Maintenance cost ของรถยุโรปมีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อมั๊ยครับ

urangutang

หมายถึงว่าค่าแรง+ค่าอะไหล่ เมื่อไป service ที่ศูนย์บริการ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลต่อปีต่างๆ

ทำให้บางคนตัดสินใจเลือกซื้อ D segment หรือ SUV ของค่ายญี่ปุ่นแทนเลยหรือเปล่าครับ



natin

มีผลครับ แต่ก็ขึ้นอยู่กำลังทรัพย์ของคนๆ นั้น เห็นมาเยอะ เพิ่มนิดเดียวขับยุโรปดีกว่า สุดท้ายเจ็บครับ



รถจักรไอน้ำ

ตอนซื้อไม่เคยคิดเลยครับ พอมาเจอค่าเบี้ยประกันกับค่าอะไหล่ปีละ 3 คันก็เคยมองย้อนกลับไปครับว่ามีไว้ทำไม ตั้งหลายคัน ขับบ้างไม่ขับบ้าง ราคาที่จ่ายไปแต่ละปีบางปีเจอหนักๆซื้ออีโค่คาร์มาขับได้เลย  :'(

 แต่ก็ต้องทำใจครับซื้อมาแล้วก็ต้องจ่ายไป หาความสุขจากการใช้ให้ได้เยอะๆดีกว่าครับ
Current cars:
2018 - Volvo XC60 T8 R-design (Stock)
2020 - Mercedes C43 Sedan FL (tuned)
(Review https://community.headlightmag.com/index.php?topic=79186.0)
2021 - BMW 530e M sport LCI (Stock)
(Review https://community.headlightmag.com/index.php?topic=79736.0)



Yangyang

เพิ่งตัดสินใจไปเมื่อตอนกลางเดือน
ตอนแรกสุดเลยดู 320d, X1, xc40, GLA ประมาณนี้ ไปลองๆมาแล้วบ้าง แต่พอไปสิงในกลุ่ม FB เริ่มเห็นค่าใช้จ่ายใยแต่ละเคสของคนใช้งานจริง คำนวณดูแล้วปีละ 1 แสน+ หลังหมด warranty

ก็เลยถอยมาเหลือแค่ camry, accord ลองไปลองมามือลั่นไปจอง crv mc ซะงั้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 29, 2020, 16:03:32 โดย Yangyang »



iamitman

มีผลครับ มอง series3 อยู่ หมดปัญหาเรื่องค่าดูแลไป 5 ปี แต่ตั้งใจว่าจะใช้ยาวกว่านั้นซักหน่อย ทำให้ลังเลมากทีเดียวครับ



DiKiBoyZ

มีซิครับ มากด้วย มันเป็นเรื่องปกติ

รถยุโรปเอง ค่าบำรุงรักษาก็เป็นปัจจัยนึงในการเลือกเช่นกัน ไม่งั้นจะพากันขายตอนไกล้หมด warranty เหรอครับ

ขนาดคนซื้อ SuperCar ยังคิดแล้วคิดอีกเลยว่า จะซื้อกับใครดี ซื้อเกรย์ดีไหม หรือซื้อ Authorize Dealer ดีน๊ะ



yongan

มีครับ สำหรับเราๆทั่วไปที่ไม่ได้รำ่รวยอะไรมากมาย ตอนนี้ที่บ้านใช้bmw เข้าปีที่4แล้วยังคิดอยู่เลยครับว่า

ถ้าใกล้หมด bsi และวารันตี จะบริหารจัดการอย่างไรดี



Panerai II

มีครับ ไอ่เพิ่มอีกนิดได้ entry ยุโรปเนี่ยละ
ใครไม่เงินหนาจริง หรือซื้อเพราะเอาหน้า นี่เจ็บมานักต่อนักละครับ

