รีวิว รถดังในตำนานมาสด้า โครโนส 626 ห้าประตู 16 ปียังสวยไม่สร่าง

edward_jong

สวัสดีครับ ทุกท่าน ที่ผ่านมาผมได้รีวิวรถส่วนใหญ่ เป็น รถเพื่อการพาณิชย์เป็นส่วนใหญ่  (เพราะชอบรถปิคอัพ  มันสามารถลุยได้ใจ ขนของทำมาหากินได้  )   พอดีได้อ่าน บทความ รถดังในตำนาน ทั้ง สองภาค ก็ แอบภูมิใจว่ามีรถเราอยู่ด้วย แฮะ   ก็อยากจะหาเวลารีวิว มาให้ทุกท่านได้อ่านกัน



edward_jong

มาดูประวัติของรุ่นนี้กันก่อนครับ
มาสด้า626 หรือ โครโนส Cronos เป็นรถครอบครัวขนาดกลาง หรือฝรั่งเค้าจะเรียกว่า Mid-Size car ซึ่งจะเป็นรถที่ให้ความสะดวกสบาย ทั้งผู้โดยสาร และผู้ขับขี่.....เป็นรถนำเข้าทั้งคัน ราคามือสองแค่ 2-3 แสนกว่าๆ มาสด้า 626 โครโนส เปิดตัวครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นด้วยรุ่นซีดาน 4 ประตูในช่วงกลางปี 1991 และอีกประมาณ 2 เดือนก็เปิดตัวรุ่นแฮทช์แบก 5 ประตู โดยใช้ชื่อ EFINI MS-6 จากนั้นในปี 1993 จึงบุกเมืองไทยในแบบนำเข้าพร้อมกันทั้ง 2 รุ่นตัวถัง

รถยนต์เกือบทุกรุ่นของมาสด้า ไม่ค่อยได้รับความนิยมแบ่งรุ่นด้วยรหัสตัวถัง แต่มักระบุด้วยชื่อรุ่นที่มาจากโรงงาน หรือชื่อที่เล่นที่ตั้งขึ้นเองและเข้าใจกันในวงการช่างมากกว่า เช่น 626 รุ่นก่อนหน้าโครโนสก็มีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า '626 ทีทีแอล' มาจากการใช้ช่วงล่างแบบปีกนกคู่สัมพันธ์ ส่วน 626 ที่นำเสนอในครั้งนี้ก็มีชื่อเฉพาะต่อท้ายว่า 'โครโนส' เวลาบอกรุ่นเพื่อซื้ออะไหล่หรือซื้อขาย มักเข้าใจได้ตรงกัน ไม่คลาดเคลื่อน โดยทางผู้จำหน่ายพยายามไม่เรียกว่า 626 มากนักเพื่อไม่ให้ดูซ้ำเหมือนรุ่นเดิมที่ชื่อเสียงชักจะตกลงไปแล้ว แต่เน้นเฉพาะคำว่า โครโนส ให้คนทั่วไปเรียกสั้นๆ เท่านี้

โครโนส ยังคงใช้แนวทางการออกแบบเหมือนๆ 626 รุ่นที่ผ่านมา แต่ในด้านรูปลักษณ์นั้นชัดเจนว่าไม่คล้ายกันเลย คือ ตัวถังเป็นทรงลิ่มแบนเพรียว ไม่มีเหลี่ยมสัน เต็มไปด้วยด้วยความโค้งมนกลมกลืนตลอดคัน ทั้ง 2 รุ่นใช้ตัวถังหลักครึ่งคันส่วนหน้าร่วมกัน แตกต่างที่รายละเอียดปลีกย่อยเล็กน้อย ฝากระโปรงหลังของรุ่น 5 ประตูเป็น สปอยเลอร์ในตัวแบบ BUILT IN พร้อมติดตั้งไฟเบรกดวงที่ 3

ไฟหน้าแบบฮาโลเจนและสปอตไลต์แบบโปรเจกเตอร์ ถูกรวมไว้ในโคมเดียวกันทรงเรียว ไฟเลี้ยวหน้าและหลังเป็นแบบเปลือกนอกขาวมาเลย แต่ด้านข้างยังเป็นสีเหลือง ทั้ง 2 รุ่นใช้ล้อแม็กลายเดียวกันแบบ 5 ก้าน ขนาด 14 นิ้ว โดยตลอดอายุตลาดไม่มีการปรับโฉมภายนอกเลย

