ผู้เขียน หัวข้อ: cls 53 กับ cls 220d ค่าบำรุงรักษา ต่างกันเยอะขนาดไหนครับ  (อ่าน 10978 ครั้ง)

ออฟไลน์ goodgamer

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 16
    • อีเมล์
ถ้ากะจะขับยาว ๆ ซัก 7-9 ปี เลยครับ
แต่ปกติไม่ใช่คนขับรถเร็ว แต่บางจังหวะอยากได้กำลังเครื่องก็มีบางอารมณ์ (แต่ไม่เยอะ)

ค่าประกันก็น่าจะต่างกันอยู่พอสมควร
มีค่าอะไรอีกหว่า ไม่เคยขับรถยุโรป
เถิบมาจาก teana อ่ะครับ

ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ

ออฟไลน์ panjap

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,259
มันคนละเรื่องกันเลย เครื่อง 53 ใหญ่กว่าเยอะ บำรุงซ่อมแซม อู่ธรรมดาลำบาก ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ เกียร์ก็เป็น amg mct ไม่ใช่เกียร์ปกติ ค่าน้ำมันเกียร์ ทีนึง น่าจะ สี่หมื่นอย่างต่ำถ้าเข้า 0
220 d ก็แพงแต่ ยังพอรับได้ เพราะเครื่องเกียร์ ทำมานาน อุ่นอกทำได้หมด แต่ถ้าใน สามปี คุณก็ต้องใช้ของ 0 อยู่ดี เพราะยังอยู่ในประกัน

สรุปว่า ถ้า 220 d เข้า 0 ตลอดสามปี น่าจะ คชจ.ไม่เกินแสน ส่วน 53 ต้องมี สองแสน 
อะไหล่ทั้งคู่ ไม่ถูกเลย จะเรียกว่า โคดแพงก็ได้ เพราะรถมันขายไม่เยอะ อาร์มตัวล่าง นี่ต้องมี หมืนกลางๆ (ข้างละ) ช้อค ต้องมี ตัวละ สามหมื่น แน่นอน (เทียบจาก E class ที่ผมเคยทำ และ cls ตัวเก่า)

ถ้าคุณขยับจาก teana ต้องแน่ใจว่า รับค่าใช้จ่ายของมันได้ แค่นั้นก็พอ

ออฟไลน์ Peet Sayumpoo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,002
มันคนละเรื่องกันเลย เครื่อง 53 ใหญ่กว่าเยอะ บำรุงซ่อมแซม อู่ธรรมดาลำบาก ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ เกียร์ก็เป็น amg mct ไม่ใช่เกียร์ปกติ ค่าน้ำมันเกียร์ ทีนึง น่าจะ สี่หมื่นอย่างต่ำถ้าเข้า 0
220 d ก็แพงแต่ ยังพอรับได้ เพราะเครื่องเกียร์ ทำมานาน อุ่นอกทำได้หมด แต่ถ้าใน สามปี คุณก็ต้องใช้ของ 0 อยู่ดี เพราะยังอยู่ในประกัน

สรุปว่า ถ้า 220 d เข้า 0 ตลอดสามปี น่าจะ คชจ.ไม่เกินแสน ส่วน 53 ต้องมี สองแสน 
อะไหล่ทั้งคู่ ไม่ถูกเลย จะเรียกว่า โคดแพงก็ได้ เพราะรถมันขายไม่เยอะ อาร์มตัวล่าง นี่ต้องมี หมืนกลางๆ (ข้างละ) ช้อค ต้องมี ตัวละ สามหมื่น แน่นอน (เทียบจาก E class ที่ผมเคยทำ และ cls ตัวเก่า)

