ผู้เขียน หัวข้อ: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี  (อ่าน 7200 ครั้ง)

ออฟไลน์ The Mechanics of Emotions

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,679
สวัสดีครับ อยากแชร์เรื่องการใช้วัสดุภายในห้องโดยสารระหว่างรถยุโรปกับรถญี่ปุ่น โดยสองคันที่ผมจะมาเทียบกันคือ 2010 BMW E90 325i M Sport และ ​​2010 Nissan Teana j32 2.5 V6 โดยเป็นรถมือสองทั้งคู่ เมื่อผ่านไป 10 ปีทั้งคู่ เวลาขับจะรู้เลยว่า Teana ขับแล้วไม่มีเสียงภายในเลย แต่จะมีคอนโซลเหนียวแตก พวงมาลัยลอกเท่านั้น แต่การประกอบแน่นมากๆ ไม่มีเอี๊ยดอ๊าดเลย ต่างกับ E90 ที่ลั่นตั้งแต่ยางขอบประตูมันแห้ง เวลาตัวถังบิดตัวจะได้ยินเสียงแกรบบบบบ ต้องเอา waxy มาทาที่ยางขอบประตูแล้วเสียงจะหายไป รวมทั้งเสียงที่แผงประตู เหมือนพลุกมันไม่แน่น ดังกรอบๆแกรบๆ รวมทั้งคอนโซลหน้ายิ่งเวลาจอดตากแดดนี่ชัดเจนมาก เหมือนพวกวัสดุมันขยายตัว เวลาตากแดดแล้วขับนี่พอกระแทกนิดหน่อยนี่พลาสติกลั่นเลยครับ มีมือจับตรงพวกยางๆ จะเหนียวหน่อย แล้วก็พวกกรอบวิทยุ สีพ่นมันจะลอก ต้องไปพ่นใหม่ก็เนี๊ยบเหมือนเดิมครับ พวกนี้ซ่อมได้

สรุปคือ การใช้วัสดุผมว่ารถญี่ปุ่นมันทนกว่าครับ แน่นๆ ไม่มีหลวม E90 ขับแล้วรำคาญเสียงพลาสติกลั่นมากๆ กรอบๆ แกรบๆ ทั้งคัน
2010 BMW 325i M Sport
2016 Mazda CX-5 2.0S

PKS8

  • บุคคลทั่วไป
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2021, 11:22:06 »
เช่นกันครับ ของผมไม่ต้องรอ 10 ปี ครับ แค่ 6-7 ปี

E60 E90 F10 เหนียว แตก มีเสียงหมดแล้วครับ

แต่ Camry Jazz Civic Fortuner XV Pajero ยังแน่นๆเลยครับ

ผมเคยรื้อภายในเล่นๆ พวกขอบประตู คอนโซลกลาง ยุโรปชอบใช้วิธียึดตภายในด้วย พุกพลาสติก แง่ง และเดือยพลาสติก แบบตบๆเข้าไป พอมันหักหรือหมดอายุก็หลวม

แต่ญี่ปุ่นยังมีหูแล้วขันสกรูเข้าไปตรงจุดสำคัญๆเยอะกว่ามาก แต่ก็ต้องแลกมาด้วยผิวสัมผัส ยุโรปจะแบบด้านๆพอนานๆไปจะเหนียว และมีบุพรมตามจุดต่างๆ พอหมดอายุก็ร่อนเป็นขุยๆ แต่ญี่ปุ่นไม่มีอะไรเลยพลาสติกล้วนๆ

ออฟไลน์ basterias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,793
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2021, 11:25:08 »
ผมเพิ่งขาย cls 250 cdi ตัวก่อนไป รถ 7 ปีวิ่ง 40,000 โล จอดที่ร่มตลอด