มิติตัวถังรุ่น 4 ประตู ยาว 4,685 มิลลิเมตร กว้าง 1,750 มิลลิเมตร สูง 1,400 มิลลิเมตร ระยะห่างฐานล้อ 2,610 มิลลิเมตร ส่วนรุ่น 5 ประตูเตี้ยกว่า 10 มิลลิเมตร คือมีความสูง 1,390 มิลลิเมตร น้ำหนักรวมประมาณ 1,200 กิโลกรัม

ภายในห้องโดยสารยังไม่มีถุงลมนิรภัยแบบรถยนต์รุ่นใหม่ๆ แต่ก็ปลอดภัยด้วยโครงสร้างตัวถังนิรภัย ออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ พร้อมคานเหล็กลดแรงกระแทกในประตูทั้ง 4 บาน เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 4 ตำแหน่ง คู่หน้าปรับสูง-ต่ำได้ 5 ระดับ และ 2 จุด 1 ตำแหน่ง แผงหน้าปัดออกแบบให้ลาดเท เพื่อป้องกันไม่ให้วางสิ่งของ สะดวกสบายด้วยครูสคอนโทรล เบาะหลังของรุ่น 5 ประตูสามารถพับลงเป็นระดับเดียวกับพื้นห้องเก็บของด้านท้าย เพิ่มเนื้อที่บรรทุกสัมภาระ

ช่วงแรกบุกตลาดด้วยเครื่องยนต์รหัส FS-DE แบบเบนซิน 4 สูบเรียง ทวินแคม 16 วาล์ว ความกว้างกระบอกสูบ 83 มิลลิเมตร ช่วงชัก 92 มิลลิเมตร ความจุ 1,991 ซีซี อัตราส่วนการอัด 9.0 : 1 กำลังสูงสุด 115 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 17.3 กก.-ม. ที่ 4,500 รอบ/นาที

หลังจากทำตลาดประมาณ 2 ปี จึงเพิ่มรุ่น วี6 2.0 ใช้เครื่องยนต์รหัส KF-ZE บล็อกเดียวกับแลนติส วี6 เป็นแบบ 6 สูบ ทวินแคม 24 วาล์ว ความกว้างกระบอกสูบ 78 มิลลิเมตร ช่วงชัก 69.6 มิลลิเมตร ความจุ 1,995 ซีซี อัตราส่วนการอัด 10.0 : 1 กำลังสูงสุด 145 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 18.2 กก.-ม. ที่ 4,800 รอบ/นาที

ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรืออัตโนมัติ 4 จังหวะ พร้อมโหมด POWER, NORMAL และ HOLD MODE พร้อมระบบ AUTO SHIFT LOCK ช่วยป้องกันอุบัติเหตุจากการเข้าเกียร์โดยไม่ตั้งใจ

ระบบบังคับเลี้ยวแบบแร็กแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ ช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัท ปีกนกล่างรูปตัว A พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังปีกนกคู่สัมพันธ์ TTL (TWIN TRAPEZOIDAL LINK) ระบบเบรกแบบดิสก์ 4 ล้อ พร้อมเอบีเอสแบบ 4 เซ็นเซอร์ 3 แชนแนล ทุกรุ่นใช้ล้อแม็กขนาด 6 X 14 นิ้ว ยางขนาด 195/65 R14

จุดเด่นของรถยนต์รุ่นนี้ คือ ราคามือสองที่ไม่แพงไปกว่ารถยนต์ระดับเดียวกันปีเดียวกัน เช่น นิสสัน เซฟิโร ขับเคลื่อนล้อหลัง หรือฮอนด้า แอคคอร์ด อุปกรณ์มาตรฐานภายในที่จำเป็นก็มีให้ครบครัน ประสิทธิภาพของช่วงล่างในด้านการเกาะถนนก็เด่นกว่าคู่แข่งอยู่พอสมควร ไม่โคลงในความเร็วสูง แต่ยังให้ความนุ่มนวลดีในช่วงความเร็วต่ำ ระบบเบรกแบบดิสก์ 4 ล้อ ด้านหน้ามีครีบระบายความร้อน พร้อมเอบีเอสป้องกันล้อล็อก ไว้ใจได้สบาย

