ผู้เขียน หัวข้อ: เร็วกว่าที่คิด รัฐไทยเตรียมนโยบาย อีก 15 ปีเมืองไทยจะไม่ผลิตรถสันดาป  (อ่าน 8198 ครั้ง)

ออฟไลน์ burst

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 331
พี่โตตอบรัฐบาลว่าพร้อมใน 15 ปีมั้งนะ
นโยบายย้อนแย้งไปมา
สังเกตได้จากภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ภาษีสรรพสามิตน้ำมัน การอุดหนุนกองทุนน้ำมัน และภาษีรถประจำปี
ดูไม่มีแนวทางที่ชัดเจนว่าประเทศต้องการอะไรกันแน่
1 สรรพสามิตกระบะ ต่ำจัด แต่น้ำมันดีเซลโดนเก็บเข้ากองทุนน้ำมันแพงกว่าเบนซิน
2 รถมีแค็บห้ามนั่ง ห้ามใส่เบาะ แต่พอสี่ประตู ภาษีรายปีเกือบปีละ 5000 รถหรูยังจ่ายแค่ 3 พัน
3 รถอีโคคาร์ ดีต่อสิ่งแวดล้อม จ่ายสรรพสามิต 11-12% (เฟส2นะ) แต่รถกระบะ 200 ม้า จ่ายแค่ 3%

Toyota Soluna Vios MC 1.5 S '06 1NZFE
BMW 3-Series 320D LCI Sport line '16 B47D20
Nissan Navara NP300 VL 4WD '17 YD25DDTi

ออฟไลน์ bodin

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 997
คันต่อไปผมไฟฟ้าล้วนๆเท่านั้นครับ ไม่เอาน้ำมันหรือลูกผสม
จอดรถในบ้านทั้งสองคันรู้สึกได้ถึงมลพิษ(บ้านเดี่ยว)

สองคันนี้ก็ต้องอยู่กันยาวๆกว่าปกติหน่อย

ออฟไลน์ รักเธอเสมอ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,222
ผมก็เดาไว้ประมาณนั้นแหละ แต่อาจเลื่อนไปอีก 5 ปี ถึงจะจริงจังเป็นกฏหมาย

ออฟไลน์ NINENOI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,732
  • Nine & Knight
เรากำหนดเองได้ด้วยเหรอ ผมว่าขึ้นกันญี่ปุ่นและตลาดโลกเป็นหลัก ญี่ปุ่นเป็นเจ้าหลักที่ลงทุนและผลิตในไทย ตลาดโลกเราก็ส่งออกไปขายเป็นสินค้าหลักอย่างนึงถ้าเค้าไม่เปลี่ยนเราเปลื่ยนได้รึ ถ้าเค้าจะเปลี่ยนเราก็จะไม่เปลี่ยนได้รึ
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น

ออฟไลน์ Poj

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 353
ไม่แปลกครับ บ้านเราเป็นแค่มือปืนรับจ้าง

ผู้ว่าจ้างจะเปลี่ยนอะไร เราก็ต้องเปลี่ยนตามอยู่แล้ว

ออฟไลน์ XaNaX

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 589
    • อีเมล์
ไทยจะส่งยานอวกาศไปดวงจันทร์ภายใน 7 ปีก็ประกาศมาแล้ว กลัวอะไร


ออฟไลน์ renew

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 741
รัฐบาลนี้ทำจริงเรื่องเดียว เรื่องรีดภาษี เรื่องอื่นตลกล้วนๆ

ออฟไลน์ Firzen

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 887
ถึงเวลาจริงๆ เดี๋ยวก็เลื่อนครับ ดูอย่างน้ำมันยูโร 5 สิ ตามที่เคยประกาศไว้ ถ้าผมจำไม่ผิด เร็วๆนี้ น้ำมันทุกชนิดต้องอัพจากยูโร 4 เป็น ยูโร 5 แล้ว