ทุกอย่างยังดีอยู่นะครับ ผมใช้เองมือเดียว ไม่เคยจอดตากแดดตากฝนเลย เจ้าของคนใหม่แฮปปี้มากครับ
Current cars:
2018 - Volvo XC60 T8 R-design (Stock)
2020 - Mercedes C43 Sedan FL (tuned)
(Review https://community.headlightmag.com/index.php?topic=79186.0)
2021 - BMW 530e M sport LCI (Stock)
(Review https://community.headlightmag.com/index.php?topic=79736.0)

ออฟไลน์ Tien.W

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,195
    • อีเมล์
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2021, 11:33:11 »
ยุโรป มันมีเรื่องวัสดุ recycle รวมถึง เกรดวัสดุ อาจจะไม่ได้ทนสภาพอากาศร้อนแบบบ้านเรา

ญี่ปุ่น จริงๆ J32 ก็ไม่ถือว่า ทนนะ เพราะระดับ 10 ปี Jazz GE / CR-V G3 ที่บ้าน ยังกริ๊ปๆอยู่เลย ไม่มี แตก เหนียว ละลาย แม้แต่จุดเดียว (เออ ลืม มีท้าวแขน ที่ประตู ของ G3 หนังย่น defect ประจำรุ่น อันละ 900 บาท)

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,190
    • อีเมล์
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2021, 11:49:54 »
ยุโรป แตก เหนียว เป็นกันทั้งนั้นละครับ ค่ายเยอรมันชัดเจนเลย เช่น VW

ผมว่า ญี่ปุ่น ทนกว่าด้วยซ้ำ เมื่อผ่านไป 10 แล้วอะ

ออฟไลน์ I'm Ti

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 567
  • Honda Civic FD
    • รับทำภาพ 3D Perspective
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2021, 11:50:15 »
รถญี่ปุ่นมันทนร้อนกว่ารึเปล่าครับ


เรื่องวัสดุของรถยุโรป อายุการใช้งานคงเหมาะกับภูมิประเทศที่ไม่ร้อนมั่งครับ

ออฟไลน์ tvm

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,479
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2021, 12:10:11 »
ตามท่านบนว่า รถยุโรปมีเรื่องวัสดุรีไซเคิล การเคลือบผิวให้เหมาะกับเขาที่ไม่ร้อนแบบเรา ฯลฯ
เทียบนิสสัน J32 ผมก็เคยใช้ ก็ถือว่าใช้ได้ ไปดูโตต้าสิครับ ทนจริงอันนั้น เพราะเน้นทน ไม่ได้เน้นผิวสัมผัสนุ่นเนียน (สมัยก่อน)
แต่รถยุโรปยุคหลังๆ ผมว่าไม่ได้เปราะบางขนาดยุคก่อนนะครับ

ออฟไลน์ ภูมิใจไหม?

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,143
  • SNK vs Playmore
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2021, 12:15:56 »
ผมเชื่อว่าพลาสติกผิวเนียน ๆ ใช้ไปแล้วมันจะเหนียวของมันเองครับ

หูฟังผมไม่เคยตากแดด ยังเหนียวเลยครับ

ออฟไลน์ tatum0022

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 760
    • อีเมล์
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2021, 12:20:03 »
w204 ผมจะครบ 10 ปี ก็ยังโอเครอยู่นะครับ ปัญหาเดียวคือปุ่มลอกเท่านั้น รถยุโรป ถ้าไม่จอดตากแดดบ่อยๆ ไม่เสียครับ เพียงแค่มันไม่ค่อยชอบแดด เทียบกับ camry avc40 mc ข้างในไม่ต่างครับ
E220d AMG 17' BBS RI-D
C200 AMG Carlsson add on 12'
Fortuner 2.8 E4 16'
Camry Hybrid 10'
Jazz JP 12'
vios 13'
Preruner 08'
Austin Mini Mark1 1962

ออฟไลน์ AkE

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,404
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2021, 12:21:10 »
ใช่ครับ 10 กว่าปีที่ผ่านมาที้งวัสดุทั้งดีไซน์ ดูรถญี่ปุ่นจะดูเก่าช้ากว่าหมดเลยครับ รถญี่ปุ่นปรับให้เหมาะกับไทย