อะไหล่มีหลายทางเลือก ทั้งของแท้จากศูนย์บริการ ของเทียบจากวรจักร และของมือสองจากเชียงกง ราคาอาจแพงกว่ายี่ห้ออื่นในหลายชิ้น และอาจต้องควานหาบ้าง แต่พอจะมีครบทั้งอะไหล่ตัวถัง ช่วงล่าง และเครื่องยนต์ การบำรุงรักษาหรือซ่อมแซม สามารถใช้บริการตามอู่ทั่วไปที่ได้มาตรฐาน เพราะไม่มีระบบที่ซับซ้อน

จุดด้อยอีกอย่างหนึ่ง คือ พื้นที่ภายในห้องโดยสารค่อนข้างแคบ เบาะหลังทำเป็นหลุมสำหรับ 2 ที่นั่ง ตรงกลางยกเป็นสัน ถ้าจะนั่งตรงกลางก็ไม่สะดวกนัก แต่ก็มีเข็มขัดนิรภัยแบบ 2 จุดเตรียมไว้ให้ และถ้าคนนั่งหลังตัวสูงสักหน่อย ศีรษะอาจติดเพดานได้

ก่อนตัดสินใจซื้อควรทดลองขับดูก่อนว่า พอใจกับความแรงหรือไม่ แต่ก็อย่าเพิ่งดูถูกว่า 115 แรงม้าจะอืดอาด เพราะถ้าทดลองขับแล้วอาจงงว่าอัตราเร่งดีเกินตัวเลขแรงม้า ถ้าไม่ใช่คนเท้าหนักมาก แนะนำให้ซื้อรุ่น 4 สูบ เพราะมีรถยนต์สภาพสวยๆ ให้เลือกมาก ไม่ต้องข้ามไปเลือกรุ่น วี6 ที่มีรถยนต์ให้เลือกน้อย มีราคาแพงและซ่อมก็แพงกว่า อะไหล่ก็หายาก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์รุ่นใด ส่วนใหญ่จะเป็นตัวถังแบบ 5 ประตูมากกว่า 4 ประตู

มาสด้า 626 โครโนส ซีดานระดับกลาง เด่นที่ช่วงล่างและเบรกที่มั่นใจได้ในความหนึบ เครื่องยนต์ทนทาน ไม่ซับซ้อน การประกอบและวัสดุเนี้ยบตามแบบฉบับรถยนต์นำเข้า แต่ห้องโดยสารแคบไปนิด จะน่าใช้ก็ต่อเมื่อไม่นั่ง 5 คนบ่อยๆ และได้รถยนต์สภาพดีๆ มา เพราะจุดด้อย (เพียงเล็กน้อย) อยู่ที่การซ่อมหรือการหาอะไหล่จะไม่ค่อยสะดวก และราคาไม่ถูกเหมือนรถยนต์ประกอบในประเทศหรือรุ่นตลาดๆ เตรียมเงินไว้มากหน่อย เวลาต้องซ่อม แต่ก็ไม่ถึงกับกระเป๋าฉีก

ราคากลางปี 1993 ประมาณ 250,000 บาท ไม่ควรเกิน 290,000 บาท และปี 1996 ประมาณ 330,000 บาท ++ ขึ้นอยู่กับสภาพรถ

==============================

คัดลอกจากบทความในหนังสือ Thai Driver

วิธีสังเกต ความแตกต่างระหว่าง โครโนส วีหก และ สี่สูบ 1. คอนโซลและภายในสีเทาเข้มมาก ๆ เกือบดำเลยแหละ 2. ไม่มีระบบหรี่ไฟในรถหลังปิดประตู ปิดแล้วดับเลย 3. ไม่มีไฟส่องรูกุญแจที่คอพวงมาลัย 4. ไม่มีไฟในรูกุญแจที่ประตู ปกติโครโนสสี่สูบล๊อตแรก ๆ จะมีไฟในรูกุญแจ เวลายกมือจับขึ้น 5. เก๊ะเก็บของระหว่างคนนั่งและคนขับสองชั้น ถ้าเป็น 4 สูบ หลังปี 95 เก๊ะเก็บของระหว่างคนนั่งและคนขับเป็นชั้นเดียว 6. เบาะกึ่งบั๊คเกตซีท กำหมะหยี่ (ล๊อตแรกเป็นผ้า) 7. กระจังหน้าเป็นห้าเหลี่ยม 8. ไม่มีไฟในประตูหลัง