แต่พอ บ.น้ำมันแย้งนิดหน่อย ก็เลื่อนให้เค้าไปปี 68 โน่น ซึ่งพอถึงตอนนั้น ก็ไม่รู้จะเลื่อนอีกมั้ยนะ

ดังนั้น ตอนนี้ ก็รอดู Feedback จาก บ.ผู้ผลิตรถก่อนครับ แล้วค่อยว่ากัน

แต่อย่างน้อยก็ยังดี ที่มีแนวความคิดนี้ขึ้นมาครับ

ออฟไลน์ mongolias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,368
นโยบาย คือ แนวคิด + การวางแผนเพื่อทำงานในอนาคต
การที่ออกนโยบาย ก็เพื่อกำหนดว่าอนาคตข้างหน้า มีแผนดำเนินการอะไรบ้าง

เรื่องระยะเวลา ผมมองว่าวางเอาไว้ 15 ปี เพื่อกำหนดจุดหมายไว้ก่อน ส่วนทางปฏิบัติจะได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการจัดการของรัฐบาล ไม่ว่าจะภายใต้การนำของใคร ซึ่งอาจจะมีปัจจัยภายนอกมาเป็นตัวเร้าได้อีกประการ

สำหรับผมการที่กำหนดนโยบายถือว่าดีที่มีแผนงานรองรับในระยะยาวเอาไว้

ส่วนค่ายรถยนต์ไม่ต้องห่วงครับ เขาวางแผนรองรับกันไว้นานแล้วล่ะครับ

ออฟไลน์ Altima

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,150
ถุย ขนาดประเทศที่มี infrastructure ชาร์จรถไฟฟ้าหลายร้อยจุดทั่วประเทศยังไม่ออกมาประกาศแบบนี้เลย

ทำตามเขาเพราะไม่มีสมองคิดกันเอง

ออฟไลน์ the kit

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,314
ไม่ได้ตามข่าวนี้ ที่ จขกท.โพส

สมมุติว่า "มันจริงตามที่ว่า"
ทุกอย่าง "มันยืดหยุ่นได้"
"ยืดได้ หดได้" แทบทุกเรื่อง ในไทย

ขนาดถนนบอกจะแล้วเสร็จ ปี60  อาจจะเสร็จจริง ปี65 ก็เป็นได้!!??
"Only live once, but if you do it right, Once is enough"

ออฟไลน์ boogie2020

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,041
    • อีเมล์
ตอนนี้ จักรยานยนต์เมืองไทย ยังเป็น euro3 อยู่เลยคับ  เวสป้า 2 จังหวะ ยัดใส้ท่อเยอะ ๆ หน่อย ยังผ่านขนส่งมาขายป้ายแดงได้เฉยเลย

บอกว่าจะเป็น Euro 5-6 ตั้งแต่หลายปีก่อน ก็ยังทำไม่ได้เลยคับ
-----------------------------------------------------------
There is no spoon
-----------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Sazabi

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 330
ก็เป็นซะอย่างนี้ผู้บริโภคเมืองไทยไม่เคยตามเล่ห์เหลี่ยมของอุตสาหกรรมยานยนต์ทัน ถึงได้โดนข่าวหลอกมาตลอด ในทางปฏิบัติจริงมันก็จะลากไปเป็นแบบนี้

1. ZEV ไม่ได้หมายถึง BEV แต่หมายถึง Zero Emission Capable Vehicle ซึ่งมันก็คือ BEV+PHEV เพราะฉะนั้นต่อให้มีการบังคับใช้จริงรถยนต์ที่ผลิตในเมืองไทยส่วนใหญ่ในตอนนั้นก็เป็น PHEV อยู่ดี หากจะบังคับให้ผลิต BEV อย่างเดียวก็ใช้คำว่า BEV ไปเลยไม่เห็นต้องเรียกว่า ZEV ที่มันคลุมเครือกว่าเยอะ