มากกว่าด้วยครับ

ออฟไลน์ Newhang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,338
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2021, 12:36:18 »
เจอเฟียสต้ารถอเมริกาเข้าไปนี่ไม่อยากจะเซด
นอกจากเหล็กก็ไม่มีอะไรทน

ออฟไลน์ neung23

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,661
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2021, 12:52:28 »
ยุโรปถ้าไม่ตากแดดหนักมากจริงๆ ไม่เท่าไหร่หรอกคับ

ส่วนมือจับประตู bmw มันเหลวเหนียวเป็นตำนานอันนั้นส่วนหนึ่ง แต่ พอช่างแกะมาเปลี่ยนแล้วไม่เปลี่ยนพุคพลาสติกใหม่ มันก็หักแน่นอนอยู่แล้ว ผมได้ยินมาว่าต้องเปลี่ยนทุกครั้งที่แกะ หรืออู่ที่เนี้ยบๆส่วนมากก็เบิกมารออยู่แล้ว เพราะเกิน7ปี แกะเมื่อไหร่หักทุกคัน

รถยุโรปทีใช้ๆมาทั้งหลายๆมาแผงประตูคอนโซลหนังภายในมันไม่เป็นอะไรเลย ทนใช้ได้นะคับ

benz ปุ่มลอก bmw มือจับประตูข้างในเหนียว เจอแค่นี้นะ นอกนั้นผมว่าทนกวา่ญี่ปุ่นอีก ถ้าไม่แกะมันเล่นบ่อยๆ
2013 W204 C250 AMG Plus
2011 Prius
2010 X5 xDrive 4.8i
2003 E39 523i Sport

ออฟไลน์ neung23

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,661
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2021, 12:53:47 »
สวัสดีครับ อยากแชร์เรื่องการใช้วัสดุภายในห้องโดยสารระหว่างรถยุโรปกับรถญี่ปุ่น โดยสองคันที่ผมจะมาเทียบกันคือ 2010 BMW E90 325i M Sport และ ​​2010 Nissan Teana j32 2.5 V6 โดยเป็นรถมือสองทั้งคู่ เมื่อผ่านไป 10 ปีทั้งคู่ เวลาขับจะรู้เลยว่า Teana ขับแล้วไม่มีเสียงภายในเลย แต่จะมีคอนโซลเหนียวแตก พวงมาลัยลอกเท่านั้น แต่การประกอบแน่นมากๆ ไม่มีเอี๊ยดอ๊าดเลย ต่างกับ E90 ที่ลั่นตั้งแต่ยางขอบประตูมันแห้ง เวลาตัวถังบิดตัวจะได้ยินเสียงแกรบบบบบ ต้องเอา waxy มาทาที่ยางขอบประตูแล้วเสียงจะหายไป รวมทั้งเสียงที่แผงประตู เหมือนพลุกมันไม่แน่น ดังกรอบๆแกรบๆ รวมทั้งคอนโซลหน้ายิ่งเวลาจอดตากแดดนี่ชัดเจนมาก เหมือนพวกวัสดุมันขยายตัว เวลาตากแดดแล้วขับนี่พอกระแทกนิดหน่อยนี่พลาสติกลั่นเลยครับ มีมือจับตรงพวกยางๆ จะเหนียวหน่อย แล้วก็พวกกรอบวิทยุ สีพ่นมันจะลอก ต้องไปพ่นใหม่ก็เนี๊ยบเหมือนเดิมครับ พวกนี้ซ่อมได้

สรุปคือ การใช้วัสดุผมว่ารถญี่ปุ่นมันทนกว่าครับ แน่นๆ ไม่มีหลวม E90 ขับแล้วรำคาญเสียงพลาสติกลั่นมากๆ กรอบๆ แกรบๆ ทั้งคัน