ที่พูดมานี่คือโครโนสหลังปีเก้าห้าทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสี่หรือหกสูบ แต่หกสูบมันจะเป็นแบบนี้หมดทุกคันอยู่แล้ว ถ้าไม่มีแบบที่ว่ามา แปลว่าเอาตัวก่อนปีเก้าห้าที่เป็นสี่สูบมาทำ

ที่กลัวคือเอาตัวสี่สูบหลังปีเก้าห้ามาแปลงเป็นหกสูบ คราวนี้แหละดูยากแน่ แต่ไม่น่าจะมีใครทำ เพราะสี่สูบหลังปีเก้าห้ามีการแก้ปัญหายอดฮิตคือจานจ่ายมาให้เรียบร้อยแล้ว

เอาให้ชัวร์เลย ก็ดูสมุดทะเบียนเลย ต้องเป็นเล่มแรก และใช้รหัสเครื่องว่า KF เพราะมาสด้าจะไม่มีเลขเครื่องปั๊มที่เพลทตัวถังเหมือนซูบารุ แถม สติกเกอร์ข้างประตูคนขับก็บอกแค่ซีซี ซึ่งไม่มีประโยชน์ เพราะสี่สูบหรือหกสูบมันก็สองพันซีซีเท่ากันอยู่ดี(ว่ะ)

===================================

รวบรวมโดย คุณตาม


Link   from   www.mazdaclub.net   



edward_jong

สำหรับรถคันนี้ผมได้มาครอบครองเป็นมือสอง  เมื่อต้นปีเองครับ  ด้วยความหลงในรูปทรงตั้งแต่มันออกใหม่ๆ  เมื่อ 17 ปีที่แล้ว   จนได้มาเป็นเจ้าของ (ราคาไม่เท่าไรหรอกครับ  แต่กว่าจะหาสภาพเดิมๆ ได้ซิมันยากยิ่งกว่า)   ก่อนหน้านี้ผมก็มีตัวรุ่น สี่ประตู สีเทา  ปี 1994 เกียร์ธรรมดาอยู่  แล้วครับ
 



edward_jong

 แต่ขายออกไปนานแล้ว ด้วยความเบื่อ (อยากขับรถที่ใหม่กว่า  ก็เลยเอาของน้องสาวมาขับ เป็นตัว ซิวิค ปี 2003 ไดเมนชั่น ออโต้)  ดังรูป



edward_jong

ถ้าเทียบกันแล้วรถมันคนละเซ็กเมนท์กัน  ความนิ่งของช่วงล่างมันสู้เจ้าโนสคันสีเทาของผมไม่ได้เลย   ขับคันสีทองมาอยู่เกือบ 2  ปี  ก็เลยคิดถึงเจ้าโนส  คันเก่า   ต้องหามาตอบสนองกิเลสใหม่อีกครั้ง และต้องเป็นเกียร์ธรรมดาด้วยครับ   เลยต้องวานพรรคพวก  ไปหามาให้ ดูมาเป็นสิบคัน  มาตกลงปลงใจกับคันนี้ครับ



edward_jong

เลือกใหม่ก็ต้องแตกต่าง จากของเก่า เลยได้เป็นตัวห้าประตูแทนครับ   จับมาแล้วปรับสภาพใหม่ไปเกือบ สองหมื่นบาท  ทีนี้วิ่งได้นานเลย