ตราดาวค่า service x3 x4 ของ D-seg ญี่ปุ่น เลยครับ
ถึงจะเป็นแค่  GLA CLA ก็ตาม



whoami

นอกจากค่า service ค่าประกันที่โหดร้ายแล้ว

อีกเหตุผลที่ทำใจยากคือราคาขายต่อครับ

ซื้อ 3 ล้าน ใช้ 5 ปี เหลือล้านต้นๆ ไม่รวยจริงนี่ทำใจยากครับ



เนื้อน่องไม่หนัง

ไม่เคยเป็นเจ้าของนะครับ เคยคิดจะซื้อแต่พอเห็นค่าเซอวิสหลังหมดประกัน อะไหล่/ยาง/ประกัน แล้ว คิดว่าเรายังไม่พร้อมจะใช้รถยุโรป
อยู่กับMassญี่ปุ่นต่อไปดีกว่า อะไรเสียจับเข้าศูนย์ราคายังพอรับไหว
แต่ยังไงอนาคตถ้าไหวอาจลองสักคันนึงแก้คัน จะได้ไม่ค้างคา



akewizard

ส่วนตัวผมมีผลครับ ถ้ามีงบหมิ่นเหม่ระหว่างรถยุโรป vs รถญี่ปุ่นหรือเกาหลี ผมน่าจะเลือกไปทางหลังมากกว่า
ถ้าเอา Performance หน่อยก็อาจจะไปหาพวกตัวนำเข้าหรือ JDM ของค่ายญี่ปุ่นเอาคับ ราคาชนรถยุโรปแต่ค่ารักษาก็ระดับรถบ้านทั่วไป



FyGI

มีผลกับผมพอสมควรครับ

อยากลองนะรถยุโรปเนี่ย

ติดตรงที่ค่าดูแลรักษาครับ



Aleister TJ

ต่อให้มีตังซื้อก็ไม่กล้าอยู่ดี ขอมีเงินเย็นสักก้อนถึงจะกล้าเล่น

เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยซีเรียสแล้ว รถอะไรก็ถึงที่หมายเหมือนกัน
My Car History ~

Honda City ZX
Toyota Yaris 1.2E
Mazda3 Skyactive 2.0S
Mazda 2 SkyActiv 1.5 High Plus L
Mitsubishi Pajero Sport 2.4 Elite



demo2

มีครับ แต่ของงี้มันต้องเจอเอง เจ็บเองครับ เหมือนความรัก บ้างก็ว่ามันขมบ้างก็ว่าหวาน ต้องลิ้มเองครับ
ปล เพ้อเจ้อไปนิด ขออภัย
ปล ใช้ 320 d อยู่ 4 ปี ยังไม่เจ็บ มีเบี้ยประกันที่แพงกว่าแต่ก็รับได้ ไม่เจ็บ รอดูหลังหมด BSI แล้วจะเจ็บแค่ไหน ถ้ารับได้ก็คงใช้ยุโรปอีก แต่ถ้ารับไม่ได้ก็กลับมาใช้ญี่ปุ่นก็ไม่เสียหาย



InBkk

มีญาติคนนึง ทำธุรกิจค้าส่ง ค่อนข้างรวยทีเดียว แกเคยซื้อ Volvo V40 ตัวแรกมาใช้ยาว 10 ปี ความที่แกเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ทำงานเองคนเดียว พอเจอค่าอะไหล่แพงๆ กับการซ่อมจุกจิก และราคาขายต่อที่ตกค่อนข้างเยอะ (ราคาตกไม่ได้เยอะไปกว่า Accord G8 ของผมสักเท่าไหร่เลย) แกบอกว่า ไม่เอาอีกแล้วรถยุโรป หลังจากนั้นก็วนเวียนอยู่กับ D-segment หรือ Suv รุ่น Top สุด ทั้งที่แกสามารถซื้อรถ 4 ล้านได้ไม่ยากนัก

พอเจอเคสนี้ ผมยังคิดเลยว่า ถ้า Toyota เอา Harrier เข้ามาขาย ในราคา 1 ปลาย - 2 ต้น ก็จะกวาดกลุ่มลูกค้าที่ฐานะดี แต่ไม่กล้าแตะรถยุโรปไปได้อีกเพียบเลยทีเดียว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 29, 2020, 23:53:15 โดย ArtofLife »