ถ้าคุณขยับจาก teana ต้องแน่ใจว่า รับค่าใช้จ่ายของมันได้ แค่นั้นก็พอ

CLS 53 เกียร์เป็น Speed shift TCT (มีลูกทอร์คปกติ) ครับ ไม่ใช่ MCT

เกียร์ MCT มีแต่รหัส 63 ครับที่ใช้

ออฟไลน์ basterias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,793
ถ้ากะจะขับยาว ๆ ซัก 7-9 ปี เลยครับ
แต่ปกติไม่ใช่คนขับรถเร็ว แต่บางจังหวะอยากได้กำลังเครื่องก็มีบางอารมณ์ (แต่ไม่เยอะ)

ค่าประกันก็น่าจะต่างกันอยู่พอสมควร
มีค่าอะไรอีกหว่า ไม่เคยขับรถยุโรป
เถิบมาจาก teana อ่ะครับ

ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ

ถ้างั้นไปลองก่อนไหมครับ Cls 53 แรงเยอะเลยหล่ะครับ

ค่าใช้จ่ายค่อยมาคิดดูทีหลัง ถ้าไม่ขับแรงๆหนักๆ หรือเอาไปจูน เครื่องไม่น่าจะพังง่ายๆ คงจุกจิกเรื่องอื่นมากกว่าครับ
Current cars:
2018 - Volvo XC60 T8 R-design (Stock)
2020 - Mercedes C43 Sedan FL (tuned)
(Review https://community.headlightmag.com/index.php?topic=79186.0)
2021 - BMW 530e M sport LCI (Stock)
(Review https://community.headlightmag.com/index.php?topic=79736.0)

ออฟไลน์ IS2000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,183
    • อีเมล์
แพงกว่าแน่นอนครับแต่ก็ไม่น่าจะถึงกับรับไม่ได้ หลักๆผมว่าเปลี่ยนถ่ายของเหลวแพงกว่านิดหน่อย ค่ายางค่าผ้าเบรคค่าน้ำมันเชื้อเพลิงต่อภาษีประจำปีพวกนี้แพงกว่ารุ่นปกติ ผมเคยใช้ C63 ตัวก่อนค่าใช้จ่ายก็แพงกว่าเบนซ์ทั่วไปจริงแต่ถูกกว่าแบรนด์อย่าง Porsche พอสมควร ตอนนั้นจำได้ว่าต่อภาษีคือแพงกว่าจริง (เครื่อง 6.2 ลิตร) แต่นอกนั้นก็ต่างกันแบบพอรับได้
1 3 5
├┼┼╕
2 4 6 R

ออฟไลน์ goodgamer

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 16
    • อีเมล์
ขอบคุณมากครับพอจะเห็นภาพละครับ
ค่าตัวยังพออัพไปถึงไหว แต่ค่าบำรุงรักษานี่ทำเอาหลอนอยู่เหมือนกันนะครับ ><"
หรือจะเปลี่ยนตัวเลือกดีหว่า

ตอนนี้เล็ง lexus ES (รอ facelift สิ้นปี) อันนี้เอามือหนึ่งครับเพราะน่าจะหามือสองยาก คนไม่ค่อยขับกัน

ไม่ก็ E300 Coupe w238 (หามือสอง ไมค์น้อย ๆ) อันนี้ก็น่าจะบำรุงรักษาแพงพอพอกับ CLS ><"


ออฟไลน์ InBkk

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,112
ว่ากันทางกายภาพ ผมว่ามันก็คือ Mercedes-Benz CLS500 AMG แต่พอมีแบรนด์ Mercedes-AMG มาแปะ มันเลยดูโหดขึ้นมาเยอะ

แม้มันจะเครื่องใหญ่กว่า สูบเยอะกว่า CLS220d แต่มันไม่ได้มีส่วนประกอบที่พิเศษมากๆ เช่น ชิ้นส่วนตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ เกียร์แบบพิเศษ ฯลฯ เหมือนกับ Mercedes-AMG แท้ๆ ที่ราคาโดดไปอีกไกล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 09, 2021, 13:31:40 โดย ArtofLife »