2. ประเทศที่ไม่มีแบรนด์รถยนต์เป็นของตัวเองแต่อาศัยค่ายรถต่างชาติสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศอย่างไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย บราซิล เม็กซิโกไม่เคยบังคับอะไรค่ายรถได้ครับ เพราะทุกอย่างมันโดน Dominate จากแบรนด์รถยนต์ต่างชาติหมดแล้ว มันจะมีนโยบายหรือกฎหมายอะไรบังคับใช้ได้ก็ต่อเมื่อบรรดาค่ายรถนั้นพร้อมแล้วไฟเขียวแล้ว ยิ่งไทยอยู่ในตำแหน่งที่ทั้งอินโดนีเซียและมาเลเซียอยากจะสอยลงจากผู้นำยานยนต์ ASEAN อยู่แล้วด้วย

3.ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปนั้นบังคับให้รถยนต์ที่ขายในปี 2030 เป็น BEV ล้วนๆ ส่วนญี่ปุ่นในปี 2035 หมายความว่าบรรดาค่ายรถทั้งหลายต้องทุ่มทรัพยากรไปในการลงทุนกับการเตรียมการผลิต BEV ในตลาดสำคัญของโลกทั้งสามนั้นก่อน แล้วจะมาทุ่มทรัพยากรเพื่อผลิต BEV ล้วนในตลาดเล็กๆอย่าง ASEAN ปีเดียวกับที่ญี่ปุ่นเนี่ยนะ นี่มันเรื่องตลกสิ้นดี

ยิ่งข้อมูลของคณะกรรมกาธิการที่มีคนเอามาอ้างนั่นน่ะมันล้าสมัยและตกยุคกว่าข้อมูลที่พวกอุตสาหกรรมยานยนต์ใช้กันอยู่เยอะ ไม่มีทางที่จะเป็นจริงในปี 2035 ได้เลย

นโยบายและกฎข้อบังคับในตอนที่ยังไม่บังคับใช้มันจะเขียนให้สวยหรูยังไงก็ได้ครับ แต่มันจะเริ่มบังคับใช้จริงได้เมื่อไหร่นั่นมันอีกเรื่องนึง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 04, 2021, 10:36:51 โดย Sazabi »

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
ก็เป็นซะอย่างนี้ผู้บริโภคเมืองไทยไม่เคยตามเล่ห์เหลี่ยมของอุตสาหกรรมยานยนต์ทัน ถึงได้โดนข่าวหลอกมาตลอด ในทางปฏิบัติจริงมันก็จะลากไปเป็นแบบนี้

1. ZEV ไม่ได้หมายถึง BEV แต่หมายถึง Zero Emission Capable Vehicle ซึ่งมันก็คือ BEV+PHEV เพราะฉะนั้นต่อให้มีการบังคับใช้จริงรถยนต์ที่ผลิตในเมืองไทยส่วนใหญ่ในตอนนั้นก็เป็น PHEV อยู่ดี หากจะบังคับให้ผลิต BEV อย่างเดียวก็ใช้คำว่า BEV ไปเลยไม่เห็นต้องเรียกว่า ZEV ที่มันคลุมเครือกว่าเยอะ

2. ประเทศที่ไม่มีแบรนด์รถยนต์เป็นของตัวเองแต่อาศัยค่ายรถต่างชาติสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศอย่างไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย บราซิล เม็กซิโกไม่เคยบังคับอะไรค่ายรถได้ครับ เพราะทุกอย่างมันโดน Dominate จากแบรนด์รถยนต์ต่างชาติหมดแล้ว มันจะมีนโยบายหรือกฎหมายอะไรบังคับใช้ได้ก็ต่อเมื่อบรรดาค่ายรถนั้นพร้อมแล้วไฟเขียวแล้ว ยิ่งไทยอยู่ในตำแหน่งที่ทั้งอินโดนีเซียและมาเลเซียอยากจะสอยลงจากผู้นำยานยนต์ ASEAN อยู่แล้วด้วย

