สงสัยคน HLM นี่หลายคนไม่เข้าใจรถไฟฟ้าจริงๆนะเนี่ยย
ใจเย็นๆก่อนครับ อย่าพึ่งตีโพยตีพาย ค่อยๆอ่านผมจะแชร์ให้ฟัง(ส่วนตัวใช้รถไฟฟ้าอยู่)
ในกรณีฉุกเฉินจริงๆ รถไฟฟ้าแทบทุกยี่ห้อจะมีสาย Emergency Charger แถมมาให้ครับ มันคือสายปลั๊กสามตาต่อกับไฟบ้านทั่วไปเนี่ยแหละครับ อย่าพึ่งไปนึกเว่อถึงเขาจะมาขอยืม Wallbox ไฟไหม้บ้าน
ซึ่ง Emergency Charger จะใช้กระแสระดับสูงสุดไม่เกิน 10A 220V เท่านั่น (ชาร์จได้ชั่วโมงนึงราวๆ 2kw เท่านั้นแหละ) ซึ่งมันใช้ไฟมากขนาดไหน?? 2kwh เนี่ย
ไม่ได้โฆษณา แต่ชี้ให้เห็นว่ามันใช้กำลังไฟระดับเดียวกับเตาไฟฟ้า หม้อสุกี้ที่เรากินกันทั่วๆไปเนี่ยแหละ (2000watt) ซึ่งปลั๊กไฟบ้านในเมืองไทยจะใช้ขนาด 1.5-2.5 Sqmm เป็นมาตรฐานกันอยู่แล้ว
มาตรฐานสายไฟ เมืองไทยเราอย่างแย่นี่คือ 1.5 Sqmm ซึ่งรับ A ได้อยู่ที่ 16 A max ซึ่งตัว Emergency Charger ใช้อยู่ที่สูงสุด 10A ซึ่งมันเพียงพอครับ
ส่วนมันจะมีหรอรถไปขอชาร์จ เอาตรงๆคงน้อยครับเพราะคนใช้รถไฟฟ้าตอนนี้วางแผนกันดีระดับนึง แต่ไม่ใช่ไม่มี มีเพื่อนในกลุ่มต้องเดินทางไปต่างจังหวัด อาศัยว่าคุยกับทางโรงแรม/รีสอร์ท ว่าจะไปนอนแล้วใช้เสียบปลั๊กสามตาเข้ากับทางโรงแรม/รีสอร์ทนั้นๆ ซึ่งทางที่พักก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เราก็จ่ายค่าไฟไปตามจริง (ง่ายๆ ชั่วโมงละ 2kw หรือ 2 หน่วย หน่วยละ 4.4 บาท เห็นว่ารายนั้นจ่ายไปหน่วยละ 6 บาท ถือว่าอุดหนุนที่พักไป)
ส่วนมันชาร์จแล้วใช้ได้จริงมั้ย ?? ง่ายๆรถไฟฟ้าแบต 40-60kw ในยุคนี้ ชาร์จได้ ชั่วโมงละ 2kw ก็นานเอาเรื่อง แต่มันไม่ใช่ชาร์จให้เต็มครับ คือเน้นชาร์จเพื่อเดินทางไปต่อจุดชาร์จจริงๆได้ อาจจะต้องการเพียง 15kw อาจเดินทางได้ 80-90 กิโลเมตร ก็เพียงพอแล้วให้ไปหาจุดชาร์จได้ ซึ่งก็ใช้เวลาราวๆ 7 ชั่วโมง (ก็ราวๆนอนค้างคืนนึงนั่นแหละ)