ออฟไลน์ tswift

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 57
มันคนละเรื่องกันเลย เครื่อง 53 ใหญ่กว่าเยอะ บำรุงซ่อมแซม อู่ธรรมดาลำบาก ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ เกียร์ก็เป็น amg mct ไม่ใช่เกียร์ปกติ ค่าน้ำมันเกียร์ ทีนึง น่าจะ สี่หมื่นอย่างต่ำถ้าเข้า 0
220 d ก็แพงแต่ ยังพอรับได้ เพราะเครื่องเกียร์ ทำมานาน อุ่นอกทำได้หมด แต่ถ้าใน สามปี คุณก็ต้องใช้ของ 0 อยู่ดี เพราะยังอยู่ในประกัน

สรุปว่า ถ้า 220 d เข้า 0 ตลอดสามปี น่าจะ คชจ.ไม่เกินแสน ส่วน 53 ต้องมี สองแสน 
อะไหล่ทั้งคู่ ไม่ถูกเลย จะเรียกว่า โคดแพงก็ได้ เพราะรถมันขายไม่เยอะ อาร์มตัวล่าง นี่ต้องมี หมืนกลางๆ (ข้างละ) ช้อค ต้องมี ตัวละ สามหมื่น แน่นอน (เทียบจาก E class ที่ผมเคยทำ และ cls ตัวเก่า)

ถ้าคุณขยับจาก teana ต้องแน่ใจว่า รับค่าใช้จ่ายของมันได้ แค่นั้นก็พอ

ขออนุญาตถามนะครับ ถ้าเป็น C ตัวปกติ 220D ราคาจะโหดแบบนี้ไหมครับ

ออฟไลน์ axister

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,173
ขอบคุณมากครับพอจะเห็นภาพละครับ
ค่าตัวยังพออัพไปถึงไหว แต่ค่าบำรุงรักษานี่ทำเอาหลอนอยู่เหมือนกันนะครับ ><"
หรือจะเปลี่ยนตัวเลือกดีหว่า

ตอนนี้เล็ง lexus ES (รอ facelift สิ้นปี) อันนี้เอามือหนึ่งครับเพราะน่าจะหามือสองยาก คนไม่ค่อยขับกัน

ไม่ก็ E300 Coupe w238 (หามือสอง ไมค์น้อย ๆ) อันนี้ก็น่าจะบำรุงรักษาแพงพอพอกับ CLS ><"

es ตอนนี้ตัว premium น่าจะมีรถเทสขายอยู่นะครับ

แต่ผมว่าบุคลิกมันต่างจาก cls มากๆๆๆๆๆ เล็ง cls แล้วสน es แทนกระชากฟิลเหมือนกันนะครับเนี่ย

es บำรุงก็ไม่ได้ถูกเท่าไหร่หรอกครับ ถูกกว่าตราดาวไม่มาก ผมว่าถ้ากัดฟันเรื่องราคาไหว เชียร์ cls มากกว่านะครับ

ออฟไลน์ bluelawn

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 664
ขอบคุณมากครับพอจะเห็นภาพละครับ
ค่าตัวยังพออัพไปถึงไหว แต่ค่าบำรุงรักษานี่ทำเอาหลอนอยู่เหมือนกันนะครับ ><"
หรือจะเปลี่ยนตัวเลือกดีหว่า

ตอนนี้เล็ง lexus ES (รอ facelift สิ้นปี) อันนี้เอามือหนึ่งครับเพราะน่าจะหามือสองยาก คนไม่ค่อยขับกัน

ไม่ก็ E300 Coupe w238 (หามือสอง ไมค์น้อย ๆ) อันนี้ก็น่าจะบำรุงรักษาแพงพอพอกับ CLS ><"



ถ้าไหวอัพค่าตัวเพิ่ม 1ล้านบาท ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เล่น 53 amg ไม่ได้ครับ
อะไหล่โดยรวม+ เซอวิสแพงขึ้นจาก cls300d ไม่เกิน 30%

ถ้าซื้อป้ายแดง มีโปร warranty 5ปีอีก ก็เปลื่ยนของเหลวอย่างเดียวแทบไม่ต่างกับตัวปกติ