3.ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปนั้นบังคับให้รถยนต์ที่ขายในปี 2030 เป็น BEV ล้วนๆ ส่วนญี่ปุ่นในปี 2035 หมายความว่าบรรดาค่ายรถทั้งหลายต้องทุ่มทรัพยากรไปในการลงทุนกับการเตรียมการผลิต BEV ในตลาดสำคัญของโลกทั้งสามนั้นก่อน แล้วจะมาทุ่มทรัพยากรเพื่อผลิต BEV ล้วนในตลาดเล็กๆอย่าง ASEAN ปีเดียวกับที่ญี่ปุ่นเนี่ยนะ นี่มันเรื่องตลกสิ้นดี

ยิ่งข้อมูลของคณะกรรมกาธิการที่มีคนเอามาอ้างนั่นน่ะมันล้าสมัยและตกยุคกว่าข้อมูลที่พวกอุตสาหกรรมยานยนต์ใช้กันอยู่เยอะ ไม่มีทางที่จะเป็นจริงในปี 2035 ได้เลย

นโยบายและกฎข้อบังคับในตอนที่ยังไม่บังคับใช้มันจะเขียนให้สวยหรูยังไงก็ได้ครับ แต่มันจะเริ่มบังคับใช้จริงได้เมื่อไหร่นั่นมันอีกเรื่องนึง

"ZEV ไม่ได้หมายถึง BEV แต่หมายถึง Zero Emission Capable Vehicle ซึ่งมันก็คือ BEV+PHEV"

ควรไปอ่านใหม่ให้ละเอียด หาข้อมูลเพิ่มเติมจากก๊วน "คนที่ทำงานใน" ของคุณ ก่อนคิดเองมาบอกว่า ZEV  ที่เค้าเขียนมันคือ Zero Emission Capable Vehicle  BEV, PHEV

Zero emission (ZEV) ตามรายงานเค้าหมายถึง ไม่มีปล่อยไอเสียเลย 100% รถที่เข้าข่ายคือ BEV, FCEV

source: กลุ่มคนที่ออกความเห็นในรายงานฉบับนั้นและคณะทำงานร่างรายงาน e.g. EVAT committee, gov't affair GWM 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 04, 2021, 11:34:14 โดย Nathal Goldstein »

ออฟไลน์ Full Throttle

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 307
    • อีเมล์
ก็เป็นซะอย่างนี้ผู้บริโภคเมืองไทยไม่เคยตามเล่ห์เหลี่ยมของอุตสาหกรรมยานยนต์ทัน ถึงได้โดนข่าวหลอกมาตลอด ในทางปฏิบัติจริงมันก็จะลากไปเป็นแบบนี้

1. ZEV ไม่ได้หมายถึง BEV แต่หมายถึง Zero Emission Capable Vehicle ซึ่งมันก็คือ BEV+PHEV เพราะฉะนั้นต่อให้มีการบังคับใช้จริงรถยนต์ที่ผลิตในเมืองไทยส่วนใหญ่ในตอนนั้นก็เป็น PHEV อยู่ดี หากจะบังคับให้ผลิต BEV อย่างเดียวก็ใช้คำว่า BEV ไปเลยไม่เห็นต้องเรียกว่า ZEV ที่มันคลุมเครือกว่าเยอะ

2. ประเทศที่ไม่มีแบรนด์รถยนต์เป็นของตัวเองแต่อาศัยค่ายรถต่างชาติสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศอย่างไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย บราซิล เม็กซิโกไม่เคยบังคับอะไรค่ายรถได้ครับ เพราะทุกอย่างมันโดน Dominate จากแบรนด์รถยนต์ต่างชาติหมดแล้ว มันจะมีนโยบายหรือกฎหมายอะไรบังคับใช้ได้ก็ต่อเมื่อบรรดาค่ายรถนั้นพร้อมแล้วไฟเขียวแล้ว ยิ่งไทยอยู่ในตำแหน่งที่ทั้งอินโดนีเซียและมาเลเซียอยากจะสอยลงจากผู้นำยานยนต์ ASEAN อยู่แล้วด้วย