ฟง อวิ๋น

ตอบคำถาม ถ้ารู้ก่อนว่าต้องโดนเท่าไหร่ ก็มีผลในการตัดสินใจแน่นอนครับ และส่วนไหญ่ก็จะไป D-Seg ญี่ปุ่น

ส่วนตัวผมก็รู้ครับว่าจะโดนอะไรบ้าง แต่ที่พึ่งรู้ตอนได้รถมาแล้ว(ไม่ได้นึกถึง) ก็คือเบี้ยประกันชั้น 1 ที่มหาโหดมากครับ

ขนาด Alphard ราคา 3 ล้าน เบี้ยชั้น 1 ซ่อมห้างปีที่ 2 ยังราคาถูกกว่า GLA200 ราคา 2 ล้าน เบี้ยชั้น 1 ปีที่ 3 (ถูกกว่าเกือบ 30%)

ถ้าอยากมีสักคันและใช้น้อยก็จัดมาสักคันครับ ของผมคงมีคันเดียวก็เกินพอละครับ
Isuzu SLX, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 I, Mazda2 II, D-Max, Fortuner, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer II, Lander III, Ranger, XL7, Forester SK, Swift, Stargazer, Aion V



PKS8

น่าจะเป็นเหตุผลหลักเลยครับ หลังหมดประกัน เข้าศูนย์ก็แพงมากซ่อมหลายครั้งก็ไม่จบ เข้าอู่นอกก็ต้องไปตีซี้เจ้าของ กับช่าง ไม่งั้นรอคิวนาน กับซ่อมไม่จบ ค่าซ่อมถูกกว่าศูนย์ แต่ก็ยังแพงกว่า D Seg อยู่ดี

ค่าซ่อมที่ว่าอู่นอกถูกแล้ว ยังแพงกว่า D Seg เข้าศูนย์อยู่ 1-2 เท่าแต่สมรรถนะ และสิ่งที่ได้รับกลับมามันไม่ได้ดีกว่า 1-2 เท่า

ผมใช้ไปซ่อมไปจนเบื่อ เปลี่ยนมาใช้ D Seg หรือ Suv ญี่ปุ่น มีเงินเหลือไปเที่ยว ตปท ปีล่ะ 2-3 ครั้งได้เลย แถมได้เปลี่ยนรถใหม่ทุกๆ 4-5 ปี แบบไม่ต้องเสียดายเลย



r0u0g0e0k

มีผลมากครับ เจ็บปวดกันไปเยอะเลยหละ กับยุโรป ระดับเริ่มต้น เเต่ค่าบำรุงระหว่างใช้ มันไม่เริ่มต้นด้วย 

มันไม่ใช่เเพงจนจ่ายไม่ไหวหรอก  เเต่เหมือนเงินหายไปฟรีๆ เหมือนจากเคย ซื้อก้วยเตี้ยวชามละ 50 บาท ตอนนี้ ตอนนี้ต้องจ่ายชามละ 200 บาท  ยังมีเงินจ่ายไหว เเต่ก็รู้สึก มันเเพงเกินไปมั้ยนะ



Auto

มีผลครับ แต่ก็ขึ้นอยู่กำลังทรัพย์ของคนๆ นั้น เห็นมาเยอะ เพิ่มนิดเดียวขับยุโรปดีกว่า สุดท้ายเจ็บครับ
  คำว่าเจ็บพูดเบา  ๆ  ก็เจ็บอยู่ดี 555555        นั่นละเป็นสาเหตุหลักเลยที่ผมไม่ซื้อรถยุโรปมือ 2 คือราคามันยั่วน้ำลายมาก   ๆ  แต่เวลาซ่อมทำใจไม่ได้ทุกที  เอาเงินเดือนมาจ่ายค่าซ่อมรถแพง   ๆ   ไม่ไหวครับ  เสียดาย 