เสียงนั้น ติดเทปกาวรอบยางขอบประตูด่วนคับ เข้าศูนย์ไปเลย หายสนิท 2-3พันได้คับ ผมเคยติด E60 E70 E90 เป็นทุกคัน BSI ยังต้องจ่ายเองเลย
2013 W204 C250 AMG Plus
2011 Prius
2010 X5 xDrive 4.8i
2003 E39 523i Sport

ออฟไลน์ Cheap and cheerful

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 599
    • อีเมล์
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2021, 13:23:07 »
เคยมี ACV 40 2.0G อายุ 10กว่าปี ภายในแทบไม่โทรมเลย ยกเว้นเบาะคนขับที่เริ่มเหี่ยว กับปุ่มเปิดปิดแอร์ที่ใช้บ่อยๆลอก กับพวงมาลัยเริ่มเสี่อมนิดๆ ที่เหลือเหมือนรถใหม่เลย ประทัยใจมากๆกับรถใช้งานอายุขนาดนี้ ไม่มีเสียงก่อกๆแก่กๆสักนิด

อีกคัน ACV50 Hybrid ก็ยังเป๊ะเหมือนเดิม แน่นปึ้กๆ มีปุ่มพวงมาลัยเริ่มลอกแค่นั้น

งานประกอบ Toyota เป็นอะไรที่น่าภูมิใจมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แน่นเป๊ะ ทนทานจริงๆ

Accord G8 2.0 งานประกอบสั*ว์นร* มากๆ ดังแม่งทั้งคัน ดังไม่พอ ลอก เปี่อยทุกจุดที่สัมผัส เลวร้ายมากๆ ประกอบห่วยวัสดุห่วยไม่พอ จุกจิกอีก เครี่องสั่น ปั๊มหอน แร๊คพัง หัวฉีดพัง สารพัดจะด่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 28, 2021, 13:25:08 โดย เป็นงงเลยดิ »

ออฟไลน์ demo2

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 784
    • อีเมล์
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2021, 14:24:46 »
เห็นด้วยครับ F30 ของผมดูแลอย่างดี ตากแดดน้อยมาก แต่ที่จับประตูด้านในก็เหนียวเหมือนเดิม แต่ดีหน่อยที่อยู่ใน BSI แล้วเคลมได้(รถเกือบ5ปีพอดี)
ส่วน teana L33 7ปี toyota 86 7ปี kia grand canival gen3 4ปี ยังไม่มีอะไรลอกเลย
ยกเว้นคัน kia ประตูสไลด์ด้านขวามีเสียงดังเอี๊ยดๆเวลารถเลี้ยว(เหมือนตัวรถบิดตัวหรือเปล่าไม่แน่ใจ) ขับทางตรงๆไม่มีเสียง

ออฟไลน์ pladaek

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,016
  • FF1.5SMG
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2021, 15:40:08 »
เจอเฟียสต้ารถอเมริกาเข้าไปนี่ไม่อยากจะเซด
นอกจากเหล็กก็ไม่มีอะไรทน
เฟียสต้าผม 9 ปีแล้ว วิ่งมา 270,000 กม. วัสดุภายในก็ยังดีอยู่นะครับ
การเก็บเสียงภายในก็ยังไม่ต่างจากสมัยซื้อใหม่ ผิวสัมผัสวัสดุยังไม่มีชิ้นไหนแตกลาย
ที่ลอกคือโลโก้ฟอร์ดบนพวงมาลัย กับมือจับประตูแค่นั้น

ที่ว่ามาคือไม่ใช่มันดีอะไรนะครับ
วัสดุที่ให้มามันเป็นผิวด้านๆ ให้มาแบบไหน ทุกวันนี้ก็ยังด้านๆอยู่เหมือนเดิม ตัวท็อป 1.5S
คุณภาพไม่ได้ดีอะไรมาตั้งแต่แรกเมื่อเทียบกับรถสมัยนี้
การใช้งานของผมก็ 7 ปีแรกจอดตากแดดเกือบทุกวัน เพิ่งได้เข้าร่มมื่อ 2 ปีนี้เอง

ผมจึงคิดว่ามันเป็นรถที่ภายในยังคงสภาพได้ดีอยู่กับระยะเวลา 9 ปีที่ใช้มาครับ
ไม่ได้ขับรถเพื่อทำเวลาที่ดีที่สุด.. แต่ขับรถเพื่อเจอช่วงเวลาที่ดีที่สุด..