3.ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปนั้นบังคับให้รถยนต์ที่ขายในปี 2030 เป็น BEV ล้วนๆ ส่วนญี่ปุ่นในปี 2035 หมายความว่าบรรดาค่ายรถทั้งหลายต้องทุ่มทรัพยากรไปในการลงทุนกับการเตรียมการผลิต BEV ในตลาดสำคัญของโลกทั้งสามนั้นก่อน แล้วจะมาทุ่มทรัพยากรเพื่อผลิต BEV ล้วนในตลาดเล็กๆอย่าง ASEAN ปีเดียวกับที่ญี่ปุ่นเนี่ยนะ นี่มันเรื่องตลกสิ้นดี

ยิ่งข้อมูลของคณะกรรมกาธิการที่มีคนเอามาอ้างนั่นน่ะมันล้าสมัยและตกยุคกว่าข้อมูลที่พวกอุตสาหกรรมยานยนต์ใช้กันอยู่เยอะ ไม่มีทางที่จะเป็นจริงในปี 2035 ได้เลย

นโยบายและกฎข้อบังคับในตอนที่ยังไม่บังคับใช้มันจะเขียนให้สวยหรูยังไงก็ได้ครับ แต่มันจะเริ่มบังคับใช้จริงได้เมื่อไหร่นั่นมันอีกเรื่องนึง

แต่ว่าในปี 2035 ไทยจะมียอดขายรถ Hybrid Plug-in Hybrid และ EV รวมแล้วต้องมากกว่า 10 ล้านคัน นี่คือเป้าหมาย ส่วนไทยจะไม่ผลิตรถสันดาปนี่ อาจจะรอไปถึงปี 2042-2043 นู้น.....

ออฟไลน์ CarameLon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,387
พวกคุณเห็นรถเมล์ไทยเป็นแบบเดิมมากี่ปีแล้วหละ  8)
TOYOTA WISH SPORT 2.0>>>CRV-2.4L 4WD GEN3>>>TOYOTA Camry 2.4 2010>>>BMW 520 ตาเหยี่ยว>>>BMW X3 2011 >>>BMW 520D 2010 >>>BMW 525D ก่อน LCI >>>BMW 116i M-sport >>>BMW X1 2.0 S-drive 2016 >>>Mercedes GLA200 >>>Mercedes C Class C350e >>> BMW330e+BMWS1000R

ออฟไลน์ Level Zero

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 755
ต้องออกกฏหมายเรื่องที่จอดรถมาใช้ก่อนครับ บางคนบ้านไม่มีที่จอด มาจอดหน้าบ้านบ้าง หน้าบ้านคนอื่นบ้าง จะชาร์จไฟกันยังไง
หรือว่าแก้ปัญหาไปในตัว ซื้อมาไม่มีที่จอด ชาร์จไม่ได้ได้ไม่ต้องซื้อ ;D

เกรงว่าจะเปลี่ยนจากจอดหน้าบ้านคนอื่น ไปจอดทิ้งไว้ที่จุดชาร์ทใกล้บ้านแทนสิครับ ทั้งไว้ทั้งคืน เช้าค่อยไปเอา ใครจะรอชาร์ท ไม่สนใจ

ออฟไลน์ DapKnihtHD

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 173
ผมมองว่างี้ ผิดถูกขออภัย

ไทยใช้อุตสาหกรรมผลิตรถยนต์แบกรับการจ้างงาน(ส่วนนึง)ของแรงงานในประเทศไว้ 

หากการจ้างงานลดลง (จากการเปลี่ยนแปลงในที่นี้คือจาก ice --> ev) รัฐมีปัญหาแน่  บ.ผู้ผลิต จึงเหมือนเป็นคนคุมเกมส์
คุณจะมาหักดิบผม  ถ้าผมมีปัญหา แรงงานคุณมีปัญหา คุณซึ่งเป็นรัฐก็มีปัญหาด้วย จะเอาป๊ะล่ะ 