ออฟไลน์ brownie

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 245
ถ้ามีกำลัง ไปให้สุดครับ จะได้ไม่คาใจ
ผมไต่มาจากเทียน่า ไปg30 530i ไป 991.2 cs
รู้แล้วพอแล้วตายตาหลับล่ะ คันต่อไป d-seg พอใจล่ะ

ออฟไลน์ Mos37257

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 681
    • อีเมล์
ขอบคุณมากครับพอจะเห็นภาพละครับ
ค่าตัวยังพออัพไปถึงไหว แต่ค่าบำรุงรักษานี่ทำเอาหลอนอยู่เหมือนกันนะครับ ><"
หรือจะเปลี่ยนตัวเลือกดีหว่า

ตอนนี้เล็ง lexus ES (รอ facelift สิ้นปี) อันนี้เอามือหนึ่งครับเพราะน่าจะหามือสองยาก คนไม่ค่อยขับกัน

ไม่ก็ E300 Coupe w238 (หามือสอง ไมค์น้อย ๆ) อันนี้ก็น่าจะบำรุงรักษาแพงพอพอกับ CLS ><"

es ตอนนี้ตัว premium น่าจะมีรถเทสขายอยู่นะครับ

แต่ผมว่าบุคลิกมันต่างจาก cls มากๆๆๆๆๆ เล็ง cls แล้วสน es แทนกระชากฟิลเหมือนกันนะครับเนี่ย

es บำรุงก็ไม่ได้ถูกเท่าไหร่หรอกครับ ถูกกว่าตราดาวไม่มาก ผมว่าถ้ากัดฟันเรื่องราคาไหว เชียร์ cls มากกว่านะครับ

ผมว่ามันก็ถูกกว่าเอาเรื่องเลยนะ เอาง่ายๆที่เจ้าของกระทู้บอกเข้าศูนย์ตลอด3ปีไม่เกินเเสน Es เข้า5ปี 60,000 ครับ รวมทุกอย่างเเล้วนะครับ ถ้าเจ้าของกระทู้สนใจLexus ทักมาถามผมได้เพราะผมใช้ nx กับ ct อยู่ เเน่นอนไม่ได้มาเชียร์เเต่อยากบอกข้อมูลที่ถูกต้องเพราะถ้าเจ้าของกระทู้ชอบรถขับสนุกเเรวผมก็ไม่เชียร์ Lexus เหมือนกัน


ออฟไลน์ EVA01

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 527
ซื้อไหวก็ไป 53 เลยครับ เรื่องดูแลรักษาสมัยนี้ไม่ยากครับ
งบถึงอย่าไปกลัวครับ ซื้อรถอย่าให้คาใจ  ;D

ออฟไลน์ goodgamer

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 16
    • อีเมล์
ตอนนี้เหมือนเป็นทางเลือกครับ

1. cls 53 สาย performance + ภาพลักษณ์  (มาคันนี้เพื่อไม่ให้คาใจ มันครบหมด จะติดก็เรื่องค่าบำรุง + น้ำมัน)

2. E Coupe ภาพลักษณ์ล้วน ๆ ด้วยความที่ 2 ประตู
ความจริงผมชอบภายในโฉมนี้มาก ไอ้จอยาว ๆ นั่นล่ะ (ใน cls ก็มี)

3. Es สายประหยัดน้ำมัน เพราะเป็น hybrid (เห็นว่า 20km/ลิตร) ภาพลักษณ์คงสู้ benz ไม่ได้ แต่มันสวยมากนะสำหรับผม ชอบที่สุดตรงที่บอกว่าเงียบ + นุ่มสุด ใน segment เป็นคนชอบฟังเพลงครับ รถยิ่งเงียบ เพลงมันยิ่งเพราะ แต่เหมือนจะไม่ได้เครื่องเสียง mark levinson หวังว่า facelift จะให้มานะครับ 555+

