แค่ศูนย์บริการยังน้อยกว่ารถยุโรปบางยี่ห้อเลยครับ. เรื่องความเสถรฝียรทนทานตัวรถก็ยังไม่แน่ขัดเลย ว่าจะทนไม่จุกจิกขนาดไหน อีกอย่างหลายคนรถ1คันต้องไปทั่วไทย. อยู่หอพักหรือคอนโดก็ไม่มีที่ชาร์จ มันเป็นแค่ของเล่นคนรวยกับพวกสื่อปั่นกระแสแค่นั้นแหละ. ยิ่งอวยว่ารถไฟฟ้าดีกว่าน้ำมันนู่นนี่นั่นทั้งที่แบตมันเป็นขยะพิษ. ราคาไม่เป็นมิตรต่อมนุษเงินเดือนทั่วๆไป
ผมมองว่าแรกๆอาจจะยังไม่บูมมากด้วยปัจจัยอย่างที่คอมเม้นบนๆว่าไว้ แต่อย่าลืมราคาน้ำมันจะเป็นตัวผลักดันให้รถไฟฟ้าเกิดได้เร็วขึ้นอย่างมีนัยยะ ยิ่งราคารถลงมาเท่าไหร่ คนที่พอมีกำลังจะสนใจมากขึ้นเท่านั้น ผมว่าญี่ปุ่นไม่ปรับตัวก็อาจเสีย Market Share ไปเยอะ จะมาทำรถไฟฟ้าในอนาคตก็อาจจะตามไม่ทันแล้ว เรื่องแบบนี้ก็เห็นได้เรื่อยๆในโลกธุรกิจ ขนาดเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อก่อนญี่ปุ่นทั้งนั้น เดียวนี้บ้านผมมีแต่ของจีนเกาหลี ญี่ปุ่นแทบสูญพันธ์ แต่เราไม่รู้ตัว แล้วประเด็นคือของจีน ของเกาหลีไม่ได้แย่กว่าซะด้วยในโลกที่ทุกอย่างหมุนเร็วขึ้น คนไม่ได้อยากใช้ของทนทานเป็น10ๆปี เราขอของที่ทันสมัย รูปลักษณ์สวยงาม ราคาคุ้มค่า มีโปรโมชั่นโดนใจ ส่วนตัวผมยังไม่ถึงเวลาเปลี่ยนรถใหม่ แต่ถ้าจะเปลี่ยน Haval จะมาอยู่ในลิสต์ต้นๆที่จะเลือกเหมือนกัน เพราะผมค่อนข้างไว้วางใจคุณภาพของจีนพอสมควร เพราะเคยไปอยู่จีนมาเป็นปี
เครื่องใช้ไฟฟ้าจากเกาหลีและจีนไม่ทนทานพังง่ายครับ ขอเป็นของญี่ปุ่นที่แพงออพชั่นน้อยดีกว่า. ยิ่งยี่ห้อจีนขอบาย แอร์ตู้เย็นกินไฟเยอะ ตู้เย็นนี่เคยเจอสภาพใช้ไปไม่นานคอมเพรสเซอร์ช็อตเตรียมระเบิด
ส่วนตัวผมใช้สินค้าจีนมาหลายอย่างทั้ง Huawei Xiaomi Hisense Haier ก็ประทับใจพอๆกับสินค้าญี่ปุ่น ราคาถูกกว่า 20-30% ความทนทานผมว่าสมัยนี้ไม่ต่างกันมาก เพราะญี่ปุ่นเองก็ลดต้นทุนเยอะโดย อย่างที่เห็นๆกันทั้งสีบาง สนิมขึ้น เพียงแต่จุดแข็งคือบริการหลังการขายที่ดี ซึ่งตรงนี้คงต้องดูกันยาวๆว่าค่ายจีนจะเอาจริงแค่ไหน ถ้าซื้อใจคนไทยได้ผมว่าญี่ปุ่นสะเทือนแน่ๆ อยากได้ลูกค้าคืนต้องอัดออปชั่น ลดราคาลงมาสู้ แต่ที่แน่ๆผู้บริโภคอย่างเราๆได้ประโยชน์เต็มๆ เมื่อก่อนความหวังจะได้ขับรถออปชั้นล้นๆเหมือนเมืองนอกต้องไปรุ่น TOP D Segment เกือบ 2 ล้าน ต่อไปแค่ B Segment 5-6แสน อาจจะได้ Adaptive Cruise Control แล้วก็ได้