jaesz

ผมไม่ได้เข้าศูนย์ เลยไม่คิดเรื่องพวกนี้เลยครับ

ดูแลเอง ถ่ายน้ำมันเครื่อง ของเหลวทั่วไป ดูแลทั่วไปเองหมด รถอะไรก็เหมือนๆ กัน  ที่ไม่เหมือนก็พวกที่ใช้ไส้กรองหรืออะไหล่สิ้นเปลืองแบบผ้าเบรค กรองอากาศแพง ๆ รถพวกนี้ผมไม่ได้ซื้อไว้ใช้อยู่แล้ว เพราะมักจะเป็นพวกรถปัญหาเยอะ



palma

ส่วนตัวคิดว่า มีส่วนมากในการตัดสินใจ ถึงแม้จะซื้อได้ แต่ก็ไม่คุ้มที่จะจ่ายค่าดูแล เพราะ

- ไม่ได้ใช้ความเป็นรถยุโรป premium ในการประกอบอาชีพ

- ไม่ได้ใช้ สมรถถนะ คุ้มค่าที่รถได้ให้มา หมายถึง จ่าย 100 บาท ใช้งาน แค่ 40-50 บาท รถญี่ปุ่นรุ่นบนๆ เดี่ยวนี้ก็สมรรถนะดีเทียบเท่ารถยุโรป ย้อนไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อนแล้วครับ

- การใช้งานส่วนมากเกือบทั้งหมด ตามกฏหมายกำหนด รถญี่ปุ่นดีๆ รับได้สบายๆ

- ยอดเงินเดียวกันเอามาซื้อหลายๆคัน หลายๆการใช้งาน ถูกกับผมมากกว่าครับ

- ที่เหลือๆ เอาๆไว้ลงทุน สบายใจดีครับ
2023 : SK9 FB20 ES4.0 SAWD
2017 : NSP170R-2NR-FE+CVT
2015 : B17-MR16DDT+CVT-M6
2014 : L33-QR25DE+CVT-8
1995 : SXV10-3S-FE (sold)
1994 : AE101-4AFE+MT (sold)



7one011

ไม่น่าจะคุ้ม น่ะคับ



dt9

ไม่มีผลกับคนที่ตั้งใจซื้อ MB
แต่มีผลกับคนที่จะซื้อ MB หรือ BMW ก็ได้
เพราะที่ผมรู้จักคนที่ MB ทุกคนรู้ว่า BMW มี BSI แต่เค้าไม่สนใจเพราะต้องการ MB รุ่นนี้ เท่านั้น
ส่วนคนที่จะซื้อ BMW เท่านั้น ก็ถือว่า BSI เป็นผลพลอยได้

และถ้าเรื่องนี้เป็นเหตุผลหลักของคนส่วนใหญ่ BMW ก็ควรขายดีกว่า MB แต่ยอดขายที่ผ่านมา BMW มี BSI ก็ขายได้น้อยกว่า MB มาตลอด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 30, 2020, 13:31:00 โดย dt9 »



+@ Krishna @+

นอกจากค่า service ค่าประกันที่โหดร้ายแล้ว

อีกเหตุผลที่ทำใจยากคือราคาขายต่อครับ

ซื้อ 3 ล้าน ใช้ 5 ปี เหลือล้านต้นๆ ไม่รวยจริงนี่ทำใจยากครับ
จริงครับ สมัยก่อนผมเคยซื้อรถจากค่ายยนตะกะ ค่าซ่อมบำรุงแพงโคตรรร
เข้าศูนย์ช่างซ่อมไม่จบอีก ต้องไปจบอู่นอก  :'(

ขับรถธรรมดา ที่ระบบน้อย ๆ สบายใจกว่า  ;D



Sgt_Meen

มีผลแน่นอนครับ เพราะต่างกันค่อนข้างชัดเจน
ทั้งนี้ขึ้นกับสถาณะทางการเงิน และการให้ความสำคัญกับรถของแต่ละคนเลยครับ