ออฟไลน์ IS2000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,183
    • อีเมล์
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2021, 15:52:17 »
รถญี่ปุ่นใช้นานมากๆภายในทนกว่ารถยุโรปครับจากประสบการณ์ส่วนตัว อีโวผมอายุ 18 ปีภายในยังแน่นอยู่ เลย ส่วน BMW Porsche เสียงภายในเริ่มดังเวลารถมีอายุครับ ปุ่มต่างๆเริ่มเหนียว ผ้าบุหลังคาหลุดเอง อันนี้คือรถใช้น้อยทุกคัน ไม่จอดตากแดดเก็บในโรงจอดรถติดแอร์ทุกคัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 28, 2021, 15:53:48 โดย IS2000 »
1 3 5
├┼┼╕
2 4 6 R

ออฟไลน์ Gprt.

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 57
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2021, 15:57:16 »
ถ้าจขกทใช้ค่าย *H** ความเห็นอาจจะไปอีกทางนะครับ

ออฟไลน์ chaithawat

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,538
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2021, 16:02:05 »
รถญี่ปุ่นคงทนกว่ากันเยอะครับ ไม่ต้องสิบปีหรอกครับสามปีแรกก็เห็นผลแล้วรถผมสามหมื่นโลสามปีก็วิ่งเข้าศูนย์เซ็งแล้ว ยิ่งยุคหลังๆยิ่งคุณภาพแย่ลงไปมากเครมอะไหล่เซนเซอร์เป็นว่าเล่น และพวกภายใน พวกพลาสติกมือจับซอฟทัช คอนโซล เหนียวเละไปหมด พลาสติกกรอบก๊อปแก๊ปทั้งคอนโซล แผงเกียร์ ที่ท้าวแขน ประตูดังน่ารำคาญไปหมด เคยจอดแง้มกระจกลืมปิดตากฝนตกนิดเดียวมือจับประตูด่างพองเพราะน้ำฝนเลย ตอนตากแดดก็เช่นกันได้ยินชัดเหมือน จขกท.ครับ เอาแว๊กซ์ทาขอบกำมะหยี่ก็อยู่ได้สองอาทิตย์ก็ต้องมาทาใหม่ยุ่งยากอีก  งานผิวสัมผัสภายในเทียบรถจีนรุ่นใหม่ๆยังไม่ได้เลย เนียนนุ่มและทนกว่าด้วยซ้ำ  เทียบรุ่นพี่เจนก่อนยิ่งชัดความทนงานประกอบจาก e46-e90-f30 ต้องบอกว่ารุ่นเก่าทนกว่ากันเห็นๆครับ กว่าจะลอก กว่าจะตกท้องช้าง มีเสียงก๊อบแก๊บ6-7ปีไปแล้ว
ฟีลลิ่งก็เช่นกันครับ 3-4หมื่นโลไปแล้วขับเหมือนคนละคันเลยแค่บูทนิ่มลงนิดเดียวก็ออกอาการไววอกแวก พวงมาลัยเบาดิ้นไปตามถนนไม่เหมือนตอนออกใหม่ ทนขับได้สี่หมื่นกว่าโลขายทิ้งไปลองเทสไดรฟ์รุ่นใหม่ก็ยังแอบมีเสียงก๊อปแก๊ปให้ได้ยินอยู่เหมือนกันครับ
ปล.สีที่เขาใช้ภายในเป็นสีน้ำรักษ์โลกครับ สมัยก่อนเอาไปซ่อมเห็นช่างถอดออกมาแช่น้ำให้ละลายแล้วค่อยเอาสีกระป๋องพ่นทับไปครับ ช่างแนะนำว่าพยายามอย่าไปเช็ดหรือโดนน้ำครับ มันจะลอกละลายออกมาครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 28, 2021, 16:18:11 โดย chaithawat »