อันนี้ขอเสริมเรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้านะครับ ตอนนี้คุณแน่ใจเหรอครับว่า ทีวี, ตู้เย็น, แอร์, ไมโครเวฟ, หรือ เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ แบรนด์ ยุโรป หรือ ญี่ปุ่น ที่คุณใช้เป็นของโรงงานเขาจริงๆ ตัวบนๆแบบ ตู้เย็น SIDE BY SIDE บางตัวก็ OEM จาก HIER MIDEA GREE หรือ ยี่ห้อที่เลวร้ายกว่าอื่นๆ และ มาแปะแบรนด์ ยุโรป หรือ ญี่ปุ่น ครับ ตอนนี้โรงงานหลายๆที่ของจีนก็มาตั้งโรงงานในไทยเพื่อรับออเดอร์จากแบรนด์อื่นรวมไปถึงผลิตของตัวเองในภูมิภาคนี้เป็นล่ำเป็นสันครับ เครื่องใช้ไฟฟ้าจีน บางแบรนด์คุมคุณภาพได้ดีกว่าญี่ปุ่นหรือยุโรปก็มี แต่หลายๆแบรนด์ส่วนใหญ่ก็แย่กว่าครับ ไม่ได้อวยจีน แค่ บอกข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ก่อนซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ปรึกษาเพื่อนในวงการเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ดีครับ
ตามนี้จริงๆครับยืนยันอีกเสียง บริษัทญปนึงแถวๆรังสิตก็เพิ่งโดนจีนเข้าซื้อไป 1-2 ปีก่อน เอาคนจีนเข้าไปบริหาร เล่นการเมืองภายในกันสนุก เอาคนจีนไว้บีบคนไทยออก (เพื่อนผมก็ 1 ในนั้น)
ซื้อจริงๆเพื่อเอาเทคโนโลยี + ไลน์ผลิตไปพัฒนาแบรนด์ตัวเอง ลดนู่นนี่ออก พวกรุ่นใหม่ๆถ้าเห็นว่าแบรนด์ญปเขาเหมือนแบรนด์จีน ก็เข้าใจว่าเขา Badge Engineering นั่นแหละครับ
ส่วนตัวผมที่เล่นเครื่องใช้ไฟฟ้าจีนผสมกับญป จะบอกว่าของญปที่ทนจริงๆ (ไม่เฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน) ส่วนมากเพราะเขาไม่ได้ใส่อะไรหวือหวาครับ
เอาง่ายๆ เครื่องปรับอากาศงี้ของยี่ห้อมิตซู จะบอกว่าไส้ในมันไม่เปลี่ยนมาตลอดเกือบ 20 ปีจะว่าผมเว่อร์ไหมครับ? ไปถามช่างแอร์ดูก็ได้ จ้างล้างแอร์ที่บ้านทีไรสบาย เผื่ออะไหล่ครั้งเดียวใช้ได้หมดทุกห้อง
ในขณะที่เกาหลีและจีน เขาเปลี่ยน/ใส่ฟีเจอร์มาตลอด คือมันดีในกรณีที่คุณเสพความใหม่ๆตลอดเวลา แต่เหนื่อยคนซ่อม/ช่างครับ อะไหล่บางอย่างมัน Compatible ได้ก็รอดไป แต่ส่วนมากเกิน 10 ปีก็แทบไม่ซ้ำเก่าละ
รถยนต์ก็แบบเดียวกัน อะไหล่โตโยต้า/ฮอนด้าบางอย่างก็ใช้ Part เดิมเป็น 10-20 ปี ไม่เปลี่ยนแปลง (เบอร์อาจจะเปลี่ยน แต่ทรงเดิมหรือเปลี่ยนจากเดิมแค่นิดเดียว ใช้ร่วมกันได้)
ในขณะที่รถจีน.. รอดูกันไปครับ