ในขณะเดียวกัน รัฐเองก็อยากเป็นฐานการผลิต ev ใจจะขาด แต่แรงงานเดิมก็ต้องดูแล  ก็เลยคลอดมาตรการลดภาษีให้อุตสาหกรรมรถ ev
โดยถ้าผ่านเงื่อนไข  เราจะมีขีดความสามารถในการผลิตตั้งแต่วัตถุดิบยันส่งออก ได้ขายในประเทศ แรงงานก็อยู่ได้ยาว ๆ

คราวนี้มันก็อยู่ที่ บ. ผู้ผลิต จะมาเอาด้วยเร็วแค่ไหน  ซึ่งถ้าตามที่เพื่อนสมาชิกบอกว่า บ.แม่ จะเลิกทำสันดาป บ.บ้านเราก็ต้องตามเค้าไป

ผมลองไปหาอ่านเงื่อนไขลดภาษีรถ ev ผมอาจจะรู้แค่งู ๆ ปลา ๆ  เงื่อนไขมหาโหดนั้น บ. ที่ทำได้ผมมองว่ามีแค่เจ้าตลาด T,H
แล้วด้วยภาพรวมรถ ev ในไทยตอนนี้ แกก็คงไม่เอาหรอก รอก่อนดีกว่า 

สรุปก็คือนโยบายอาจจะเป็นเสือกระดาษ เราทำได้แค่รอเอกชนเท่านั้น

ออฟไลน์ 20TRF

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 535
    • อีเมล์
ไทยจะส่งยานอวกาศไปดวงจันทร์ภายใน 7 ปีก็ประกาศมาแล้ว กลัวอะไร

55555


ออฟไลน์ Sazabi

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 330
ในทางปฏิบัติจริงมันก็จะลากไปเป็นแบบนี้


"ZEV ไม่ได้หมายถึง BEV แต่หมายถึง Zero Emission Capable Vehicle ซึ่งมันก็คือ BEV+PHEV"

ควรไปอ่านใหม่ให้ละเอียด หาข้อมูลเพิ่มเติมจากก๊วน "คนที่ทำงานใน" ของคุณ ก่อนคิดเองมาบอกว่า ZEV  ที่เค้าเขียนมันคือ Zero Emission Capable Vehicle  BEV, PHEV

Zero emission (ZEV) ตามรายงานเค้าหมายถึง ไม่มีปล่อยไอเสียเลย 100% รถที่เข้าข่ายคือ BEV, FCEV

source: กลุ่มคนที่ออกความเห็นในรายงานฉบับนั้นและคณะทำงานร่างรายงาน e.g. EVAT committee, gov't affair GWM

คงจะรีบมากจึงไม่เคยสังเกตว่าข้อความครบๆมันคืออะไร เหมือนในกระทู้ก่อนที่รีบมากกลัวไม่ได้แซะอ่านไม่ครบแต่รีบมากกลัวไม่ได้ว่าคนอื่น ผมก็เขียนอยู่ชัดๆว่าในทางปฏิบัติจริงมันก็จะลากไปเป็นอย่างนี้ เพราะค่ายรถในไทยไม่มีทางผลิตแต่ BEV ล้วนๆในประเทศภายในปี 2035 อย่างแน่นอน เพราะหลายค่ายยักษ์ใหญ่ในไทยยังคงต้องการไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์ HEV และ PHEV ส่งออกอยู่ ถึงเวลานั้นมันก็จะต้องมีการตะแบงความหมายของ ZEV ออกไปเรื่อยๆ อย่างที่บอกว่าคณะกรรมธิการไม่ว่าจะชุดไหนไม่เคยกำหนดทิศทางอะไรได้ยกเว้นค่ายรถใหญ่ๆพยักหน้าไฟเขียวแล้ว

