังก็ตามตูดชาวบ้านวันยังค่ำ

ออฟไลน์ CarameLon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,387
ถ้ารัฐบาลชุดนี้จะทำราคารถevงั้นจริงๆ ใครจะรับผิดชอบอุตสาหกรรมรถยนตร์น้ำมันที่ต้องปิดตัวลง
ต่างชาติถอนทุน เลิกจ้างคนงาน ปิดโรงงานผลิตประกอบรถในไทย ซัฟพลายเออร์ก็เจ๊งกันเป็นลูกโซ่
ภาษีมลพิษที่เคยเก็บได้เต็มกำมือก็หาย รัฐบาลยิ่งเงินน้อยๆอยู่ด้วย เขาไม่มีทางยอมได้หรอก
มันเป็นไปไม่ได้แน่นอนครับ อีก20ปีค่อยว่ากันใหม่ อิอิ 8)
TOYOTA WISH SPORT 2.0>>>CRV-2.4L 4WD GEN3>>>TOYOTA Camry 2.4 2010>>>BMW 520 ตาเหยี่ยว>>>BMW X3 2011 >>>BMW 520D 2010 >>>BMW 525D ก่อน LCI >>>BMW 116i M-sport >>>BMW X1 2.0 S-drive 2016 >>>Mercedes GLA200 >>>Mercedes C Class C350e >>> BMW330e+BMWS1000R

ออฟไลน์ lay

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,270
อ่านความคิดเห็นหลายท่านแล้ว  ชักจะถอดใจแล้ว คงได้ใช้ อัลเมร่า ยาวๆไป อิอิ  กลางเดือนนี้รับรถแล้วจะขับเที่ยวท่อง ยอดดอยทดสอบอัตราสิ้นเปลืองสัก15วัน

ออฟไลน์ delete

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,963
    • อีเมล์
อ่านความคิดเห็นหลายท่านแล้ว  ชักจะถอดใจแล้ว คงได้ใช้ อัลเมร่า ยาวๆไป อิอิ  กลางเดือนนี้รับรถแล้วจะขับเที่ยวท่อง ยอดดอยทดสอบอัตราสิ้นเปลืองสัก15วัน

คิดเสียว่าใช้คันนี้ไปก่อนสัก 5ปี 7ปี เดี๋ยวก็มีรถ BEV มาขาย และอาจจะมีรถรุ่นอื่นๆที่พอจะสู้กับเทสล่าอีกก็ได้

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,955
    • อีเมล์
ประเทศไทย ผมมองว่ารถ EV มันก็ยังไม่สมควรแก่เวลาจริงๆ ตามที่พวกบริษัทรถยนต์อ้าง

ขนาดตัวผมใช้ Benz E350e จะได้มีโอกาสจอดช่องชาร์จเนี้ย นับครั้งได้เลย

ซื้อมา 2 ปีนิดๆ วิ่งไป 7 หมื่นกิโลเมตร ชาร์จไม่ถึง 10 ครั้ง

ยิ่งบางครั้งเจอค่ายคู่แข่งใบพัด พี่แกเอาที่ชาร์จไปไว้ด้านข้างแก้มหน้า เวลาจอดบางสถานที่ชาร์จ ก็เข้าได้แค่คันเดียว จุดชาร์จก็น้อย

ที่ชาร์จ EA แบบเสียเงิน นับตามชั่วโมง ผมมองว่าแพงมาก

3ชั่วโมง บางสถานที่ 150 บางสถานที่ 120 บาท

ชาร์จเต็มวิ่งได้ 22 กิโลเมตร ตกกิโลเมตรละ 6 บาท

สุดท้ายก็ใช้โหมดชาร์จของรถ วิ่งแล้วชาร์จเองยังถูกกว่า

หากเทสล่าส่งมาขายไทย ก็คงมีแค่ลูกค้าบางส่วนที่พร้อมใช้งาน

แต่ที่แน่ๆ มีโอกาสได้กินข้าวข้างทางสูงมากเพราะแบตหมด  :-X

อยากให้ภาครัฐสนับสนุนรถไฟฟ้ามากๆ ครับ อากาศจะได้สดชื่อหน่อย

เริ่มจากรถเมล์ก่อนเลยจะดีมาก

งบประมาณหลายหมื่นล้านที่เสียไป น่าจะเอามาซื้อรถเมล์ไฟฟ้า ติดตั้งแท่นชาร์จไฟฟ้ามากกว่า
เสียดายโอกาสของคนไทย