4. cls 220d ภาพลักษณ์ + ประหยัดกว่า 53

ความจริงผมเป็นคนชอบทำสถิติแบบถังนี้ขับได้ km ละกี่บาท
ยิ่งประหยัดยิ่งแฮปปี้ cls 53 ก็แอบขัดความรู้สึก
แต่มันก็คงคาใจถ้าไม่ได้ขับ อยากลองแรงบ้างไรบ้าง แต่คงไม่ตลอด
ไม่ได้เปลี่ยนรถบ่อย ๆ เป็นคนแบบขอขับยาว ๆ มันต้องคิดหลายตลบครับ ปวดหมอง 555+

ขอบคุณข้อมูลจากทุกท่านนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 09, 2021, 22:14:30 โดย goodgamer »

ออฟไลน์ mick

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,546
ใช้เครื่อง e220d ปัจจุบันก่อน facelift ไม่จุกจิกเลย แต่เครื่องดีเซลมันสั่น เสียงดังกว่าเบนซิน น่ารำคาญกว่าครับ

ออฟไลน์ shikimaru

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,313
    • อีเมล์
ค่าจาน+ผ้า cls ตัวเก่าคนรู้จักเปลี่ยนที 30k-40k เข้าศูนย์ เช็คระยะ a 10k  b นี่รวมๆ 20k ค่าประกันผมเทียบจาก c220 ตอนรถออกใหม่ปีที่แล้ว 47k ปีนี้โดนไป 44k

ต้องตอบตัวเองก่อนว่ารับไหวมั้ย ไม่ทำประกันนี่เฉี่ยวทีร้องไห้เลย มันผิดกับรถ teana เยอะมากครับ ถ้ารับไหวก็ลุย ผมยังชอบเลย นานๆจะหารถแรงๆ ราคาแบบนี้ได้

ออฟไลน์ EVA01

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 527
ค่าจาน+ผ้า cls ตัวเก่าคนรู้จักเปลี่ยนที 30k-40k เข้าศูนย์ เช็คระยะ a 10k  b นี่รวมๆ 20k ค่าประกันผมเทียบจาก c220 ตอนรถออกใหม่ปีที่แล้ว 47k ปีนี้โดนไป 44k

ต้องตอบตัวเองก่อนว่ารับไหวมั้ย ไม่ทำประกันนี่เฉี่ยวทีร้องไห้เลย มันผิดกับรถ teana เยอะมากครับ ถ้ารับไหวก็ลุย ผมยังชอบเลย นานๆจะหารถแรงๆ ราคาแบบนี้ได้

ตัวนี้ผมไม่รู้นะครับ ถ้าเข้า 0 ก็คงจะแพงแบบนี้ แต่อะไหล่บางอย่างถ้าหมดประกัน 0 ผมว่ามาหาอะไหล่เองเอาไปให้ช่างเปลี่ยนดีกว่า อย่างจานกับผ้าเบรก cls ตัวก่อนเฉพาะคู่หน้าผมโดนประมาณ 6000 บาท ไดชาร์จ 0 คิด 60k หาข้างนอก 20k เป็นต้น บางอย่างไม่แพงอย่างที่คิดครับ

ออฟไลน์ CJ.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,946
ถ้าจ่ายส่วนต่างไหว ผมมองว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องกังวลเรื่องค่า maintenance

2 เครื่องนี้ สิ่งที่น่าคิดกว่าคือ จะเน้นแรงจัดๆ ไปเลย หรือเป็นแนวขับรถทั่วๆไป เน้นทรงสวย (เพราะส่วนต่างน่าคิดกว่าค่าบำรุงรักษาอีก)
2005 Jaguar XJ Super V8
2005 Mercedes-Benz C230 Kom. Sports Coupe
2011 Aston Martin DBS
2013 Jaguar XJL 5.0 V8 Portfolio
2017 Lexus RX200t Premium
2019 Honda CR-V 2.4S
2019 Bentley Continental GT W12
2021 Lexus IS300h Luxury
2021 Mercedes-Benz GLE 350de 4MATIC Exclusive
2021 Porsche 911 Carrera S