เคยไปประชุมหรือสัมมนากับ EVAT สักครั้งหรือเปล่าถ้าเคยไปจะรู้ว่า EVAT มันก็คือหัวหลักหัวตอดีๆนี่เอง แทบไม่มีค่ายรถไหนสนใจอะไร EVAT เลย กลับกันเป็นทางฝั่ง EVAT เองเสียอีกที่ต้องคอยตามง้อขอข้อมูลจากบริษัทรถทั้งหลายอยู่เป็นประจำ ข้อมูลข้อสรุปจาก EVAT ที่ทางรัฐชอบนำไปใช้มันจึงเชย ล้าสมัย และไม่ตรงอะไรกับโลกแห่งความเป็นจริงซักนิด เพราะมันเป็นข้อมูลเก่าที่ค่ายรถทั้งหลายเห็นว่าเปิดเผยได้แล้ว ส่วนทาง EVAT จะเอาข้อมูลไปมโนต่ออย่างไรนั้นก็สุดแท้แต่

ข้อกำหนดนี่มันจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อประเทศนั้นมีบริษัทรถยนต์ที่เป็นของชาติตัวเอง มีเทคโนโลยีและกำลังการผลิตพร้อมที่จะเข้าควบคุมตลาดในกรณีที่บริษัทรถยนต์ต่างชาติไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ ค่ายรถชาติตัวเองก็พร้อมจะก้าวเข้ามาเป็นตัวเลือกทดแทนเมื่อยามที่ประชาชนต้องซื้อรถยนต์ที่มีคุณสมบัติตามกฎหมายกำหนด

แต่นี่ในประเทศที่ไม่มีบริษัทรถยนต์ของชาติตัวเองที่ผลิต BEV ได้เลย และถึงมีคนในชาติก็ไม่เคยสนใจจะอุดหนุนแต่กลับไปร้องแรกแหกกระเชออยากได้รถนำเข้าเท่ๆถูกๆ ประเทศแบบนี้ไม่มีทางกำหนดกฎเกณฑ์อะไรให้บริษัทรถยนต์ต่างชาติทำตามได้หรอก เพราะสุดท้ายก็อยู่ใต้อุ้งเท้าค่ายรถจะ Dominate ทิศทางอยู่ดี

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
ในทางปฏิบัติจริงมันก็จะลากไปเป็นแบบนี้


"ZEV ไม่ได้หมายถึง BEV แต่หมายถึง Zero Emission Capable Vehicle ซึ่งมันก็คือ BEV+PHEV"

ควรไปอ่านใหม่ให้ละเอียด หาข้อมูลเพิ่มเติมจากก๊วน "คนที่ทำงานใน" ของคุณ ก่อนคิดเองมาบอกว่า ZEV  ที่เค้าเขียนมันคือ Zero Emission Capable Vehicle  BEV, PHEV

Zero emission (ZEV) ตามรายงานเค้าหมายถึง ไม่มีปล่อยไอเสียเลย 100% รถที่เข้าข่ายคือ BEV, FCEV

source: กลุ่มคนที่ออกความเห็นในรายงานฉบับนั้นและคณะทำงานร่างรายงาน e.g. EVAT committee, gov't affair GWM

คงจะรีบมากจึงไม่เคยสังเกตว่าข้อความครบๆมันคืออะไร เหมือนในกระทู้ก่อนที่รีบมากกลัวไม่ได้แซะอ่านไม่ครบแต่รีบมากกลัวไม่ได้ว่าคนอื่น ผมก็เขียนอยู่ชัดๆว่าในทางปฏิบัติจริงมันก็จะลากไปเป็นอย่างนี้ เพราะค่ายรถในไทยไม่มีทางผลิตแต่ BEV ล้วนๆในประเทศภายในปี 2035 อย่างแน่นอน เพราะหลายค่ายยักษ์ใหญ่ในไทยยังคงต้องการไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์ HEV และ PHEV ส่งออกอยู่ ถึงเวลานั้นมันก็จะต้องมีการตะแบงความหมายของ ZEV ออกไปเรื่อยๆ อย่างที่บอกว่าคณะกรรมธิการไม่ว่าจะชุดไหนไม่เคยกำหนดทิศทางอะไรได้ยกเว้นค่ายรถใหญ่ๆพยักหน้าไฟเขียวแล้ว