ภายนอก
 




edward_jong

เป็นเก๋งลูกครึ่ง  hatchback 
ด้านท้ายมีประตูบานท้ายที่ใหญ่ และหนักมา ต้องใช้โช็คอัพค้ำอยู่
 



edward_jong

ห้องเก็บของถือว่าใหญ่มากๆ เลย  สามารถใส่ข้าวสารได้ประมาณ 3 กระสอบ (ถ้าไม่กลัวโชคอัพพังนะครับ)



edward_jong

 รูปทรงออกแบบเหนือกาลเวลาในยุคนั้น  ตอนนี้ ก็ยังมีคนชมอยู่ว่าสวยงามอยู่ 8 คนใน 10 ว่ามาอย่างนั้น  ส่วนอีกสองคน ไม่ชอบแบรนด์นี้ก็เลยบอกว่าไม่สวย และเฉยๆ   ก็ไม่ว่ากันครับ นานาจิตตัง 



edward_jong

ด้านหน้า
ดูดึแบบ เรียบๆ  ถ้าเทียบรุ่นเดียวกัน ตัวมิตซู อัลติม่า  หน้าจะดูดุกว่าครับ
กระโปรงหน้ายาวมากๆ ยาวกว่ารถทุกรุ่นในยุคนั้น   เผื่อไว้สามารถอัพเกรดเครื่องวี หกสูบได้ครับ



edward_jong

ด้านท้าย 
ถือว่าทันสมัยมากในยุคนั้น  แผงไฟท้ายเต็ม มีไฟเบรก แอลอีดี ติดในสปอยเลอร์ ด้วย 



edward_jong

ห้องเครื่อง
 
เครื่องเป็นแบบสี่สูป ความจุเกือบ สองพันซีซี    แรงม้าน้อย 115 ม้า  แต่แรงบิด ระดับ 176 นิวตันเมตร แรงบิดมารอบกลางต่ำ ค่อนข้างดี  เมื่อได้ขับคุณจะแปลกใจกับอัตราเร่งแน่นอน

การจัดวางห้องเครื่อง  ดูสวยงามไม่รุงรัง แต่การถอดแกะซ่อมชิ้นส่วน ยากกว่า รถยี่ห้อ ตลาดๆ    รื้อซ่อมทีนาน



edward_jong

รถรุ่นนี้ประกอบที่ญี่ปุ่น่ครับ   ถือว่าอัดออฟชั่น มาเต็มที่ กว่ารถยี่ห้ออื่นๆ ในยุคนั่น   ทีเห็น กลมๆ คือ ระบบแวคคัมลมของ ระบบล็อคความเร็ว  cruise control




edward_jong

ภายในห้องโดยสารด้านหน้า



edward_jong

การออกแบบ ห้องโดยสาร   เน้นความโค้งมน   ทั่วคัน   



edward_jong

 คอนโซล หน้า วางระดับต่ำไปหน่อยครับ  คนขายาวมักจะชนเข่าที่ด้านล่างของชุดคอนโซล  ไม่ว่าจะคนขับ หรือคนนั่งด้านซ้ายครับ
 
คอนโซลกลางเป็นจุดศูนย์รวมการควบคุมระบบปรับอากาศ  มีทีเด็ดที่มีระบบส่ายลม swing ( รุ่นอื่นๆ ไม่มีระบบนี้ครับ)และเครื่องเสียง   ในรูปเจ้าของเก่าเขาเปลี่ยนเครื่องเสียงเป็นของอัลติสรุ่นเก่าครับ   



edward_jong

เรือนไมล์  เข็มความเร็ว ถึง 220 กมต่อ ชม   มีมาตรวัดครบ  ตามที่รถรุ่นพึงมีครับ ไม่มีอะไรโดดเด่น   พวงมาลัยธรรมดาไม่ค่อยสวยครับ



edward_jong

ห้องโดยสารด้านหลัง

 

ห้องโดยสารด้านหลัง ถ้ามองด้วยตาเปล่า  เฮ้ย ทาไมมันแคบจังหว่า   ดูแคบกว่าเจ้าโนสสีเทา สี่ประตูคันเก่าอีกครับ    ก็เนื่องจากว่า   ตัวเบาะมันกว้าง รอบรับต้นขาดีกว่า  เบาะของคันสี่ประตูไงครับ   เบาะชุดนีมันมีทีเด็ดที่สามารถปรับเป็น พื้นให้เรียบเหมือน เจ้าฮอนด้า แจ็สได้ครับ  วิธีการต้อง ยกเบาะรองนั่งลงมาก่อนแล้วค่อยพับตัวพิงหลังลงมา