ออฟไลน์ basterias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,793
ค่าจาน+ผ้า cls ตัวเก่าคนรู้จักเปลี่ยนที 30k-40k เข้าศูนย์ เช็คระยะ a 10k  b นี่รวมๆ 20k ค่าประกันผมเทียบจาก c220 ตอนรถออกใหม่ปีที่แล้ว 47k ปีนี้โดนไป 44k

ต้องตอบตัวเองก่อนว่ารับไหวมั้ย ไม่ทำประกันนี่เฉี่ยวทีร้องไห้เลย มันผิดกับรถ teana เยอะมากครับ ถ้ารับไหวก็ลุย ผมยังชอบเลย นานๆจะหารถแรงๆ ราคาแบบนี้ได้

ใช่ครับ ตัวเก่า ผ้ากับจาน 4×k ผมเปลี่ยนพร้อมทำกุญแจหายดอกละ 20k + เซอร์วิซ ของเหลวต่างๆ จบไปร่วม 100k
Current cars:
2018 - Volvo XC60 T8 R-design (Stock)
2020 - Mercedes C43 Sedan FL (tuned)
(Review https://community.headlightmag.com/index.php?topic=79186.0)
2021 - BMW 530e M sport LCI (Stock)
(Review https://community.headlightmag.com/index.php?topic=79736.0)

ออฟไลน์ Vipvipvip

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 645
ต้องลองครับ ถึงจะรู้ 5ปีแรก ไม่มีอะไรให้กังวลเท่าไร
แต่หลังจากนั้นมีหนักๆมาแน่นอน
ถ้าใช้ถึง9ปี 53น่าจะหนักกว่า220d มากมาย
จำนวนสูบเครื่อง กล่องecu ช่วงล่าง ระบบแอร์
บางอย่างช่างนอกทำไม่ได้ ต้องเข้า0เท่านั้น

ออฟไลน์ อีกนิดก็แรง

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 960
ตอนนี้เหมือนเป็นทางเลือกครับ

1. cls 53 สาย performance + ภาพลักษณ์  (มาคันนี้เพื่อไม่ให้คาใจ มันครบหมด จะติดก็เรื่องค่าบำรุง + น้ำมัน)

2. E Coupe ภาพลักษณ์ล้วน ๆ ด้วยความที่ 2 ประตู
ความจริงผมชอบภายในโฉมนี้มาก ไอ้จอยาว ๆ นั่นล่ะ (ใน cls ก็มี)

3. Es สายประหยัดน้ำมัน เพราะเป็น hybrid (เห็นว่า 20km/ลิตร) ภาพลักษณ์คงสู้ benz ไม่ได้ แต่มันสวยมากนะสำหรับผม ชอบที่สุดตรงที่บอกว่าเงียบ + นุ่มสุด ใน segment เป็นคนชอบฟังเพลงครับ รถยิ่งเงียบ เพลงมันยิ่งเพราะ แต่เหมือนจะไม่ได้เครื่องเสียง mark levinson หวังว่า facelift จะให้มานะครับ 555+

4. cls 220d ภาพลักษณ์ + ประหยัดกว่า 53

ความจริงผมเป็นคนชอบทำสถิติแบบถังนี้ขับได้ km ละกี่บาท
ยิ่งประหยัดยิ่งแฮปปี้ cls 53 ก็แอบขัดความรู้สึก
แต่มันก็คงคาใจถ้าไม่ได้ขับ อยากลองแรงบ้างไรบ้าง แต่คงไม่ตลอด
ไม่ได้เปลี่ยนรถบ่อย ๆ เป็นคนแบบขอขับยาว ๆ มันต้องคิดหลายตลบครับ ปวดหมอง 555+