ออฟไลน์ Mos37257

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 681
    • อีเมล์
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2021, 17:46:25 »
นี่เป็นอีกสิ่งนึงที่รถยุโรปให้ไม่ได้ ขนาดเทียบกับรถญี่ปุ่นธรรมดายังสู้ไม่ได้เลย เเล้วการที่บอกว่าถ้าไม่จอดตากเเดดจะไม่พัง เวลาทำรถมาขายควรคำนึงถึงวัสดุที่จะใช้ในประเทศนั้นๆหรือเปล่า มันก็ต้องทนสิไหนโปรโมทว่าใช้วัสดุทนความร้อนให้เข้ากับประเทศนั้นๆ?
ประกอบไทยอีกต่างหาก ไม่ได้ว่าว่ารถยุโรปไม่ดีเเต่คุณทำรถดูถูกผู้บริโภคไปหรือเปล่า

ออฟไลน์ Turin

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,044
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2021, 18:14:35 »
แฟนซูบี้อาจเห็นต่าง  :-X ... XV, Forester ... รวมถึง WRX, STi พวงมาลัยลอก ฝาปิดช่องวางแก้วขาด ตั้งแต่ยังไม่ถึง 5 ปี

Outback ผม ตอนอายุ 7 ปี คอนโซลแตกเป็นท้องนาตากแดด มือจับละลายแบบเดียวกับ BMW ยุคหลังๆครับ

PKS8

  • บุคคลทั่วไป
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2021, 18:39:57 »
แฟนซูบี้อาจเห็นต่าง  :-X ... XV, Forester ... รวมถึง WRX, STi พวงมาลัยลอก ฝาปิดช่องวางแก้วขาด ตั้งแต่ยังไม่ถึง 5 ปี

Outback ผม ตอนอายุ 7 ปี คอนโซลแตกเป็นท้องนาตากแดด มือจับละลายแบบเดียวกับ BMW ยุคหลังๆครับ

XV ผมพวงลอกตอน 2 ปี เคลมใหม่ตอนนี้ผ่านมา 3 ปีกว่าแล้วยังไม่มีลอกครับ

ฝาปิดแก้ววางน้ำเพิ่งขาดเมื่อเดือนก่อน ใช้มา 5 ปีกว่าครับ

ส่วน Forester SJ ไม่มีลอก แต่เสา A B แผงประตูดังเวลาเลี้ยว ทางขรุขระ แต่คันนี้จอดตากแดดวันล่ะ 8 ชม จ-ส เพราะไปจอดแล้วจรครับ ผ่านมา 5 ปี ผมว่ายังดีกว่า e90 ที่ใช้งานแบบนี้เยอะครับ

ของ XV ผมว่ามันน่าจะเป็นล๊อตที่ผลิตจากซัพพลายเออมากกว่าครับ

ออฟไลน์ sukhontha

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,463
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2021, 19:09:21 »
ตามข้างบน  ยุโรป มีข้อบังคับให้ใช้วัสดุรีไซเคิล เทียบเป็นสัดส่วน กับวัสดุใหม่  ไม่สามารถใช้ของใหม่ทั้งหมดได้  มันก็เป็นเช่นนั้นแล

ออฟไลน์ ภูมิใจไหม?