edward_jong

(ต้องขอโทษด้วยครับ  ลืมถ่ายรูปมาตอนปรับเป็นพื้นเรียบ)
 



edward_jong

ทัศนวิสัยการมอง
ด้านขวา     มองได้เคลียร์ดีมาก



edward_jong

ด้านซ้าย     เหมือนข้างขวา   แจ่มดี



edward_jong

ระบบช่วงล่าง
ด้านหน้า ระบบแมคเฟอร์สันสตรัท  ระบบพื้นๆทั่วไป   ล้อแม็กเดิม ขอบ 14 นิ้ว 
 



edward_jong

ด้านหลัง  ระบบ ttl คานคู่สัมพันธ์   (ทีเด็ดของเขาครับ)



edward_jong

ก้มดูด้านท้ายท้ายครับ



edward_jong

สมรถนะการขับขี่
อัตราเร่ง 
เนื่องจากว่าคันนี้ เจ้าของเก่าได้ยกคลัช  ทำเครื่องภายในมาแล้ว     และเป็นเกียร์ธรรมดา  ด้วย     อัตราเร่งย่อมดีกว่าตัวที่เป็นเกียร์ออโต้แน่ครับ    เคยจับได้ประมาณ  0 ถึง 100 km  ใช้เวลาประมาณ 10 วิ กว่าครับ   ล้อเดิม ขอบ 14 นิ้ว   ยาง 195 / 65 r 14  ครับ

อัตราการสิ้นเปลือง 
เคยวัดความเร็ว 100 กม ใช้รอบเครื่องประมาณ 2600 รอบครับ    วิ่งไปได้  100 กม (นอกเมือง ) จับ การกินน้ำมัน แก็สโซฮออล  95  ได้ ประมาณ 12 กว่าโลถึง 13 ลิตรครับ
ส่วนในเมือง  วัดได้ไม่เกิน 10 กิโลลิตร  (สภาพจราจรติดบ้าง คล่องตัวบ้าง ไม่ใช่รถติดสาหัสนะครับ)

การทรงตัว
ถือว่าดี ครับ  ทั้งนุ่ม แบบรถใหญ่  และเกาะถนน ดี   วิ่ง 120  เข้าโค้งยาวๆ   ไม่ต้องแตะเบรก ก็ไม่เสียว  ถ้าโค้งหักมากหน่อย  ก็ต้องเบรกกันละครับ

ระบบเบรก 
มีเอบี เอส   ดิสส์ สี่ล้อ เลย   มั่นใจได้ถ้าไม่ขับเร็ว มาก




edward_jong

สรุป

ข้อดี
รูปทรงยังสวย ไม่เอาท (ในสายตาบางคน)
วัสดุ ประกอบรถดีมาก  ไม่ห่วย เหมือนรถรุ่นใหม่ ที่เน้นลดต้นทุน
สมรถถนะดี  คุ้มค่ากับราคาเมืองสอง  ไม่เกิน 1.5 แสนบาท)
รถจอดไม่หายง่าย เพราะ เก่าแล้ว
อไหล่ซ่อมสิ้นเปลืองทั่วไป หาได้ที่วรจักร  ราคาไม่แพงมาก

ข้อเสีย
อะไหล่ตัวถังหายาก  เพราะเป็นรถนำเข้า  ต้องพึ่งเชียงกงสถานเดียว
หรือหาจาก www.mazdaclub.net  หน้าซื้อขาย ได้ครับ 
ซ่อมแซมชิ้นส่วนในห้องเครื่องใช้เวลานาน เนื่องจากต้องรื้อ เยอะ  เลยโดนค่าซ่อมแพงกว่ายี่ห้อตลาดครับ
หาช่างที่รู้เทคนิคการซ่อมรุ่นนี้ค่อนข้างยากครับ
ห้องโดยสาร  แคบเมื่อเทียบกับรถขนาดเดียวกันในขณะนั้น
สุดท้าย มันคือมาสด้า   ยังไม่นิยมในสายตาคนไทย หัวโบราณรู่น ไดโนเสาร์ครับ