    Tesla วิ่งได้ 400-500 กิโลนะครับ  วิ่งไปกลับพัทยาหรือหัวหินก็ได้  วิ่งขึ้นเหนือไปตาก พิษณุโลก  อีสานก็แถวโคราช ขอนแก่น  ทางใต้ก็แถวชุมพร  ติดที่ชาร์ตไว้ที่บ้านต่างจังหวัดก็วิ่งกลับได้เหมือนกัน  คงคล้ายๆกับโทรศัพท์มือถือนั่นแหล่ะ  ช่วงที่เปิดให้บริการใหม่ๆก็มีสถานีเครือข่ายแค่กรุงเทพและปริมณฑลเพราะลูกค้ากลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูง  พอลูกค้าเยอะขึ้นก็ขยายเครือข่ายไปต่างจังหวัด  เหมือนที่ MG ขาย EV ตอนนี้แหล่ะ

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
การสนับสนุน ev มันไม่ทำให้รถน้ำมันปิดตัวหรอกครับ แค่ทำให้รถ ev เข้ามามีส่วนแข่งขันได้มากขึ้นมากกว่า ยิ่งถ้าดึงความสนใจต่างชาติให้มาลงทุนได้ก็เกิดการสร้างงานสร้างรายได้
ตอนนี้รถน้ำมันก็ยังโดนย้ายฐานผลิต เลิกจ้าง ทั้งที่รถไฟฟ้าก็ไปไม่ถึงไหน แสดงว่าไม่เกี่ยวกับการมาของรถไฟฟ้าหรอก

ออฟไลน์ U9WS

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,180
  • slower is better
รอดู​ VW กับ​ Hyundai จากโรงงานอินโดอีกที่ครับ

ส่วน​ EV​ ประกอบไทยในระยะยาวคงแข่งขั้นไม่ได้​ ผู้ขายคงนำเข้าจากจีนและอินโดมากกว่า

ออฟไลน์ Sacrifice

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 591
เรื่อง tesla ประกอบในไทย คงอีกนานมาก จนบางทีอาจไม่มีวันนั้นด้วย

toyota มาผลิต EV ขายในไทยยังดูเป็นไปได้มากกว่า

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,431
บ้านเราคงยังไม่พร้อม ไปอีกนาน  ::) ::) ::) ::) ::)

ออฟไลน์ Alcatraz

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,608
    • อีเมล์
รับได้มั้ยกับรถประกอบจีน ผมเฉยๆนะ ทุกวันนี้ก็ใช้ไอโฟน แต่มัน qc ผ่านมารตฐานบริษัท เทสล่าก็คงไม่ต่าง มันไม่ใช่แบบ mg ที่ออกแบบโดยจีน ประกอบและ qc แบบจีน ที่ห่วยมาก ถ้านำเข้าจากจีนแล้วได้สิทธภาษีแบบ zs ev อาจจจะทำราคาได้น่าสนใจ

Nonlamer

  • บุคคลทั่วไป
สำหรับบ้านเราอย่าตั้งความหวังไว้สูงครับ

ออฟไลน์ mew123765

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 213
    • อีเมล์
FTA จีน-อาเซียน รถมันต้องใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในจีน/อาเซียน 40% ขึ้นไป (คิดตามมูลค่าชิ้นส่วน) ถึงจะได้ศุลกากร 0%
ชักไม่แน่ใจว่ารถ Tesla เนี่ยใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในจีน/อาเซียนถึง 40% รึเปล่า ถ้าไม่ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้สิทธิ์ 0% แบบที่ MG ทำ

ออฟไลน์ deertesla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,245
รับได้มั้ยกับรถประกอบจีน ผมเฉยๆนะ ทุกวันนี้ก็ใช้ไอโฟน แต่มัน qc ผ่านมารตฐานบริษัท เทสล่าก็คงไม่ต่าง มันไม่ใช่แบบ mg ที่ออกแบบโดยจีน ประกอบและ qc แบบจีน ที่ห่วยมาก ถ้านำเข้าจากจีนแล้วได้สิทธภาษีแบบ zs ev อาจจจะทำราคาได้น่าสนใจ
แต่รถไฟฟ้าจากเทสล่าขึ้นชื่อเรื่องไฟไหม้บ่อยอยู่นะครับ

ออฟไลน์ delete

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,963
    • อีเมล์
FTA จีน-อาเซียน รถมันต้องใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในจีน/อาเซียน 40% ขึ้นไป (คิดตามมูลค่าชิ้นส่วน) ถึงจะได้ศุลกากร 0%
ชักไม่แน่ใจว่ารถ Tesla เนี่ยใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในจีน/อาเซียนถึง 40% รึเปล่า ถ้าไม่ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้สิทธิ์ 0% แบบที่ MG ทำ

เทสล่าให้ข่าวว่า ตอนนี้ใช้ชิ้นส่วนในจีนอยู่ที่ 30%
แต่จะใช้ชิ้นส่วนในจีน 100% ภายในปีนี้

ออฟไลน์ blitzpao

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 738
เรื่องชิ้นส่วนนี้ไม่น่ายากครับเพราะ กระจก จอ แบต นี้เป็นของที่จีนผลิตได้ดีมากๆ ผมว่าคุณภาพงานประกอบที่จีนอาจจะสูงกว่าโรงงานที่ Fremont ด้วยซ้ำ