เหมือนกับการใช้ของฟุ่มเพือยอย่างอื่นนั่นแหละครับ เช่น ตั๋วเครื่องบิน First class , Poolvilla หรูๆ , ของ Brandname ต่างๆ , นาฬิกาข้อมือ

ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจในการใช้เงินของแต่ละคน
-Toyota Vios 1.5 1stGen
-Honda Accord 2.3 G6
-Honda Accord 2.4 G8
+Honda Accord 2.0 G8
-Mercedes-Benz E250CGI W212
+BMW 520d Sport G30
+Mercedes-Benz E300 Coupe C238



dt9

สำหรับคนทั่วไปลองดูเงื่อนไขการรับประกันที่ละที่ด้วย
เพราะถ้าไม่เข้าศูนย์เลยจะมีผลกับการรับประกัน อย่างน้อยในประกันไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะก็ยังดี (กรองเปลี่ยนที่อื่นก็ได้) เพื่อให้มีประวัติการเข้าศูนย์ เพื่อป้องกันการปฏิเสธความรับผิดชอบกรณีรถมีปัญหาหรือต้องเคลมอะไหล่โดนเฉพาะรถ hybrid ซึ่งแพงมาก แต่ถ้าหมดประกันแล้วอู่นอกเลยครับ
เว้นแต่คุณรับผิดชอบเองได้หรือมีคอนเน็คชั่นอื่นใด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 30, 2020, 13:38:27 โดย dt9 »



Odrecranon

ของผม มีผลอันดับหนึ่่งเลยครับ
ถ้าค่ายไหนมี Warranty + Maintenance 7-10 ปี ผมจะเอาขึ้นเป็นตัวเลือกแรก ๆ เลย

ึค่าซ๋อมบำรุง ค่าอะไหล่มันก้าวกระโดดมาก
ที่บ้านส่วนใหญ่ใช้ Volvo ซึ่งค่าบำรุงรักษาสูงพอควร
ค่าสายพาน อะไหล่ต่าง ๆ สูงกว่ารถญีุ่ปุ่นชัดเจน
ค่าแรง ชั่วโมงละ 1050 บาท
เช็คระยะหลังหมดประกัน ปกติหมื่นกว่าบาท
ถ้าตรงรอบ เปลี่ยนอะไหล่่สำคัญ 3-4 หมื่นบาท

ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะออก XC60 ในเร็ว ๆนี้
แต่ก็กังวลเรื่องโมดูลแบตเตอรี่  ค่าซ๋อมหลังหมดประกัน
เลยมอง ๆ CX5 2.5T แม้ว่า ราคาอะไหล่สูงกว่ารถญี่ปุ่นแบรนด์อื่น ๆ แต่ก็อยู่ในเกณฑ์รับได้
จริง ๆ ก็มอง X3 เหมือนกัน ถ้าได้ BSI 6 ก็น่าสนใจ

แบรนด์ยุโรปมันดึงดูดจริง ๆ ครับ แต่ค่าดูแลมันสูง




AkE

สำหรับผมมีผลแต่ไม่ใช้ส่วนใหญ่ครับ แต่จากที่เคยลองใช้มาคันนึง F10 ผมมองว่าสิ่งที่ได้เหนือกว่ารถราคา

1.4-1.8 ล้านมันไม่มากพอครับ ถ้าเทียบกับ d seg jpn ถ้ารถไซสเดียวกันแล้วราคาสูงกว่า 400,000-

700,000 ผมว่ามันควรจะประมาณนี้ ไม่ใช่ห่าง 1.5-2.5 ล้านครับ สิ่งที่ได้เพิ่มมามันไม่มากพอสำหรับผม

เลยไม่ได้ใช้แล้วเดี๋ยวนี้ ซื้อรถ d seg 1.5 ล้านมาทำ2 แสน ได้ทั้งสวยและสมรรถนะแทบจะไล่กันหรือดีกว่า

ด้วย ยกเว้นพูดถึงเรื่อง image นะครับ ถ้าเรื่องนี้มันก้แน่อยู่แล้วอะครับ



Tien.W

มีผลแน่นอน ยิ่งนิสัยผมนี่ รถต้องเนี๊ยบ ต้องสภาพเหมือนป้ายแดง อะไหล่เทียม อะไหล่มือสอง ใช้ไม่เป็น เจอเข้าไปก็คงจุก

เอาแค่ญี่ปุ่น อายุ 9 ขวบ ที่ใช้เนี่ย ..