ขอบคุณข้อมูลจากทุกท่านนะครับ

อ่านดูแล้วหลายอารมณ์เหมือนกัน ถ้าชอบเห็นอัตราสิ้นเปลืองสวยๆ และอยากคงการขับที่สนุกด้วยคงมีนิสัยคล้ายผม เลยอยากจะแนะนำพวก phev อย่างเช่น s90 หรือ 530e โดยเฉพาะ s90 ที่เครื่องเสียงดีมาก ความซิ่งทางตรงไม่เป็นรองใคร (ทางโค้งค่อยว่ากัน) ระบบความปลอดภัยครบ
แต่ถ้าเน้นขับทางไกลตลอด รหัสดีเซลก็จะทำให้รู้สึกดีกับตัวเลขสิ่นเปลือง

ส่วน cls53 ไม่แนะนำ เพราะอาจจะขับสนุกแค่ช่วงแรก แต่อัตราสิ้นเปลืองก็จะมาบั่นทอนจิตใจให้เซ็งในระยะยาว

ส่วนตัวผมใช้ 330e วันไหนได้ขึ้นทางด่วนโล่งๆ ก็มีซัดบ้างให้หายเซ็ง อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 1 ถัง ก็ประมาณ 600km+ ถ้าไม่ได้ออกเส้นทางเลยก็ 1,000+

แต่ถ้าไม่สามารถหาที่ชาจไฟได้ คงต้องไปเล่น es แทน แต่จะขาดตรงเครื่องเสียง ซึ่งอันนี้สามารถไปเปลี่ยนข้างนอกได้

ขอให้ได้รถที่ถูกใจครับบ

ออฟไลน์ harvard

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 100
ปีที่ 5-9 เตรียมค่าดูแลปีละ 5 แสนน่าจะเอาอยู่สบายๆครับ + ประกันชั้น 1 ปีละแสน = 6 แสนต่อปี

ออฟไลน์ dht_tubes

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,636
    • อีเมล์
ปีที่ 5-9 เตรียมค่าดูแลปีละ 5 แสนน่าจะเอาอยู่สบายๆครับ + ประกันชั้น 1 ปีละแสน = 6 แสนต่อปี

โอ้โห cls53 ผ่าน 5 ปี ค่าดูแลโหดขนาดนี้จริงๆหรอครับ

ออฟไลน์ Full Throttle

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 307
    • อีเมล์
ต่างกันเยอะมากๆครับ รุ่น 220d บำรุงรักษาง่ายกว่าครับ

ออฟไลน์ WASADM

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 567
ปีที่ 5-9 เตรียมค่าดูแลปีละ 5 แสนน่าจะเอาอยู่สบายๆครับ + ประกันชั้น 1 ปีละแสน = 6 แสนต่อปี

โอ้โห cls53 ผ่าน 5 ปี ค่าดูแลโหดขนาดนี้จริงๆหรอครับ

ของผม CLS 300d ค่าประกันตกปีละ 80K เลยครับ ยิ่งตัว 53 ประกันต่อปีหลักแสนแน่นอน

ออฟไลน์ BN`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,073
ถ้าโดยส่วนใหญ่แล้วไม่ใช่คนที่ขับรถเร็ว แค่อยากได้กำลังเครื่องที่พอสนุกได้บ้าง ผมมองว่า CLS220d ก็เหลือเฟือแล้วครับ

คนที่เลือก CLS53 คือคนที่ชื่นชอบในการขับขี่รถ และชื่นชอบใน Mercedes AMG และส่วนมากไม่ได้ซื้อมาขับหวานเย็นเท่าไหร่ครับ

แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายในการดูแลระยะยาว 7-9 ปี ระหว่าง CLS53 กับ CLS220d ค่อนข้าห่างกันพอสมควร ถ้าชอบจริงๆก็ถือว่าคุ้มครับ

แต่ถ้าจะเลือก CLS220d ส่วนตัวผมเชียร์ตัว CLS300d มากกว่าครับ เพราะได้ 245 แรงม้า แต่ตัว CLS220d ได้ 194 แรงม้า

แต่ตอนนี้ไม่มั่นใจว่าในประเทศไทย CLS300d รถหมดสต็อกรึยัง ต้องลองสอบถามแต่ละโชว์รูมดูก่อนครับ ลองเก็บไว้พิจารณาดูครับ