แต่ผมก็รักมันมาก    เอาใจดูแลใส่ใจหน่อย รับรองรับใช้เราได้อีกนานครับ
ปล  ผมยังอยากจะหาตัวโนสสี่ประตู มาอีกครั้ง มาเป็นพี่น้องให้กับคันเลยครับ  (ไม่รู้ว่าจะมีใครหาว่าผมบ้าหรือป่าว)                               
     ขอบคุณครับ



Iwata Kana Σ4

ถูกใจการออกแบบมากมาย โดยเฉพาะ Air Swing
ความมีระดับ มาพร้อมศักดิ์ศรีที่เหนือใคร
มีเป้าหมาย ที่อะไรก็ไม่อาจขวาง
มีอำนาจ ที่เลือกใช้ได้ตามใจ
มีชีวิต อย่างที่ใคร ก็ไม่อาจปฎิเสธ



keng.

รถสภาพสวยมากครับ
มีCruise control ซะด้วย!



Sunnook

เศร้าอ่ะ เข้ามาอ่านแล้วนึกถึงรถตัวเอง

CRONOS ของผมจอดสถิตอยู่ในโรงรถ ไม่ได้ออกไปไหนมานานแล้ว สตาร์ตไม่ติดแล้ว

ใช้งานหนักมาคลอด 10 ปี เขาเลยพักยาวเลย T^T

ช่วงล่าง ผมขอเสริมว่า "มันระดับน้องๆ EVO ของ Mitsu เขาเลยครับ"

พ่อผมเคยหักหลบรถอยากกะทันหันสุดๆ ตอนวิ่ง 170 กม./ชม. จนความเร็วลดลงเหลือ 120 กม./ชม. เมื่อตอน 16 ปีที่แล้ว

รถไม่มีอาการไถลหรือเสียการควบคุมเลย ถ้าตอนนั้นไม่ได้ขับ CRONOS ละก็ ตอนนี้พ่อกับแม่ผมก็คงไม่ได้อยู่กับผมแล้วละครับ

ผมหวังว่าวันหนึ่งผมจะพาเขาไปซ่อม แล้วจะได้ขับเขาอีก T^T อยากให้วันนั้นมาเร็วๆ



LimitedEdition

ถึงคุณ sunnook

ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ ก็จัดเงินไว้สักแสนนึง
แล้วสั่งหัวครึ่งคัน Cronos V6 แท้ ทำเป็น V6 KL-ZE 2,500 ซีซี 200 แรงม้า คอตรง ตรงรุ่น พร้อมเกียร์ธรรมดา อัตราทดเฟืองท้าย 4:1 หรืออยากได้จัดจัดหน่อย ก็ไปเอาเกียร์แลนติส V6 4:3 พร้อมลิมิเต็ดสลิป มาชนกับเครื่อง แปลงทั้งคันเป็นหกสูบด้วยการร้อยน็อตเท่านั้น ไม่มีต้องเจาะสักชิ้น พร้อมช่วงล่างมาสด้าสปีด และเบรกแลนติส V6 ทั้งหมดนี่เหลือเงินไว้ไปซื้อล้อจากญี่ปุ่นด้วย ก็คงพอดีงบประมาณแสนบาทถ้วนถ้วน

ออกมาได้รถเปรี้ยวจี๊ดไว้ไล่จี้รถรุ่นใหม่ใหม่ เครื่อง 2.4 - 3.0 หรือ เทอร์โบไม่เกิน 2.0 ลิตรได้สนุกเท้าคันนึงครับ
อ้อ ถ้าอยากได้สบายก็ใส่แอร์ออโต้ เบาะปรับไฟฟ้าพร้อมเมมโมรี่ ได้ด้วยนะ ราคาไม่แพงอีกเช่นกัน เป็นรถคันนึงที่ถ้าใส่ออพชันจากญี่ปุ่นเข้าไปเต็มคันแล้ว (และด้วยงบที่ถูกอย่างกะขับรถยุโรปป้ายแดงไปเข้าศูนย์บริการ) เวลาได้กลับไปขับรถรุ่นใหม่ๆ ทั่วไปในตลาดอาจจะรู้สึกหงุดหงิดว่ากับออพชันที่มีน้อยกว่า Cronos อายุ 20 ปีได้