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,143
  • SNK vs Playmore
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2021, 19:30:28 »
อ่านมาเรื่อย ๆ อยากถามว่า

พวกน้ำยาผิวเคลือบคอนโซล ให้สีดูเข้ม ๆ ขึ้น

มันจะได้การปกป้องไหม เพราะที่ข้างขวดเขียนว่าปกป้องจาก UV บลา ๆๆๆ ด้วยครับ

ออฟไลน์ pratuang

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 224
    • อีเมล์
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2021, 19:33:28 »
ผมใช้ ACCORD G8 มา 11 ปี ภายในนี้เหมือนรถใหม่ครับ ไม่ได้ทำอะไรเลย ได้ยินแต่เสียงเครื่องครับ ขายไปแล้ว คนซื้อเห็นรีบซื้อเลยครับ

ออฟไลน์ bobbydiver

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 8
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2021, 21:18:19 »
ด้วยคนครับ


เคยมี Collora ปี96 ขายได้ตอนปี11 วิ่งไป สองแสนเจ็ด ภายในยังใช้ได้ ตัวถังไม่ผุเลย
น้องชายมี Mazda mx5 รุ่นแรก จอดในร่ม ทุกวันนี้ภายในยังดี ยกเว้นหลังคาผ้าใบที่กรอบ
Mu7 ของที่บ้าน 10 ปีแล้ว ยังเนี๊ยบอยู่เลยครับ
e30 ปี 84 น้ำรั่วฐานแบต ตัวถังผุลงพื้่นบริเวณคันเร่งตอนปีที่  7

ออฟไลน์ Stp

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,535
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2021, 09:11:01 »
ด้วยกระแสและแรงกดดันเรื่องสิ่งแวดล้อม ฝั่งยุโรปเขามีมาตรฐาน Euro สารพัดคอยกดดันให้เปลี่ยนแปลงก่อนฝั่งญี่ปุ่น แต่ตอนนี้แรงกดดันเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาสากลระดับโลกไปแล้ว

เราเริ่มเห็นฝั่งญี่ปุ่นใช้วัสดุพลาสติกแบบรีไซเคิลได้ ซึ่งเราเองก็รู้สึกว่ามันดูภายในราคาถูก แต่ต้นทุนวิจัยอาจจะแพงกว่าพลาสติกแข็งในอดีต ในชณะที่ฝั่งยุโรปยังมีการพัฒนาหนังเทียมมาตกแต่ง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดแล้วฝั่งญี่ปุ่นหรือฝั่งยุโรปกำไรต้นุทนมากกว่ากัน
:D ;D ร่วมรณรงค์รักการอ่านหนังสือ แทนการถามตลอดเวลา ;D :D

ออฟไลน์ poochil

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 48
    • อีเมล์
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2021, 09:16:45 »
ผมว่าปัจจัยสำคัญคือจอดตากแดดร้อนๆ ไม่มีอะไรทนไหวครับ ยกเว้น plastic ทำให้รถที่ใช้ plastic เยอะ ดูทนกว่า

Gunther

  • บุคคลทั่วไป
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2021, 10:44:42 »
รถญี่ปุ่นดีกว่ารถยุโรปครับ อะไหล่รถญี่ปุ่นทนทาน หาง่ายกว่าและราคาถูกกว่า วัสดุชิ้นส่วนประกอบได้แน่นกว่า

ออฟไลน์ Yeahyeahs

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 856
Re: ภายในรถยุโรป vs รถญี่ปุ่น เมื่อผ่านไป 10 ปี
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2021, 01:42:57 »
ถ้าจขกทใช้ค่าย *H** ความเห็นอาจจะไปอีกทางนะครับ

ผมใข้ Civic FB มาเข้าปีที่แปด ข้างในยังเหมือนใหม่เลยครับ มีอย่างเดียวคือปุ่มบนพวงมาลัยลอก (และปุ่มกุญแจลอกตั้งแต่ปีแรกๆ)
จำได้ตอนออกใหม่ๆคนยี้พลาสติกทำคอนโซลของมันมาก มาตอนนี้ตอนออกมายังไงก็ยังคงสภาพอย่างงั้น

อ้อ จอดตากแดดตากฝนทุกวันตลอดแปดปีครับ