« เมื่อ: กันยายน 06, 2010, 11:30:34 »
หัวข้อข่าวนี่ยกมาจาก นสพ นะครับ ไม่ได้ตั้งเอง
ดูเหมือนทำให้คนอ่าน misleading ไปหน่อย
นี่เนื้อข่าวครับ
+++++++++++++++++++++++
ฟอร์ดปลื้ม ยอดจองเฟียสต้าล้น1.2 พันคันก่อนเปิดตัว หนักใจโรงงานต้องเร่งผลิตป้อนส่งออกไปออสเตรเลียด้วย ชี้สนเครื่องดีเซลแต่รอดูรัฐลดภาษีเท่าอี 20 ชี้ปีหน้าพัฒนาปิกอัพรุ่นใหม่ลุยตลาด ส่วนปี 55 ใช้โรงงานใหม่ผลิตโฟกัส โมเดล เชนจ์
นายสาโรช เกียรติเฟื่องฟู รองประธานอาวุโส ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทได้อวดโฉมรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ฟอร์ด เฟียสต้า อย่างไม่เป็นทางการในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ เมื่อเดือนมีนาคม 2553 ที่ผ่านมา พร้อมกับได้จัดกิจกรรมการตลาดก่อนเปิดตัวผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่าง เฟซบุ๊ก ทำให้ขณะนี้ ฟอร์ด เฟียสต้า มียอดจองแล้วกว่า 1,200 คัน ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ 2 กันยายนเป็นต้นไป โดยบริษัทจะเร่งส่งมอบรถให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ เนื่องจากโรงงานบริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์(ประเทศไทย) จำกัด เป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จึงต้องเร่งส่งออกไปยังภูมิภาคอื่นๆด้วย โดยเฉพาะออสเตรเลีย ที่มีแผนเปิดตัวเร็วๆนี้ โดยฟอร์ดหวังว่า จะได้รับการส่งมอบรถเฟียสต้าเดือนละ 1,500-1,800 คัน ซึ่งจะช่วยให้ฟอร์ดมีส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์นั่งสูงมากขึ้นจากเดิม ที่มีรถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็กต์ อย่างฟอร์ด โฟกัส เพียงรุ่นเดียว
"ภายในสิ้นปี คาดว่า ฟอร์ด เฟียสต้าจะได้รับความสนใจจากลูกค้าชาวไทยเพิ่มขึ้น ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและสมรรถนะในการขับขี่ แต่ยังบอกไม่ได้ว่า จะช่วยให้ยอดขายโดยรวมของฟอร์ดเพิ่มขึ้นแค่ไหน สำหรับในปีหน้า ฟอร์ดเริ่มพัฒนารถปิกอัพขนาด 1 ตันรุ่นใหม่ ในโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ซึ่งร่วมกับมาสด้า ลงทุนเปิดสายการผลิตมูลค่า 11,000 ล้านบาท และเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 ต่อจากนั้น ในปี 2555 ฟอร์ดจะประกอบรถยนต์นั่งฟอร์ด โฟกัส โมเดลเชนจ์ ที่โรงงานของฟอร์ด ประเทศไทย แห่งใหม่ เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปภูมิภาคเอเชีย- แปซิฟิก"
นายสาโรช กล่าวต่อไปว่า ฟอร์ดเปิดตัว เฟียสต้า ใหม่ ด้วยราคาที่จูงใจมาก โดยรุ่น 1.4 ลิตร เกียร์ธรรมดา จำหน่ายในราคาเพียง 529,000 บาทเท่านั้น ส่วนรุ่นท็อปสุด เกียร์พาวเวอร์ชิฟต์ 6 สปีด เพียง 699,000 บาท ที่มอบความหรูหราคุ้มค่าเหนือกว่ารถยนต์นั่งขนาดเล็กระดับเดียวกัน ซึ่งราคาดังกล่าวถือเป็นการขอบคุณกลุ่มลูกค้าที่ยินดีรอคอยมาเป็นเวลานาน และเป็นราคาช่วงแนะนำพิเศษ ไม่มีโปรโมชันแถมประกันภัยชั้น 1 เหมือนค่ายรถอื่นๆ หลังจากนั้นจะปรับขึ้นราคาตามความเป็นจริง ส่วนจะมีการจำหน่ายรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลหรือไม่นั้น คงต้องรอดูนโยบายด้านภาษีสรรพสามิตของรัฐบาลว่าจะสนับสนุนมากน้อยแค่ไหน จาก ที่ปัจจุบัน เครื่องยนต์ดีเซลไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควร ยังต้องเสียภาษี 30 % ขณะที่รถยนต์เครื่องเบนซินซึ่งเดิมเสียภาษี 30% แต่เมื่อสามารถใช้น้ำมันอี 20 ภาษีสรรพสามิตจะลดลงเหลือแค่ 25%
http://www.thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=40564:-55&catid=134:than-auto-&Itemid=452