ธันวา ปีที่แล้ว .. แร็คพวงมาลัย 4 หมื่น
เมษา ปีนี้ .. ลูกหมากกันโคลงหน้า 5 พัน
มิถุนา ปีนี้ .. ไดชาร์จ 2 หมื่น
สิงหา ปีนี้ .. โช้ค + ส่วนควบ 3 หมื่น

แค่นี้ก็ แตะ แสน แล้วครับ นี่รถญี่ปุ่นตลาดๆ บ้านๆ ที่อะไหล่ไม่แพงนะ .. จะให้ใช้แร็คเทียมเหรอ ? ใช้แร็คซ่อมเหรอ ? หรือ ไดชาร์จ ซ่อม เหรอ ? มันไม่ใช่ผมแน่ๆ ขับไประแวงไป

แต่แน่นอนว่า ญี่ปุ่นเก่าๆของผม ผมก็ท้าว่า มานั่งขับ ทุกอย่างคือ เหมือนป้ายแดงนะ ช่วงล่างแน่น ภายในแน่น ไม่มีเสียงผิดปกติ ไม่รู้สึกว่า ขับรถอายุ 9 ปี แสนกว่ากม. แน่ๆ

พอคิดกลับว่า เอ ถ้าเราซื้อยุโรป หลังหมดพวก warranty แล้ว เจออะไรแบบนี้ จะเจอเท่าไหร่นะ



bluelawn

มีผลแน่นอน ยิ่งนิสัยผมนี่ รถต้องเนี๊ยบ ต้องสภาพเหมือนป้ายแดง อะไหล่เทียม อะไหล่มือสอง ใช้ไม่เป็น เจอเข้าไปก็คงจุก

เอาแค่ญี่ปุ่น อายุ 9 ขวบ ที่ใช้เนี่ย ..

ธันวา ปีที่แล้ว .. แร็คพวงมาลัย 4 หมื่น
เมษา ปีนี้ .. ลูกหมากกันโคลงหน้า 5 พัน
มิถุนา ปีนี้ .. ไดชาร์จ 2 หมื่น
สิงหา ปีนี้ .. โช้ค + ส่วนควบ 3 หมื่น

แค่นี้ก็ แตะ แสน แล้วครับ นี่รถญี่ปุ่นตลาดๆ บ้านๆ ที่อะไหล่ไม่แพงนะ .. จะให้ใช้แร็คเทียมเหรอ ? ใช้แร็คซ่อมเหรอ ? หรือ ไดชาร์จ ซ่อม เหรอ ? มันไม่ใช่ผมแน่ๆ ขับไประแวงไป

แต่แน่นอนว่า ญี่ปุ่นเก่าๆของผม ผมก็ท้าว่า มานั่งขับ ทุกอย่างคือ เหมือนป้ายแดงนะ ช่วงล่างแน่น ภายในแน่น ไม่มีเสียงผิดปกติ ไม่รู้สึกว่า ขับรถอายุ 9 ปี แสนกว่ากม. แน่ๆ

พอคิดกลับว่า เอ ถ้าเราซื้อยุโรป หลังหมดพวก warranty แล้ว เจออะไรแบบนี้ จะเจอเท่าไหร่นะ

ผมขับยุโรป มือสองมาตลอด รถเก่า 5ปี+ ทั้งนั้น
เข้าอู่ อะไหล่ก็ราคาเดียวกันที่พี่ว่าไว้นะครับ