เคยไปประชุมหรือสัมมนากับ EVAT สักครั้งหรือเปล่าถ้าเคยไปจะรู้ว่า EVAT มันก็คือหัวหลักหัวตอดีๆนี่เอง แทบไม่มีค่ายรถไหนสนใจอะไร EVAT เลย กลับกันเป็นทางฝั่ง EVAT เองเสียอีกที่ต้องคอยตามง้อขอข้อมูลจากบริษัทรถทั้งหลายอยู่เป็นประจำ ข้อมูลข้อสรุปจาก EVAT ที่ทางรัฐชอบนำไปใช้มันจึงเชย ล้าสมัย และไม่ตรงอะไรกับโลกแห่งความเป็นจริงซักนิด เพราะมันเป็นข้อมูลเก่าที่ค่ายรถทั้งหลายเห็นว่าเปิดเผยได้แล้ว ส่วนทาง EVAT จะเอาข้อมูลไปมโนต่ออย่างไรนั้นก็สุดแท้แต่

ข้อกำหนดนี่มันจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อประเทศนั้นมีบริษัทรถยนต์ที่เป็นของชาติตัวเอง มีเทคโนโลยีและกำลังการผลิตพร้อมที่จะเข้าควบคุมตลาดในกรณีที่บริษัทรถยนต์ต่างชาติไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ ค่ายรถชาติตัวเองก็พร้อมจะก้าวเข้ามาเป็นตัวเลือกทดแทนเมื่อยามที่ประชาชนต้องซื้อรถยนต์ที่มีคุณสมบัติตามกฎหมายกำหนด

แต่นี่ในประเทศที่ไม่มีบริษัทรถยนต์ของชาติตัวเองที่ผลิต BEV ได้เลย และถึงมีคนในชาติก็ไม่เคยสนใจจะอุดหนุนแต่กลับไปร้องแรกแหกกระเชออยากได้รถนำเข้าเท่ๆถูกๆ ประเทศแบบนี้ไม่มีทางกำหนดกฎเกณฑ์อะไรให้บริษัทรถยนต์ต่างชาติทำตามได้หรอก เพราะสุดท้ายก็อยู่ใต้อุ้งเท้าค่ายรถจะ Dominate ทิศทางอยู่ดี

EVAT ผมไปประชุมแทบทุกเดือนคับ แสดงว่าคุณก้ออยู่ น่าจะได้เจอกันบ้าง คงมี discussion กันหนุก  ;D

ออฟไลน์ Sazabi

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 330

EVAT ผมไปประชุมแทบทุกเดือนคับ แสดงว่าคุณก้ออยู่ น่าจะได้เจอกันบ้าง คงมี discussion กันหนุก  ;D

ประชุมหรือสัมมนาของ EVAT ผมเลือกไปเฉพาะอันที่คิดว่ามันมีประโยชน์ครับเพราะส่วนมากมันเสียเวลาเปล่า

ออฟไลน์ sedan lover

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 429
ตอนนั้น SUPER CAR  อย่างพวก เฟอรารี่ ลัมโบ รุ่น ICE จะตกลงไปหรือเปล่าครับ     จะได้สอยมาขับสักคัน
ผมคิดว่ารถสปอร์ทที่เป็น ICE ทุกรุ่นราคาจะขึ้นครับ เพราะจัดเป็นคลาสสิกครับ ใครมีอยู่ เก็บไว้ได้เลย เหมือนรถโบราณ รถเครื่องยนต์สมัยเก่า หรือเครื่องจักรไอน้ำ

ออฟไลน์ Punpun

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 25
    • อีเมล์
อยากขอให้ถนนพระราม2เสร็จสักทีได้ไหมครับ (เกี่ยวกันไหม)

ออฟไลน์ alpha14

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,109
หลานเหลนเราก็ไม่ต้องมาดมฟันดำดันรางแล้วละซิ 8)